ตอนที่ 279

ฝ่าทะเลโครงกระดูก

จี้เทียนซิงเดินไปได้หนึ่งร้อยก้าวก็ได้ยินเสียง

“แซ่ก แซ่ก แซ่ก” ที่แผ่วเบาจากข้างด้านหลัง

มันเป็นเสียงเหมือนใบไม้พัดพลิ้วไปตามสายลม

เขาหยุดเดินแล้วหันหลังกลับไปมองข้างหลัง

ทว่าป่าข้างหลังนั้นกลับว่างเปล่าและไม่มีอะไรผิดปกติ

ภาพที่ไกลออกไป

มันถูกปกคลุมไปด้วยหมอกและมองได้ไม่ถนัดตา

เขาคิดว่าตนเองตื่นตัวเกินเหตุจนประสาทหลอน

หรือไม่ก็คงหูฝาดไปเอง

ดังนั้น

เขาจึงส่ายหัวและหันหน้าเดินลึกเข้าไปในป่าอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม

เขาเพียงเดินไปไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียง แซ่ก...แซ่กๆ เบาๆดังขึ้นอีกครั้ง

คราวนี้เขาได้ยินอย่างชัดเจน

มันไม่ใช่ภาพลวงตาและเขาก็ไม่ได้หูฝาดแน่นอน เขาหันควับกลับไปทันทีและเห็นว่าพื้นด้านหลังของเขาเป็นเหมือนสายลมพัดและมีใบไม้สีเหลืองค่อยๆกลิ้งไปมาเบาๆ

ภายในระยะหลายสิบเมตรรอบๆปราณพื้นดินกว่ายี่สิบแห่งที่มีใบไม้ค่อยๆนูนขึ้นมาจากบนพื้นดิน

มันราวกับว่ามีบางสิ่งใต้พื้นดินกำลังจะเจาะทะลุออกมา

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วทันทีและเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่ตรงหน้าเขา

ใต้ต้นไม้ใหญ่มีกลุ่มใบไม้สีเหลืองแห้งเหี่ยวที่ร่วงโรยและแยกออกจากกัน

เขางุนงงและอดไม่ได้ที่จะชักกระบี่มังกรดำออกมา

ใช้ปลายกระบี่เขี่ยเปิดใบไม้ที่ร่วงหล่นเพื่อต้องการดูว่าเกิดอะไรขึ้น

“แซ่ก แซ่ก”

ใบไม้ที่ร่วงหล่นถูกเปิดออก

เผยให้เห็นพื้นที่ว่างขนาดใหญ่เท่ากับแอ่งน้ำแสดงให้เห็นดินสีแดงเข้มที่เประเปื้อน

จี้เทียนซิงได้เห็นมันแล้ว

ฝ่ามือที่กว้างและหนายื่นออกมาจากพื้นดินและพยายามยืดออก

เมื่อเขาได้เห็นกระดูกสีขาวเทา

ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที ในใจรู้สึกอึดอัดคับข้อง

เขาหันศีรษะไปมาอย่างรวดเร็วและมองไปรอบๆจนได้เห็นความโกลาหลรอบๆตัวซึ่งเต็มไปด้วยกระดูกสีขาว

!

ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ

กองทัพโครงกระดูกสีขาวตรงหน้าเขาก็เจาะพื้นดินขึ้นมาอย่างสมบูรณ์

ไม่เพียงแค่นั้น

พวกมันยังมีจุดเด่นที่เห็นได้ชัดเจนก็คือดวงตาที่เปล่งประกายไปด้วยเปลวเพลิงอันร้อนแรงที่จ้องมองมาที่เขา

"มารดามันเถอะ ! ใต้พื้นดินแถวนี้มีโครงกระดูกถูกฝังไว้เป็นจำนวนมาก

พวกมันขุดดินขึ้นมา !”

จี้เทียนซิงหน้าถอดสีและสบถในใจพลางกระแทกกระบี่มังกรดำไปที่เท้าของเขา

"ปัง !"

เกิดเสียงดังกึกก้อง

กระบี่มังกรดำระเบิดพลังทำลายกองกระดูกจนแหลกเป็นเสี่ยงๆและตกลงบนใบไม้แห้งกรัง

ถึงแม้ว่าโครงกระดูกจะแหลกสลาย

แต่ก็ไม่มีผลกระทบกับพวกมันมากนัก

“บ้าชัดๆ พวกมันยังไม่ตายอีกหรือนี่ ?!”

จี้เทียนซิงกระพริบตาและสบถออกมาอย่างมืดมน

เขาไม่คิดเสียเวลาและไม่สนใจซากศพที่ล้อมรอบซึ่งปีนขึ้นมาจากพื้นดิน  เขาก้าวเท้าเดินต่อเข้าไปในส่วนลึกของป่า

อย่างไรก็ตาม

กระดูกในป่าทั้งหมดดูเหมือนจะตื่นตัว

ในทุกทิศทาง

เกิดเสียงแซ่ก แซ่ก แซ่ก อันแผ่วเบาดังขึ้น

โครงกระดูกมากมายพยายามผุดขึ้นมาจากใต้พื้นดินไม่ขาดสาย

หมอกอันหนาแน่นเริ่มปรากฏแสงไฟสีฟ้ามากขึ้นและมากเรื่อยๆ

และเข้าหาเขาตลอดเวลา

เมื่อแสงไฟสีฟ้าอ่อนเหล่านั้นเข้ามาใกล้

จี้เทียนซิงสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่า ลูกไฟนี้มิใช่ไฟวิญญาณที่ลอยอยู่ในอากาศ

แต่มันคือดวงตาคู่หนึ่งของโครงกระดูก !

กระดูกสีขาวทุกชนิดที่มาจากทั่วทุกมุมเร่งฝีเท้าเข้ามาหาเขา

จี้เทียนซิงสามารถบอกได้ทันทีว่ากระดูกสีขาวเหล่านี้ส่วนหนึ่งเป็นของผู้ฝึกยุทธ์เผ่าพันธุ์มนุษย์

และส่วนใหญ่เป็นสัตว์อสูรขนาดใหญ่

โครงกระดูกบางส่วนนั้นยังดูสมบูรณ์จนสามารถบอกได้ว่ามันเคยเป็นสัตว์อสูรชนิดใดก่อนที่มันจะตกตายกลายมาเป็นกระดูกพวกนี้

แต่ทว่าซากศพของมนุษย์ส่วนใหญ่ที่กลายเป็นโครงกระดูกล้วนแตกหักเสียหาย

แขนขาด ขาขาด

บางตัวก็ไร้ศีรษะและมีแม้กระทั่งเหลือเพียงครึ่งท่อนบนก็ยังกระเสือกกระสนดิ้นรนคลานเข้ามาหาเขา

หากผู้ใดได้เห็นภาพนี้คงไม่แคล้วหนังศีรษะชาด้านและงุนงงจนขนหัวลุก

แต่จี้เทียนซิงยังคงมีสีหน้าเคร่งขรึม

ในใจสงบเยือกเย็นไม่แตกตื่น

ฟุ่บ

!

เขาวิ่งเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็วและกวัดแกว่งกระบี่มังกรดำอย่างต่อเนื่อง

เพื่อเปิดเส้นทางการทำลายล้างอันเยือกเย็นและน่าสยดสยองกับเหล่าโครงกระดูกทั้งหมด

“เป้ง

เป้ง  เป้ง !”

โครงกระดูกที่ท่าทางเงอะงะเหล่านั้นถูกทุบด้วยคลื่นกระบี่อันรุนแรงทันที

ตามมาด้วยเสียง แกร๊ก แกร๊ก !   พวกมันก็ทุกทำลายจนกลายเป็นกองกระดูกชิ้นเล็กๆที่กระจัดกระจายไปทั่วพื้นดิน

อย่างไรก็ตาม

กระดูกเหล่านั้นกลับแปลกประหลาดยิ่งยวด

ถึงแม้ว่าพวกมันจะถูกทุบตีและบดขยี้จนพินาศสิ้น

แต่พวกมันก็ยังสมารถดิ้นรนอย่างช้าๆจนสุดท้ายกลับมารวมร่างกันได้ใหม่อีกครั้ง !

จี้เทียนซิงเหวี่ยงกระบี่พิฆาตโครงกระดูกทีละตัวและเร่งฝีเท้าหนีเข้าไปในป่าลึก

อย่างไรก็ตาม

หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียง 'แกร่ก' หลายครั้งดังจากข้างหลังเขา

มันไม่ใช่เสียงของกระดูกที่แตกหักแต่เป็นเสียงกระดูกขนาดใหญ่ที่เสียดสีอะไรบางอย่างที่กำลังพุ่งเข้ามา

เขาหันหัวมองย้อนกลับไป และได้เห็นต้นไม้หักโค่นมาตลอดทาง มีแสงไฟสีฟ้าอ่อนจำนวนนับไม่ถ้วนเหมือนดวงตาคู่หนึ่งที่จับจ้องมองเขาอย่างไร้อารมณ์

มันเป็นโครงกระดูกจำนวนไม่แน่ชัด

หนาแน่นเพียงพอที่จะปิดบังเส้นทางจนแทบมองไม่เห็น

โครงกระดูกสีขาวส่วนใหญ่เป็นซากศพของอดีตผู้ฝึกยุทธ์เผ่าพันธุ์มนุษย์ และในมหาสมุทรกระดูกที่หนาแน่น มีโครงกระดูกยักษ์ที่มีขนาดหลายสิบเมตรอยู่หลายตัวซึ่งโดดเด่นสะดุดตาโดยเฉพาะ

มันเป็นกระดูกของสัตว์อสูรขนาดยักษ์ บางตัวดูเหมือนจะเป็นหมาป่าอสูร เสือปีศาจและหมีดุร้าย

บางส่วนมีลักษณะคล้ายช้างหรือยักษ์

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกระดูกของนกอีกหลายตัวที่สยายปีกที่มีแต่โครงกระดูกสีขาวของมันบินไปในอากาศเหมือนลูกศรแหลมที่พุ่งเข้าหาจี้เทียนซิง

ในชั่วพริบตา

ชายหนุ่มก็ถูกล้อมรอบไปด้วยกระดูกและโครงกระดูกนับพัน !

มันราวกับน้ำบ่าไหลลากที่ค่อยๆล้อมกรอบเข้าหาเขา

จนราวกับจะทับถมร่างของเขาให้จมหายไปในคลื่นสมุทรโครงกระดูกทันที

ในช่วงเวลาวิกฤติ

เขายังคงมีสีหน้าสงบเยือกเย็นและพยายามกวัดแกว่งกระบี่มังกรดำ

ก่อเกิดเป็นคลื่นกระบี่อันตระการตาออกมาและเข่นฆ่ากระดูกสีขาวเบื้องหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง

“เป้ง เป้ง เป้ง !”

“แกร่ก แกร่ก แกร่ก !”

เสียงอึกทึกดังก้องไปในป่าอย่างต่อเนื่อง

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่โครงกระดูกสีขาวจำนวนมากถูกทุบทำลายด้วยแสงกระบี่และกลายเป็นกองกระดูกหักแหลกเหลวกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นดิน

สายลมที่รุนแรงพัดกระจายออกไปก่อตัวเป็นลมกระโชกแรงที่ม้วนพัดใบไม้สีเหลืองขึ้นไปบนท้องฟ้าอันมืดมิด

จี้เทียนซิงเหวี่ยงกระบี่อย่างสิ้นหวังและเข่นฆ่าฝ่าทะเลโครงกระดูกอย่างไม่ลดละ

เพื่อรีบเร่งหนีเข้าไปในป่าลึก

แม้แต่เฉียนเยวี่ยก็ยังบินออกมาจากถุงมิติและต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาพร้อมกับเสี่ยวเฮยหลง

มันขยายตัวออกไปเป็นสามเมตรและบินวนเวียนรอบตัวจี้เทียนซิง

ปล่อยลำแสงน้ำแข็งสีฟ้าออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อโจมตีนกโครงกระดูกที่พุ่งเข้ามาไม่หยุดหย่อน