จี้เทียนซิงรอคอยวันนี้มาเนิ่นนาน
เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ตอนที่เขายังไม่ได้เข้าเป็นศิษย์ของนิกายพันธมิตรสวรรค์
จิตกระบี่จางเทียนบอกกับเขาว่า หากต้องการทะลวงผ่านความสามารถโดยกำเนิด เขาจะต้องครอบครองลูกปัดแห่งดวงดาราให้ได้
ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้ทำการสืบเสาะหาเบาะแสอย่างยากลำบากและเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายหลายครั้งหลายครา
จนในที่สุดเขาก็ตามสืบจนทราบผลลัพธ์และสรุปได้ว่าลูกปัดแห่งดวงดารานั้นอยู่ในสุสานโบราณพันปีแห่งนี้
แต่กำลังของตัวเขาเองนั้นยังไม่เพียงพอ
ทำได้เพียงทำลายข่ายปราณได้แค่สองชั้นแรกเท่านั้น
โชคดีที่มีหยุนเหยาอยู่เคียงข้าง ด้วยความช่วยเหลือของนาง
ภายใต้การชี้แนะของเขา นางจึงสามารถช่วยเขาทำลายสองข่ายปราณที่เหลือได้สำเร็จ
จี้เทียนซิงมองดูข่ายปราณเบื้องหน้า
ในใจเต็มไปด้วยมวลอารมณ์หลากหลาย
หยุนเหยาก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
แต่นางเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียมาก
ทว่านางก็เข้าใจดีว่าสถานการณ์ตอนนี้เวลามีจำกัด
มันไม่ใช่เวลาจะมาผ่อนคลาย จึงกล่าวว่า
"เทียนซิง
ในที่สุดเราก็ทำลายมหาข่ายปราณพิทักษ์สุสานพันปีได้สำเร็จ เข้าไปข้างในกันเถอะ"
จี้เทียนซิงพยักหน้าและลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เดินไปที่สุสานพร้อมกับนาง
ทั้งสองเดินมาจนถึงขอบสุสานที่เคยมีม่านแสงของข่ายปราณขวางกั้น
ยกเท้าขึ้นเหยียบลงบนทางเส้นศิลาดำอันเย็นเยียบ
"วูบ !"
มีแสงสีขาวลึกลับสองสายที่ส่องแสงในอากาศที่ว่างเปล่า
และมันก็อันตรธานหายไป
ทั้งสองไม่รู้สึกถึงความผิดปกติแต่อย่างใด
พวกเขาก้าวเดินไปอย่างระมัดระวัง มุ่งหน้าตรงไปยังอนุสาวรีย์หินขนาดใหญ่ที่สุดปลายทางเดิน
ในเวลานี้เองชูไฮว่ซานก็ทะยานตามติดและกล่าวเตือนด้วยสีหน้าเป็นกังวลว่า
“เทียนซิง
หยุนเหยา เจ้าสองคนรอก่อน !"
"พวกเจ้าสูญเสียทั้งลมปราณและพลังวิญญาณไปมากมาย
อยู่ในสภาพอ่อนแอมาก หากมีอันตรายหรือเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นในสุสาน
ข้าเกรงว่าพวกเจ้าจะได้รับอันตราย !”
"ข้าจะไปกับพวกเจ้าด้วย
หากมีอะไรเกิดขึ้นอาจจะพอช่วยได้... "
กล่าวจบชูไฮว่ซานก็ยกเท้าขึ้นเหยียบลงบนพื้นศิลาสีดำ
ติดตามจี้เทียนซิงและหยุนเหยาไป
แต่ในขณะนี้เอง ลำแสงสีขาวลึกลับสายนั้นกระพริบแลบขึ้นอีกครั้งกลางอากาศอันมืดมิด
เป้ง !
เพียงได้ยินเสียงกระแทกดังขึ้น
ชูไฮว่ซานบินกระเด็นออกไปด้วยแสงสีขาวลึกลับ
ถึงแม้จะมีพลังในขอบเขตปราณโอสถขั้นที่เจ็ด
คนกลับต้องอ้าปากถ่มโลหิตสดออกมาโดยพลังลึกลับ
มันลอยละลิ่วไปไกลและชนเข้ากับผนังจตุรัสห่างออกไปกว่าร้อยเมตร !
เมื่อได้เห็นฉากนี้
ผู้คนรอบๆพลันตัวแข็งทื่อในทันที สีหน้าเต็มไปด้วยวิตกกังวลและสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น ? ไฉนผู้อาวุโสชูถึงได้ถูกกระแทกกลับมา ?”
“แปลกมาก
มิใช่ว่ามหาข่ายปราณถูกเจาะทะลวงและยับยั้งการทำงานไว้แล้วหรอหรือ ? ทำไมมันยังสามารถดีดร่างของจอมยุทธ์ระดับปราณโอสถกระเด็นกลับมาได้
?”
“หยุนเหยากับจี้เทียนซิงที่เดินเข้าไปก่อนหน้านี้กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่......อาวุโสชูถูกดีดกระดอนกลับมา
มหาข่ายปราณชุดนี้แปลกประหลาดยิ่ง !”
ผู้ดูแลและผู้อาวุโสหลายคนของนิกายพันธมิตรสวรรค์ต่างก็พูดคุยกันด้วยความสยอง
พวกมันรีบรุดไปช่วยพยุงชูไฮว่ซานขึ้นจากพื้นดิน
จี้เทียนซิงและหยุนเหยาชะงักฝีเท้าในทันควัน
ทั้งสองหันไปมองชูไฮว่ซานที่ถูกกระแทกจนบาดเจ็บ ดวงตาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลสงสัย
รอจนเห็นอีกฝ่ายลุกขึ้นและได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
ทั้งสองก็รู้สึกโล่งใจ
จี้เทียนซิงขมวดคิ้วครู่หนึ่งและคาดเดาเหตุผลได้ในทันที
จากนั้นตะโกนอธิบายให้ชูไฮว่ซานและเหล่าผู้ดูแลฟังว่า “อาวุโสชู ข้ารู้ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น"
"มหาข่ายปราณชุดนี้จัดวางไว้อย่างลึกลับซับซ้อนยิ่ง
ข้ายังมิอาจทำลายมันได้อย่างสมบูรณ์ ทำได้เพียงแค่ปิดการทำงานของพวกมันได้ชั่วคราว
ทว่า พลังในการปกปักษ์สุสานจากผู้บุกรุกก็ยังคงเหลืออยู่”
“ข้ากับหยุนเหยาเป็นผู้ลงมือทำลายมันเอง
ทำให้เราทั้งสองกลมกลืนกับมันจึงผ่านเข้ามาได้อย่างราบรื่น ส่วนผู้อื่นที่พยายามเข้ามาจะถูกดีดกลับไป"
หลังจากฟังคำอธิบายของจี้เทียนซิง
ท่าทางของทุกคนก็เปลี่ยนพลางสนทนากัน
"ไม่มั้ง ? มหาข่ายปราณนี้ทรงพลังเพียงนี้เชียว ? ถูกเจาะทะลวงไปแล้วแท้ๆกลับยังมีพลังดั้งเดิมคงเหลืออยู่อีกหรือนี่"
"มหาข่ายปราณจดจำผู้ทำลายได้ ? มีเพียงผู้ที่เคยลงมือถอดรหัสมันจึงจะเข้าไปได้
ส่วนคนที่ไม่เคยทำจะถูกดีดสะท้อนออกมา
นี่มันน่าอัศจรรย์นัก !”
“วันนี้นับว่าเราผู้เฒ่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว
ได้เห็นความลึกลับน่าอัศจรรย์ของมหาข่ายปราณระดับสวรรค์ ถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิต
!”
ชูไฮว่ซานและเหล่าอาวุโสหลายคนรู้สึกเหลือเชื่อ
พวกมันทำได้เพียงพยักหน้าเข้าใจและไม่คิดบุ่มบ่ามเข้าไปอีก
พวกมันทั้งหมดยืนอยู่ที่ทางเข้าข่ายปราณ จ้องมองเงาร่างของทั้งสองที่ก้าวเดินลึกเข้าไปในสุสานพันปี
ลอบอธิษฐานในใจอย่างเงียบๆขอให้ไม่มีอุบัติเหตุใดๆเกิดขึ้น
.......
จี้เทียนซิงและหยุนเหยาก้าวขึ้นไปบนทางเดินหินโบราณกว้างกว่าห้าเมตร
มุ่งหน้าต่อไปที่อนุสาวรีย์หินที่สุดทางเดิน
ตลอดเส้นทางหินสีดำกว้างนี้แผ่กลิ่นไออันลึกลับตึงเครียดแก่ผู้คน ที่สุดปลายทางเดินมีขั้นบันไดหินสิบแปดขั้น
พวกเขาก้าวเท้าเดินขึ้นไปจนในที่สุดก็มาถึงแท่นสูงร้อยเมตร
ในใจกลางของแท่นสูงนี้มีอนุสาวรีย์หินสีดำที่มีความสูงตะหง่านหลายพันเมตร !
ศิลาหินขนาดใหญ่ยักษ์เช่นนี้หาได้ยากยิ่งบนโลก
ยิ่งไปกว่านั้น ขอบและมุมของศิลาแท่นนี้เรียบกริบราวกับถูกผ่าด้วยคมกระบี่ที่สุดจะคม
จี้เทียนซิงและหยุนเหยาแทบจินตนาการไม่ออกเลยว่า
บุคลที่มีพลังอำนาจสูงล้ำจนสามารถสร้างสุสานพันปีแห่งนี้ได้จะแข็งแกร่งขนาดไหนและเหตุใดถึงต้องสร้างสุสานไว้ที่นี่
?
ศิลาหินแสดงถึงบรรยากาศอันโดดเดี่ยวและกลิ่นอายอันเคร่งขรึม
รอยเส้นสายมากมายบนนั้นเป็นร่องรอยที่บ่งบอกถึงอายุอานามของมันที่ข้ามผ่านกาลเวลานับพันๆปี
มันทั้งเย็นเฉียบและมีน้ำค้างเกาะ
จี้เทียนซิงและหยุนเหยาเงยหน้าขึ้นมองศิลาหินและได้เห็นตัวอักษรจำนวนมากที่สลักอยู่บนนั้น
รอยจารึกแต่ละเส้นลึกสามเมตรเท่ากันทุกเส้น
มันเป็นเส้นสลักอักษรสีเงินที่ถูกขีดเขียนไว้อย่างเฉียบคมราวกับกระบี่วิเศษเล่มหนึ่ง
เผยให้เห็นความหมายของวิชากระบี่ของผู้เปล่าเปลี่ยวไร้คู่เปรียบ เย่อหยิ่ง
อหังการและความมั่นใจ !
จากอักษรและตัวหนังสือที่ถูกเขียนโดยบุคคลผู้นี้
เราสามารถบ่งบอกได้ถึงลักษณะนิสัย อารมณ์และจิตใจของบุคคลผู้นั้น
จี้เทียนซิงที่จ้องมองตัวอักษรขนาดใหญ่ทั้งหมดนี้
ในใจรู้สึกได้เลยว่าบุคลที่จารึกตัวอักษรเหล่านี้ย่อมเป็นบุรุษผู้ทรงพลังสูงส่งที่สุด
เปี่ยมล้นด้วยจิตวิญญาณอันเยือกเย็นและหยิ่งทะนง !
ในขณะนี้เอง หยุนเหยาได้ตรวจดูอักษรจารึกเหล่านั้นอยู่ครู่หนึ่ง
นางอดไม่ได้ที่จะต้องพึมพำแผ่วเบากับตัวเองว่า “สุสานแด่เทพกระบี่ อาจารย์ที่เคารพ”
ทันใดนั้น
สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปและโพล่งขึ้นว่า
"สุสานเทพกระบี่ !?"
"สุสานโบราณใต้ภูเขามังกรกลับเป็นสุสานของเทพกระบี่ได้อย่างไร
?"
จี้เทียนซิงหันไปมองหยุนเหยาด้วยสีหน้าราบเรียบและถามว่า
“ศิษย์พี่ นี่ท่านรู้ข้อความที่เขียนบนอนุสาวรีย์หินนี้ด้วยหรือ ? ท่านเคยได้ยินเกี่ยวกับเทพกระบี่
?"
หยุนเหยาหรี่ตาคู่งามลงเล็กน้อย จ้องมองไปที่อีกฝ่ายด้วยแววตาลึกซึ้งราวกับต้องการมองให้ทะลุ
และได้เห็นว่าเขายังดูเฉยเมยไร้อารมณ์ตื่นเต้นดีใจ ราวกับว่าเขารู้ความลับของสุสานแห่งนี้ก่อนผู้ใดมานานแล้ว
นางคาดเดาบางอย่างในใจและพยักหน้ากล่าวว่า “นามแห่งเทพกระบี่ ทุกกองกำลัง
ทุกสำนักนิกายนับแต่สมัยโบราณทั่วทั้งทวีปลมปราณฟ้าย่อมเคยได้ยิน”
"ในยุคโบราณหลายพันปีก่อน
เทพกระบี่คือผู้ที่ไร้เทียมทานที่สุด เปล่งประกายเจิดจรัสที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดในปฐพี"
“แม้จะเป็นลานจักรพรรดิจ้งโจวผู้นำแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์เมื่อหลายพันปีก่อนก็ยังต้องเกรงใจเทพกระบี่อยู่หลายส่วน
บางครั้งยังถึงกับต้องขอร้องเขา"
“แล้วบุคลที่แข็งแกร่งประดุจเทพเทวา
ไฉนถึงได้ถูกฝังอยู่ในสถานที่นี้ ?”
จี้เทียนซิงรับฟังอย่างเงียบงัน
เมื่อได้เห็นว่านางสามารถอ่านตัวอักษรโบราณและรับรู้ตำนานเล่าขานของเทพกระบี่ได้ละเอียดเช่นนี้
เขาก็เริ่มวิเคราะห์ตัวตนของนางในใจลับๆ
"ศิษย์พี่หยุนเหยาเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของอาณาจักรเทียนเฉิน
แต่ท่านอาจารย์กลับไม่เคยเอ่ยถึงตัวตนที่มาและตระกูลเบื้องหลังของนางแม้แต่ครั้งเดียว
ราวกับว่าตัวตนของนางโผล่ขึ้นมาจากอากาศเบาบางอย่างไงอย่างงั้น..."
"ก่อนหน้านี้ข้าเคยคาดเดาปูมหลังของศิษย์พี่หยุนเหยาว่าต้องไม่ธรรมดา
ดูท่าจะไม่ผิดไปจากนั้น..."
“นางรู้ตำนานเมื่อหลายพันปีก่อน
อีกทั้งยังรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างลานจักรพรรดิจ้งโจวกับเทพกระบี่
เป็นไปได้สูงว่านางอาจจะมาจากตระกูลโบราณลึกลับตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ...... "
แน่นอน นี่เป็นเพียงการคาดเดาของเขาเองและยังมิอาจด่วนสรุปได้ในตอนนี้
แต่เขาเชื่อว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับหยุนเหยาอย่างแน่นอน
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved