มายากระบี่มังกรดำ
จอมยุทธ์มากมายรอบลานประลองต่างประจักษ์ต่อสายตาในยามนี้ว่า
องค์ชายจี้หลิงออกกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดไปแล้ว !
หากจี้เทียนซิงยังมีไหวพริบก็ควรจะถอยหรือไม่ก็หลบเลี่ยงคมกระบี่ของจี้หลิง
เขาจะสามารถเอาชนะจี้หลิงได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ล่าถอยไปครึ่งก้าว
อย่างไรก็ตาม
จี้เทียนซิงกลับไม่ถอยและไม่คิดหลบเลี่ยง
เท่านั้นไม่พอ
เขายังก้าวยาวๆไปข้างหน้าด้วยกระบี่มังกรดำในมือ !
เขารู้ดีว่าถ้าคิดแค่เอาชนะก็เพียงถอยหรือไม่ก็หลบ
แต่เขาจำเป็นจะต้องสะกดข่มและทุบตีจี้หลิงให้หนัก ! เขาต้องการทำลายความมั่นใจและความเย่อหยิ่งของจี้หลิงให้พินาศสิ้นอย่างสมบูรณ์
!
“หนึ่งกระบี่เบิกสวรรค์ !”
ในช่วงเวลานั้นเอง
พลังชีวิตของจี้เทียนซิงพวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง
เขากุมกระบี่มังกรดำไว้ในมือทั้งสองข้างแล้วกระแทกใส่หน้าของจี้หลิง
“โฮกก !”
เสียงอึกทึกสายหนึ่งที่สูงส่งน่าเกรงขามของมังกรคำรามแผ่ไปทั่วทั้งจัตุรัส
กระบี่มังกรดำในมือของจี้เทียนซิงผันแปรเป็นร่างมายาของมังกรสีดำยาว
9 เมตรที่พุ่งขย้ำเข้าหาจี้หลิง
"เปรี้ยง !!
"
ด้วยเสียง
‘แกร่ก’ กระบี่ของจี้หลิงถูกกระแทกทำลายจนแหลกเป็นสองส่วน
ณ จุดนั้นทันที
ร่างของเขาลอยละลิ่วไปไกลร่วม
30 เมตรด้วยมายามังกรดำจนวาดเป็นเส้นโค้งในอากาศและกระแทกเข้ากับจัตุรัสใต้ลานประลอง
โครม
!
เมื่อร่างของเขากระแทกกับพื้น
โลหิตก็ฉีดพุ่งออกมาจากปากภายใต้แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ที่แผดเผา
จี้หลิงกลิ้งกับพื้นไปอีกหลายตลบก่อนที่จะหยุดลง
ร่างกายของเขาไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวและดูเหมือนจะสลบไปแล้ว
ผู้ชมทั้งหมดรอบลานประลองต่างก็สติแตกและกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวทันที
“สวรรค์ ! เมื่อกี้ข้าเห็นอะไร
? มังกร ?”
“มังกรในตำนานใช่ไหม ? ข้าก็เห็นมัน มันเป็นมังกรดำตัวใหญ่ !”
“เหลือเชื่อนัก ! กระบี่เล่มนั้นของจี้เทียนซิงสามารถชักนำเงาร่างของมังกรออกมาได้
!”
“หากไม่เห็นด้วยตาตัวเองข้าคงไม่เชื่อว่าองค์ชายจี้หลิงที่มีพลังในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่
7 จะได้รับบาดเจ็บสาหัสจากจี้เทียนซิง !”
“อัจฉริยะอันดับหนึ่งคนเดิมกลับมาแล้ว ความแข็งแกร่งของจี้เทียนซิงพุ่งทะยานขึ้นมาหลายเท่าทีเดียว
!”
“ถึงแม้ว่าความสามารถและพลังขององค์ชายน้อยจะสูงส่ง
แต่เขาก็ต้องมาเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดอย่างจี้เทียนซิง !”
ในช่วงนี้ผู้คนนับหมื่นต่างก็ระเบิดเสียงสนทนากันอย่างดุเดือด
เสียงของพวกเขาดังสนั่นราวกับภูเขาถล่ม
ผู้คนมากมายต่างก็มองจี้เทียนซิงด้วยความสยดสยอง
ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความอิจฉาระคนความหวาดกลัว
ทุกคนรู้ว่าอันดับหนึ่งไม่ใช่ผู้ใดใครอื่นแล้วนอกจากจี้เทียนซิง
!
'ขยะ' ที่ทุกคนต่างเรียกขานลบเลือนเป็นอดีตไปแล้ว
และจะไม่ถูกพูดถึงอีกในอนาคต
วันนี้เขายังคงเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของรัฐนภากระจ่างที่สูงส่งและแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
!
การต่อสู้ระหว่างจี้เทียนซิงกับองค์ชายจี้หลิงจะถูกเล่าขานสืบต่อไปจนกลายเป็นตำนานที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี
หนึ่งกระบี่เบิกสวรรค์และมายามังกรดำ
!
ถึงแม้ว่าผู้คนนับหมื่นในจัตุรัสยังคงพูดคุยกันด้วยโลหิตที่เดือดพล่าน
แต่จี้เทียนซิงที่อยู่บนเวทีก็ยังคงสงบนิ่งและดูงามสง่า
เขาสอดกระบี่มังกรดำคืนฝักและหันไปมององค์หญิงน้อยใต้เวทีด้วยรอยยิ้มมุมปาก
รอยยิ้มนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและความอ่อนโยน
องค์หญิงน้อยใจเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นยินดี
หางตาเปียกชุ่มน้ำตาเล็กน้อย
“ในที่สุดพี่ใหญ่เทียนซิงผู้องอาจในอดีตก็กลับมาแล้ว
หลังจากที่กล้ำกลืนและผ่านความยากลำบากมานาน
ตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นและเก่งกว่าเดิมมากนัก !”
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าคนที่ข้าชอบพอย่อมไม่ใช่งูในบ่อน้ำ
ในที่สุดเขาจะกลายเป็นมังกรที่ทะยานผ่านเก้าสวรรค์ !”
หลังจากเวลาผ่านไป
เสียงสนทนาอันดุเดือดในจัตุรัสก็ค่อยๆจางลงอย่างช้าๆ
ฮั่นเฉียวเซิงเดินขึ้นไปบนเวทีและมองจี้เทียนซิงด้วยสายตาลุ่มลึก
เขาประกาศเสียงดังว่า “จี้เทียนซิงท้าทายสำเร็จ เขาคืออันดับหนึ่งในตอนนี้ !”
“จี้หลิงและเจี้ยนหวู่เซิงตกไปอยู่ที่ 2 และ 3 !”
จากผลที่ประกาศออกมาทำให้จี้เทียนซิงรั้งอันดับ
1 จี้หลิงกลายเป็นที่ 2 ส่วนเจี้ยนหวู่เซิงถูกลดอันดับไปเป็นที่ 3
จี้เทียนซิงคารวะฮั่นเฉียวเซิงและเดินลงจากลานประลองกลับไปหาองค์หญิงน้อย
จี้เค่อไม่สนใจข้อห้ามหนุ่มสาว
นางกุมมือของจี้เทียนซิงเขย่าไปมาอย่างตื่นเต้นและระบายความประหลาดใจกับความตื่นเต้นของนาง
ต่อมาฮั่นเฉียวเซิงก็ประกาศดำเนินการประลองรอบที่
3 ต่อไป
แต่ทว่าเหล่าจอมยุทธ์ที่เหลือต่างก็ลังเลและไม่กล้าขึ้นมาท้าทาย
ถูกแล้ว
พวกเขาไม่กล้าท้าทายจี้เทียนซิงที่อยู่ในอันดับหนึ่ง !
กระทั่งเวลาผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มีผู้ใดขึ้นมาบนเวที
ในที่สุดหลังจากฮั่นเฉียวเซิงกล่าวถามอีกหลายครั้งจนยืนยันได้ว่าไม่มีผู้ใดคิดจะท้าทายกันอีกต่อไปเขาจึงประกาศสรุปผลให้สาธารณะชนได้รับรู้โดยทั่วกัน
“การคัดเลือกสิ้นสุดลงแล้ว
ต่อไปนี้คือผลสรุปอันดับผู้เข้าร่วมนิกายทั้ง 10
คน”
“อันดับแรกจี้เทียนซิง อันดับที่ 2 จี้หลิง อันดับที่ 3 เจี้ยงหวู่เซิง อันดับที่ 4…. ”
หลังจากเสร็จสิ้นการประกาศผลการจัดอันดับแล้ว
ฮั่นเฉียวเซิงก็หยิบป้ายเล็กๆสีดำออกมาและมอบให้กับจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ทั้งสิบคนพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“ขอแสดงความยินดีกับพวกเจ้าทุกคนที่ได้ผ่านการคัดเลือกเข้าเป็นศิษย์ของนิกายหนุนสวรรค์อย่างเป็นทางการ
จงเก็บป้ายนี้ไว้กับตัวเพื่อเป็นการยืนยันศักดิ์ฐานะของพวกเจ้าในยุทธภพ”
“ในภายหนึ่งเดือนนี้พวกเจ้าจะต้องไปรายงานตัวพร้อมกับป้ายยืนยันฐานะที่นิกาย
ดังนั้นระหว่างนี้จงจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย”
หลังจากที่ฮั่นเฉียวเซิงอธิบายคร่าวๆเสร็จแล้วก็ประกาศว่าการสมัครศิษย์ในปีนี้สิ้นสุดลงแล้ว
จี้เทียนซิงและองค์หญิงน้อยจี้เค่อรวมไปถึงจอมยุทธ์รุ่นเยาว์คนอื่นๆต่างก็รับป้ายประจำตัวและจากไปด้วยความอิ่มเอมใจ
ฝูงชนหลายหมื่นคนในจัตุรัสยังคงไม่รีบจากไปไหน
พวกเขาเอาแต่สนทนาถกเถียงกันด้วยความตื่นเต้นอีกไปนาน
......
ณ
เจดีย์สูงข้างจัตุรัส, หยุนเหยาและศิษย์น้องทั้งสองต่างก็ยังคงยืนอยู่บนยอดเจดีย์และทอดสายตามองลงมาที่พื้น
ห่าวเมิ่งกอดอกและเผยรอยยิ้มพลางหัวเราะออกมาว่า “ฮ่าๆๆ
คิดไม่ถึงว่าข้ากับศิษย์พี่ไป๋จะมองคนผิดพลาดไปได้”
“เดิมทีด้วยระดับพลังยุทธ์ของจี้หลิง
มันควรได้อันดับหนึ่งแน่นอน ไอ้หยา...
ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะพ่ายแพ้เจ้าหนูนั่นซะได้
ครั้งแรกที่พวกเราพบมัน มันยังเป็นแค่ชนชั้นปรับแต่งกายาที่ต้องหนีการตามล่าของนักฆ่าปลายแถวอย่างหัวซุกหัวซุนอยู่เลย
น่าสนใจมากที่มันเติบโตมาถึงจุดนี้ได้ในเวลาแค่เดือนเดียว !”
“โดยเฉพาะ
เคล็ดวิชากระบี่ช่วงท้ายที่มันสำแดงออกมาจนเกิดมายามังกรดำตัวหนึ่ง ไม่ธรรมดาโดยแท้ !”
เมื่อยินคำพูดของห่าวเมิ่งที่กล่าวชมเชยจี้เทียนซิง
สีหน้าของไป๋หวู่เชินก็ค่อนข้างมืดมน เขาเหลือบมองไปที่หยุนเหยาและได้เห็นสีหน้าครุ่นคิดจริงจังของนาง
เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ศิษย์พี่
กระบี่ที่จี้เทียนใช้ออกนั่น แสดงเงาร่างของมังกรดำออกมา หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับลมหายใจมังกรที่ท่านตรวจจับได้ในวันนั้น
?”
หยุนเหยาเงียบและไม่ตอบคำถาม
ห่าวเมิ่งเกาหัวแกรกๆและมองไปที่ไป๋หวู่เชินและถามด้วยความงุนงงว่า
“ศิษย์พี่ไป๋ มังกรอะไรหรือ ? ศิษย์พี่หญิงสัมผัสถึงกลิ่นอายของมังกรได้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
ข้าไม่เห็นรู้เรื่อง”
ไป๋หวู่เชินจ้องไปที่วงหน้างามของหยุนเหยาและเพิกเฉยต่อคำถามของห่าวเมิ่ง
หลังจากนั้นไม่นานหยุนเหยาก็สลัดความคิดฟุ้งซ่านและคืนสีหน้าไร้อารมณ์ดังเดิมพลางกล่าวว่า
“ศิษย์น้องไป๋ ศิษย์น้องห่าว
พวกเจ้าไปพบผู้ดูแลทั้งสองเพื่อสอบถามเรื่องราวที่ยังไม่เรียบร้อยเถิด อีกสามวันพวกเราจะกลับนิกายแล้ว”
หลังจากพูดจบหยุนเหยาก็ผินกายและลงจากเจดีย์ไป
จากนั้นเงาร่างงดงามของนางก็หายไปอย่างรวดเร็ว
เหลือเพียงไป๋หวู่เชินและห่าวเมิ่งเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ด้านบนสุดของเจดีย์และมองไปที่เงาหลังของหยุนเหยาที่ค่อยๆลับตาไป
สีหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและครุ่นคิด
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งห่าวเมิ่งก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ศิษย์พี่ไป๋ ท่านว่า...ศิษย์พี่หญิงดูแปลกๆไปมั้ย
? นางคิดจะทำอะไร ?”
ไป๋หวู่เชินขมวดคิ้วและกล่าวอย่างไร้อารมณ์ว่า
“ศิษย์น้องห่าว
ศิษย์พี่หญิงก็มักจะทำตัวโดดเดี่ยวลึกลับมานานอยู่แล้วนี่
เจ้าพูดอย่างกับว่าเพิ่งรู้จักนางแค่วันเดียว”
“แต่คราวนี้
ข้าเดาว่าศิษย์พี่หญิงคงคิดจะไปหาเจ้าหนูสกุลจี้นั่นเป็นแน่ !”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved