สัตว์อสูรบรรพกาล
ก่อนหน้านี้
อสรพิษเก้าเศียรตัวนั้นยังคงมีท่าทางดุร้ายหยิ่งผยอง
ผ่านไปไม่นานมันกลับถูกแยกร่างเป็นหมื่นๆชิ้นจากน้ำมือของอีกาดำกระดูกคลั่ง
เหลือทิ้งไว้แต่เพียงโครงกระดูกงูสีขาว
แม้แต่เลือดเนื้อเพียงหยดหย่อมเดียวก็ไม่มีให้เห็น
การลงมืออันดุร้ายเช่นนี้ทำให้เราสามารถเห็นถึงความร้ายกาจกระหายเลือดของอีกาดำกระดูกคลั่งได้เป็นอย่างดี
เมื่อโครงกระดูกของไฮดราจมหายไปในแม่น้ำ
ฝูงอีกาดำคลุมทั่วฟ้าก็ค่อยๆแยกย้ายกันกลับเข้ารังในถ้ำตามหน้าผา
.........
เวลาผ่านไป
ในไม่ช้าเฉียนเยวี่ยก็แบกจี้เทียนซิงข้ามโค้งแม่น้ำกว้างจนเงาร่างของทั้งสองหายไปจากคลองจักษุของฝูงอีกา
จากนั้นการเดินทางทุกอย่างดูราบรื่นและปลอดภัยไร้ซึ่งอันตรายใดๆ
ผ่านไปอีกสองชั่วยามทั้งสองก็มาถึงต้นกำเนิดของแม่น้ำสายนี้ได้ในที่สุด
ปรากฏยอดเขาสูงกว่า
4,000 เมตรตั้งตะหง่านอยู่ที่สุดสายแม่น้ำ
มีแสงสีทองจากพระอาทิตย์ตกดินส่องสว่าง
มีชั้นหมอกเบาบางผ่านชั้นฟ้าสะท้อนรูปลักษณ์ของยอดเขาสูงลูกนี้ ทั้งหมดทั้งมวลทำให้มันดูราวกับก้อนลำแสงสีทองจางๆขนาดใหญ่
มันดูลึกลับและน่าประทับใจยิ่ง
มีหลุมขนาดใหญ่สีดำที่เชิงเขา คลื่นน้ำจำนวนมหาศาลได้ไหลออกมาจากหลุมสีดำนี้และไปรวมที่แม่น้ำใหญ่
จี้เทียนซิงและเฉียนเยวี่ยข้ามยอดเขาและบินต่อไปเบื้องหน้า
ดวงตาของเขาจับจ้องมองไปที่ภาพอันยิ่งใหญ่ด้านหน้า
ใบหน้าของเขาแสดงความคาดหวังอย่างลึกซึ้ง
“ไปได้สวย ในที่สุดข้าก็สามารถออกจากพื้นที่ภูเขาหมื่นอีกาและกำลังจะเข้าสู่ทะเลสาบจันทร์เต็มดวงได้แล้ว”
เขาคาดเดาอย่างเงียบๆในใจ
ทะเลสาบจันทร์เต็มดวงคือสถานที่แบบไหนกันแน่
?
เขาจะหาเบาะแสของลูกปัดแห่งดวงดาราในทะเลสาบได้อย่างไร
?
ขณะที่เขาคิดอย่างลับๆ
เฉียนเยวี่ยก็พาเขามาถึงยอดเขา สถานที่ด้านหน้าเต็มไปด้วยความรกร้างวังเวง พื้นดินปรากฏเป็นสีเหลืองเข้ม กลิ่นอายโดยรอบเต็มไปด้วยความอ้างว้างโดดเดี่ยว
จี้เทียนซิงมองจากท้องฟ้าลงไปด้านล่างก็ได้เห็นป่าที่ปกคลุมไปด้วยทรายสีเหลืองเข้มกระจัดกระจายไปด้วยก้อนหินจำนวนมาก
บริเวณนี้แทบไม่มีสีเขียวหรือพืชพรรณใดๆ
แนวหิวก้อนใหญ่ถูกกลบฝังด้วยทรายสีเหลืองและบางส่วนของมันที่โผล่พ้นออกมาได้สัมผัสกับสายลมและแสงแดดอย่างรุนแรงมาเป็นเวลานานจนผุกร่อนและหยาบกร้าน
เมื่อมีลมพัดมาจากที่รกร้างว่างเปล่า
ทรายสีเหลืองก็ฟุ้งกระจายเต็มท้องฟ้า เศษหินเก่าแก่โบราณก็หลุดลอกออกจากเศษซากและกระจัดกระจายพัดปลิวไปเป็นกองฝุ่น
ไกลออกไปจากที่รกร้าง
พื้นดินแตกเป็นลำธารขนาดใหญ่เชื่อมต่อกันอย่างหนาแน่นเหมือนใยแมงมุม
บริเวณนี้
ระหว่างถิ่นทุรกันดารและทะเลทรายนั้นไม่เพียงแค่แห้งแล้ง แต่มันยังไร้ชีวิตชีวา
เพียงสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอความผันผวนของชีวิตในสมัยโบราณที่ดับสูญไปแล้ว
จี้เทียนซิงทอดสายตามองดินแดนอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต
สีหน้าของเขาดูหดหู่และขมวดคิ้วทันที
ในขณะที่เขามองไปรอบๆเขาก็ยังคงสับสนและงุนงงพลางขบคิดในใจว่า
“จากแผนที่ ณ จุดนี้ควรจะเป็นทะเลสาบจันทร์เต็มดวงนี่นา
”
“แม้แต่น้ำหยดเดียวยังหาไม่พบ
แล้วทะเลสาบบ้าบอนั่นอยู่ที่ไหนกัน ?”
ในใจของเขามีทั้งข้อสงสัยและความไม่เข้าใจ
ทั้งสองบินเหนือถิ่นทุรกันดารตลอดทั้งวันโดยสังเกตภูมิประเทศอย่างถี่ถ้วนและหยิบแผนที่กางออกมาดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในที่สุดเขาก็ต้องยอมรับว่ามันคือตำแหน่งของทะเลสาบจันทร์เต็มดวงอย่างไม่ผิดเพี้ยนแน่นอน
!
อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใดทะเลสาบจันทร์เต็มดวงกลับหายไป
มันแห้งผากจนกลายเป็นถิ่นทุรกันดารที่เต็มไปด้วยรอยแยก !
ผลลัพธ์ของการเดินทางครั้งนี้ทำให้จี้เทียนซิงรู้สึกหนักอึ้ง
เขาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายหลายครั้งหลายครา
ผ่านป่าแห่งความตาย ทะเลลาวาและภูเขาหมื่นอีกาดำจนกระทั่งมาถึงที่นี่อย่างลำบากยากเข็ญ
แล้วจะให้เขาตัดใจยอมแพ้ง่ายๆได้อย่างไร ?
ถึงแม้ว่าทะเลสาบจันทร์เต็มดวงจะหายไปและกลายเป็นดินแดนรกร้างอันกว้างใหญ่
เขาก็ยังคงต้องทำการสืบเสาะและค้นหาเบาะแสของลูกปัดแห่งดวงดาราให้จงได้
เขาขี่หลังเฉียนเยวี่ยบินต่อไปในถิ่นทุรกันดารและสำรวจสถานการณ์ไปโดยไม่ปล่อยให้เบาะแสเล็กน้อยหลุดรอดสายตาไปได้
เมื่อทั้งสองบินเข้าไปในส่วนลึกของพื้นที่รกร้างว่างเปล่า
สายลมเหนือเวหาก็ยิ่งพัดแรงมากขึ้นเรื่อยๆทำให้ทรายและฝุ่นสีเหลืองปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า
พวกเขาตามรอยพายุทรายและพายุเฮอริเคนที่พัดผ่านดินแดนรกร้างเพื่อมองหาร่องรอยใดๆที่อาจหลงเหลืออยู่
หนึ่งวัน......
สองวัน.......
และสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ตลอดสามวันที่ผ่านมา
จี้เทียนซิงและเฉียนเยวี่ยบินไปทั่วถิ่นทุรกันดารมากกว่าสิบรอบ
ค้นหาเกือบทุกซอกทุกมุมจนแทบจะเรียกได้ว่าพลิกแผ่นดินแล้ว
พลังของเฉียนเยวี่ยได้หมดสิ้น
มันจึงหดร่างกลับไปเหลือขนาดเท่าลูกแมวตัวหนึ่งและกลับเข้าไปนอนในถุงมิติ
จี้เทียนซิงจึงต้องเดินทางเพียงลำพังในถิ่นทุรกันดาร
เขาเดินมาตลอดทั้งวันเพื่อสำรวจเบาะแสต่อไป
เขาเดินฝ่าพายุทรายและพายุเฮอริเคนจนร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยทรายและฝุ่นสีเหลือง
อาภรณ์ขาวสะอาดสกปรกเปรอะเปื้อน ใบหน้าหล่อเหลาคมคายเต็มไปด้วยฝุ่นคละคลุ้งราวกับชนพื้นเมืองไม่ก็ขอทาน
ถึงกระนั้นเขาก็ยังปฏิเสธที่จะยอมแพ้
ตราบใดที่ยังมีความหวัง ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ
........
ในไม่ช้าวันที่สี่ก็ผ่านไป
จี้เทียนซิงยังไม่พบเบาะแสใดๆแม้แต่น้อย
ความผิดหวังเริ่มถักทอขึ้นในใจของเขาอย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า
ปัญหามันเกิดจากตำราโบราณลึกลับเล่มนั้นหรือว่าแผนที่เทือกเขาหมอกเร้นลับกันแน่ ?
เป็นเวลาสี่วันติดต่อกันของการค้นหา
เขาไม่ได้หลับไม่ได้นอน ร่างกายเริ่มทรุดโทรมเหนื่อยล้าจนถึงขีดจำกัด
พอถึงกลางคืนเขาพบถ้ำเล็กๆแห่งหนึ่งในถิ่นทุรกันดารจึงเจาะรูเข้าไปพักผ่อนเพื่อหลีกเลี่ยงพายุทรายตอนกลางคืน
อีกทั้งยังต้องพักฟื้นฟูพลัง
หลังจากค่ำคืนที่ยาวนานผ่านไป
พอถึงตอนเช้าพายุเฮอริเคนและพายุทรายอันรุนแรงก็ค่อยๆอ่อนกำลังลง
เสียงกระซิบของสายลมที่เคยดัง
วิ้ว วิ้ว นอกถ้ำค่อยๆจางหายไป ทรายสีเหลืองที่เคยปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าก็ค่อยๆบางตาลงอีกด้วย
ท้องฟ้าค่อยๆฟื้นตัวกลับมาและถิ่นทุรกันดารก็เงียบสงบกว่าที่เคย
เมื่อถึงเวลารุ่งสาง
จี้เทียนซิงก็ตื่นจากการบ่มเพาะ หลังจากได้พักผ่อนและพักฟื้นเต็มที่
เขาก็กลับมามีพลังสมบูรณ์ดังเดิม
เมื่อได้เห็นท้องฟ้านอกถ้ำที่ดูสดใส
พายุทรายที่หายไป
เขาอดไม่ได้ที่เผยรอยยิ้มออกมา
“ดี
ในที่สุดพายุที่กินเวลาหลายวันก็หยุดลงในที่สุด !”
เขารีบเดินออกจากถ้ำและพร้อมในการเดินทางตามหาเบาะแสต่อไป
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเดินมาถึงหลุมแห่งหนึ่ง
ทันใดนั้นเขาก็แสดงออกด้วยสีหน้าแปลกๆ
แต่เดิม
หลุมในถ้ำนั้นถูกฝังอยู่ในทรายสีเหลือง
แต่ขณะนี้ทรายสีเหลืองของหลุมได้หายไปเผยให้เห็นชิ้นส่วนก้อนหินสีน้ำตาลเข้มขนาดใหญ่
พื้นทรายสีเหลืองด้านนอกถ้ำนั้นมีการจัดวางที่ใหญ่เกินกว่าสามสิบเมตร
เขาได้เห็นรูปสลักหินสีดำสูงกว่าสิบเมตรที่เต็มไปด้วยความผันผวนโบราณของชีวิตตั้งอยู่ตรงหน้าเขา
ประติมากรรมหินสีดำนี้ไม่ทราบว่าดำรงอยู่ในที่แห่งนี้มานานกี่ปีแล้ว
พื้นผิวขรุขระและถูกกัดเซาะด้วยลมน้ำค้างแข็งเป็นเศษหลุดลอกออกมานับไม่ถ้วน
รูปปั้นหินนั้นจมอยู่ใต้ทรายสีเหลือง
เผยให้เห็นเพียงครึ่งตัวที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน
จี้เทียนซิงจ้องมองที่หินแกะสลักนี้และสังเกตมันเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็รู้ว่าหินแกะสลักนี้ดูเหมือนจะเป็นสัตว์อสูรบรรพกาลชนิดหนึ่งที่เรียกว่าลู่อู๋
[陆吾]!
*
'ถ้ำหิน' ที่เขาพักเมื่อคืนนี้แท้จริงแล้วคือส่วน
‘ปาก’ ขนาดใหญ่ของหินแกะสลักสัตว์อสูรลู่อู๋ตัวนี้
!
“ดูเหมือนว่าหินก้อนนี้ถูกกลบฝังอยู่ในทรายสีเหลืองมาก่อน
แต่ไม่ใช่วันนี้”
“บังเอิญที่พายุรุนแรงลูกนั้นได้พัดเอาทรายสีเหลืองที่ฝังหินแกะสลักนี้ออกไปจนเผยให้ข้าได้เห็น
แต่เหตุใดรูปปั้นหินสัตว์อสูรโบราณตัวนี้ถึงได้ปรากฏอยู่ในถิ่นทุรกันดารแห่งนี้ ? สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับทะเลสาบจันทร์เต็มดวงที่หายไปหรือไม่”
**
ลู่อู๋
陆吾 ไม่รู้เรียกว่าอะไรหาข้อมูลมาได้เป็นรูปนี้
หน้าคล้ายคนมีหลายหาง
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved