ลักลอบเรียนรู้
ย่างสู่รัตติกาล
จี้เทียนซิงออกจากหอวิญญาณโอสถและกลับไปที่หอยุทธ์ฟงอวิ๋น
เขาเยี่ยมอาการจี้เค่อและคุยกับนางอยู่นาน เมื่อรู้ว่าอาการของนางนั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว
หลังจากพักผ่อนสักเดือนก็เป็นปกติดี เขาจึงรู้สึกโล่งใจในที่สุด
เมื่อกลับถึงหอยุทธ์ฟงอวิ๋นเขาก็ยังนอนไม่หลับ
จึงเข้าไปในห้องลับเพื่อรักษาอาการและฝึกฝนต่อ
มะรืนนี้ก็จะเป็นวันสิ้นเดือนที่ฮั่นเฉียวเซิงต้องการประเมินทักษะในการปรุงยาของศิษย์ทุกคนแล้ว แต่จี้เทียนซิงถูกขังอยู่ในถ้ำวายุทมิฬร่วมสิบกว่าวันจึงไม่สามารถฝึกฝนการปรุงยาได้
เขาห่างไกลจากศิษย์คนอื่นๆมากนัก
ถึงกระนั้นเขาก็ไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ในการประเมินใหญ่ครั้งแรกของหอยุทธ์ฟงอวิ๋น
เขายังคิดที่จะเข้าร่วมการทดสอบในวันมะรืนนี้เหมือนทุกคน
หนึ่งคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากฝึกฝนอย่างหนักอีกหนึ่งคืน
อาการบาดเจ็บของจี้เทียนซิงก็ฟื้นฟูขึ้นมากมายและสีหน้าก็ดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่เขาชำระล้างร่างกายเสร็จก็มุ่งหน้าไปยังตำหนักไท่อันตามเดิม
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ไปตำหนักไท่อันร่วมสิบวันเพราะถูกขังไว้ในถ้ำวายุทมิฬ
แต่ในเมื่อตอนนี้ได้รับอิสระภาพแล้ว
เขาก็ต้องกลับไปกวาดพื้นตามเดิมเนื่องจากยังไม่ครบกำหนด
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น
จี้เทียนซิงก็มาถึงประตูของตำหนักไท่อัน
ทาสกระบี่ใบ้ผู้พิทักษ์ประตูไม่ได้เห็นอีกฝ่ายมาหลายวันแล้ว
เมื่อได้พบกันอีกครั้งจึงมีสีหน้าตกตะลึงไม่น้อย จี้เทียนซิงจึงอธิบายให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้นถึงไม่ได้มา
จากนั้นก็ได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าไปในตำหนัก
หลังจากเข้าสู่ในตำหนักไท่อัน
เขาก็หยิบไม้กวาดมาทำความสะอาดอย่างขยันขันแข็ง
แต่กวาดพื้นอยู่ได้สักพักประตูห้องโอสถก็เปิดออก
เซี่ยงหวู่จี้ผลักประตูออกมายืนหาวและบิดขี้เกียจอยู่ใต้ชายคา ผมเผ้าหนวดเคราที่เป็นสีขาวยังคงเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบสมุนไพรและโอสถ
เมื่อเขาเห็นจี้เทียนซิงกำลังกวาดพื้นในลานกว้างก็กระพริบตาปริบๆและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“ไอ้เด็กเหม็น
เจ้าไม่ได้มากวาดพื้นเกือบครึ่งเดือน ไฉนวันนี้ถึงโผล่หน้ามาได้เล่า ?”
จี้เทียนซิงรีบเดินไปคารวะเซี่ยงหวู่จี้และอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังสั้นๆ
หลังจากเซี่ยงหวู่จี้ได้ฟังก็เกิดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าที่แก่ชรา
เขาหัวเราะลั่นและกล่าวว่า “ฮ่าๆๆ เจ้าเด็กเหลือขอเอ้ย
เจ้านี่มันโคตรของโคตรซวยเสียจริง !”
“เจ้าเข้านิกายมาไม่ถึงเดือนแต่ต้องโดนลงโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ซวยบัดซบ ฮ่าๆๆ”
จี้เทียนซิพูดไม่ออก
มีเพียงรอยยิ้มเหยเกที่ปรากฏบนใบหน้า เซี่ยงหวู่จี้หาวขึ้นอีกครั้ง
เขานึกถึงเรื่องบางอย่างได้จึงโบกมือและกล่าวว่า “เจ้าหนู ไม่ต้องกวาดพื้นแล้ว
วันนี้มาช่วยงานอย่างอื่นข้า เจ้าไปที่ห้องโอสถและคอยดูโอสถในเตาปรุงยาไว้ให้ดี อย่าให้ผิดพลาดล่ะ ไม่งั้นตาแก่ผู้นี้จะฆ่าเจ้า
!”
“ข้านั่งหลังคดหลังแข็งมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้วขอกลับไปนอนพักผ่อนในห้องซักครู่”
เขาไม่รอฟังคำตอบของจี้เทียนซิงแต่เดินดุ่ยๆกลับเข้าไปนอนในห้องทันที
จี้เทียนซิงอ้าปากค้างกับความเผด็จการของตาแก่ผู้นี้
แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายจึงส่ายหัวและเก็บไม้กวาด เดินไปที่ห้องโอสถเพื่อเฝ้าเตาปรุงยา
.........
ภายในห้องมีเตาปรุงยา
3 เตา แต่มีอยู่เตาเดียวที่เต็มไปด้วยควันสีฟ้า มีเส้นสายอาคมที่กำลังวิ่งอยู่ใต้ก้นของเตาปรุงยาและทำให้เกิดเปลวไฟเพื่อควบคุมความร้อนของเตา
จี้เทียนซิงไม่รู้ว่าเซี่ยงหวู่จี้กำลังปรุงโอสถอะไรอยู่ในเตา
แต่ควันสีฟ้าที่พวยพุ่งออกมานั้นเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของพืชพรรณสมุนไพรและทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลาย
งานของจี้เทียนซิงนั้นง่ายมาก
เพียงแค่จับตาดูเตาปรุงยาและตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีอุบัติเหตุใดๆเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการหลอม
ตราบใดที่อาคมใต้เตาไม่หยุดทำงาน
เปลวไฟแท้จริงที่ช่วยในการปรุงยาก็จะไม่ดับมอด ดังนั้นจี้เทียนซิงจึงไม่ได้ห่วงอะไรมาก เขานั่งลงข้างๆเตาปรุงยาและจ้องมองเตาอยู่ครู่ใหญ่ๆจนรู้สึกเบื่อเล็กน้อย
เขาหันไปมองรอบๆและเห็นตำราเก่าที่โต๊ะตรงหัวมุมสองสามเล่ม
ซึ่งตำราพวกนี้เกี่ยวข้องกับการปรุงยา เขาเดินไปหยิบพวกมันมาเปิดอ่านดูอยู่ไม่กี่หน้า
จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ดวงตาเปล่งประกายความสุข
“ตำราโบราณเล่มนี้มีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับเต๋าแห่งการปรุงยา
ศิษย์ฝ่ายนอกไม่อาจเข้าถึงได้เลยด้วยซ้ำ !”
“ข้าคิดไม่ถึงว่าตาแก่นั่นจะวางตำราล้ำค่าไว้บนโต๊ะมั่วซั่วเช่นนี้....
ตอนนี้เขาหลับอยู่
ข้าต้องฉวยโอกาสอ่านดูให้มากที่สุด”
จากนั้นจี้เทียนซิงก็หยิบตำราโบราณมานั่งที่โต๊ะและอ่านอย่างใจจดใจจ่อ
เวลาผ่านไปอย่างเงียบงัน
ครึ่งวันผ่านไปโดยไม่รู้ตัว
จี้เทียนซิงไม่หิวและไม่ง่วงแม้แต่น้อย
เขาก้มหน้าก้มตาอ่านตำราพวกนั้นจนหมดทุกเล่ม จนกระทั่งระดับความรู้และความเข้าใจในวิถีการปรุงยาของเขาลึกซึ้งขึ้น
ความเข้าใจและความรู้สึกอันชัดเจนปรากฏขึ้นในหัวมากมาย
ก่อนหน้านี้เขามีคำถามที่แก้ไม่ตกและรู้สึกสับสนมากมายเกี่ยวกับศาสตร์ในการปรุงยา
แต่ตอนนี้ปัญหาส่วนใหญ่ก็กระจ่างและทำให้เขาตระหนักถึงการแก้ปัญหาได้ในทันที
จนกระทั่งถึงตอนเที่ยง
เซี่ยงหวู่จี้ก็ยังคงหลับอยู่ในห้องและไม่ได้รู้เลยว่าจี้เทียนซิงแอบอ่านตำราโอสถชั้นสูงของเขาจนหมดสิ้นแล้ว
จี้เทียนซิงวางตำราโบราณลงบนโต๊ะและเริ่มไตร่ตรองเนื้อหาในการทดสอบสิ้นเดือนนี้
“พรุ่งนี้จะเป็นการทดสอบที่ข้าต้องปรับแต่งเม็ดยารวมวิญญาณ, เม็ดยาหยกฟ้าและเม็ดยาบำรุงใจ น่าเสียดายที่ข้ายังไม่มีโอกาสได้ฝึกฝนการปรุงยาแม้แต่น้อย ดังนั้นโอกาสล้มเหลวย่อมสูงมาก...”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาก็เริ่มวิตกกังวล
หลังจากคร่ำครวญด้วยความคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ทันใดนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นเตาปรุงยาทองเหลืองที่ไม่ได้ใช้งานและมองไปที่ตู้เก็บโอสถรอบๆ
ความคิดอุกอาจเริ่มผุดขึ้นในใจของเขา....
“ตาแก่นี่มีทั้งเตาปรุงยาและสมุนไพรหลากหลายชนิด ข้าแอบ ไม่สิ.....ขอยืมห้องปรุงยาของเขาเพื่อทดลองปรับแต่งเม็ดยาทั้งสามชนิดนี้ดีกว่า”
“อีกทั้งยาสามชนิดนี้ก็ไม่ได้ใช้โอสถคุณภาพสูงอะไรและหาได้ไม่ยาก....ตาแก่คงไม่สนใจกระมัง
?”
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
จี้เทียนซิงก็คิดจะลองปรุงยาด้วยตนเองดู เขารวบรวมสูตรยาทั้งสามชนิดและหยิบสมุนไพรกว่าสามสิบชนิดจากในตู้
จากนั้นเขาก็เปิดอาคมที่เตาปรุงยาทองเหลืองและใช้ปราณแท้กระตุ้นอาคมให้ทำงานเพื่ออุ่นเตาปรุงยา
หลังจากเตรียมการทั้งหมดเสร็จสิ้น
เขาก็เริ่มปรับแต่งเม็ดยาสะสมวิญญาณ ผ่านไปครึ่งชั่วโมงโดยไม่รู้ตัว
จากที่ตำรากล่าวไว้ มันนับว่าเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว
อย่างไรก็ตาม
เมื่อจี้เทียนซิงเปิดฝา เขาก็ได้กลิ่นไหม้เล็กน้อย
นอกจากนี้ในเตาก็ไม่มีเม็ดยาอยู่เลย มีเพียงขี้เถ้าสีดำสนิทเท่านั้น....
“อ่า.... การปรุงยาครั้งแรก ล้มเหลวจริงๆด้วยแหะ”
“โชคดีที่ไม่มีใครเห็น ไม่งั้นคงขายหน้าน่าดู... ”
จี้เทียนซิงรู้สึกเขินเล็กน้อย
เขารีบทำความสะอาดขี้เถ้าสีดำภายในเตาอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม
เซี่ยงหวู่จี้ที่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครทราบ
กำลังยืนกอดอกพิงประตูและจ้องมองจี้เทียนซิงด้วยสีหน้าเย้ยหยันพลางกล่าวว่า
“การจัดเตรียมถูกต้อง
ขั้นตอนในการกลั่นโอสถก็ถูกต้อง
แต่....เจ้าลืมควบคุมเปลวไฟนะเจ้าหนู !”
“งี่เง่าเอ้ย เรื่องแค่นี้ไม่รู้แล้วเจ้าจะปรุงยาสำเร็จได้อย่างไร
?”
จี้เทียนซิงสะดุ้งโหยง
หัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มและหันหน้าไปมองที่ประตู เมื่อเขาได้เห็นเซี่ยงหวู่จี้ก็รีบยิ้มอ่อนอย่างมีเลศนัยพลางกล่าวแก้เก้อว่า
“ผู้อาวุโส ท่านมาได้ไง ไม่ใช่ว่าหลับอยู่หรือ...?”
ใบหน้าของเซี่ยงหวู่จี้เผยแววเย้ยหยันแต่ก็ไม่ได้มีท่าทางโกรธเคืองใดๆ
เขากล่าวว่า
“ข้าได้กลิ่นเหม็นไหม้โชยผ่านมาถึงสามห้อง จะให้หลับลงได้อย่างไร ?!”
“เหอะ ! หากข้าหลับลึกกว่านี้จนไม่รู้เรื่อง
สงสัยเจ้าคงได้เผาห้องปรุงยาของข้าจนเหี้ยนหมด !”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved