เจ้าไม่คิดหรือว่านี่คือลิขิตฟ้า?
มารโลหิตเป็นผู้มีปราณยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในขอบเขตปราณฟ้า
และด้วยร่มหมอกปีศาจที่อยู่ในมือ แน่นอนว่าทำให้มันยิ่งทรงอำนาจมากขึ้น
มันทะลุทะลวงผ่านพื้นดินมืดมิดโดยไร้เสียง แม้กระทั่งรัศมีพลังมารก็ไม่เล็ดรอดไปเพียงน้อยนิด
ไม่มีผู้ใดสามารถตรวจจับกลิ่นไอของมันได้เว้นเสียแต่ว่าจะมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับปราณอยู่ใกล้ๆมันเท่านั้น
นิกายพันธมิตรสวรรค์ในวันนี้แม้จะมียอดฝีมือปราณฟ้าที่แข็งแกร่งอยู่มากมาย
แต่ทุกคนต่างก็ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ในตำหนักฉิงเทียน ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจะมีคนลอบเข้ามา
ไม่ถึงครึ่งชั่วยามต่อมา มารโลหิตได้ลอบเข้าไปในส่วนลึกใต้พื้นดินของนิกาย
มือโบกสะบัดร่ายมนต์คาถาอย่างเงียบเชียบและวางผลึกวิญญาณไว้ในเส้นชีพจรวิญญาณ
ผลึกวิญญาณก้อนนั้นถูกซ่อนไว้อย่างแน่นหนา ผสมผสานกับรัศมีพลังของมหาข่ายปราณจนยากที่ผู้ใดจะค้นพบ
หึ
หึ หึ.......
เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการ
มารโลหิตแสยะยิ้มเห็นเขี้ยวและลอบออกจากพื้นที่อย่างเงียบงัน
หลังจากผ่านไปไม่นานมันก็กลับไปถึงยอดเขาที่อยู่ห่างออกไปห้าสิบไมล์และปรากฏตัวขึ้นข้างๆเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้
เมื่อนางเห็นมารโลหิตกลับมาอย่างปลอดภัยจึงกระซิบถามอย่างรวดเร็วว่า
“เสด็จพ่อ
แผนการทุกอย่างเป็นไปด้วยดีหรือไม่ ?”
"หึ
เราราชันลงมือเอง แน่นอนว่าต้องราบรื่น”
มารโลหิตแค่นเสียงพลางแสยะยิ้มอย่างมั่นใจ
"เราวางผลึกวิญญาณฝังลึกไว้ในเส้นชีพจรวิญญาณและข่ายปราณ
หลังจากนี้ไม่เกินหนึ่งเดือน มันจะเสื่อมพลังลง"
"เมื่อถึงตอนนั้นต่อให้พวกมันสัมผัสถึงความผิดปกติได้ก็ไม่ทันการณ์
ส่วนพวกเราก็ใช้โอกาสนั้นทำลายมหาข่ายปราณและช่วยองค์จักรพรรดิออกมา !"
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ได้ยินดังนั้นพลันคึกคักขึ้นอักโข
ดวงตาสีแดงของนางเปล่งประกายเจิดจ้ากล่าวอย่างตื่นเต้นยินดี “วิเศษมาก ! เสด็จพ่อ
แผนการของพวกเราจะสำเร็จในไม่ช้า !”
"อืม"
มารโลหิตพยักหน้าพลางกล่าวต่อไปว่า
“ยังเร็วไปที่จะดีใจ
เราราชันยังต้องเตรียมการอีกมาก"
มันพูดกับเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้ด้วยเสียงต่ำว่า
“เสวี่ยเยวี่ย
ในช่วงหลายวันนี้เจ้าจงรั้งอยู่ระแวกนี้
จับตาดูการเคลื่อนไหวของนิกายพันธมิตรสวรรค์"
" หากมีข่าวใดๆเกิดขึ้นจงแจ้งต่อเราราชันโดยพลัน ที่สำคัญเจ้าต้องซ่อนตัวให้มิดชิด
อย่าให้พวกมันพบเจ้าได้โดยเด็ดขาด"
"เพคะเสด็จพ่อ !”
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้พยักหน้าตอบรับอย่างเคร่งขรึม
จากนั้นถามด้วยความสับสนว่า
“เสด็จพ่อแล้วท่านจะทำอะไรต่อไป
ท่านไม่อยู่กับข้าหรือ ?”
มารโลหิตผุดยิ้มเย็นและกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “เราราชันมิได้เห็นเดือนเห็นตะวันในดินแดนดาราบรรพกาลมาเป็นแรมปี
เราจะออกสำรวจสถานการณ์โดยรอบเพื่อให้แน่ใจว่าแผนการราบรื่นและไม่ผิดพลาด”
“เราราชันมีสหายเก่าแก่อยู่คนหนึ่ง
ถึงเวลาแล้วที่จะต้องไปทักทายมันเสียหน่อย”
เมื่อได้ยินคำพูดของบิดา
เสวี่ยเยวี่ยจวินจู้พยักหน้าอย่างคลุมเครือและไม่ถามอะไรอีก
ฟุ่บ
!
หยุดไปครู่หนึ่ง
มารโลหิตก็สะบัดร่มหมอกปีศาจและบินหายไปในหมอกรัตติกาล
ตอนนี้จึงเหลือเพียงเสวี่ยเยวี่ยจวินจู้เพียงลำพัง
นางนั่งบนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง
เพ่งสายตามองไปยังแสงสว่างจ้าของงานเลี้ยงภายในนิกายพันธมิตรสวรรค์
...........
ในที่สุดค่ำคืนอันคึกคักครื้นเครงภายในนิกายพันธมิตรสวรรค์ก็ได้ผ่านพ้นไป
ในตอนเช้าของวันต่อมา ทันทีที่ดวงอาทิตย์พ้นขอบฟ้าก็มีหมอกในตอนเช้าระหว่างยอดเขาของนิกายพันธมิตรสวรรค์ปรากฏขึ้น
ทะเลสาบปี้โผที่อยู่หลังยอดเขาฉิงเทียนก็ปกคลุมไปด้วยชั้นของหมอก
ยิ่งขับเน้นความสวยงามและลึกลับมากกว่าที่ผ่านๆ
สายน้ำไหลกระเพื่อมในทะเลสาบ ซัดขึ้นมาบนชายฝั่ง ต้นไม้ใบหญ้าและกลิ่นหอมจางๆจากต้นสมุนไพรโชยออกมา
ยิ่งทำให้ทิวทัศน์ดูงดงามและน่าดูยิ่ง
ในเวลานี้เอง
บุรุษสตรีคู่หนึ่งกำลังเดินเคียงคู่กันอยู่บนทางเดินหินสีฟ้าใต้ต้นหลิวริมทะเลสาบ
บุรุษผู้นี้ร่างสูงโปร่งหล่อเหลาราวเทพบุตร เสื้อคลุมทองคำและรองเท้าขอบทอง
ผมยาวสลายผูกมัดด้วยมงกุฎหยก
ไม่ต้องสงสัยเลย มันคือโอรสสวรรค์ หลงหยุนเซียว
ส่วนสตรีที่อยู่ข้างมันคือสตรีในอาภรณ์ขาวพิสุทธิ์
รูปร่างหน้าตาของนางงดงามราวกับนางฟ้ามาจุติ คงไว้ซึ่งอารมณ์เย็นชาและสีหน้าเรียบเฉย
นางก็คือหยุนเหยา
เมื่อวานนี้หลงหยุนเซียวมาเยือนนิกายพันธมิตรสวรรค์เป็นครั้งแรก
แน่นอนว่าต้องแต่งกายด้วยชุดเป็นทางการ เสื้อคลุมมังกรทองและมงกุฎ
ทว่าวันนี้มันมิได้มีกิจธุระอย่างเป็นทางการ
เป็นเวลาส่วนตัว มันจึงเปลี่ยนเป็นชุดลำลอง
แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังคงเป็นบุรุษที่งดงามและโดดเด่น
ทั้งสองเดินเคียงคู่กันไปตามเส้นทางริมทะเลสาบ
ถึงแม้ว่าจะเดินเคียงข้างกัน แต่ทั้งสองก็อยู่ห่างกันสองก้าว
ระยะห่างนี้นับว่าเหมาะสม ไม่ใกล้ชิดเกินไป
ไม่ห่างเหินเกินควร มันคือระยะห่างปกติระหว่างสหายทั่วๆไป
หลงหยุนเซียวดูเหมือนว่าจะอารมณ์ดีไม่น้อย
ด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก มันกล่าวเสียงนุ่มนวลว่า
“เหยาเหยา เรายังจำได้ว่าครั้งแรกที่พบหน้าเจ้าก็เป็นเมื่อเก้าปีก่อน
ตอนนั้นเป็นงานฉลองวันเกิดครบรอบ 100
ปีของท่านลุงหยุน ตอนนั้นเจ้าสวมอาภรณ์ดาราน้ำแข็งจันทรา
แม้จะยังเป็นแค่สาวน้อยแต่ก็เป็นเด็กน้อยที่งดงามจับจิต
ชวนให้ผู้คนได้ตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก"
"เราคิดไม่ถึงว่าผ่านมาเก้าปี
ตอนนี้เจ้าเติบโตเป็นสาวงามล่มเมือง อีกทั้งยังเป็นอัจฉริยะในเชิงยุทธ์อันดับหนึ่งของอาณาจักรเทียนเฉินที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ...
เวลาผ่านไปเร็วนัก"
หลงหยุนเซียวกล่าวเรื่องในความทรงจำของมัน
ดวงตาเหม่อลอยมองไปเบื้องหน้า รอยยิ้มพิมพ์ใจปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาของมัน
หยุนเหยายังคงสงบเยือกเย็นตามปกติและไร้ซึ่งการตอบสนองอะไรมากนัก
"เทียนจือ ท่านรบกวนเวลาหลับนอนของผู้อื่นแต่เช้า
ขอให้ข้าเดินเล่นริมทะเลสาบเพื่อรำลึกอดีตแค่นั้นหรือ ?"
"ท่านไม่จำเป็นต้องกล่าวเรื่องเก่าๆเทือกนั้น
สมควรพูดตรงเข้าธุระของท่านเลยดีกว่ากระมัง ?”
หลงหยุนเซียวไม่เพียงไม่โกรธ
แต่ยังปรากฏรอยยิ้มขบขันขึ้นที่มุมปากของมัน ปากกล่าวต่อไปอย่างอ่อนโยนว่า
“เหยาเหยา
เราไม่คิดเลยว่าเจ้ามาอยู่อาณาจักรเทียนเฉินตั้งหลายปี แต่บุคลิกของเจ้าก็ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เจ้ายังคงเหมือนเดิม"
มันทราบดีถึงบุคลิกและนิสัยของหยุนเหยา นางเย็นชาและไม่ค่อยพูดจาอะไรกับมันมากนัก
หยุนเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อยและไม่ได้กล่าวตอบ
หลงหยุนเซียวจึงพูดต่อไปว่า "เหยาเหยา
เราทราบดีถึงเหตุผลที่เจ้าออกจากวังวิญญาณเมฆา ออกห่างจากจ้งโจว
เดินทางมาอาศัยอยู่ในดินแดนห่างไกลเช่นนี้
เจ้าคิดหลบหน้าเรา"
"แต่ตอนนี้ตี้จวินกำลังจะเลือกคู่ครองให้เรา
เราจำต้องเลือกหนึ่งในสามผู้สมัครที่เหมาะสมและโดดเด่นที่สุดจากเก้าอาณาจักร และ... เจ้าก็เป็นหนึ่งในนั้น"
"เหยาเหยา เจ้าไม่คิดหรือว่านี่คือลิขิตฟ้า มันสมควรเป็นชะตากรรมของเจ้ามิใช่หรือ ?"
"แม้นเจ้าจะหลบลี้หนีหน้าเรามายังอาณาจักรเทียนเฉินที่ห่างไกล
ซ่อนตัวในเหลือบมุมของทวีป แต่สุดท้ายเรากับเจ้าก็ได้พบกันอีกครั้งอยู่ดี"
สิ้นเสียง
คนเบนหน้าไปมองวงหน้าด้านข้างของนาง สีหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
หยุนเหยาขมวดคิ้วพลางเหลือบตามองอีกฝ่ายและกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
“เจ้าควรจะรู้ว่าข้าไม่เคยเชื่อในเรื่องโชคชะตา
ข้าเพียงเชื่อว่าคนเราสามารถพิชิตชะตากรรมได้ ควบคุมบงการชีวิตตนเอง”
“ชะตากรรมของข้า
ข้าจะลิขิตเอง !”
"ที่สำคัญ ข้าได้ยินมาว่าผู้สมัครชายาอีกสองนางก็นับว่าไม่เลว
พวกนางล้วนงดงามล่มเมืองและยังเป็นอัจฉริยะชั้นยอด เจ้าสมควรพิจารณาพวกนางดู”
ดวงตาของหลงหยุนเซียวทอประกายเจิดจ้า
คนเลิกคิ้วขึ้นอย่างสนอกสนใจพลางกล่าวว่า “เหยาเหยา จากประโยคนี้ของเจ้า เราตีความหมายว่าเจ้ากำลังหึงหวงเรา"
หยุนเหยาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเฉยชาพลางกล่าวด้วยเสียงเย็นว่า
“เจ้าก็คิดมากไป”
หลงหยุนเซียวหรี่ตาลงและกล่าวว่า
“เหยาเหยา
เจ้าก็น่าจะรู้ นับตั้งแต่วันแรกที่เราได้เห็นหน้าเจ้า เราก็ปฏิญาณกับตัวเองไว้แล้วว่า
ชายาของเราจะต้องเป็นเจ้าเท่านั้น เราต้องการเจ้ามาเป็นคู่ครอง"
"เมื่อได้พบเจ้าที่งดงามเยี่ยงนี้
สตรีอื่นใดเล่าจะเข้าตาเราได้อีก ? พวกนางเป็นได้แค่สตรีหิ้วรองเท้าให้เจ้าเท่านั้น"
"เรารู้ว่าเจ้าไม่เคยคิดเป็นชายาของเรา
แต่นั่นไม่สำคัญ เราจะไม่บังคับเจ้าให้ทำในสิ่งที่เจ้าไม่อยากทำ"
"แต่เราจะทำให้เจ้ายอมรับเราทีละน้อย
จนกว่าจะถึงวันที่เจ้ายินยอมจากใจจริง !”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved