มันทำได้อย่างไร
?
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้มองไปที่ฝ่ามือขวา
ดวงตากระพริบถี่ด้วยความสับสน
นางไม่อาจทำใจเชื่อได้ว่าจี้เทียนซิงที่ถูกนางซัดหัตถ์ปราณโลหิตเข้าไปเต็มๆกลับไม่ตกตาย
แถมยังได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น
ภายใต้ความโกรธ
นางไม่มีเวลามาครุ่นคิดมากนักและทะยานร่างเข้าหาอีกฝ่ายราวกับพายุ
“เดรัจฉานน้อย มอบชีวิตมา !”
หัตถ์ปราณโลหิตของเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ตะปบลงมาจากท้องฟ้าและกระแทกเข้าหาศีรษะของจี้เทียนซิงอย่างรวดเร็ว
แต่ในขณะนี้เอง
เสียงโห่ร้องอย่างฉับพลันดังมาจากด้านข้างและปรากฏคลื่นกระบี่เพลิงสามเมตรที่เข้ามาใกล้
"นังปีศาจ ! คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า
!”
เห็นได้ชัดว่าฮ่าวเมิ่งมาถึงทันเวลาและฟาดกระบี่ยักษ์ออกมาเพื่อสกัดกั้นการโจมตีของเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้
หากนางไม่หยุดมือก็ต้องโดนกระบี่ยักษ์ของฮ่าวเมิ่งทุบเข้าจังเบอร์
เมื่อไร้ทางเลือก
นางจึงทำได้เพียงต้องละเว้นการสังหารจี้เทียนซิงและหันไปรับมือฮ่าวเมิ่งแทน
“ปึง ! ปึง
!”
นางโบกหัตถ์ปราณโลหิตคู่นั้นเข้าต้านรับกระบี่ยักษ์เพลิงของฮ่าวเมิ่งและกระแทกปัดมันลงกับพื้น
เสียง
ปัง ดังขึ้น หญ้ารกครึ้มถูกถากเป็นทางยาวสามเมตรและกว้างเกือบหนึ่งเมตร
ตามมาด้วยพื้นดินที่ไหม้เกรียมจากไอเพลิงของกระบี่ยักษ์
“โอ้วววววว
!!”
ฮ่าวเมิ่งคำรามลั่น
เขากระชับกระบี่ยักษ์ด้วยสองมือและเหวี่ยงฟาดจากด้านล่างเข้าหาเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้อีกระลอก
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ถูกฮ่าวเมิ่งตามติดพัวพันและต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการต้านรับการโจมตีอันบ้าคลั่งของเขา
ตึง
! ตึง
!!
ทั้งสองฝ่ายกลับมาสัประยุทธ์กันอย่างรุนแรงอีกรอบจนเกิดเสียงดังและสั่นสะเทือนไปทั่ว
รัศมี
20 เมตรรอบๆนั้นกลายเป็นยุ่งเหยิง
เศษหินดินทรายปลิวกระเด็นระเกะระกะไปทั่วบริเวณ
“ตอนนี้ล่ะ !”
เมื่อสบโอกาส
จี้เทียนซิงร่ายรำเพลงกระบี่ดาราเหินกระบวนท่าที่สามทันที
มุ่งเป้าไปที่เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ที่อยู่ไม่ไกลออกไป
“ประกายแสง... มังกรแดง !!”
ชายหนุ่มเร่งเร้าพลังชั่วชีวิตรวบรวมออกมาเป็นคลื่นกระบี่ทองคำยาวสามเมตรปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ
พรึ่บ พรึ่บ !
คลื่นกระบี่ผันแปรเป็นเปลวเพลิงสีทองที่ลุกไหม้
จากนั้นคงรูปลักษณ์เป็นมังกรตัวหนึ่ง
มันเปล่งแสงสว่างเป็นทางยาวและพุ่งเข้าหาเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้อย่างรวดเร็ว
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้กำลังต่อสู้พัวพันกับฮ่าวเมิ่ง
และในช่วงเวลานั้นเองที่นางสัมผัสได้ถึงขุมพลังมหาศาลที่พุ่งเข้าหา
ทันใดนั้นสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปและรีบหลบหนีทันที
แต่ทว่า
นางช้าไปก้าวหนึ่งและไม่สามารถหลบหนีจากการระเบิดของประกายแสงมังกรได้
เปรี้ยง
!!!!
ได้ยินเพียงเสียงกัมปนาทดังขึ้น
ประกายแสงมังกรแดงกระทบร่างของนางเข้าเต็มเปาและหอบเอาร่างของนางลากเป็นทางยาวไถลไปหลายเมตร
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ถูกกระแทกจนกระเด็นและร่วงหล่นลงบนพื้นหญ้า
ตามมาด้วยการกระอักโลหิตสีม่วงเป็นทางยาว
เมื่อลุกขึ้นจากพื้น
สารรูปของนางก็ดูไม่จืด ผมเผ้ายุ่งเหยิง สีหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ราวกับปีศาจร้าย
ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยและเจตนาฆ่าฟันที่ปะทุอย่างรุนแรง
เกราะหนังที่นางสวมใส่ระเบิดออกเผยให้เห็นผิวสีม่วงและรอยแผลขนาดใหญ่ที่ชัดเจนและลึกจนเห็นกระดูก
เนื้อสดบนบาดแผลนั้นม้วนตัว
โลหิตสีม่วงเข้มพุ่งทะลักออกมาไหลนองลงบนพื้นผ่านเกราะหนังที่ผุพัง
หญ้าบนพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยโลหิตสีม่วงเข้มกลายเป็นแห้งเหี่ยวและดำสนิทในทันที
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้จ้องมองไปที่จี้เทียนซิงด้วยความโกรธ
ดวงตาของนางสั่นระริก ใบหน้าบิดเบี้ยวไปด้วยความแค้น
"จี้ ! เทียน
! ซิง !"
“เจ้ากล้าดียังไงถึงทำให้ข้าบาดเจ็บ ! ข้าจะถลกหนังเจ้า !”
นางกรีดร้องออกมาด้วยความโกรธจนแทนเสียสติ
ก่อนหน้านี้นางไม่เคยมองจี้เทียนซิงอยู่ในสายตา
เพียงมองเขาเป็นมดปลวกและไก่ป่วยๆตัวหนึ่งที่สามารถใช้นิ้วเดียวก็บดขยี้ได้
อย่างไรก็ตาม
'มดปลวก' ตัวนี้กลับทำให้นางบาดเจ็บอย่างรุนแรงและมีสภาพน่าสังเวชยิ่ง
นี่เป็นการดูหมิ่นและเหยียดหยามครั้งใหญ่
!
นางรู้สึกว่าศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของเผ่าพันธุ์ปีศาจกำลังถูกเหยียบย่ำ
หากไม่สามารถบดขยี้จี้เทียนซิงให้แหลกลาญ
นางจะล้างความอัปยศและสลายความเกลียดชังไปได้อย่างไร ?
ฮ่าวเมิ่งได้เห็นอาการบาดเจ็บของเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ก็ชะงักงันในทันที
เขามองไปที่ด้านหลังของนางสลับกับจี้เทียนซิงด้วยดวงตาที่เปล่งสีสันแปลกๆ
ในใจของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและสะท้านอย่างรุนแรง
“ไอ้หนูนี่......เห็นได้ชัดว่ามีพลังในขอบเขตปราณจิตขั้นที่สองเท่านั้น
เหตุใดมันถึงทำร้ายนังปีศาจจนบาดเจ็บได้ถึงขั้นนี้ ?”
“บ้าชัดๆ ! ข้าเอาชนะนังปีศาจไม่ได้
แม้แต่จะทำให้นางบาดเจ็บก็ยังไม่คิดฝัน แล้วเจ้าหนูนี่ทำได้อย่างไร ?”
ฮ่าวเมิ่งคิดอยู่เสมอว่าตนเองรู้จักจี้เทียนซิงดีพอ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว เขาพบว่าอีกฝ่ายต่างออกไปจากเมื่อก่อนซึ่งเขาไม่อาจทำความเข้าใจได้อีกแล้ว
ทันใดนั้นเองมันก็เข้าใจถ่องแท้แล้วว่าเหตุใดเขาถึงกล้าประกาศท้าสู้กับไป๋หวู่เชิน
หากว่ากันตามจริง
ไป๋หวู่เชินแข็งแกร่งกว่าฮ่าวเมิ่งแต่ด้อยกว่าเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ ดังนั้นเมื่อจี้เทียนซิงสามารถทำร้ายเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ได้
เขาก็ย่อมเอาชนะไป๋หวู่เชินได้เช่นกัน !
เมื่อคิดได้ดังนี้ฮ่าวเมิ่งก็หรี่ตามองจี้เทียนซิงอย่างลึกซึ้ง
ในใจสวดภาวนาให้ไป๋หวู่เชิน
“ศิษย์พี่ไป๋หนอศิษย์พี่ไป๋.....
ข้าเพียงหวังว่าถึงวันประลองท่านจะไม่แพ้ยับเยินจนน่าอดสูหรอกนะ....
ยอมเป็นศิษย์รับใช้ปีเดียวก็ยังดีซะกว่าต้องพิกลพิการในการประลอง”
..........
ในเวลาเดียวกันเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ก็ทะยานเข้าใส่จี้เทียนซิงอีกครั้งและทำการโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
จี้เทียนซิงตกอยู่ในภาวะวิกฤติและอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสจากหัตถ์ปราณโลหิตได้ตลอดเวลา
เขาต้องใช้ฝีเท้าอย่างหนักและโคจรย่างก้าวไร้เงาเพื่อหลบหนีการโจมตีดั่งพายุของนาง
“อ๊ะ ! คิดเพลินไปหน่อย ศิษย์น้องจี้ข้ามาช่วยแล้ว !”
ฮ่าวเมิ่งได้สติและมุ่งหน้าไปช่วยจี้เทียนซิงอย่างรวดเร็ว
เขาเหวี่ยงกระบี่ยักษ์ฟาดฟันเข้าหาเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้อย่างดุดัน
ยอดฝีมือทั้งสามปะทะกันอย่างต่อเนื่องในป่าทึบ
มันก่อให้เกิดเสียงดังสนั่นและพื้นดินสั่นสะเทือนไปทั่ว
ในช่วงเวลานี้จี้เทียนซิงถูกการโจมตีของเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ตามติดอย่างไม่ลดละ
เขาทำได้เพียงต้านรับและหลบหลีกอย่างสิ้นหนทาง
โดยไม่รู้ตัว
จุดฝังเข็มทั้งหลายตามจุดชีพจรได้ถูกกรุยทางด้วยพลังปราณอันมหาศาล
จนทำให้การบรรเทาเสร็จสิ้นไปในเวลาไม่นาน
ทั้งสามประมือพัวพันกันเพียงครึ่งชั่วยาม
แต่มันกลับทำให้จุดฝังเข็มห้าจุดของจี้เทียนซิงถูกบรรเทาในระยะเวลาอันสั้น !
เมื่อพลังของเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้แผ่วลง
การโจมตีก็เริ่มช้าลงและช้าลงเป็นเงาตามตัว
แรงกดทับที่มีต่อจี้เทียนซิงก่อนหน้านี้ก็เริ่มคลายลง
ในเวลานี้เขาก็ค้นพบว่าจุดฝังเข็มแปดจุดของเส้นชีพจรกระบี่เส้นที่สองได้ถูกบรรเทาโดยสมบูรณ์
เขาทะลุผ่านขอบเขตปราณจิตขั้นที่สองจนก้าวล่วงไปสู่ปราณจิตขั้นที่สาม
!
แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บหลายครั้งหลายครา
แต่ทั้งหมดนี้ก็ทำให้เขาพึงพอใจอย่างยิ่งจนไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ
ในเวลานี้เอง
ในป่าไม่ไกลออกไปได้เกิดเสียงคำรามต่ำดังขึ้น
“จวินจู้ ! กลับไปที่ถ้ำปีศาจเดี๋ยวนี้ ! นี่เป็นแผนล่อเสือออกจากถ้ำ
พวกมนุษย์แบ่งกำลังอีกส่วนหนึ่งเข้าไปสังหารนักรบของเรา !”
นี่คือเสียงของมหาปุโรหิตซึ่งตะโกนออกมาเป็นภาษาของเผ่าพันธุ์ปีศาจ
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความโกรธแค้น
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชังอันล้ำลึก
ดวงตาของนางจ้องเขม็งไปที่จี้เทียนซิงและฮ่าวเมิ่ง
จากนั้นก็หันหลังทะยานกลับไปที่ถ้ำปีศาจด้วยความรวดเร็ว
ชายหนุ่มทั้งสองเห็นอีกฝ่ายคิดจะหลบหนีจึงร้องเตือนให้กันและคิดจะตามล่า
“ตามไปเร็ว ! พวกเราต้องรั้งนางไว้ให้ได้
!”
“อย่าปล่อยให้นางหนีไป ! ถ่วงเวลาไว้ให้ทีมอื่น !”
จี้เทียนซิงและฮ่าวเมิ่งพุ่งเป็นเส้นรุ้งเข้าไปในป่าทึบและไล่ล่านางด้วยความเร็วสูงสุด
อย่างไรก็ตาม
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้กลายเป็นลำแสงสีแดงเลือกและกระพริบหายไปในป่าด้วยความเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ
หลังจากช่วงเวลาสั้นๆ
เมื่อจี้เทียนซิงและฮ่าวเมิ่งวิ่งออกจากป่าไปที่ปากถ้ำปีศาจ พวกเขาก็ได้เห็นเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้และมหาปุโรหิตที่เพิ่งเข้าไปในถ้ำ
ต่อมา
หยุนเหยา เฟิงหมินและอู่อวี้ก็รีบไปที่ประตู แน่นอนว่าพวกเขาคิดจะตามล่ามหาปุโรหิต
คนทั้งสามต่างได้รับบาดเจ็บ
แต่บาดแผลก็ไม่หนักหนามากนักและไม่มีอันตรายถึงชีวิต
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved