ตอนที่ 318 ตะลึงงัน

เฉียวซวนเป็นหัวหน้าศิษย์ของนิกายพันใบไม้ร่วงที่มีพลังในขอบเขตปราณจิตขั้นที่แปด

ด้วยฝ่ามือที่แสดงออกถึงความโกรธแค้นเกลียดชังของมันนั้น

ทรงพลังจนพัดหอบเอาสายลมแรงกวาดทั่วพื้นที่เปิดโล่ง  และทำให้ทุกคนต้องรีบหลบ

จี้เทียนซิงสีหน้าไม่เปลี่ยน

เขายังดูสงบเยือกเย็นพลางเหยียดมือซ้ายออกมาชกเข้าหาฝ่ายหลัง

“เป้ง !”

หมัดเปลวอัคคีสีชาดของเขาและฝ่ามือเงาสีฟ้าของเฉียวซวนกระแทกกันอย่างรุนแรง

ตามมาด้วยเสียง เป้ง ! ดังอึกทึก

พลังงานที่รุนแรงระเบิดออกมา

พัดเอาอาภรณ์ของทุกคนรอบๆจนสะบัดพลิ้ว ท้องฟ้าเต็มไปด้วยฝุ่นคละคลุ้ง

เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อที่จี้เทียนซิงยังคงยืนนิ่ง

แต่เฉียวซวนกลับถอยรูดไปแปดก้าวจนแทบจะล้มก้นจ้ำเบ้าอย่างน่าตกใจ !

เฉียวซวนแข็งค้างทันที

มันเบิกตากว้างจ้องมองจี้เทียนซิงอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเยาว์ที่อยู่โดยรอบก็อุทานอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น

แม้แต่เฟิงหมินและอู่อวี้ก็ยังประหลาดใจ

พวกมันคาดไม่ถึงว่าเพียงแค่ไม่เจอกันหนึ่งเดือน

ความแข็งแกร่งของจี้เทียนซิงกลับเพิ่มพูนขึ้นมากมายขนาดนี้

มันสามารถทำให้เฉียวซวนต้องล่าถอยได้อย่างง่ายดาย !

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทุกคนไม่รู้ก็คือ

จี้เทียนซิงยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดด้วยซ้ำ

หากเขาออกแรงด้วยพลังทั้งหมดและใช้ไพ่ตาย

เฉียวซวนคงกลายเป็นฝุ่นในพริบตา

ท้ายที่สุดแล้วเฉียวซวนก็มีพลังในขอบเขตปราณจิตขั้นที่แปดซึ่งอยู่ระดับกล่างค่อนไปทางสูง

หากเทียบแล้วก็เท่ากับถังอี้ลั่วของนิกายพันธมิตรสวรรค์

เฉียวซวนหันหน้ากลับมา

สีหน้าของมันยิ่งกลายเป็นบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ยิ่งขึ้น

ความโกรธแค้นทะลุผ่านแววตาอย่างปั่นป่วนวุ่นวาย

มันจ้องมองจี้เทียนซิงด้วยหน้าบูดบึ้งพลันกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า

“โฮ่

ไม่แปลกที่เด็กน้อยอย่างเจ้ากลับกล้าทำตัวจองหอง ที่แท้ก็มีฝีมือติดตัวอยู่บ้าง !"

จี้เทียนซิงส่ายหัวพลางจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเฉยชา

“ก็มากพอจะส่งเจ้าลงหลุมได้”

"หนอย  ไอ้เด็กเปรต หาที่ตายซะแล้ว !”

เมื่อถูกผู้ที่อาวุโสน้อยกว่าถากถางซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ในที่สุดเฉียวซวนก็ข่มความโกรธไม่ไหว พลางสบถออกมา

ตูม !!

สิ้นเสียง

สีหน้าของมันก็กลายเป็นเหี้ยมเกรียม พลันระเบิดพลังลมปราณออกมาเต็มพิกัด

ฟุ่บ ! ฟุ่บ !

ในขณะเดียวกัน

เฟิงหมินและอู่อวี้ลอบเข้าประชิดตัวเฉียวซวนอย่างเงียบๆ

ทั้งสองเอื้อมมือออกไปคว้าจับไหล่ซ้ายขวาของเฉียวซวนพร้อมกัน

พลางสะกดอีกฝ่ายเอาไว้

"เฉียวซวน หยุด !  อยู่ต่อหน้าทุกคนแท้ๆเจ้าเป็นอาวุโสกว่ากลับควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่  ไม่กลัวจะทำให้นิกายพันใบไม้ร่วงขายหน้าหรือไง ?"

"ศิษย์พี่เฉียว

หอคอยเจ็ดดาวกำลังจะเปิดแล้ว ท่านจะสร้างปัญหาตอนนี้ทำไม ?”

ความแข็งแกร่งของเฟิงหมินและอู่อวี้มิได้ด้อยไปกว่าเฉียวซวน

เมื่อทั้งสองลงมือพร้อมกันก็ทำให้อีกฝ่ายยากที่จะสลัดหลุดไปได้

เฉียวซวนหันหน้าไปมองคนทั้งสองพลางขมวดคิ้ว

สุดท้ายก็ต้องยอมระงับความโกรธในใจ

"ฮึ่ม ! เห็นแก่หน้าพวกเจ้าทั้งสอง  ครั้งนี้ข้าจะไว้ชีวิตมัน !"

อันที่จริงแล้ว

เฉียวซวนแค่ฉวยโอกาสหาทางลงมิให้ตัวเองเสียหน้า

จากที่กล่าวมาทั้งหมด

มันก็ไม่อยากขายหน้าไปมากกว่านี้และไม่คิดเป็นศัตรูกับนิกายพันธมิตรสวรรค์ในที่สาธารณะ

ที่สำคัญที่สุด มันก็มองออกว่าจี้เทียนซิงผู้นี้มิได้เรียบง่ายอย่างที่เห็นและยากที่จะต่อกร  ขืนสู้กันขึ้นมาจริงๆมันอาจจะไม่ชนะก็เป็นได้

เมื่อเห็นว่าเฉียวซวนยอมรามือ

เฟิงหมินกับอู่อวี้ก็เบาใจลงและเดินไปหาจี้เทียนซิง

"ศิษย์น้องจี้

เราพบกันอีกครั้ง"

"ศิษย์น้องจี้

เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร ?"

ทั้งสองยิ้มและเอ่ยปากทักทาย

จี้เทียนซิงประสานมือคารวะและสนทนากับพวกเขาอยู่หลายคำ

ในระหว่างนั้นศิษย์นิกายอื่นอีกหลายคนก็พูดคุยกันด้วยเสียงต่ำพลางจ้องมองจี้เทียนซิงด้วยสายตาที่ซับซ้อน

ก่อนหน้านี้พวกมันไม่แยแสและไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา

แต่ตอนนี้พวกมันเปลี่ยนความคิดแล้ว พวกมันไม่กล้าดูหมิ่นและเยาะเย้ยอีกต่อไป

ในขณะนี้เองชายหนุ่มกำยำในอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ก็ได้เดินมายังพื้นที่เปิดโล่ง

เมื่อเห็นการปรากฏกายของบุคคลผู้นี้

ศิษย์สาวกหลายคนก็เริ่มเอ่ยปากทักทายด้วยรอยยิ้มประจบประแจง

"ศิษย์พี่ซื่อ

ท่านมาถึงแล้ว"

"พี่เหวินหยู เหตุใดถึงได้มาช้าเล่า ?"

"เหอๆ พวกเจ้าดูสีหน้าของพี่เหวินหยูสิ

เหมือนเขามั่นใจมากว่าครั้งนี้จะไปถึงชั้นที่เจ็ดได้"

ผู้ที่มาก็คือซื่อเหวินหยู, หัวหน้าศิษย์ของนิกายกระบี่ฟ้าและเหล่าศิษย์ที่รุมล้อมมันก็คือคนของนิกายกระบี่ฟ้า

เฉียวซวนผู้ซึ่งขายหน้าไปหมาดๆก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เข้าไปรุมล้อมซื่อเหวินหยูเช่นกัน

มันพูดกับซื่อเหวินหยูด้วยน้ำเสียงขี้เล่นว่า

“พี่เหวินหยู

ท่านทายซิว่าปีนี้นิกายพันธมิตรสวรรค์ส่งใครมา ?"

ซื่อเหวินหยูพลันขมวดคิ้วในทันทีและถามว่า "มิใช่หยุนเหยา

?”

"แน่นอนว่าไม่ !  ฮ่าๆ"

เฉียวซวนหัวเราะเยาะและหันหน้าไปมองที่จี้เทียนซิงที่อยู่ไม่ไกล

พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอึมครึมว่า “เป็นไอ้เด็กนั่น”

ดวงตาของซื่อเหวินหยูทอประกาย

คนหันไปมองจี้เทียนซิงในทันที

สีหน้าของมันมองผิวเผินแล้วดูสงบนิ่ง แต่ในใจแอบรำพึงว่า

“วิเศษ

! ในเมื่อหยุนเหยาไม่มา

เช่นนั้นข้าก็สามารถทะลวงชั้นเจ็ดและทำภารกิจของท่านอาจารย์ให้ลุล่วงได้”

ในขณะนี้เองเฉียวซวนได้ลอบส่งเสียงผ่านจิตสัมผัสไปหาซื่อเหวินหยู

“พี่เหวินหยู เจ้าเด็กนั่นเย่อหยิ่งจองหอง

มันโอ้อวดต่อหน้าทุกคนว่ามันคือผู้เดียวที่สามารถขึ้นไปถึงชั้นเจ็ดได้”

แววตาของซื่อเหวินหยูมืดครึ้มลงและชำเลืองมองไปทางจี้เทียนซิง

“ข้าเคยพบมันในงานประชุมสภาแปดนิกายมาก่อน

เจ้าเด็กนี่ฝีปากกล้าและไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริง"

"หากเป็นหยุนเหยายังนับว่ามีคุณสมบัติพอที่จะพูดโอ้อวด  แต่กับมัน ?

หึๆๆ....

ในเมื่อมีข้าซื่อเหวินหยูอยู่ที่นี่แล้ว

ปลาตัวน้อยเยี่ยงคงไม่มิอาจต้านลมพายุได้"

เมื่อเฉียวซวนเห็นแววตาของซื่อเหวินหยูที่มองจี้เทียนซิงเต็มไปด้วยความเป็นปรปักษ์  มันก็แสยะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

................

หลังจากนั้นไม่นานศิษย์ทั้งหมดของแปดนิกายก็มาถึงครบถ้วน

ทุกคนก้าวเท้าเข้าสู่กลางข่ายอาคมและล้อมรอบกันเป็นวงกลม

อาคมที่จารึกไว้ที่พื้นมีร่องที่มีรูปร่าง

ขนาดและพื้นผิวเหมือนกับป้ายยืนยันที่อยู่ในมือของศิษย์ทุกคนอย่างไม่ผิดเพี้ยน

ทุกคนนำป้ายยืนยันออกมาและวางไว้ในร่องของข่ายอาคม

เป็นผลทำให้ค่ายกลเริ่มหมุนไปอย่างช้าๆและเปล่งประกายสีสันสวยงามออกมา

ข่ายอาคมระดับสววรค์ที่พิทักษ์หอคอยได้ถูกเปิดขึ้นและปรากฏประตูแสงรูปไข่ขึ้นต่อหน้าทุกคน

มีเพียงผ่านประตูแสงนี้เข้าไปเท่านั้นจึงจะสามารถผ่านไปถึงข่ายอาคมใหญ่ที่ส่งผ่านไปถึงหน้าประตูของหอคอยเจ็ดดาว

ทุกคนรวบรวมป้ายยืนยันเอาไว้ด้วยกันและมองไปที่ประตูหอคอยเจ็ดดาว

ทันใดนั้นซื่อเหวินหยูก็กวาดสายตามองทุกคนที่อยู่รอบๆและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า

“เป็นอีกวันของปีที่พวกเจ้าทุกคนได้มารวมกันเข้าไปในหอคอย

ครั้งนี้ใครจะเริ่มก่อน ?”

ศิษย์สาวกรุ่นเยาว์หันไปพูดคุยกันด้วยการแสดงออกที่แตกต่างกันออกไป

"ศิษย์พี่เหวินหยูมั่นใจขนาดนี้

ทำไมท่านไม่ลุยก่อนเล่า ?”

"นั่นสิพี่เหวินหยู ท่านไปก่อนเลย”

“ในเมื่อปีนี้หยุนเหยาไม่มา

ผู้ที่จะทะลวงชั้นเจ็ดจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่เหวินหยู”

ทันใดนั้นเอง

จี้เทียนซิงที่สงบนิ่งมาโดยตลอดก็ตัดหน้าทุกคน

ก้าวเท้าเดินข้ามประตูแสงไปเป็นคนแรก

"วูบ !"

ร่างของเขาพุ่งออกไปผ่านข่ายอาคมเคลื่อนย้ายระดับสวรรค์

จนมาถึงใต้ประตูหอคอยเจ็ดดาว

ซื่อเหวินหยูและคนอื่นๆต่างก็สีหน้าเปลี่ยนไป

ทุกคนหันไปมองจี้เทียนซิงเป็นจุดเดียว

"โอ้ ! เจ้าเด็กนี่โคตรบ้าเลย !"

"มีพี่เหวินหยูยืนอยู่ทนโท่

แต่เจ้าหนุ่มนี่กลับกล้าตัดหน้าเข้าไปก่อน นี่มันหักหน้ากันชัดๆ"

"เหอะ

เจ้าหนุ่มนี่เพิ่งเข้าหอคอยเจ็ดดาวเป็นครั้งแรกย่อมไม่รู้ประสีประสา คอยดูเถอะ

เดี๋ยวไม่นานมันก็โดนหอคอยดีดออกมา"

"ข้าพนันว่าเจ้าเด็กนี่คงไม่ผ่านสามชั้นแรกด้วยซ้ำ !"

ในขณะที่ทุกคนกำลังโต้เถียงกัน จี้เทียนซิงก็ไปที่ด้านข้างของหอคอย

ท่ามกลางสายตาสงสัยของทุกคน

มันก้าวเท้าเหยียบบันไดแคบด้านข้างหอคอยและปีนขึ้นไปยังชั้นที่สี่ของหอคอยเจ็ดดาวโดยตรง

มันไม่สนใจสามชั้นแรกและเริ่มตรงๆจากชั้นสี่ของหอคอย

เมื่อเห็นภาพนี้ทุกคนต่างก็ตะลึงงัน !