ปะทะมหาปุโรหิต
!
ในสถานการณ์เช่นนี้หยุนเหยา
จี้เทียนซิงและไป๋หวู่เชินไม่จำเป็นต้องสื่อสารอันใดก็ทราบได้ทันทีว่าควรทำอย่างไร
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสุดยอดฝีมือแห่งเผ่าปีศาจถึงสองตน
สิ่งที่พวกเขาทำได้คือสู้จนตัวตาย !
เนื่องจากมหาปุโรหิตผู้นี้สามารถลอบเข้ามาในนิกายพันธมิตรสวรรค์ได้หลายต่อหลายครั้งในรอบหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา
แม้แต่ผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งหลายคนของนิกายก็ยังจนปัญญาต่อปีศาจตนนี้
ถึงแม้หยุนเหยาและไป๋หวู่เชินจะเป็นอัจฉริยะชั้นยอดของนิกาย
แต่พวกเขาก็เป็นเพียงชนรุ่นหลังที่อายุไม่ถึงครึ่งของมัน ! พวกเขาจะเอาชนะมหาปุโรหิตของเผ่าปีศาจได้อย่างไร ?
ในเวลาเดียวกันมหาปุโรหิตและองค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยก็ก้าวเท้าเข้าใกล้พวกเขาทั้งสามพร้อมกัน
ตามมาด้วยแรงกดดันอันแข็งกร้าวและจิตสังหาร
“แซ่ก...แซ่ก.... แซ่ก !”
เสียงฝีเท้าเบาบางเหยียบย่างลงบนเศษใบไม้บนพื้น
แต่มันกลับเป็นเหมือนเสียงระฆังแห่งความตายที่ทำให้พวกเขารู้สึกตึงเครียด
“เช้ง !”
ในที่สุดหยุนเหยาก็ชิงลงมือก่อน
นางซัดกระบี่เข้าใส่มหาปุโรหิตด้วยคลื่นกระบี่ถึง 49
สายที่พร่างพราวไปทั่วท้องฟ้า
“ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ !”
คลื่นพลังกระบี่แต่ละสายของนางยาวกว่าสองเมตรและปรากฏขึ้นพร้อมกันต่อหน้ามหาปุโรหิตทันที
นี่คือเต๋ากระบี่ของหยุนเหยา นางใช้พลังยุทธ์ทั้งหมดที่มีโดยไม่มีการออมแรง
ดูเหมือนว่ามหาปุโรหิตก็คาดไม่ถึงว่านางจะกล้าชิงเป็นฝ่ายลงมือก่อน ดวงตาของเขาทอประกายเย้ยหยัน
เขาเอื้อมมือออกไปที่ช่วงเอวและดึงแส้ที่ดำราวกับหมึกออกมา มันแผ่พุ่งกลิ่นไอมรณะอันแรงกล้า
จากนั้นก็เหวี่ยงมันออกไปเป็นเงาแส้สีดำทมิฬหลายเส้นสายที่เอ่อล้นจนท่วมท้องฟ้า
“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง !!”
เสียงแตกหักดังขึ้นและคลื่นกระบี่ทั้งหมดของหยุนเหยาก็ถูกทำลายจนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
มหาปุโรหิตสามารถต้านรับการโจมตีของนางได้อย่างง่ายดายและไร้ซึ่งการบาดเจ็บ
“เหอะ นังเด็กมนุษย์ผู้มิเจียมตน !”
มหาปุโรหิตแสยะยิ้มอย่างเย่อหยิ่งและเหวี่ยงแส้สีดำออกไปอีกครั้งเข้าหาร่างของหยุนเหยา
“ฟุ่บ ฟุ่บ !”
แส้ยาวสีดำที่ดุจดั่งงูดำที่ดุร้ายยิงลำแสงสีดำทมิฬออกมาปกคลุมร่างของนางตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ศิษย์พี่ !”
ไป๋หวู่เชินหน้าถอดสี
ดวงตาฉายแววหวาดกลัวอย่างล้ำลึก เขาเลื่อนมือแตะด้ามกระบี่ด้วยความลังเลเล็กน้อย
แต่สุดท้ายก็ยังวิ่งไปช่วยนางรับการโจมตี
สองศิษย์ร่วมสำนักเหวี่ยงกระบี่ขึ้นต้านรับในเวลาเดียวกันและร่ายรำเพลงกระบี่อันเย็นเยือกเพื่อต่อต้านลำแสงสีดำนับร้อยๆเส้นจากพลังฝีมือของมหาปุโรหิต
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง !!
เสียงปริแตกระเบิดดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
หยุนเหยาและไป๋หวู่เชินต้องล่าถอยนับสิบๆก้าวด้วยใบหน้าซีดขาวและมีเม็ดเหงื่อเย็นผุดซึมจากบนหน้าผาก
“เหอะๆๆ
ในเมื่อพวกเจ้าอุตส่าห์มาเยี่ยมพวกข้าถึงถิ่น งั้นก็จงอยู่ต่อเถิด !”
มหาปุโรหิตตะโกนพลางเหวี่ยงแส้งูทมิฬออกมาอีกครั้งเพื่อโจมตีหยุนเหยาและไป๋หวู่เชิน
ทั้งสองทำได้เพียงกัดฟันร่ายรำเพลงกระบี่เข้าปะทะกับมหาปุโรหิตอีกครั้งอย่างไร้ทางเลือก
พวกเขาทั้งสามคนเป็นยอดฝีมือระดับสูงจึงทำให้บรรยากาศในการต่อสู้นั้นดุเดือดรุนแรงเป็นพิเศษ
ความเร็วของกระบวนท่าและการเคลื่อนไหวยิ่งรวดเร็วสุดขีดเกินกว่าที่ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน
จี้เทียนซิงมองเห็นได้แค่เพียงว่า ในระยะสิบเมตรรอบๆการปะทะของคนทั้งสามนั้นปกคลุมไปด้วยริ้วลำแสงกระบี่อันเย็นเยือกนับไม่ถ้วนและตามมาด้วยการหักโค่นของต้นไม้ต้นแล้วต้นเล่า
กลุ่มก้อนลำแสงเหล่านั้นยังคงเคลื่อนไหวย้ายจุดปะทะเข้าสู่ป่าลึกไปเรื่อยๆ
ทุกที่ที่พวกเขาผ่านจะทำให้ต้นไม้ต้นหญ้าถูกทำลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยกระเด็นไปทั่ว
การต่อสู้ที่ดุเดือดในระดับนี้
แม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตปราณจิตทั่วๆไปก็ยังไม่มีสิทธิ์เข้าไปแทรกแซงได้ !
ฟุ่บ
!
ในเวลานี้เอง
องค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยก็กลายเป็นหมอกสีดำที่ทอดเส้นสายยาวยืดออกไปนับร้อยก้าวและปรากฏตัวต่อหน้าจี้เทียนซิง
ดวงตาของนางจ้องมองไปที่ชายหนุ่มอย่างเย็นชา
จากนั้นก็ยกชายแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นฝ่ามือเลือดสองข้างที่คว้าเข้าหาศีรษะของเขา
“ระยำ เผ่าปีศาจตนนี้จะเล่นข้าเสียแล้ว !”
จี้เทียนซิงสบถออกมา
สีหน้ากลายเป็นเยือกเย็นในทันที ดวงตาของเขาเคร่งเครียดจริงจังอย่างมาก
“นี่มัน......นังแม่มดร้ายตนนั้น มาไม้เดิมอีกแล้ว
!”
เมื่อตอนที่เขาอยู่ในถ้ำวายุทมิฬ
เขาถูกขังอยู่ในห้องหินเล็กๆแคบๆและไร้ซึ่งที่หลบซ่อน เขาเกือบถูกองค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยผู้นี้ฆ่าตาย
ทว่าวันนี้เขาได้เผชิญหน้ากับนางอีกครั้ง
แต่เป็นเชิงเขาที่มีภูมิประเทศเปิดกว้า นอกจากนี้เขาก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย
อีกทั้งยังมีกระบี่มังกรดำอยู่ในมือ
ในเวลานี้เอง
ในที่สุดจี้เทียนซิงก็มีอาวุธคู่กายไว้ตอบโต้นางบ้างแล้ว
“นังแม่มดสารเลว
รับกระบี่ !”
จี้เทียนซิงตะโกนลั่นอย่างเกรี้ยวกราดและชักกระบี่ฟาดฟันเข้าใส่องค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยทันที
“ซูม !!”
กระบี่มังกรดำกลายเป็นคลื่นพลังกระบี่สีขาวหิมะยาวสามเมตรที่นำมาซึ่งพลังอันรุนแรงและโจมตีเข้าหานาง
องค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
นางเกรงกลัวที่จะใช้ฝ่ามือโลหิตเข้าปะทะกับกระบี่อันรุนแรงนี้จึงรั้งพลังกลับและกลายร่างเป็นหมอกสีดำอย่างรวดเร็ว
“เหอะๆ เผ่าพันธุ์มนุษย์ผู้อ่อนแอ เจ้ารอดพ้นจากเงื้อมของข้าไปได้ถึงสองครั้ง
แต่วันนี้ดวงเจ้าหมดแล้ว เจ้าต้องตาย !”
เมื่อสิ้นเสียง
ร่างของนางก็ปรากฏขึ้นจากอากาศที่เบาบางและหลบรอดจากกระบวนท่าสังหารของกระบี่มังกรดำได้อย่างง่ายดาย
"ตูม !!!"
พลังจากคลื่นกระบี่ของกระบี่มังกรดำที่สาดซัดออกไปนั้นพลาดเป้าและตกกระทบใส่พื้นจนแผ่นดินถล่มกลายเป็นลำธารยาวห้าเมตร
มันถางป่าจนเหี้ยนและทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนไม่หยุด
ในขณะนั้นเอง
องค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยก็ซัดฝ่ามือโลหิตจากด้านหลังของเขาและมุ่งเป้าไปที่ศีรษะอย่างโหดเหี้ยม
ในช่วงวิกฤตินี้
จี้เทียนซิงขนลุกซู่และสัมผัสได้ทันทีถึงความเป็นความตายที่ย่างกรายเข้ามา
ร่างกายของเขาตึงเครียดขึ้นในทันที
เขาไม่รวดเร็วพอที่จะหันหลังกลับไปต้านรับฝ่ามือของอีกฝ่าย
จึงโคจรย่างก้าวไร้เงาโดยตรงและพุ่งตัวหนีไปข้างหน้า แต่สุดท้ายก็ยังช้าเกินไป
เขาถูกฝ่ามือโลหิตของนางซัดใส่เข้ากลางหลังเต็มเปา
“พรู่ด.......... !”
ศรโลหิตปะทุออกจากปากของชายหนุ่ม
ร่างของเขากลิ้งโคโร่กระเด็นไปไกลหลายสิบเมตร
โชคยังดีที่เขาหลีกเลี่ยงช่วงวิกฤติได้ทันจึงรับพลังฝ่ามือไปเพียงหกส่วน
นอกจากนี้เกราะมังกรน้ำแข็งที่สวมใส่อยู่ก็ช่วยลดทอนพลังทำลายส่วนใหญ่ไปได้อีกมาก ทั้งหมดนี้ทำให้เขารอดพ้นจากความตายมาได้
ทว่า อาการบอบช้ำที่ได้รับก็สาหัสไม่น้อย
“วูบ !”
ทันทีที่จี้เทียนซิงลุกขึ้นจากพื้น
องค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยก็ทะยานร่างเข้าหาเขาอีกคำรบหนึ่งและซัดฝ่ามือโลหิตเข้าใส่ทันที
“นังแม่มดนี่แข็งแกร่งนัก....”
จี้เทียนซิงขมวดคิ้ว มาถึงขั้นนี้เขาทำได้เพียงต้องใช้เคล็ดวิชาเข้าต่อกรเท่านั้น
“วายุ..... อัสนีบาต !!!”
ชายหนุ่มปักกระบี่มังกรดำไว้ที่พื้น สองฝ่ามือกางออกและปะทุปราณกระบี่ยาวสองเมตรออกมาเพื่อร่ายรำเพลงกระบี่ดาราเหินกระบวนท่าที่สอง ซึ่งเป็นกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดของเขาเข้าต้านรับการโจมตีขององค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยทันที
ปราณกระบี่ส่องแสงสีทองอร่าม
หมุนวนเป็นพายุเฮอริเคนที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นเส้นสายอัสนีบาตยาวครึ่งเมตร มันผ่าฟาดลงมาจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
"ครืน.... เปรี้ยง !!"
สายวิชชุอันทรงพลังและดุร้าย
ผ่าฟาดเข้าหาร่างขององค์หญิงเสวี่ยเยวี่ย ณ จุดนั้นทันที
นางถูกกระแทกจนต้องล่าถอยไปถึงสามก้าว
ดวงตาทอประกายประหลาดใจอย่างล้ำลึก
ฟุ่บ !
จี้เทียนซิงช่วงชิงโอกาสนี้ทันทีโดยไม่ลังเล
เขาโคจรย่างก้าวไร้เงาด้วยพลังเต็มพิกัดและวิ่งหนีไป
น่าเสียดายที่ระดับพลังของเขากับนางยังห่างชั้นกันเกินไป
อย่างน้อยๆก็ต่างกันถึงหนึ่งขอบเขตใหญ่
เมื่อเห็นชายหนุ่มทะยานร่างหนีสุดชีวิต
องค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยที่ฟื้นคืนสติกลับมาก็แสยะยิ้มมุมปากและวูบไหวร่างเป็นริ้วลำแสงตามติดไปเบื้องหลังในพริบตา
“ปัง !”
ก่อนที่เขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนองได้ทัน
องค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยก็ซัดฝ่ามือเข้าใส่กลางหลังจนเขาลอยกระเด็นออกไปอีกครั้ง
"อั่ก !!"
จี้เทียนซิงกระอักโลหิตคำโต
ร่างของเขาปลิวดุจว่าวหลุดสายป่านและตกลงในป่าห่างออกไปสิบเมตร
ครั้งนี้อาการบาดเจ็บยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก
ร่างกายของเขาหนักอึ้งจนเคลื่อนไหวแทบไม่ได้
มุมปากของเขามีโลหิตแดงฉาดไหลออกมาเป็นสายน้ำ
อวัยวะภายในทั่วร่างเจ็บปวดมากจนมิอาจโคจรพลังลมปราณได้แม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม
จิตใต้สำนึกของเขายังคงตื่นตัวและรู้สึกเสียวซ่านที่หัวใจจนลอบหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบออกมา
องค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยค่อยๆเดินเข้าหาอย่างใจเย็นและจ้องมองการดิ้นรนของเขาอย่างเหยียดหยาม จากนั้นนางก็ยื่นนิ้วสองนิ้วออกมาทิ่มแทงไปที่หน้าอกและท้องน้อยของเขา
4 ครั้ง
ตุบ
!
ทันใดนั้นพลังลมปราณและเส้นชีพจรของจี้เทียนซิงก็ถูกผนึกไว้หมดสิ้น
เขาล้มฟุบลงกับพื้นหญ้าและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป
นอกเหนือจากการเปิดปากพูด
เขาขยับไม่ได้แม้แต่นิ้วเดียวและสูญเสียการควบคุมร่างกายไปโดยสมบูรณ์
เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงเสวี่ยเยวี่ยสกัดจุดเขาเอาไว้เพราะนางยังไม่คิดฆ่าเขา
อย่างน้อยๆก็ตอนนี้.....
หลังจากนั้นนางก็แบกเขาไว้บนบ่าและเดินกลับเข้าไปในถ้ำของเผ่าปีศาจ
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved