ตอนที่ 29

หมู่ตึกอาภรณ์โลหิต

เมื่อจี้เทียนซิงกลับมาถึงเตี๊ยมไลฟุ

แขกเหรื่อก็เข้านอนหมดแล้วเหลือเพียงเถ้าแก่และเสี่ยวเอ้อเท่านั้นที่กำลังยุ่งอยู่

ชายหนุ่มกลับไปที่ห้องของตนเองและนั่งลงเพื่อฝึกฝนต่อ

เพื่อสังหารซวีจือเฟิงและชายชุดดำ

จี้เทียนซิงใช้ปราณกระบี่ออกไปบางส่วนและต้องเพิ่มพวกมันกลับคืนโดยเร็วที่สุด

ส่วนเรื่องการลอบขายกระบี่ล้ำลึกตระกูลจี้ของซวีจือเฟิงนั้น

เขาตัดสินใจที่จะตามแกะรอยและหาตัวผู้อยู่เบื้องหลังออกมา

เขามีลางสังหรณ์ที่รุนแรงว่าเรื่องนี้ลุงสองของเขาย่อมมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นแน่

แต่ตอนนี้เขาอยู่ในเมืองไต้ห่าวและไม่อาจไปตรวจสอบเรื่องนี้ในทันทีได้

จากนั้นไม่นาน

เขาก็เข้าสู่สถานะบ่มเพาะและใช้ประโยชน์จากพลังต้นกำเนิดสวรรค์เพื่อควบแน่นปราณกระบี่ในจุดชีพจรฮุ้ยจง

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อถึงตอนเที่ยงวันภายในโรงเตี๊ยมก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และเสียงดังเอ็ดตะโรของผู้คนมากมาย

จี้เทียนซิงบ่มเพาะอยู่ภายในห้องจนถึงช่วงค่ำ

เขาไม่เพียงแค่ควบแน่นปราณกระบี่กลับมาดั้งเดิมอีกครั้ง

แต่ยังทำให้ปราณกระบี่ทั้ง 12 สายแข็งแกร่งและทรงพลังมากขึ้น

หลังอาหารเย็นเสร็จสิ้น

ชายหนุ่มก็นอนพักผ่อน

แต่ในตอนกลางคืนเมื่อเขาหลับก็ได้ยินเสียง

‘แกร่ก’ เบาๆจากหน้าต่าง

เขาตื่นขึ้นมาทันทีและเอื้อมมือออกไปจับกระบี่มังกรโลหิตที่ข้างเตียง

จากนั้นก็ลืมเหลือบตาไปมองและได้เห็นหน้าต่างห้องเปิดกว้าง

ร่างสีดำกระโดดเข้ามาในห้องและพุ่งไปที่เตียง ทักษะของคนผู้นี้คล่องแคล่วว่องไวและรวดเร็วมาก ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจ

ภายในมือของมันกุมกระบี่ที่เปล่งประกายเย็นยะเยือกและแทงเข้าหาจี้เทียนซิง

นอกจากนั้นที่ฝ่ามือและกระบี่ของมันยังส่องแสงสีเหลือง

เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้เป็นจอมยุทธ์ในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริง

กระบี่นี้ทั้งรวดเร็วและแม่นยำ

หากจี้เทียนซิงหลับอยู่จริงๆ เขาย่อมถูกแทงจนตกตายทันทีโดยไม่รู้ตัว

ในช่วงวิกฤตที่สำคัญเยี่ยงนี้

จี้เทียนซิงไม่อาจคิดอะไรได้มากไปกว่ายกกระบี่มังกรโลหิตขึ้นเพื่อต้านรับ

เสียง

‘เคร้ง’ ของโลหะกระทบกันดังขึ้น

กระบี่มังกรโลหิตของชายหนุ่มสามารถต้านรับกระบี่ลอบสังหารของอีกฝ่ายได้ แต่เขาก็ถูกแรงกระแทกมหาศาลจนกระเด็นออกไปชนกำแพงที่ข้างเตียง

เขากลิ้งไปมารอบเตียงแล้วเหวี่ยงกระบี่เข้าใส่นักฆ่าในชุดดำ

“หืม... ?”

เห็นได้ชัดว่านักฆ่าชุดดำคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวและตื่นขึ้นแล้ว มันวิ่งไปดักที่ด้านหน้าของจี้เทียนซิงและซัดกระบี่ออกไป 3 ครั้ง

ทั้งหมดพุ่งเป้าไปที่คิ้ว ลำคอและหัวใจ

จี้เทียนซิงถูกรายล้อมไปด้วยแสงกระบี่

3 สาย เขารู้สึกได้เพียงความเย็นเยือกและเสียวสันหลัง

เขาตัดสินได้ทันทีว่าความแข็งแกร่งของนักฆ่าผู้นี้

อย่างน้อยๆก็อยู่ในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่ 3  และตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายเลยหากปะทะกันซึ่งหน้า

เขาทำได้เพียงยกกระบี่ขึ้นต้านทานอย่างทุลักทุเลเท่านั้น

“เคร้ง เคร้ง เคร้ง !”

เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นต่อเนื่องอีกครั้งและชายหนุ่มต้องถอยร่นไปถึง

5 ก้าว แจกันใหญ่ถูกชนล้มและแตกเป็นสองเสี่ยง  เสียง ‘เพล้ง’ ของแจกันที่แตกกระจายในห้องทำให้แขกจำนวนมากตื่นขึ้นในทันที

นักฆ่าชุดดำฉวยโอกาสตอนที่จี้เทียนซิงถอยร่นจนเสียหลักเสือกแทงกระบี่อันแหลมคมไปยังลำคอของชายหนุ่ม

จี้เทียนซิงยิงปราณกระบี่ใส่นักฆ่าชุดดำโดยไม่รู้ตัว

มันพุ่งเข้าหาดวงตาของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว  ทั้งสองฝ่ายอยู่ใกล้กันเกินไปและนักฆ่าชุดดำก็ไม่อาจหลบได้ทันทำให้มันถูกปราณกระบี่ยิงเข้าใส่ดวงตาในทันที

“อ้ากกกก !!”

นักฆ่าชุดดำกรีดร้องและเซถอยหลังไปสองก้าวทันที

มืออีกข้างหนึ่งของมันกุมดวงตาที่เปื้อนเลือดเอาไว้ด้วยความเจ็บปวดจนสั่นไปทั้งร่าง

จี้เทียนซิงร่ำร้องในใจว่า

“เป็นโอกาสแล้ว !”

ชายหนุ่มทะยานร่างเข้าหาและซัดฝ่ามือออกไป

พุ่งเป้าไปที่หน้าอกของมันด้วยปราณกระบี่ในทันที

ถึงแม้ว่านักฆ่าชุดดำจะสูญเสียดวงตาไปข้างหนึ่ง

แต่พลังและประสบการณ์ของมันก็นับว่าแข็งแกร่งมาก

มันสงบนิ่งแม้ในช่วงคับขัน

จากนั้นก็ฟาดกระบี่ออกไป 2 สาย

"แกร่ก !"

เสียงแตกดังขึ้น

และปราณกระบี่ที่จี้เทียนซิงใช้ออกก็ถูกทุบทำลายด้วยพลังกระบี่ของอีกฝ่าย

“เจ้าเด็กระยำ ลงนรกไปซะ !”

นักฆ่าชุดดำคำรามอย่างดุเดือด

พละกำลังและความเร็วของมันเพิ่มเป็นสองเท่าในทันที แสงกระบี่อันเย็นชาและพร่างพราวทั้ง

6 สายปกคลุมไปรอบๆร่างกายของจี้เทียนซิง

เห็นได้ชัดว่ามันปะทุพลังทั้งหมดออกมาและหมายจะสังหารชายหนุ่มให้ได้โดยเร็วที่สุดและหนีออกไปให้ไกลจากที่เกิดเหตุ

จี้เทียนซิงถูกบีบให้ถอยอย่างต่อเนื่องจนหลังชนกำแพงห้อง

ชายหนุ่มไร้ซึ่งทางหนีอีกต่อไป

ด้านหน้าและด้านข้างถูกปิดกั้นไว้ด้วยแสงกระบี่และไม่มีที่ให้หลบซ่อน

ในช่วงเวลาแห่งความเป็นและความตาย

เขายังคงตั้งจิตให้มั่น ดวงตาจับจ้องไปที่แสงกระบี่รอบๆ

“หากข้าจะต้องตาย ข้าก็จะลากเจ้าไปด้วย !”

ชายหนุ่มไม่ล่าถอยราวกับว่าคิดจะแลกชีวิต

ตกตายไปพร้อมกับนักฆ่าชุดดำ !

เขาเหวี่ยงกระบี่ในมือขวาเพื่อต้านรับปัดป้องแสงกระบี่

ส่วนมือซ้ายควบแน่นปราณกระบี่พุ่งเข้าหาศีรษะของนักฆ่าชุดดำ

“เคร้ง เคร้ง เคร้ง !”

หลังจากกระบี่ทั้งสองปะทะกัน

4 ครั้งในรวดเดียว ในที่สุดกระบี่มังกรโลหิตก็ถูกกระแทกจนหลุดมือไปที่กำแพงด้านหลังจี้เทียนซิง

“ฉูด !!”

นอกจากนี้ที่ไหล่ซ้ายและหน้าท้องขวาของชายหนุ่มก็ถูกแสงกระบี่ของนักฆ่าชุดดำแทงทะลุจนเลือดพุ่งออกมาทันที

แต่ในเวลาเดียวกันนั้น

ฝ่ามือซ้ายของเขาก็ลอดเข้าไปทาบที่ศีรษะของนักฆ่าได้เช่นกัน !

"เปรี้ยง !!"

ปราณกระบี่ในจุดชีพจรหยางชื่อที่ข้อมือของชายหนุ่มพุ่งออกไปทะลุศีรษะของนักฆ่าชุดดำทันที

“อึ่ก ......”

นักฆ่าชุดดำส่งเสียงครวญครางในทันที

กระบี่ในมือหล่นลงกับพื้นและยกมือกุมศีรษะ มันโซเซถอยหลังไปหลายก้าว

"เจ้า ! ที่แท้เจ้า....  ”

นักฆ่าชุดดำจ้องมองไปที่จี้เทียนซิง  ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยเลือดและเผยให้เห็นถึงความสยดสยองอย่างลึกซึ้ง

น่าเสียดายที่มันไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำพูดใดออกมาได้อีก

สุดท้ายมันก็ล้มลงกับพื้นและตกตายไป

“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก.....”

จี้เทียนซิงหอบหายใจรัวถี่ติดต่อกัน

ร่างกายของเขาอ่อนแอมาก

เขาฝืนอาการบาดเจ็บและหยิบกระบี่มังกรโลหิตที่มุมห้องขึ้นมาตัดเสื้อคลุมออกมาพันแผลบนไหล่ซ้ายและหน้าท้องด้านขวา

ในเวลานี้เอง

บรรดาแขกที่มาพักในโรงแรมก็ตื่นตระหนก

พวกเขาทุกคนเปิดประตูห้องและหน้าต่างมองออกไป

มีจอมยุทธ์หลายคนถือกระบี่มาที่ชั้น

3 และมาที่ประตูห้องของจี้เทียนซิง

ประตูห้องถูกผลักเปิดและจอมยุทธ์คนแรกที่พุ่งเข้ามาก็คือชายหนุ่มที่สวมชุดเกราะหนังสีน้ำตาลในมือถือกระบี่ยาวเอาไว้

จี้เทียนซิงที่นั่งอยู่กับพื้นหรี่ตาพร้อมมองไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย

และจำได้ว่าคนๆนี้คือหัวหน้ากลุ่มนักรบที่ตะโกนรับสมัครสมาชิกเมื่อวันก่อนนั่นเอง

จอมยุทธ์อีก

5 คนที่ตามติดมาข้างหลังมันนั้นล้วนเป็นสมาชิกของมันทั้งสิ้น

กลุ่มคนหลั่งไหลเข้ามาในห้องและมี

2 คนในนั้นถือตะเกียงน้ำมันเข้ามา เมื่อทุกคนเห็นจี้เทียนซิงที่ได้รับบาดเจ็บพร้อมกับศพของนักฆ่าชุดดำที่นอนอยู่บนพื้น  พวกมันก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

โชคดีที่พวกมันทุกคนเพียงแค่มาดูสถานการณ์และไม่ได้คิดจะทำอันตรายต่อจี้เทียนซิง

“น้องชาย เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ? ให้ข้าช่วยอันใดหรือไม่ ?"

หัวหน้ากลุ่มนักรบเดินไปหาจี้เทียนซิงและถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร

จี้เทียนซิงเพียงส่ายหัวและผ้าพันแผลพันแผลต่อไป

หัวหน้ากลุ่มนักรบรั้งสายตากลับมาจากจี้เทียนซิงและหันไปค้นศพนักฆ่าชุดดำที่นอนอยู่

มันพบกระเป๋าเงินและเหรียญตราอันหนึ่ง

มันหยิบตราขึ้นมาเพ่งมองอยู่ครู่

ทันใดนั้นสีหน้าของมันก็เปลี่ยนไปและเดินมากระซิบกับจี้เทียนซิงว่า “น้องชาย มือสังหารผู้นี้เป็นคนของหมู่ตึกอาภรณ์โลหิต  เจ้าเจอตอเข้าแล้ว !”

จี้เทียนซิงเลิกคิ้วขึ้นและถามว่า

“เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่า ?”

หัวหน้ากลุ่มนักรบบอกว่า

“น้องชาย

หมู่ตึกอาภรณ์โลหิตเป็นองค์กรมือสังหารอันดับหนึ่งของหยุนโจว

ในยุทธภพเต็มไปด้วยนักฆ่านับไม่ถ้วน

แต่หมู่ตึกอาภรณ์โลหิตเป็นองค์กรที่ประสบความสำเร็จในการลอบสังหารสูงที่สุดและแทบจะไม่เคยล้มเหลว

นั่นก็เพราะว่า

พวกมันไม่เคยยอมแพ้ต่อเป้าหมาย”

“แต่ว่า

ค่าจ้างขององค์กรนี้สูงลิบลิ่วและกองกำลังทั่วไปมิอาจทำให้พวกมันเคลื่อนไหวได้

นี่แสดงให้เห็นว่าน้องชายมีเรื่องกับกองกำลังใหญ่ที่ไหนสักแห่งเป็นแน่”

“ที่สำคัญ

ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆและไม่มีที่หลบซ่อน

ข้าเกรงว่าน้องชายคงมิอาจอยู่ที่นี่ได้นานนัก

เจ้ารีบหนีไปโดยเร็วเถอะ !”