ความลับของภูเขามังกร
ถึงแม้ลู่หมิงหยางจะพยายามกลบเกลื่อน
แต่จี้เทียนซิงและชูไฮว่ซานก็มองออกว่าในใจของมันเต็มไปด้วยความกลัว
แล้วก็เพราะความกลัวนี้ที่ทำให้มันหยิบฉวยอุปกรณ์ระดับล้ำลึกมากมายมากป้องกันตัวเองในทุกด้าน
แต่สุดท้ายลู่หมิงหยางก็ล้มเหลว...
ภายใต้คำสั่งของชูไฮว่ซาน
มันต้องนำอุปกรณ์ล้ำลึกทั้งหมดกลับไปคืนโดยเหลือเพียงกระบี่และชุดเกราะไว้ให้ใช้งานเท่านั้น
สาเหตุก็เนื่องจากก่อนเข้าไปชูไฮว่ซานกล่าวไว้ชัดเจนแล้วว่าให้เลือกสมบัติออกมาได้เพียงสองชิ้นเท่านั้น
ลู่หมิงหยางจึงเดินคอตกนำสมบัติชิ้นอื่นๆกลับไปเก็บที่เดิมด้วยความเสียดาย
.........
หลังเดินออกจากหอสมบัติ
ทั้งสามก็ยืนอยู่ที่หน้าประตู ชูไฮว่ซานกล่าวย้ำว่า “ในช่วงไม่กี่วันที่เหลือนี่พวกเจ้าจะต้องพยายามให้หนักเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งและเตรียมตัวให้พร้อม”
จี้เทียนซิงและลู่หมิงหยางพยักหน้ารับคำ
จากนั้นก็เดินออกจากหอสมบัติ
ระหว่างทางกลับไปที่หอยุทธ์ฟงอวิ๋น
จี้เทียนซิงก้าวยาวๆเดินนำลิ่วโดยไม่รั้งรอลู่หมิงหยางแม้แต่น้อย
ลู่หมิงหยางหรี่ตามองที่ด้านหลังของจี้เทียนซิงพร้อมกับแสยะยิ้มมุมปาก ในใจขบคิดอย่างเงียบงัน
“ฮึ ! ตัวบัดซบจี้เทียนซิง
ให้เจ้าผยองไปก่อนสักหลายวันเถอะ เมื่อถึงงานประลองหลงซานเมื่อไหร่
เจ้าจะต้องร้องไห้แน่ !”
“ถึงแม้ข้าจะไม่อาจเอาชนะฮั่งเชินและหยินเฟยหยางได้
แต่ตอนนี้ข้ากำลังจะตัดผ่านไปยังขอบเขตปราณจิตขั้นที่สองในไม่ช้า
จากนั้นย่อมไม่มีปัญหาในการรับมือกับหยานตงไหลที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่ม”
“เมื่อข้าเอาชนะหยานตงไหลได้แล้ว
จากนั้นข้าจะแกล้งยอมแพ้ปล่อยให้เจ้ารับมือหยินเฟยหยางและฮั่งเชิน
เมื่อนั้นเจ้าเละแน่ !”
“ผลสุดท้ายถึงแม้นิกายเราจะเป็นฝ่ายแพ้
แต่ข้าก็คือวีรบุรุษผู้ชนะเพียงคนเดียวของนิกาย
ส่วนเจ้าจะเป็นคนบาปที่ทำให้นิกายเสียชื่อ !”
ลู่หมิงหยางตัดสินใจที่จะใช้การประลองหลงซานทำให้จี้เทียนซิงกลายเป็นคนบาปของนิกายที่ถูกตราหน้าตลอดไป
หลังจากกลับไปที่หอยุทธ์ฟงอวิ๋น
ลู่หมิงหยางก็เข้าไปในห้องลับ
มันอดใจรอไม่ไหวแล้วที่จะตัดผ่านระดับปราณจิตขั้นที่สอง
จี้เทียนซิงก็ทำเช่นเดียวกันและเข้าไปในห้องลับโดยไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่น้อย
......
ภายในห้องลับของหอฉิงซ่ง
ฮั่งเชินยืนกอดอกที่มุมห้องด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
มันกำลังรอคอยบางสิ่งอยู่อย่างเงียบงัน
หยินเฟยหยางและหยานตงไหลก็กำลังยืนคุยกระซิบกระซาบกัน
ในเวลานี้เองประตูห้องลับก็เปิดออกและมีชายร่างผอมบางที่มีเคราแพะเดินเข้ามา เมื่อเห็นบุคลผู้นี้หยินเฟยหยางและหยานตงไหลต่างก็สงบปากคำและคารวะด้วยความเคารพอย่างสูง
“โอ้ ท่านพ่อบ้านใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว”
“คารวะท่านพ่อบ้านขอรับ”
มีเพียงฮั่งเชินผู้เดียวเท่านั้นที่ไม่ได้แสดงความเคารพ
มันมองไปที่พ่อบ้านใหญ่ด้วยดวงตาคู่โตดุจกระดิ่งและถามว่า “เฮ้ พ่อบ้าน เจ้าบอกให้พวกข้ารอในห้องลับ มีเรื่องอะไรกันแน่ ?"
พ่อบ้านชุดคลุมสีดำสีหน้าบูดบึ้ง
ดวงตาทั้งคู่หรี่ลงเปล่งประกายระยิบระยับ
มันพยักหน้าให้ฮั่งเชินและกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า
“ข้าเรียกพวกเจ้ามา แน่นอนว่าย่อมมีเรื่องสำคัญ”
“ก่อนอื่น วันนี้พวกเจ้าทำได้ดีมากและดึงดูดความสนใจของศิษย์ฝ่ายนอกได้สำเร็จ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าพวกเจ้าทั้งสามก็จะยังคงได้รับความสนใจจากพวกมัน”
“หลังจากเหตุการณ์ในวันนี้
แน่นอนว่าศิษย์ฝ่ายนอกแทบทั้งหมดของนิกายพันธมิตรสวรรค์จะมองพวกเจ้าเป็นศัตรู ดังนั้นพวกเจ้าจะต้องเปลี่ยนสถานที่และเลือกใช้วิธีการอื่นในการดึงดูดความสนใจของพวกมัน”
“ส่วนจะทำอย่างไร
ข้าคงไม่ต้องชี้แนะพวกเจ้าอีกแล้วกระมัง ?”
หยินเฟยหยางและหยานตงไหลสีหน้าหนักอึ้งและมีคำพูดคิดว่ากล่าวแต่ติดอยู่ในคอ
มีเพียงฮั่งเชินเท่านั้นที่พยักหน้าและกล่าวว่า
"พวกข้าเข้าใจแล้ว"
“ว่าแต่ว่า
มันสำคัญอย่างไรกับการให้พวกเราทำเช่นนี้ ? ขอให้พ่อบ้านใหญ่อธิบายให้กระจ่างด้วย”
พ่อบ้านเคราแพะลูบเคราและเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้พลางกล่าวว่า
“นิกายกระบี่ฟ้าจัดแจงให้พวกเรามาเยือนนิกายพันธมิตรสวรรค์ โดยธรรมชาติแล้วย่อมมีความนัยอย่างลึกซึ้งและมันก็เป็นความลับนับพันปีของนิกาย”
“ภารกิจของพวกเจ้าทั้งสามคนมีเพียงดึงดูดความสนใจของคนส่วนใหญ่และศิษย์ฝ่ายนอกให้ได้มากที่สุด ดังนั้นพวกมันจะไม่มีใครระแวงข้า
เมื่อถึงเวลานั้นข้าก็จะเคลื่อนไหวได้สะดวก”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้
หยินเฟยหยางก็เผยสีหน้างุนงงและถามว่า “ผู้น้อยขอบังอาจถามท่านพ่อบ้านใหญ่
หลังจากที่พวกเรามาถึงนิกายพันธมิตรท่านก็หายตัวไปทั้งวัน ข้าไม่ทราบว่าท่าน....”
เห็นได้ชัดว่าพ่อบ้านใหญ่เคราแพะผู้นี้ไม่ยอมเปิดเผยการกระทำและวัตถุประสงค์ที่แท้จริง
มันเพียงยิ้มอย่างลี้ลับและกล่าวว่า “หึๆ
พวกเรามาเยือนนิกายพันธมิตรสวรรค์ครั้งนี้ก็เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ข้าผู้นี้หลงใหลในการศึกษานิกายโบราณที่มีอายุนับพันๆปี
ดังนั้นข้าจึงเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วนิกายเพื่อชมวิวทิวทัศน์และสำรวจเส้นชีพจรวิญญาณของนิกายพันธมิตรสวรรค์”
“เอาเถอะ อย่าถามให้มากความ รู้มากไปก็ใช่ว่าจะดี”
“นี่เป็นภารกิจที่ต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ท่านประมุขพอใจ พวกเจ้าทำตามที่ข้าบอกให้ดีที่สุดก็แล้วกัน”
ฮั่งเชินพยักหน้าและไม่กล่าวอะไรอีก
แต่แววตาของมันแสดงออกอย่างครุ่นคิด
หยินเฟยหยางและหยานตงไหลไม่เข้าใจ
ดวงตาของพวกมันทั้งสองยังคงสับสนงุนงงแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
พ่อบ้านเคราแพะก็กล่าวต่อไปว่า “ตอนนี้พวกเราอยู่ในพื้นที่ของนิกายพันธมิตรสวรรค์
ในช่วงเวลานี้พวกเจ้าต้องระมัดระวังตัวให้มากและอย่าได้ไปขัดแย้งจนถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือ”
“รอจนกระทั่งพวกเจ้านำชัยชนะจากการประลองหลงซานมาสู่นิกายเรา
เมื่อนั้นท่านประมุขจะตบรางวัลให้พวกเจ้าอย่างงาม เพราะสิทธิ์ในการครอบครองภูเขามังกรนั้นสำคัญยิ่งยวด
!”
เมื่อทั้งสามได้ยินคำพูดของพ่อบ้านเคราแพะที่กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
หยานตงไหลก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ข้าได้ยินมาว่าภูเขามังกรมีความสำคัญอย่างมาก
เรื่องนี้จริงหรือ ?”
“ถึงแม้มันจะมีสวนโอสถวิญญาณและชีพจรวิญญาณที่เหมาะสมในการบ่มเพาะ
แต่สถานที่ที่คล้ายกันเยี่ยงนี้ก็มีมากมายนับไม่ถ้วนในดินแดนดาราบรรพกาล
เหตุใดนิกายถึงได้เจาะจงกับภูเขามังกรเท่านั้น ?”
หยานตงไหลกล่าวในขณะที่กวาดสายตามองพ่อบ้านเคราแพะและพรรคพวกอีกสองคนด้วยสีหน้าสงสัย
เมื่อเห็นเช่นนี้
พ่อบ้านเคราแพะจำต้องอธิบายว่า “ข้าจะบอกพวกเจ้าก็ได้
แต่เรื่องนี้เป็นความลับสุดยอดของนิกายเรา ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด เข้าใจไหม ?”
“ย้อนไปเมื่อสามปีก่อน
นิกายกระบี่ฟ้าของเราเป็นฝ่ายมีชัยเหนือการประลองหลงซานและได้ครอบครองภูเขามังกร
นิกายเราพัฒนาไปอย่างมากในช่วงเวลานั้นทรัพยากรกว่าแปดส่วนที่นิกายใช้ในการบ่มเพาะล้วนได้มาจากที่นั่น”
“สองเดือนก่อน
แขกผู้มีเกียรติท่านหนึ่งของท่านประมุขสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายข่ายปราณฟ้าดินในจุดที่ลึกที่สุดของภูเขามังกร”
“หลังจากการสำรวจของแขกท่านนั้นและท่านประมุข ในที่สุดพวกท่านก็พบว่าใต้ภูเขามังกรมีข่ายปราณฟ้าดินอายุร่วมพันปีดำรงอยู่”
“ภายในข่ายปราณแห่งนั้นมีหลุมฝังศพอันลึกลับที่ใหญ่โตมโหฬารและงดงามยิ่ง”
“หลุมฝังศพโบราณ ณ ที่แห่งนั้นเป็นอะไรที่น่าเกรงขามมาก
นอกจากนี้มันยังมีข่ายปราการที่หนาแน่นปกป้องเอาไว้
ดังนั้นมันต้องเป็นหลุมฝังศพของสุดยอดฝีมือที่มีอายุนับพันปี
ภายในนั้นเป็นไปได้สูงว่าจะมีสมบัติล้ำค่าหรือแม้แต่มรดกตกทอดของยอดฝีมือท่านนั้น !”
“นิกายของเราจะต้องเติบโตและพัฒนาต่อไปอย่างมั่นคงในอาณาจักรเทียนเฉิน
พวกเราไม่เพียงแค่ต้องการทรัพยากรบ่มเพาะที่ไม่มีที่สิ้นสุดเท่านั้น
แต่พวกเรายังจำเป็นต้องรวบรวมมรดกวิชายุทธ์และเคล็ดวิชาลึกลับอันทรงพลังให้มากเท่าที่จะมากได้อีกด้วย
!”
“ดังนั้นท่านประมุขจะต้องหาทางเข้าไปในสุสานโบราณแห่งนั้นให้จงได้อย่างแน่นอน
!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้
ฮั่งเชินและหยินเฟยหยางล้วนเต็มไปด้วยความตกใจ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
โทนเสียงของพ่อบ้านเคราะแพะกลายเป็นเคร่งขรึม
“น่าเสียดาย
ข่ายปราการที่ปกป้องสุสานโบราณแห่งนั้นแข็งแกร่งมาก
แม้แต่ระดับท่านผู้นั้นและท่านประมุขร่วมมือกันก็ยังไม่อาจทำลายมันลงได้”
“ดังนั้นในการประลองหลงซานครั้งนี้
พวกเจ้าห้ามแพ้เด็ดขาดเพื่อมิให้สิทธิ์ครอบครองเหนือภูเขามังกรตกไปเป็นของนิกายพันธมิตรสวรรค์!”
“ไม่เช่นนั้น หลุมฝังศพของยอดฝีมือลึกลับจะต้องอยู่ในมือของนิกายพันธมิตรสวรรค์
พวกเจ้าเข้าใจใช่ไหม ?!"
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved