ตอนที่ 172

เจ้าคนต่ำทราม

!

หลังจากครึ่งชั่วยามผ่านไปลู่หมิงหยางก็มาถึงกลางภูเขาไฟและอาศัยการสังเกตมาตลอดทางจนในที่สุดมันก็พบกุญแจในการทำลายข่ายปราณนี้ได้แล้ว

มันคือสถานที่ที่เป็นหลุมปกคลุมไปด้วยแม็กม่าและเป็นหนึ่งในสี่จุดที่เป็นฐานรองรับของข่ายปราณภูเขาไฟแห่งนี้

หากเปลี่ยนเป็นศิษย์สาวกทั่วไป

แม้จะรู้ว่าแม็กม่าตรงจุดนี้เป็นหนึ่งในรากฐานของข่ายปราณก็ยังมิกล้าเสี่ยงตายเข้าไปใกล้มัน  แต่ทว่าลู่หมิงหยางเพียงลังเลวูบหนึ่งก่อนที่จะโคจรพลังปราณเพื่อสลายแม็กม่าบางส่วนในหลุมและเหยียดมือออกไปควานหากลไกที่อยู่ก้นหลุม   ในที่สุดก็พบรากฐานของมัน

มันคือแผ่นกลมที่มีขนาดเท่าอ่างล้างหน้าขนาดใหญ่และเป็นหนึ่งในสี่ฐานรากของข่ายปราณภูเขาไฟนั่นเอง

อาคมฐานรากชิ้นนี้ถูกแกะสลักไขว้กันด้วยอาคมมณีสีชาดมากกว่าสิบเส้นสาย หากลองสังเกตดีๆจะเห็นว่ามันเป็นเหมือนกระดานหมากรุกสีทับทิมเข้มที่ขีดพาดไปมาซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการถอดรหัสและทำลายข่ายปราณแห่งนี้

“เหอะๆ ข้าเดาไม่ผิดจริงๆ

ไม่ว่าข่ายปราณจะลึกลับเพียงใดก็มิอาจเล็ดรอดสายตาของข้าไปได้ ข้าคืออัจฉริยะแห่งข่ายปราณ

!”

ลู่หมิงหยางเผยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอันภาคภูมิใจ หลังจากช่วงเวลาสั้นๆมันก็ค้นพบวิธีถอดรหัสข่ายปราณ  มันกางนิ้วออกและกดทาบลงไปบนมณีสีชาดที่อยู่ด้านหน้าแผ่นกลมทำให้รูปแบบของตารางที่จารึกอยู่บนนั้นเปลี่ยนไป

จากนั้นภูเขาไฟก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทันที

จากเชิงเขาที่ลู่หมิงหยางยืนอยู่ไปจนถึงยอดเขา

ปรากฏเส้นทางหินสีน้ำตาลเข้มขึ้นมา

ตลอดทางไม่มีเปลวไฟ

ไม่มีควันไฟสีดำและไม่มีแม็กม่าสีแดงอีกแล้ว

มุมปากของลู่หมิงหยางโค้งขึ้นด้วยรอยยิ้มสบายใจและก้าวเท้าเหยียบลงบนเส้นทางหิน

มุ่งหน้าไปบนภูเขาอย่างรวดเร็ว

ในเวลาไม่นานมันก็มาถึงยอดเขาของภูเขาไฟ

ขณะนั้นเองมันก็เห็นว่ามีภูเขาน้ำแข็งสีฟ้าอีกลูกหนึ่งตั้งอยู่ตรงข้าม

ห่างจากจุดที่มันยืนอยู่ไกลออกไปราวๆสิบไมล์ !

มันเข้าใจได้ในทันทีว่าจี้เทียนซิงที่เข้าประตูน้ำแข็งก็ย่อมต้องพลิกภูเขาลูกนั้นค้นหาโทเค็นเช่นเดียวกัน

“ฮึ

จี้เทียนซิงเร็วไม่เท่าข้าหรอก

อันดับที่หนึ่งย่อมเป็นของข้า !”

ลู่หมิงหยางแสยะยิ้มพลางมองลงไปที่ตีนเขาของภูเขาไฟ

ระหว่างภูเขาไฟกับภูเขาน้ำแข็งเป็นพื้นที่ราบลุ่มที่มีรัศมีประมาณสิบไมล์

บริเวณนั้นคือทุ่งหญ้าและมีทะเลทรายสีทอง

นอกจากนั้นยังมีทะเลสาบใสอีกด้วย

จุดตรงกลางของที่ราบลุ่มมีแท่นสูงที่สร้างขึ้นจากหินอ่อนผุดขึ้นมา ลู่หมิงหยางจ้องมองไปที่แท่นสูงนั้นอยู่ครู่หนึ่งและเผยรอยยิ้มแห่งความคาดหวัง

“ดูเหมือนว่าโทเค็นประจำตัวของศิษย์ทุกคนจะถูกวางไว้บนแท่นหินสูงตรงนั้นสินะ...   ข้าต้องรีบไปคว้ามันก่อนเป็นคนแรก

ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าจี้เทียนซิงนำหน้าไปได้หรอก !”

ลู่หมิงหยางเหลียวซ้ายแลขวาไปรอบๆเพื่อมองหาฐานรากในภูเขาไฟ

จากประสบการณ์ครั้งก่อนทำให้มันพบฐานรากส่วนอื่นๆอย่างรวดเร็วซึ่งอยู่ในสระลาวาไม่ไกลจากจุดที่มันยืนอยู่

มันโคจรพลังปราณเพื่อเคลียร์เส้นทางอีกครั้งจนพบแผ่นกลมที่อยู่ก้นสระลาวา

อาคมนี้เป็นเช่นเดียวกับอาคมก่อนหน้า

มันถูกสลักไว้ด้วยเส้นสายอาคมหลายสิบเส้นบนพื้นผิว

หลังจากลู่หมิงหยางกระแทกฝ่ามือลงไปบนนั้น

เส้นสายอาคมสีแดงชาดหลายเส้นก็เปลี่ยนรูปร่างไป

เปลวไฟบนพื้นใต้เท้าของมันมอดดับลงและเผยทางเดินหินที่นำไปสู่ตีนเขา จากนั้นมันก็รีบกระโจนลงเขาไปและมุ่งหน้าไปยังผืนดินที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้า

ทุ่งหญ้าผืนนี้ดูเหมือนจะเป็นทิวทัศน์ที่งดงาม

แต่แท้จริงแล้วมันคือข่ายปราณชนิดหนึ่งที่ซับซ้อนยุ่งยากและเต็มไปด้วยอุปสรรค

แต่ทว่า

มันเป็นการยากที่จะล้มขวางลู่หมิงหยางผู้เชี่ยวชาญด้านข่ายปราณ

มันทำลายฐานรากที่ซ่อนอยู่ตามทุ่งหญ้าไปหลายจุด จนในที่สุดก็มาถึงแท่นสูงหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม

แท่นสูงทำจากหินอ่อน

มันดูเหมือนแท่นบูชาสูงสิบเมตร รอบๆรายล้อมไว้ด้วยขั้นบันไดและมีโต๊ะหินที่ด้านบนสุดของแท่นพร้อมด้วยโทเค็นเพชรสีดำสิบอัน

ลู่หมิงหยางมองไปรอบๆและพบว่าบนแท่นบูชาแห่งนี้มีเพียงมันอยู่ผู้เดียว

มันเผยยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจในทันทีพลางหัวเราะออกมา

“ฮะ... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ! …ข้ามาถึงก่อน

ข้าคืออันดับหนึ่ง !”

ในขณะที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี

ลู่หมิงหยางก็กระโดดตามขั้นบันไดสูงมุ่งหน้าไปบนยอดของแท่นสูง มันรีบไปที่โต๊ะหินและพบโทเค็นประจำตัวของมันและศิษย์อีกเก้าคน อย่างไรก็ตามหลังจากที่มันหยิบโทเค็นของตัวเองมาแล้วก็ยังไม่จากไปในทันที

ดวงตาของมันเหลือบมองไปที่โทเค็นประจำตัวของจี้เทียนซิง  มันขมวดคิ้วอยู่ชั่วครู่หนึ่งและคิดเรื่องชั่วร้ายออกในทันที

ดวงตาของมันเปล่งประกายเจ้าเล่ห์พลางเหยียดมือออกไปหยิบโทเค็นของจี้เทียนซิงติดมือมาด้วย

จากนั้นก็รีบเดินลงจากแท่นสูงและมุ่งหน้าต่อไปยังทะเลทรายสีทองที่อยู่ไม่ไกลออกไป

“ทะเลทรายสีทองเต็มไปด้วยไอกระบี่อันเกรี้ยวกราดและค่ายกลกระบี่อันทรงพลัง

แถมยังมีคลื่นกระบี่ที่พัดพาอย่างต่อเนื่อง... ”

“จิ๊ๆๆ

จี้เทียนซิงเอ๋ยจี้เทียนซิง

ข้าลู่หมิงหยางไม่เพียงแค่จะคว้าที่หนึ่งมาครองเท่านั้น

แต่ข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้เจ้าหลุดโผจากการทดสอบครั้งนี้ไปเลย !  เจ้าจะกลายเป็นตัวตลกของหอยุทธ์ฟงอวิ๋น

!”

กล่าวจบลู่หมิงหยางก็ขว้างโทเค็นของจี้เทียนซิงเข้าไปกลางทะเลทรายสีทองที่เต็มไปด้วยค่ายกลกระบี่อันรุนแรง

“น่าเสียดายที่ค่ายกลกระบี่กลางทะเลทรายนี้เหมือนจะยังแรงไม่พอ  ไม่ได้การ

ข้าต้องกระตุ้นการทำงานของค่ายกลและเพิ่มพลังของมันให้มากกว่านี้เพื่อดักจับจี้เทียนซิงให้อยู่หมัด

!”

ลู่หมิงหยางรู้สึกไม่สบายใจ

มันจึงออกค้นหาฐานรากของข่ายปราณในทะเลทรายสีทอง มันเป็นกล่องสี่เหลี่ยมที่มีพื้นผิวที่ถูกสลักไว้ด้วยเส้นสายอาคมสีทองนับสิบสาย

มันทำหน้าที่เป็นเหมือนตัวหมากรุกที่คอยควบคุมข่ายปราณของทะเลทรายสีทองแห่งนี้

ลู่หมิงหยางครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจากนั้นก็ฝืนบังคับปรับเปลี่ยนรูปแบบของข่ายปราณ

ทันใดนั้นทั่วทั้งทะเลทรายก็สว่างวาบขึ้นด้วยลำแสงสีทองอันตระการตา

ก่อเกิดเป็นม่านโปร่งแสงสีทอง

ม่านโปร่งแสงนี้เต็มไปด้วยปราณกระบี่อันไร้สิ้นสุดราวกับทุ่งกระบี่

คลื่นกระบี่อันรุนแรงกลั่นตัวเป็นกระบี่สีทองอันแหลมคมอย่างต่อเนื่อง

คลื่นกระบี่สีทองอันรุนแรงนับร้อยๆเล่มบินวนเวียนอยู่ในม่านแสงอย่างต่อเนื่องและส่งเสียงดัง

'ซัวะ ซัวะ ซัวะ’ ที่เสียดแก้วหูผู้คน

ลู่หมิงหยางยกยิ้มมุมปากด้วยความมั่นใจว่า

ต่อให้เป็นตัวมันเองหากถูกโยนลงไปกลางทุ่งกระบี่นี้ก็ยังไม่อาจต้านทานคลื่นกระบี่สังหารนับร้อยเล่มเหล่านี้ได้

อย่างน้อยๆก็ต้องฟกช้ำดำเขียวและบาดเจ็บเต็มตัวกันไปข้าง !

......

อีกทางหนึ่ง  จี้เทียนซิงฝ่าขวากหนามและค่ายกลจุดแล้วจุดเล่า

ในที่สุดก็มาถึงที่ราบลุ่มและพบแท่นสูง

เขามองที่โต๊ะหินที่อยู่ด้านบนของแท่นสูงและเห็นโทเค็นประจำตัวสีดำที่อยู่บนนั้น  ในที่สุดเขาก็ผ่อนคลายลง

“ฟู่ว.....  ในที่สุดข้าก็หาโทเค็นพบเสียที”

จี้เทียนซิงพึมพำ

จากนั้นก็หันไปมองรอบๆจึงพบว่ามีตนเองอยู่ระแวกนี้เพียงลำพัง

“แปลกจัง แล้วไอ้เจ้าลู่หมิงหยางเล่า ?  มันยังมาไม่ถึงที่นี่อีกหรือ

?”

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

เขารีบก้าวเท้าเดินไปที่โต๊ะหินทันที  จากนั้นเมื่อสังเกตไปที่จำนวนของโทเค็นที่วางบนโต๊ะเขาก็หน้าถอดสี

“ทำไมมีโทเค็นเพียงแค่แปดอัน ?! บ้าน่า !”

เขาเริ่มสังหรณ์ไม่ดีและค้นหาโทเค็นของตนเองอย่างรวดเร็วจากทั้งแปดอันที่วางอยู่

แล้วก็เป็นอย่างที่คิด

ในโทเค็นทั้งแปดอันนั้นไม่มีโทเค็นของเขาอยู่เลย !

โทเค็นที่ขาดหายไปสองอัน

หนึ่งคือของเขา อีกหนึ่งก็คือของลู่หมิงหยางอย่างแน่นอน

“ลู่หมิงหยาง เจ้าคนต่ำทราม !

มันชิงโทเค็นของข้าติดมือไปด้วย !”

ทันใดนั้นใบหน้าของจี้เทียนซิงก็มืดมนลง

ดวงตาเปล่งประกายเย็นชา