แมงมุมยักษ์เหยียดขาทั้งแปดออกไป
ตะกุยเศษหินดินทรายที่อยู่รอบๆนับไม่ถ้วนและตามติดเข้าหาซื่อเหวินหยูอย่างช้าๆ
รอบกายของมันเต็มไปด้วยไอสีดำ ปากที่เปิดกว้างของมันเต็มไปด้วยพิษสีเขียว
ใบหน้าของซื่อเหวินหยูกลายเป็นจริงจังอย่างยิ่ง
มันกุมกระบี่ไว้ในมือแน่นและค่อยๆก้าวถอยหลัง
เมื่อใบหน้าบูดบึ้งของมันเปล่งแสงเย็นออกจากดวงตาสีน้ำตาล
มันก็เร่งความเร็วเข้าหาอีกฝ่าย พลันจู่โจมไปอย่างรวดเร็ว
ซื่อเหวินหยูหน้าถอดสี คนปะทุพลังปราณใช้ท่าร่างออกมาเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีอย่างรวดเร็ว
"ตูม !"
แมงมุมยักษ์กางขาทั้งแปด กระแทกพื้นจัตุรัส
ระเบิดหินจำนวนมากกระจายไปทั่ว
ซื่อเหวินหยูฉวยโอกาสนี้กวัดแกว่งกระบี่ด้วยพลังทั้งมวล
ตวัดกระบี่ออกไปหลายคราเพื่อจู่โจมแมงมุมยักษ์
แมงมุมยักษ์ตัวนี้มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะหลบเลี่ยงได้
มันถูกคลื่นกระบี่มากมายกระแทกเข้าใส่ในทันทีจนเกิดเสียงดังกึกก้อง
อย่างไรก็ตาม
เกล็ดสีดำบนพื้นผิวร่างกายของมันนั้นแข็งแกร่งยิ่งยวด
หนำซ้ำพลังการป้องกันก็สูงมาก
คลื่นกระบี่ที่ซื่อเหวินหยูใช้ออกไปนั้นมิสามารถเจาะผ่านเกล็ดสีดำของมันได้
ทำได้เพียงทิ้งริ้วรอยขีดข่วนสีขาวบางๆไม่กี่สายเท่านั้น
แมงมุมยักษ์หงุดหงิด พลันอ้าปากกว้างพ่นละอองพิษสีเขียวเข้มเข้าใส่อีกฝ่ายทันที
ไม่เพียงแค่นั้น มันกระโดดออกไปไกลร่วมสามสิบเมตรเหนือร่างซื่อเหวินหยู
จากนั้นโรยใยแมงมุมสีขาวซึ่งครอบคลุมระยะสามสิบเมตร
ซื่อเหวินหยูตกอยู่ในภาวะวิกฤตทันที
มันกวัดแกว่งกระบี่อันทรงพลังหมายจะปิดกั้นการจู่โจมอย่างมืดฟ้ามัวดินของแมงมุมยักษ์
ทว่า ความคล่องแคล้วรวดเร็วของมันถูกจำกัดโดยเงาร่างอันใหญ่โตของแมงมุมยักษ์
อีกทั้งคลื่นกระบี่มากมายที่เหวี่ยงซัดออกไปก็ถูกปิดกั้นด้วยควันพิษและใยแมงมุม
เสียง ‘ปึง ปึง ปึง’ จากการปะทะดังไม่ขาดสาย
พลังทำลายอันรุนแรงระเบิดออกและกระจายไปทุกทิศทุกทาง
ซื่อเหวินหยูเป็นดั่งเรือน้อยที่แล่นอยู่กลางมหาสมุทรอันบ้าคลั่ง
และแทบจะจมแหล่มิจมแหล่อยู่รอมร่อ
หลังจากมันจู่โจมตอบโต้ไปหลายกระบวนท่า
สุดท้ายก็ถูกแมงมุมยักษ์กระแทกจมกับพื้นจนเกิดหลุมขนาดใหญ่
มันผุดลึกขึ้นด้วยสีหน้าหวาดหวั่นและถอยร่นพลางตะโกนใส่จี้เทียนซิงว่า
“จี้เทียนซิง
! ยืนเหม่อทำบ้าอะไรเล่า
มาช่วยข้าซี่ !"
จี้เทียนซิงยืนอยู่ที่ขอบจัตุรัสห่างออกไปร่วมร้อยเมตรและได้เห็นภาพที่เกิดขึ้นทั้งหมด
เขาอดไม่ได้ที่จะแค่นหัวเราะเสียงเย็น “เฮอะ
ช่วยเจ้า ? เพื่อ ?"
"เจ้าเพิ่งจะลงมือฆ่าผู้บริสุทธิ์ไปทั่วเมือง นี่คือกรรมที่ตามสนองเจ้า
!"
ใบหน้าของซื่อเหวินหยูกลายเป็นม่วงคล้ำด้วยโทสะ
มันแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดด้วยความโกรธ
มันพยายามอย่างมากในการต้านรับการโจมตีของแมงมุมยักษ์พลางตะโกนเสียงดังว่า
“จี้เทียนซิง
! หากเจ้าต้องการฝ่าด่านนี้ไปเจ้าต้องร่วมมือกับข้าเพื่อจัดการกับแมงมุมยักษ์ตัวนี้
!"
"ข้าเคยเข้าที่นี่มาก่อน
มันคือการทดสอบของโลกชั้นที่สี่ หากเราฆ่ามัน เราจะผ่านโลกนี้ไปได้อย่างง่ายดาย!"
จี้เทียนซิงจะเชื่อคำพูดอีกฝ่ายหรือไม่
?
แน่นอนว่าไม่
เขาไม่มีทางร่วมมือกับคนประเภทนี้ !
"โห ? ขนาดนั้นเชียว ? ในเมื่อเจ้าคิดว่าฆ่าแมงมุมตัวนี้แล้วจะผ่านโลกนี้ไปได้
เช่นนั้นก็จงพยายามเข้าก็แล้วกัน ข้าก็อยากจะรู้นักว่าเจ้าจะผ่านไปได้ง่ายๆอย่างปากว่าหรือไม่”
“ช่วยตัวเองไปก็แล้วกัน !”
หลังจากแค่นเสียงเย็น จี้เทียนซิงก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่ลังเล
"เฮ้ย เดี๋ยวก่อน ! อย่าเพิ่งไปสิวะ !"
ซื่อเหวินหยูตะโกนเรียกด้วยความกระวนกระวาย มันทั้งเหนื่อยล้าและรู้สึกอับจนหนทาง
อย่างไรก็ตาม เสียงร้องเรียกของมันก็ถูกกลบทับด้วยเสียงอันดังสนั่นจากการต่อสู้ที่กำลังพัวพัน.......
……………
จี้เทียนซิงรีบปลีกตัวออกจากจัตุรัสอย่างรวดเร็วและยังคงวิ่งผ่านเมืองเพื่อหาเบาะแสอื่นในการออกไปจากโลกใบนี้
หลังจากนั้นไม่นาน ในขณะที่เขาวิ่งไปตามท้องถนนเขาก็ได้เห็นผู้ฝึกยุทธ์ถือกระบี่หลายคนกำลังเข่นฆ่าผู้คนตามท้องถนน
ศพจำนวนมากนอนกองอยู่บนพื้นดินด้านนอกประตูร้านค้าหลายแห่ง
และมีคราบโลหิตเปรอะเปื้อนไปทั่วบริเวณ
ผู้ฝึกยุทธ์เหล่านั้นถือสิ่งของที่ฉกชิงเอาไว้ในมือด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งจองหอง
พลางคำรามอย่างถือดี
“ฟุ่บ !”
จี้เทียนซิงรีบพุ่งเข้าใส่ด้วยสีหน้าดำทะมึน
คนชักกระบี่มังกรดำออกมาโดยไร้วาจา สับสังหารผู้ฝึกยุทธ์โฉดชั่วเหล่านั้นในทันที
"ฉัวะ ! ฉัวะ ! ฉัวะ !"
คลื่นกระบี่ตระการตาหลายสิบหลายถูกซัดออก
มันนำมาซึ่งจิตสังหารอันรุนแรงที่โอบล้อมผู้ฝึกยุทธ์เหล่านั้น
พวกมันทุกคนหวาดกลัว
พลันเหวี่ยงกระบี่ขึ้นต้านรับในทันที
อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้มิใช่คู่มือจี้เทียนซิงแม้แต่น้อย
หลังจากสองฝ่ายประชันกันไม่กี่กระบวนท่า พวกมันก็เพลี่ยงพล้ำจนศีรษะหลุดจากบ่า
หลังจากการตายของพวกมัน เปลวเพลิงสีทองได้จุดประกายขึ้น
แปรสภาพเป็นพลังปราณธาตุทองอันบริสุทธิ์ยิ่ง และพุ่งเข้าสู่ร่างกายของจี้เทียนซิง
หลังจากองค์ประกอบสีทองได้ผสานเข้ากับพลังปราณของจี้เทียนซิง
ความแข็งแกร่งของเขาก็ได้รับการพัฒนา
"ตอนที่ซื่อเหวินหยูฆ่าผู้บริสุทธิ์ในเมือง
ศพที่ถูกสังหารเหล่านั้นมิได้เผาไหม้และพลังปราณสีทองก็ปะทุออกมาอย่างเบาบางยิ่ง
แม้มันจะได้ดูดซับก็คงเพิ่มพลังให้ไม่มากนัก”
"ส่วนในกรณีของข้า
หลังจากสังหารผู้ฝึกยุทธ์ชั่วร้ายเหล่านี้
ร่างกายของพวกมันจะถูกเผาไหม้กลายเป็นปราณสีทองที่บริสุทธิ์ยิ่ง
มันสามารถช่วยพัฒนาและยกระดับพลังของข้าได้อย่างรวดเร็ว”
เมื่อคิดได้เช่นนี้
จี้เทียนซิงก็เข้าใจดีว่าวิธีการของเขานั้นเหมาะสมและรวดเร็วที่สุด
จากนั้นเขาก็เดินไปทั่วเมืองเพื่อหาเบาะแสในการผ่านไปจากโลกใบนี้
ในระหว่างขั้นตอนนี้
เขาก็ได้พบกับเหตุการณ์เดิมๆ ชาวบ้านที่วิ่งหนีตายด้วยความหวาดกลัว กับ
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่โหดเหี้ยม
เมื่อใดก็ตามที่เขาพบผู้ฝึกยุทธ์ที่ไร้มนุษยธรรมที่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์
เขาก็จะไม่ปล่อยพวกมันไว้และจู่โจมอย่างสายฟ้าแลบ
หลังจากผู้ฝึกยุทธ์เหล่านั้นถูกสังหาร ศพของพวกมันจะถูกจุดประกายเปลวเพลิงสีทองออกมา
กลายเป็นพลังปราณธาตุทองที่ไหลบ่าเข้าสู่ร่างกายของจี้เทียนซิง
ในที่สุด ครึ่งวันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
จี้เทียนซิงได้สังหารผู้ฝึกยุทธ์โหดเหี้ยมไปหลายร้อยคนอย่างต่อเนื่อง
ส่งผลให้พลังบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากจนในที่สุดก็ก้าวเข้าสู่ขอบเขตปราณจิตขั้นที่หก
!
ในเวลานี้เอง เขาได้เดินมาถึงจวนเก่าๆหลังหนึ่ง
มีเสียงกรีดร้องอยู่ในห้องรอบๆลานบ้านและมีศพหลายศพนอนทอดร่างอยู่ในลาน
คนเหล่านั้นเป็นสตรีและคนรับใช้
จี้เทียนซิงหลับตาเงี่ยหูฟังตำแหน่งเสียงของการต่อสู้
จนทราบตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและพุ่งทะยานเข้าไปในส่วนลึกของบ้านดั่งสายฟ้าแลบ
ภายในห้องโถงใหญ่ มีกลุ่มคนแต่งตัวดีกลุ่มหนึ่ง
คนเหล่านี้มีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนชรา ซึ่งเป็นเจ้าของจวนแห่งนี้
เหล่าโจรป่าชุดดำที่อยู่ตรงหน้ามีหลายคน
พวกมันฟันกลุ่มเจ้าของจวนด้วยกระบี่ในมืออย่างโหดเหี้ยม
ศีรษะหลายหัวกลิ้งไปตามพื้น ภาพที่ได้เห็นสุดที่คนทั่วไปจะทนดูได้
ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ผู้คนหลายสิบคนจากสามช่วงอายุได้ถูกศีรษะ
ร่างกายของพวกเขาล้มลงกับพื้นและสิ้นลมไปในที่สุด
หลังจากโจรป่าลงมือเสร็จสิ้น
พวกมันก็เริ่มค้นหาทรัพย์สินและสิ่งของมีค่า
ไม่นานหลังจากนั้นจี้เทียนซิงก็ถลาเข้ามาถึงห้องโถงด้วยสีหดหู่ คนกุมกระบี่ในมือไว้แน่น พลันตวัดออกไปด้วยพลังทั้งหมดอย่างโกรธแค้น
ก่อเกิดเป็นคลื่นกระบี่ปกคลุมไปทั่วห้องที่จู่โจมเข้าใส่โจรป่าอำหิตเหล่านั้น
โจรป่าที่เหลือพุ่งเข้ามาสมทบในห้องโถงทันทีพลางคำรามอย่างเกรี้ยวกราดและตอบโต้กลับ
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือดในห้องโถง ในไม่ช้าสมรภูมิก็ย้ายจากกลางห้อง ไปที่ประตู
ในที่สุดก็ขยับไปที่ลานกว้างด้านนอก
เสียงกระบี่ปะทะกันดัง ‘เคร้ง เคร้ง เคร้ง !’ ไม่ขาดสาย หอบพัดสายลมอันรุนแรงปัดเป่ากระจายไปทั่วลานกว้าง
หลังจากช่วงเวลาสั้นๆผ่านไป
โจรป่าหลายคนที่มีพลังในขอบเขตปราณจิตก็ถูกสังหารด้วยน้ำมือของจี้เทียนซิง
ศพทั้งหลายจุดประกายเปลวเพลิงสีทองและเปลี่ยนเป็นพลังปราณธาตุทองที่ถ่ายเทเข้าสู่ร่างของจี้เทียนซิง
แต่ในระหว่างที่เขากำลังจะสอดกระบี่คืนฝัก
เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของเด็กดังขึ้นภายในห้องโถง
เขาชะงักไปวูบหนึ่งก่อนที่จะหันกลับทะยานกลับเข้าไปในห้องโถงอย่างไม่ลังเล
ด้านหลังแผงกั้นมุมห้องโถง
เขาได้เห็นดรุณีน้อยนางหนึ่งที่มีอายุราวๆ 6-7 ขวบกำลังนั่งขดตัวร้องไห้
ถึงแม้จี้เทียนซิงจะรู้ว่าโลกใบนี้คือภาพมายา
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ทั้งหมดมิใช่เรื่องจริง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้เห็นครอบครัวหนึ่งต้องถูกฆ่าล้างโคตรอย่างอนาถ
อีกทั้งยังพบดรุณีน้อยเพียงคนเดียวที่มีชีวิตรอด
อารมณ์ของเขาก็กลายเป็นหดหู่โดยพลัน
ชายหนุ่มเหยียดมือออกไปเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าของดรุณีน้อย
พลางกล่าวปลอบโยนด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอยู่หลายคำก่อนที่นางจะหยุดร้องไห้
ดรุณีน้อยจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่กระจ่างใส
เผยให้เห็นความไร้เดียงสาของนาง
ขณะนั้นเอง นางถือกระจกสัมฤทธิ์เก่าๆออกมาและมอบให้กับจี้เทียนซิงพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
"พี่ชายใหญ่คะ นี่ค่ะ ข้าให้ท่าน"
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved