การทดสอบในหอยุทธ์ฟงอวิ๋น
ในช่วงสองวันต่อมาจี้เทียนซิงก็ไปทำงานที่ตำหนักไท่อันทุกวัน
เขาไปตั้งแต่เช้าตรู่
กว่าจะกลับมายังหอยุทธ์ฟงอวิ๋นก็เป็นเวลามืดค่ำมืดดึกดื่นและเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดอยู่ทุกวี่วัน
ในช่วงสองวันนั้นเซี่ยงหวู่จี้วางสมุนไพรกว่า
10000 ต้นไว้บนหลังคาตามเดิม ซึ่งจี้เทียนซิงก็ต้องคอยเก็บเกี่ยวสมุนไพรแห้งเหล่านั้นไปไว้ในตู้เก็บโอสถภายในห้องโอสถ
ระหว่างที่ชายหนุ่มเก็บเกี่ยวสมุนไพร
เซี่ยงหวู่จี้ก็นั่งหลับตาจิบชาอยู่ในห้องโถง เมื่อใดก็ตามที่จี้เทียนซิงพบสมุนไพรที่ไม่รู้จักและเสียเวลานานๆ
เซี่ยงหวู่จี้ก็จะบอกชื่อและลักษณะของสมุนไพรเหล่านั้นโดยอัตโนมัติ
หลังจากสองวันแห่งความยุ่งเหยิงวุ่นวาย
ในที่สุดจี้เทียนซิงก็นำสมุนไพรมากกว่า 10,000
ชนิดมาเก็บใส่ในตู้เก็บโอสถได้โดยไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ
ในระหว่างนี้เขาได้ระบุสมุนไพรมากกว่า
3,000 ชนิดในตำราพันโอสถจนฝังลึกไว้ในความทรงจำ
นอกจากนี้เขายังรู้จักสมุนไพรพิเศษอีกหลายร้อยชนิดซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสมุนไพรหายากและไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในตำรา
อีกทั้งยังไม่มีในสวนวิญญาณโอสถของนิกายอีกด้วย
สามวันผ่านไปในที่สุด จี้เทียนซิงไม่ต้องเก็บสมุนไพรอีกแล้ว เขาคิดว่าในที่สุดตนเองก็จะได้กวาดพื้นทำความสะอาดอย่างสบายใจและไม่ถูกเซี่ยงหวู่จี้ทรมานใช้งานเยี่ยงทาสอีกต่อไป
แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ
เซี่ยงหวู่จี้กลับสั่งให้เขาไปดูแลสมุนไพรที่สวนสมุนไพรต่อ !
ซึ่งสวนสมุนไพรในตำหนักไท่อันนั้นเป็นสวนส่วนตัวของเซี่ยงหวู่จี้เอง
ถึงแม้ว่าพื้นที่ของมันจะไม่เท่ากับสวนวิญญาณโอสถของนิกาย
แต่มันก็มีพื้นที่ร่วมกิโลเมตรและมีการปลูกสมุนไพรเอาไว้มากกว่า 3,600 ชนิดและมีต้นไม้มากกว่า 100,000
ต้น
!
งานของจี้เทียนซิงก็คือต้องรดน้ำถอนวัชพืชและตัดแต่งกิ่งสมุนไพรทุกวัน...
สำหรับงานที่น่าเบื่อและยากลำบากนี้
จี้เทียนซิงไม่เต็มใจและปฏิเสธเสียงแข็ง แต่เซี่ยงหวู่จี้ก็พูดจาโน้มน้าวอย่างน่าเชื่อถือว่าสวนสมุนไพรของเขาถือเป็นสุดยอดของนิกายที่เต็มไปด้วยพืชสมุนไพรล้ำค่าและหายากที่สุด
เขากล่าวอีกว่าจี้เทียนซิงสมควรถือเป็นเกียรติและความภาคภูมิอย่างที่สุดแล้วที่มีโอกาสได้เข้ามาเยือนในสวนสมุนไพรส่วนตัวของเขา
.....
ไม่รู้ว่ามีศิษย์อัจฉริยะและผู้ดูแลตลอดจนอาวุโสภายในนิกายมากน้อยเพียงใดที่ต้องการเข้ามาดูแลสวนสมุนไพรของเขา แต่ก็ไม่เคยมีใครได้รับโอกาสเช่นนี้ !
ยิ่งไปกว่านั้น
จี้เทียนซิงยังถูกคาดโทษอยู่และต้องทำงานอย่างหนักเพื่อชดเชยความผิดที่ได้ก่อไว้
ดังนั้น
ภายใต้การโน้มน้าวแกมบังคับของเซี่ยงหวู่จี้
จี้เทียนซิงทำได้เพียงต้องตกปากรับคำเพื่อทำงานดูแลสมุนไพรในสวนต่อไป...
ชายหนุ่มต้องจัดการกับสมุนไพรมากกว่า
3,000 รายการทุกวันตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงกลางคืน ก่อนที่จะหอบลากสังขารอันเหนื่อยล้ากลับไปที่หอยุทธ์ฟงอวิ๋น
แต่ทว่า
การทำงานหนักย่อมได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
เขาทำงานในสวนสมุนไพรของเซี่ยงหวู่จี้เป็นเวลาสองวันและมันก็ให้ผลตอบแทนที่ไม่เลว
เขารู้จักสมุนไพรมากกว่า
3,000 ชนิดโดยไม่จำเป็นต้องเปิดค้นตำราพันโอสถแม้แต่น้อย นอกจากนี้ยังสามารถอธิบายลักษณะเฉพาะ
การเติบโตและผลกระทบหากนำพวกมันไปปรุงยาชนิดต่างๆ
เหตุการณ์เหล่านี้ผ่านพ้นไปต่อเนื่องจนถึง
7 วัน
เช้าของวันนี้ในขณะที่จี้เทียนซิงกำลังจะเดินออกจากห้องเพื่อไปยังตำหนักไท่อัน
เสียงระฆังประกาศประจำหอยุทธ์ฟงอวิ๋นก็ดังขึ้นในห้องโถง
จี้เทียนซิงชะงักร่างอย่างรวดเร็วและวิ่งไปรวมกับศิษย์ทั้งหลายเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องโถงหลัก
หลังจากเวลาผ่านไปไม่นานศิษย์ทั้งสิบคนของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นก็มากันพร้อมหน้า
ฮั่นเฉียวเซิงและตู้หวู่เดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่และนั่งในที่นั่งแรก ฮั่นเฉียวเซิงเหลือบมองไปที่ศิษย์ทั้งสิบในห้องโถงและเริ่มกล่าวว่า “พวกเจ้าคงทราบดีว่าเรามีนัดหมายกันใน 7 วัน บัดนี้ครบกำหนดแล้ว
ข้าเชื่อมั่นว่าด้วยความสามารถและสติปัญญาของพวกเจ้าอีกทั้งยังมีความช่วยเหลือจากตำราพันโอสถ
พวกเจ้าสมควรทำภารกิจสำเร็จกันแล้วกระมัง ?”
ศิษย์ทั้งหลายไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
แต่พวกเขาส่วนใหญ่เผยสีหน้าอันหนักแน่นและมีรอยยิ้มที่มั่นอกมั่นใจ
ฮั่นเฉียวเซิงเห็นปฏิกิริยาของศิษย์ทุกคนและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจจากนั้นกล่าวว่า
“วันนี้จะมีการทดสอบ ผู้ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดจะได้รับรางวัลเป็นเม็ดยาต้นกำเนิดหยวนตันหนึ่งเม็ด
!”
เมื่อได้ยินคำว่า
'เม็ดยาต้นกำเนิดหยวนตัน’ ศิษย์ทั้งหลายต่างก็แสดงสีหน้าตกตะลึง เผยให้เห็นถึงความประหลาดใจและความตื่นเต้น
“ทำผลงานดีที่สุดได้รางวัลเป็นเม็ดยาต้นกำเนิดหยวนตันเลยหรือ
?”
“ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับผลของเม็ดยาต้นกำเนิดหยวนตันมาก่อน
มันเป็นเม็ดยาขั้นล้ำลึกทีเดียว หลังจากกินเข้าไปแล้วมันจะช่วยเพิ่มพูนทักษะได้อย่างมากซึ่งเทียบได้กับการบ่มเพาะอย่างหนักถึงหนึ่งปี
!”
“ครูฝึกฮั่นช่างใจกว้างเสียจริง
เพียงแค่การทดสอบเล็กน้อยกลับถึงขั้นมอบโอสถล้ำค่าให้เป็นรางวัล !”
“ข้าต้องได้โอสถต้นกำเนิดหยวนตันมาครอง ! หากข้าได้กินมัน
ข้าอาจจะตัดผ่านไปยังเขตแดนเชื่อมปราณได้ภายในครึ่งปี !”
ศิษย์ทั้งหลายกระซิบกระซาบกัน
ใบหน้าของพวกเขาแสดงออกถึงความตื่นเต้นและความคาดหวัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งซื่อจิงเฉิงและอี้โม่
พวกเขาทั้งสองไม่ได้สนใจศิษย์คนอื่นๆเลย
พวกเขาเห็นเพียงอีกฝ่ายเป็นคู่แข่งเท่านั้นและจ้องมองกันด้วยสายตาที่เป็นปฎิปักษ์
ในเวลานี้เองฮั่นเฉียวเซิงก็หยิบถุงสีดำออกจากแขนเสื้อและวางลงบนโต๊ะ
เขาล้วงเข้าไปในถุงนั้นและหยิบสมุนไพรสีเขียวเข้มออกมาพลางกล่าวว่า
“พวกเจ้ารู้ไหมว่าสิ่งนี้คือสมุนไพรชนิดใด ?”
จี้เทียนซิงและศิษย์คนอื่นๆต่างจ้องมองไปที่สมุนไพรสีเขียวเข้มทันทีและสังเกตอย่างระมัดระวัง
สมุนไพรต้นนี้มีความยาวเท่ากับตะเกียบ
มีกิ่งก้านของรากเป็นสีขาว มีหกกลีบ ลำต้นเป็นสีเขียวเข้มและมีออร่าบางอย่างแผ่ซ่านออกมา
ศิษย์ทุกคนจดจำสมุนไพรต้นนี้ได้ทันทีและพูดพร้อมกันว่า
“นี่คือหญ้าจิตวิญญาณ !”
ฮั่นเฉียวเซิงพยักหน้าและมองไปที่เนี่ยห่าวพลางกล่าวว่า
“เนี่ยห่าว เจ้าลองอธิบายลักษณะนิสัยและคุณสมบัติของหญ้าจิตวิญญาณให้ข้าฟังซิ”
เนี่ยห่าวกล่าวอย่างง่ายดาย
“หญ้าจิตวิญญาณโดยทั่วๆไปจะพบในหนองน้ำที่อากาศเบาบางและกว่าจะเติบโตก็ใช้เวลาถึง 8 ปี…”
หลังจากที่เนี่ยห่าวกล่าวจบ
ครูฝึกฮั่นก็แสดงรอยยิ้มอันพึงพอใจออกมา
จากนั้นก็เก็บหญ้าจิตวิญญาณไว้ในถุงดำและหยิบเอาสมุนไพรสีน้ำตาลเข้มยาวครึ่งเมตรออกมาจากถุง
เมื่อเห็นฉากนี้
จี้เทียนซิงก็เข้าใจในทันทีว่าถุงสีดำของฮั่นเฉียวเซิงก็เป็นสมบัติเก็บสิ่งของแบบเดียวกับของเขา
มันคือถุงมิติ
ฮั่นเฉียวเซิงถือสมุนไพรต้นที่สองออกมาและถามอย่างราบเรียบว่า
“พวกเจ้ารู้ไหมสมุนไพรนี้คืออะไร ?”
เวลานี้ทุกคนเริ่มขมวดคิ้วและสังเกตอย่างรอบคอบสักครู่ก่อนที่จะมีเสียงดังขึ้น
“นี่คือฮวงชือซู !”
“ใช่ๆนี่คือฮวงชือซู !”
ครั้งนี้ฮั่นเฉียวเซิงขานชื่อจี้หลิงให้เป็นผู้อธิบายลักษณะนิสัยและคุณสมบัติของฮวงชือซู
จี้หลิงเผยรอยยิ้มที่มั่นใจและกล่าวอย่างมั่นใจว่า
“ฮวงชื่อซูมักจะเติบโตในพื้นดินกลางภูเขาและมักจะมีงูพิษเฝ้าคุ้มกันอยู่ในรัศมีสามเมตร…”
หลังจากที่จี้หลิงอธิบายเสร็จสิ้น
ฮั่นเฉียวเซิงก็หยิบเอาสมุนไพรชนิดต่อไปออกมาถามเรื่อยๆ และยิ่งเป็นชนิดหลังๆ
เวลาที่เหล่าศิษย์ตอบคำถามก็ยิ่งนานขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งมาถึงสมุนไพรชนิดสุดท้าย
ทุกคนต่างก็สังเกตมันอย่างละเอียดถึงครึ่งชั่วโมงแต่ก็ยังไม่มีใครกล้าพูดคำตอบออกมา
มีเพียงจี้เทียนซิงเท่านั้นที่รู้คำตอบ
แต่เขาก็ยังปิดปากเงียบและไม่เอ่ยอะไรออกมา
ฮั่นเฉียวเซิงขมวดคิ้วและน้ำเสียงกลายเป็นเคร่งขรึมพลางถามว่า
“ว่ายังไง ? พวกเจ้ามัวทำอะไรกันอยู่
ผ่านไปตั้งเจ็ดวันแต่กลับจำสมุนไพรชนิดนี้ไม่ได้งั้นหรือ ?!”
ซื่อจิงเฉิง
อี้โม่และจี้หลิงเป็นสามคนที่เหมือนจะรู้คำตอบแต่ก็ยังไม่แน่ใจเต็มร้อย
พวกเขาจึงมีสีหน้าลังเล
แต่เมื่อได้ยินคำพูดของฮั่นเฉียวเซิง
ทั้งสามจึงตัดสินใจพูดออกมาพร้อมกันว่า “ครูฝึกฮั่น มันคือเฟิงหลิงหลานขอรับ !”
ศิษย์คนอื่นๆที่กลัวตกรถก็รีบผสมโรงทันทีด้วยการกล่าวว่าสมุนไพรชิ้นนี้คือเฟิงหลิงหลานเช่นกัน
ซึ่งมีบันทึกไว้ในตำราพันโอสถ
มีเพียงจี้เทียนซิงผู้เดียวเท่านั้นที่ไม่เอ่ยปากพูดและมุมปากปรากฏรอยยิ้มขึ้น
ฮั่นเฉียวเซิงเจนโลกปานใด
? เขาย่อมเห็นการแสดงออกของจี้เทียนซิงในพริบตาจึงตะโกนเรียกพลางกล่าวว่า “จี้เทียนซิง
เจ้าลองตอบข้าซิว่าสมุนไพรชนิดนี้ชื่อว่าอะไร ? มันมีนิสัยและมีคุณสมบัติอะไร”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved