ไอ้หนูนั่นทารุณพวกเจ้า
?
ภายในห้องปรุงยาเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของสมุนไพร
เซี่ยงหวู่จี้ในชุดเสื้อคลุมสีม่วงจ้องมองไปที่เตาปรุงยาสีบรอนซ์ที่อยู่ด้านหน้า
เขาโบกมืออย่างต่อเนื่องเพื่อปล่อยพลังปราณธาตุไฟเพื่อควบคุมไฟในเตาปรุงยา
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หยุดมือ
สีหน้าเผยให้เห็นความยินดีปรีดา
“เตานี้หลอมเสร็จแล้วย่อมเป็นของดีแน่”
เขากระซิบด้วยเสียงแผ่วเบาแล้วหันหลังเดินไปที่มุมห้องเพื่อนั่งลงเอนหลังบนเก้าอี้หวายอย่างสบายอารมณ์
จากนั้นเขาก็หยิบสุราออกมาจากแหวนมิติและยกซดเข้าปาก
ในขณะนี้เอง
ศีรษะเล็กๆสองหัวแอบโผล่เข้ามามองในห้องปรุงยา
เซี่ยงหวู่จี้ที่ได้เห็นภาพนี้ก็มิได้โกรธเคือง
เขาเพียงเผยรอยยิ้มเบาบางวูบหนึ่งพลางกล่าวว่า “เจ้าตัวน้อยทั้งสอง
มานี่ซิ หลบๆซ่อนๆอะไรกันอยู่ได้?”
เฉียนเยวี่ยและเสี่ยวเฮยหลงได้ยินเช่นนี้ก็เผยรอยยิ้มขึ้นทันที
พวกมันบินเข้าไปหาเซี่ยงหวู่จี้ในห้องปรุงยาอย่างรวดเร็ว
“ผู้อาวุโส พวกข้ามาหาท่าน !” เสี่ยวเฮยหลงจ้องมองเซี่ยงหวู่จี้และกล่าวอย่างจริงจัง
ส่วนเฉียนเยวี่ยก็เหยียดอุ้งเท้าหน้าออกมา
ทำท่าทางคารวะเหมือนมนุษย์และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้อาวุโส
มิได้พบหน้าท่านมาตั้งหลายวัน พวกข้าแทบอยากตายเสียเหลือเกิน”
หลังจากนั้นมันก็ไปกดหัวเสี่ยวเฮยหลงที่อยู่ข้างๆและขยิบตาให้อีกฝ่ายราวกับส่งซิก
เสี่ยวเฮยหลงทำหน้าเหลอหลาไปวูบหนึ่งก่อนจะเข้าใจสัญญาณของอีกฝ่าย
มันรีบพยักหน้าหงึกหงักและกล่าวอย่างจริงจังว่า “ถูกต้อง
! ไม่ได้เห็นหน้าท่านแล้วพวกเราโคตรอยากตายเลย !”
เซี่ยงหวู่จี้มุมปากกระตุกและเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะที่จ้องมองพวกมันและกล่าวว่า
“เหอเหอ เจ้าพวกเดรัจฉานน้อย
พวกเจ้าคิดว่าตาเฒ่าอย่างข้าจะมองความคิดตื้นๆของพวกเจ้าไม่ออกงั้นหรือ ? พวกเจ้าเปรี้ยวปากผลไม้วิญญาณของข้าเสียมากกว่า !”
เสี่ยวเฮยหลงตอบโดยไม่คิดว่า
“ถูกต้อง ! ข้าต้องการ
!”
เฉียนเยวี่ยเผยรอยยิ้มอย่างรวดเร็วและอธิบายต่อเซี่ยงหวู่จี้ว่า
“อาวุโส แน่นอนว่าเป็นเพราะพวกเราคิดถึงท่านต่างหากเล่า”
“เมื่อตอนที่พวกเราอาศัยอยู่ในตำหนักไท่อัน ท่านดูแลพวกเราอย่างดี
คอยมอบผลไม้วิญญาณรสเด็ดให้กินไม่มีหมด พวกเราซาบซึ้งน้ำใจของท่านเสมอมา”
เมื่อมันเหลือบไปเห็นโอสถในเตาปรุงยาสีบรอนซ์ที่ส่งกลิ่นหอมหวนโชยมาตลบอบอวล
มันก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
เซี่ยงหวู่จี้จิบสุราจากน้ำเต้าและกล่าวด้วยเสียงราบเรียบว่า
“ในเมื่อพวกเจ้าซาบซึ้งบุณคุณตาเฒ่าอย่างข้า
เช่นนั้นไม่คิดที่จะทำงานตอบแทนข้าบ้างเลยหรือ ?”
“มังกรน้อยเจ้าไปตัดฟืนและเติมฟืนในโกดังให้เติมก่อนฟ้ามืด”
“จิ้งจอกน้อยเจ้าไปตักน้ำให้ข้า เจ้าต้องตักน้ำให้ได้สามสิบหกถังภายในวันนี้”
เสี่ยวเฮยหลงอึ้งอิ่มกี่และหันขวับไปมองเฉียนเยวี่ยทันที
ดวงตาฉายแววเป็นเชิงถามไถ่
ดวงตาของเฉียนเยวี่ยกระตุก
มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์และพูดว่า “อาวุโส ท่านอย่าล้อพวกข้าเล่นซี่ ท่านเป็นถึงจอมยุทธ์ขอบเขตปราณฟ้าที่มีพลังเหนือธรรมชาติเชียวนา
เพียงกระดิกนิ้วท่านก็สามารถแผดเผาขุนเขาได้ด้วยสองนิ้ว เพียงหนึ่งฝ่ามือทำลายกองทัพมหาศาลให้ราบพนาสูญ
แล้วยอดฝีมือเช่นท่านคิดจะใช้งานสัตว์อสูรตัวน้อยๆอย่างพวกเราไปตัดฟืนกับตักน้ำเนี่ยนะ...
ได้ที่ไหนกัน !”
“เช่นนี้ดีหรือไม่ ข้าเห็นว่าท่านหลังคดหลังแข็งนั่งปรุงยา ให้ข้านวดหลังให้ท่านดีกว่า
!”
ท้ายที่สุดแล้ว
มันก็ไม่รอให้เซี่ยงหวู่จี้ได้มีโอกาสปฏิเสธมันรีบไปบินข้างหลังอีกฝ่ายและโบกมือน้อยๆทุบนวดหลังให้อย่างดี
เมื่อเห็นเสี่ยวเฮยหลงยังคงลอยบื้ออยู่กลางอากาศ
มันก็รีบส่งซิกไปที่แข้งขาของเซี่ยงหวู่จี้อย่างรวดเร็วหมายจะให้อีกฝ่ายนวดขา
เสี่ยวเฮยหลงงุนงงอยู่วูบหนึ่งก่อนจะมีปฏิกิริยา
มันเหยียดกรงเล็บมังกรคู่หนึ่งออกมาก่อนที่จะบินถลาไปนวดขาให้เซี่ยงหวู่จี้อย่างพิถีพิถัน
เซี่ยงหวู่จี้ขมวดคิ้วแต่ไม่โกรธเคือง
เขากล่าวว่า “บัดซบ เดรัจฉานน้อยทั้งสอง
พวกเจ้ามาเอาอกเอาใจขนาดนี้ ต้องการอะไรกันแน่”
เสี่ยวเฮยหลงหวาดกลัวจนรีบหดกรงเล็บและจ้องมองไปที่เซี่ยงหวู่จี้โดยไม่รู้จะตอบยังไง
เฉียนเยวี่ยยังคงมีท่าทีปลอดโปร่งและนวดหลังต่อไปโดยกล่าวอย่างน้อยเหนือต่ำใจว่า
“ผู้อาวุโส ท่านไม่รู้อะไร
ตั้งแต่ออกจากตำหนักไท่อันไป อาหารการกินที่มีไม่เคยทำให้ท้องพวกเราอิ่มได้...…”
“เฮ้อ... ก็คือพวกเรากินไม่อิ่มนั่นแหละ ! ผู้อาวุโส
พวกเราคิดถึงท่านยิ่งนัก
พวกข้าคิดถึงวันคืนอันชื่นมื่นที่ได้อยู่ในตำหนักไท่อันกับท่านเสียเหลือเกิน”
ในขณะที่พูดอย่างหดหู่
ดวงตาของมันก็เริ่มปกคลุมไปด้วยม่านหมอกและมีน้ำตาปรากฏขึ้นในดวงตาขนาดใหญ่ของมัน
มันดูสลดเศร้าสร้อยและมองไปที่เซี่ยงหวู่จี้ด้วยแววตาจริงใจ
ท่าทางของมันน่าเวทนาและน่าสงสารมาก
เซี่ยงหวู่จี้ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากกลอกลูกตาไปมาและกล่าวว่า
“งั้นก็แสดงว่าไอ้หนูจี้เทียนซิงโหดร้ายทารุณกับพวกเจ้า
?”
เฉียนเยวี่ยลังเลเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไร
ส่วนเสี่ยวเฮยหลงกลับพยักหน้าหงึกๆ
เซี่ยงหวู่จี้จ้องมองไปที่เสี่ยวเฮยหลงและเขกกบาลเฉียนเยวี่ย
เขาแค่นเสียงด้วยความเคืองว่า “เฮอะ
เจ้าเดรัจฉานทั้งสองเล่นละครไม่ค่อยเข้าขากันเลยนะ
คราวหน้าคราวหลังเตี๊ยมกันให้ดีกว่านี้หน่อย !”
“เอาเถอะ ข้าขี้เกียจจะสืบสาวราวเรื่องให้มากความ นี่ก็เห็นว่าเพราะพวกเจ้าน่าสงสารหรอกนะ....”
ยังไม่ทันพูดจบเฉียนเยวี่ยก็หัวเราะร่าและกล่าวด้วยความดีใจว่า
“ขอบคุณผู้อาวุโส
ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านใจดีที่สุด !”
ณ
จุดนี้หมอกน้ำตาในดวงตาของมันก็หายวับไปทันที
มันเล่นละครได้ดูน่าสงสารและเจ้าเล่ห์สมเป็นจิ้งจอกอย่างแท้จริง...
เซี่ยงหวู่จี้ส่ายหัวยิ้มเจื่อนโดยไม่กล่าวอะไร
เขาวาดฝ่ามือปรากฏเป็นผลไม้วิญญาณนับสิบๆผลและโอสถวิเศษมากมายวางไว้บนโต๊ะ
“เอาล่ะ ไม่ต้องท่ามาก ยัดๆเข้าไปซะ”
ทั้งเสี่ยวเฮยหลงและเฉียนเยวี่ยต่างแววตาเป็นประกายอย่างร่าเริง
พวกมันทิ้งดิ่งไปยังกองผลไม้วิญญาณและหยิบกินอย่างเอร็ดอร่อย
เซี่ยงหวู่จี้จ้องมองไปที่พวกมันและอดไม่ได้ที่เผยรอยยิ้มออกมา
จากนั้นก็ยกน้ำเต้าซดสุราต่อไป
ทั้งหมดทั้งมวลก็สืบเนื่องมาจากช่วงนี้ทรัพยากรบ่มเพาะของจี้เทียนซิงมีเหลือไม่มากนัก
จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะไม่มีผลไม้วิญญาณและโอสถล้ำค่าเหลือพอให้เฉียนเยวี่ยและเสี่ยเฮยหลงได้สวาปามเหมือนเมื่อก่อน
พวกมันจึงทำได้แค่เพียงดูดซับรัศมีพลังของฟ้าดินเพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่งอย่างเชื่องช้า
เมื่อตอนนี้พวกมันมีของอร่อยมากองตรงหน้า
ด้วยทรัพยากรจำนวนนี้ก็เพียงพอให้พวกมันได้ปรับแต่งและฟื้นฟูพลังได้ถึงสิบวัน
ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม
เฉียนเยวี่ยและเสี่ยวเฮยหลงก็กินผลไม้วิญญาณและโอสถวิเศษจนหมดเกลี้ยง ทั้งสองขอบคุณเซี่ยงหวู่จี้ยกใหญ่และบินออกจากห้องปรุงยาด้วยความพึงพอใจ
พวกมันบินกลับไปหาจี้เทียนซิงและกลับเข้าไปหลับในถุงมิติเพื่อดูดซับปรับแต่งพลังจากผลไม้วิญญาณที่เพิ่งกินไป
เมื่อจี้เทียนซิงทำความสะอาดเสร็จเขาก็เดินไปที่ห้องปรุงยาเพื่อหาเซี่ยงหวู่จี้และถามเกี่ยวกับการบ่มเพาะ
ด้วยคำแนะนำของเซี่ยงหวู่จี้
ชายหนุ่มก็สามารถเปิดประตูความรู้ใหม่และเข้าใจปัญหาหลักที่ค้างคาใจอยู่ได้
โดยไม่รู้ตัว
บ่ายของวันหนึ่งก็ผ่านไป
เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน
จี้เทียนซิงก็ออกจากตำหนักไท่อันและกลับไปที่หอยุทธ์ฟงอวิ๋น
......
ณ
ตำหนักอันวิจิตรงดงามแห่งหนึ่ง ภายในลานกว้างที่เงียบสงบ
ซวนซวนกำลังเดินเข้าไปในลานกว้างพร้อมกับซู่หลานและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“พี่ซู่หลาน
ข้าไม่ได้พบหน้าท่านมาเกือบครึ่งปีแล้ว ท่านพักอยู่ที่นี่ก่อนสักหลายวันนะ”
ซู่หลานยิ้มตอบและพยักหน้าพลางกล่าวว่า
“ก็ดี เราสองพี่น้องจะได้อยู่คุยกันนานๆหน่อย”
ซวนซวนชี้ไปที่เรือนที่ดูเงียบสงบหลังหนึ่งและยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า
“พี่ซู่หลาน ท่านพักอยู่ในเรือนเล็กนี้ก็แล้วกันนะ มันไม่ค่อยมีคนมาพัก
ท่านอาศัยอยู่ที่นี่จะไม่มีผู้ใดมารบกวน”
เมื่อได้ยินประโยคนี้
ทันใดนั้นซู่หลานก็แสดงรอยยิ้มออกมาและพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ดีมากเลย น้องซวนซวนช่างมีน้ำใจนัก”
“เอาล่ะ เช่นนั้นท่านพักผ่อนก่อนเถอะ
ข้าจะมาหาท่านใหม่วันพรุ่งนี้” ซวนซวนพยักหน้าแล้วโบกมือลา
จากนั้นก็หันหลังเดินออกไป
ซู่หลานยิ้มตอบและเฝ้ามองเงาหลังอันชดช้อยของซวนซวนที่ค่อยๆเดินลับตาไป ทันใดนั้นรอยยิ้มของนางก็สลายสิ้น
สีหน้าท่าทางกลายเป็นมืดมนหดหู่
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved