ตอนที่ 108

การทดสอบในหอยุทธ์ฟงอวิ๋น

ในช่วงสองวันต่อมาจี้เทียนซิงก็ไปทำงานที่ตำหนักไท่อันทุกวัน

เขาไปตั้งแต่เช้าตรู่

กว่าจะกลับมายังหอยุทธ์ฟงอวิ๋นก็เป็นเวลามืดค่ำมืดดึกดื่นและเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดอยู่ทุกวี่วัน

ในช่วงสองวันนั้นเซี่ยงหวู่จี้วางสมุนไพรกว่า

10000 ต้นไว้บนหลังคาตามเดิม ซึ่งจี้เทียนซิงก็ต้องคอยเก็บเกี่ยวสมุนไพรแห้งเหล่านั้นไปไว้ในตู้เก็บโอสถภายในห้องโอสถ

ระหว่างที่ชายหนุ่มเก็บเกี่ยวสมุนไพร

เซี่ยงหวู่จี้ก็นั่งหลับตาจิบชาอยู่ในห้องโถง เมื่อใดก็ตามที่จี้เทียนซิงพบสมุนไพรที่ไม่รู้จักและเสียเวลานานๆ

เซี่ยงหวู่จี้ก็จะบอกชื่อและลักษณะของสมุนไพรเหล่านั้นโดยอัตโนมัติ

หลังจากสองวันแห่งความยุ่งเหยิงวุ่นวาย

ในที่สุดจี้เทียนซิงก็นำสมุนไพรมากกว่า 10,000

ชนิดมาเก็บใส่ในตู้เก็บโอสถได้โดยไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ

ในระหว่างนี้เขาได้ระบุสมุนไพรมากกว่า

3,000 ชนิดในตำราพันโอสถจนฝังลึกไว้ในความทรงจำ

นอกจากนี้เขายังรู้จักสมุนไพรพิเศษอีกหลายร้อยชนิดซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสมุนไพรหายากและไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในตำรา

อีกทั้งยังไม่มีในสวนวิญญาณโอสถของนิกายอีกด้วย

สามวันผ่านไปในที่สุด  จี้เทียนซิงไม่ต้องเก็บสมุนไพรอีกแล้ว เขาคิดว่าในที่สุดตนเองก็จะได้กวาดพื้นทำความสะอาดอย่างสบายใจและไม่ถูกเซี่ยงหวู่จี้ทรมานใช้งานเยี่ยงทาสอีกต่อไป

แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ

เซี่ยงหวู่จี้กลับสั่งให้เขาไปดูแลสมุนไพรที่สวนสมุนไพรต่อ !

ซึ่งสวนสมุนไพรในตำหนักไท่อันนั้นเป็นสวนส่วนตัวของเซี่ยงหวู่จี้เอง

ถึงแม้ว่าพื้นที่ของมันจะไม่เท่ากับสวนวิญญาณโอสถของนิกาย

แต่มันก็มีพื้นที่ร่วมกิโลเมตรและมีการปลูกสมุนไพรเอาไว้มากกว่า 3,600 ชนิดและมีต้นไม้มากกว่า 100,000

ต้น

!

งานของจี้เทียนซิงก็คือต้องรดน้ำถอนวัชพืชและตัดแต่งกิ่งสมุนไพรทุกวัน...

สำหรับงานที่น่าเบื่อและยากลำบากนี้

จี้เทียนซิงไม่เต็มใจและปฏิเสธเสียงแข็ง แต่เซี่ยงหวู่จี้ก็พูดจาโน้มน้าวอย่างน่าเชื่อถือว่าสวนสมุนไพรของเขาถือเป็นสุดยอดของนิกายที่เต็มไปด้วยพืชสมุนไพรล้ำค่าและหายากที่สุด

เขากล่าวอีกว่าจี้เทียนซิงสมควรถือเป็นเกียรติและความภาคภูมิอย่างที่สุดแล้วที่มีโอกาสได้เข้ามาเยือนในสวนสมุนไพรส่วนตัวของเขา

.....

ไม่รู้ว่ามีศิษย์อัจฉริยะและผู้ดูแลตลอดจนอาวุโสภายในนิกายมากน้อยเพียงใดที่ต้องการเข้ามาดูแลสวนสมุนไพรของเขา   แต่ก็ไม่เคยมีใครได้รับโอกาสเช่นนี้ !

ยิ่งไปกว่านั้น

จี้เทียนซิงยังถูกคาดโทษอยู่และต้องทำงานอย่างหนักเพื่อชดเชยความผิดที่ได้ก่อไว้

ดังนั้น

ภายใต้การโน้มน้าวแกมบังคับของเซี่ยงหวู่จี้

จี้เทียนซิงทำได้เพียงต้องตกปากรับคำเพื่อทำงานดูแลสมุนไพรในสวนต่อไป...

ชายหนุ่มต้องจัดการกับสมุนไพรมากกว่า

3,000 รายการทุกวันตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงกลางคืน ก่อนที่จะหอบลากสังขารอันเหนื่อยล้ากลับไปที่หอยุทธ์ฟงอวิ๋น

แต่ทว่า

การทำงานหนักย่อมได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

เขาทำงานในสวนสมุนไพรของเซี่ยงหวู่จี้เป็นเวลาสองวันและมันก็ให้ผลตอบแทนที่ไม่เลว

เขารู้จักสมุนไพรมากกว่า

3,000 ชนิดโดยไม่จำเป็นต้องเปิดค้นตำราพันโอสถแม้แต่น้อย  นอกจากนี้ยังสามารถอธิบายลักษณะเฉพาะ

การเติบโตและผลกระทบหากนำพวกมันไปปรุงยาชนิดต่างๆ

เหตุการณ์เหล่านี้ผ่านพ้นไปต่อเนื่องจนถึง

7 วัน

เช้าของวันนี้ในขณะที่จี้เทียนซิงกำลังจะเดินออกจากห้องเพื่อไปยังตำหนักไท่อัน

เสียงระฆังประกาศประจำหอยุทธ์ฟงอวิ๋นก็ดังขึ้นในห้องโถง

จี้เทียนซิงชะงักร่างอย่างรวดเร็วและวิ่งไปรวมกับศิษย์ทั้งหลายเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องโถงหลัก

หลังจากเวลาผ่านไปไม่นานศิษย์ทั้งสิบคนของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นก็มากันพร้อมหน้า

ฮั่นเฉียวเซิงและตู้หวู่เดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่และนั่งในที่นั่งแรก ฮั่นเฉียวเซิงเหลือบมองไปที่ศิษย์ทั้งสิบในห้องโถงและเริ่มกล่าวว่า “พวกเจ้าคงทราบดีว่าเรามีนัดหมายกันใน 7 วัน บัดนี้ครบกำหนดแล้ว

ข้าเชื่อมั่นว่าด้วยความสามารถและสติปัญญาของพวกเจ้าอีกทั้งยังมีความช่วยเหลือจากตำราพันโอสถ

พวกเจ้าสมควรทำภารกิจสำเร็จกันแล้วกระมัง ?”

ศิษย์ทั้งหลายไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

แต่พวกเขาส่วนใหญ่เผยสีหน้าอันหนักแน่นและมีรอยยิ้มที่มั่นอกมั่นใจ

ฮั่นเฉียวเซิงเห็นปฏิกิริยาของศิษย์ทุกคนและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจจากนั้นกล่าวว่า

“วันนี้จะมีการทดสอบ ผู้ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดจะได้รับรางวัลเป็นเม็ดยาต้นกำเนิดหยวนตันหนึ่งเม็ด

!”

เมื่อได้ยินคำว่า

'เม็ดยาต้นกำเนิดหยวนตัน’ ศิษย์ทั้งหลายต่างก็แสดงสีหน้าตกตะลึง เผยให้เห็นถึงความประหลาดใจและความตื่นเต้น

“ทำผลงานดีที่สุดได้รางวัลเป็นเม็ดยาต้นกำเนิดหยวนตันเลยหรือ

?”

“ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับผลของเม็ดยาต้นกำเนิดหยวนตันมาก่อน

มันเป็นเม็ดยาขั้นล้ำลึกทีเดียว หลังจากกินเข้าไปแล้วมันจะช่วยเพิ่มพูนทักษะได้อย่างมากซึ่งเทียบได้กับการบ่มเพาะอย่างหนักถึงหนึ่งปี

!”

“ครูฝึกฮั่นช่างใจกว้างเสียจริง

เพียงแค่การทดสอบเล็กน้อยกลับถึงขั้นมอบโอสถล้ำค่าให้เป็นรางวัล !”

“ข้าต้องได้โอสถต้นกำเนิดหยวนตันมาครอง !  หากข้าได้กินมัน

ข้าอาจจะตัดผ่านไปยังเขตแดนเชื่อมปราณได้ภายในครึ่งปี !”

ศิษย์ทั้งหลายกระซิบกระซาบกัน

ใบหน้าของพวกเขาแสดงออกถึงความตื่นเต้นและความคาดหวัง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งซื่อจิงเฉิงและอี้โม่

พวกเขาทั้งสองไม่ได้สนใจศิษย์คนอื่นๆเลย

พวกเขาเห็นเพียงอีกฝ่ายเป็นคู่แข่งเท่านั้นและจ้องมองกันด้วยสายตาที่เป็นปฎิปักษ์

ในเวลานี้เองฮั่นเฉียวเซิงก็หยิบถุงสีดำออกจากแขนเสื้อและวางลงบนโต๊ะ

เขาล้วงเข้าไปในถุงนั้นและหยิบสมุนไพรสีเขียวเข้มออกมาพลางกล่าวว่า

“พวกเจ้ารู้ไหมว่าสิ่งนี้คือสมุนไพรชนิดใด ?”

จี้เทียนซิงและศิษย์คนอื่นๆต่างจ้องมองไปที่สมุนไพรสีเขียวเข้มทันทีและสังเกตอย่างระมัดระวัง

สมุนไพรต้นนี้มีความยาวเท่ากับตะเกียบ

มีกิ่งก้านของรากเป็นสีขาว มีหกกลีบ ลำต้นเป็นสีเขียวเข้มและมีออร่าบางอย่างแผ่ซ่านออกมา

ศิษย์ทุกคนจดจำสมุนไพรต้นนี้ได้ทันทีและพูดพร้อมกันว่า

“นี่คือหญ้าจิตวิญญาณ !”

ฮั่นเฉียวเซิงพยักหน้าและมองไปที่เนี่ยห่าวพลางกล่าวว่า

“เนี่ยห่าว เจ้าลองอธิบายลักษณะนิสัยและคุณสมบัติของหญ้าจิตวิญญาณให้ข้าฟังซิ”

เนี่ยห่าวกล่าวอย่างง่ายดาย

“หญ้าจิตวิญญาณโดยทั่วๆไปจะพบในหนองน้ำที่อากาศเบาบางและกว่าจะเติบโตก็ใช้เวลาถึง 8 ปี…”

หลังจากที่เนี่ยห่าวกล่าวจบ

ครูฝึกฮั่นก็แสดงรอยยิ้มอันพึงพอใจออกมา

จากนั้นก็เก็บหญ้าจิตวิญญาณไว้ในถุงดำและหยิบเอาสมุนไพรสีน้ำตาลเข้มยาวครึ่งเมตรออกมาจากถุง

เมื่อเห็นฉากนี้

จี้เทียนซิงก็เข้าใจในทันทีว่าถุงสีดำของฮั่นเฉียวเซิงก็เป็นสมบัติเก็บสิ่งของแบบเดียวกับของเขา

มันคือถุงมิติ

ฮั่นเฉียวเซิงถือสมุนไพรต้นที่สองออกมาและถามอย่างราบเรียบว่า

“พวกเจ้ารู้ไหมสมุนไพรนี้คืออะไร ?”

เวลานี้ทุกคนเริ่มขมวดคิ้วและสังเกตอย่างรอบคอบสักครู่ก่อนที่จะมีเสียงดังขึ้น

“นี่คือฮวงชือซู !”

“ใช่ๆนี่คือฮวงชือซู !”

ครั้งนี้ฮั่นเฉียวเซิงขานชื่อจี้หลิงให้เป็นผู้อธิบายลักษณะนิสัยและคุณสมบัติของฮวงชือซู

จี้หลิงเผยรอยยิ้มที่มั่นใจและกล่าวอย่างมั่นใจว่า

“ฮวงชื่อซูมักจะเติบโตในพื้นดินกลางภูเขาและมักจะมีงูพิษเฝ้าคุ้มกันอยู่ในรัศมีสามเมตร…”

หลังจากที่จี้หลิงอธิบายเสร็จสิ้น

ฮั่นเฉียวเซิงก็หยิบเอาสมุนไพรชนิดต่อไปออกมาถามเรื่อยๆ  และยิ่งเป็นชนิดหลังๆ

เวลาที่เหล่าศิษย์ตอบคำถามก็ยิ่งนานขึ้นเรื่อยๆ

จนกระทั่งมาถึงสมุนไพรชนิดสุดท้าย

ทุกคนต่างก็สังเกตมันอย่างละเอียดถึงครึ่งชั่วโมงแต่ก็ยังไม่มีใครกล้าพูดคำตอบออกมา

มีเพียงจี้เทียนซิงเท่านั้นที่รู้คำตอบ

แต่เขาก็ยังปิดปากเงียบและไม่เอ่ยอะไรออกมา

ฮั่นเฉียวเซิงขมวดคิ้วและน้ำเสียงกลายเป็นเคร่งขรึมพลางถามว่า

“ว่ายังไง ? พวกเจ้ามัวทำอะไรกันอยู่

ผ่านไปตั้งเจ็ดวันแต่กลับจำสมุนไพรชนิดนี้ไม่ได้งั้นหรือ ?!”

ซื่อจิงเฉิง

อี้โม่และจี้หลิงเป็นสามคนที่เหมือนจะรู้คำตอบแต่ก็ยังไม่แน่ใจเต็มร้อย

พวกเขาจึงมีสีหน้าลังเล

แต่เมื่อได้ยินคำพูดของฮั่นเฉียวเซิง

ทั้งสามจึงตัดสินใจพูดออกมาพร้อมกันว่า “ครูฝึกฮั่น มันคือเฟิงหลิงหลานขอรับ !”

ศิษย์คนอื่นๆที่กลัวตกรถก็รีบผสมโรงทันทีด้วยการกล่าวว่าสมุนไพรชิ้นนี้คือเฟิงหลิงหลานเช่นกัน

ซึ่งมีบันทึกไว้ในตำราพันโอสถ

มีเพียงจี้เทียนซิงผู้เดียวเท่านั้นที่ไม่เอ่ยปากพูดและมุมปากปรากฏรอยยิ้มขึ้น

ฮั่นเฉียวเซิงเจนโลกปานใด

? เขาย่อมเห็นการแสดงออกของจี้เทียนซิงในพริบตาจึงตะโกนเรียกพลางกล่าวว่า “จี้เทียนซิง

เจ้าลองตอบข้าซิว่าสมุนไพรชนิดนี้ชื่อว่าอะไร ? มันมีนิสัยและมีคุณสมบัติอะไร”