ตอนที่ 186

ความลับของภูเขามังกร

ถึงแม้ลู่หมิงหยางจะพยายามกลบเกลื่อน

แต่จี้เทียนซิงและชูไฮว่ซานก็มองออกว่าในใจของมันเต็มไปด้วยความกลัว

แล้วก็เพราะความกลัวนี้ที่ทำให้มันหยิบฉวยอุปกรณ์ระดับล้ำลึกมากมายมากป้องกันตัวเองในทุกด้าน

แต่สุดท้ายลู่หมิงหยางก็ล้มเหลว...

ภายใต้คำสั่งของชูไฮว่ซาน

มันต้องนำอุปกรณ์ล้ำลึกทั้งหมดกลับไปคืนโดยเหลือเพียงกระบี่และชุดเกราะไว้ให้ใช้งานเท่านั้น

สาเหตุก็เนื่องจากก่อนเข้าไปชูไฮว่ซานกล่าวไว้ชัดเจนแล้วว่าให้เลือกสมบัติออกมาได้เพียงสองชิ้นเท่านั้น

ลู่หมิงหยางจึงเดินคอตกนำสมบัติชิ้นอื่นๆกลับไปเก็บที่เดิมด้วยความเสียดาย

.........

หลังเดินออกจากหอสมบัติ

ทั้งสามก็ยืนอยู่ที่หน้าประตู ชูไฮว่ซานกล่าวย้ำว่า “ในช่วงไม่กี่วันที่เหลือนี่พวกเจ้าจะต้องพยายามให้หนักเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งและเตรียมตัวให้พร้อม”

จี้เทียนซิงและลู่หมิงหยางพยักหน้ารับคำ

จากนั้นก็เดินออกจากหอสมบัติ

ระหว่างทางกลับไปที่หอยุทธ์ฟงอวิ๋น

จี้เทียนซิงก้าวยาวๆเดินนำลิ่วโดยไม่รั้งรอลู่หมิงหยางแม้แต่น้อย

ลู่หมิงหยางหรี่ตามองที่ด้านหลังของจี้เทียนซิงพร้อมกับแสยะยิ้มมุมปาก  ในใจขบคิดอย่างเงียบงัน

“ฮึ !  ตัวบัดซบจี้เทียนซิง

ให้เจ้าผยองไปก่อนสักหลายวันเถอะ เมื่อถึงงานประลองหลงซานเมื่อไหร่

เจ้าจะต้องร้องไห้แน่ !”

“ถึงแม้ข้าจะไม่อาจเอาชนะฮั่งเชินและหยินเฟยหยางได้

แต่ตอนนี้ข้ากำลังจะตัดผ่านไปยังขอบเขตปราณจิตขั้นที่สองในไม่ช้า

จากนั้นย่อมไม่มีปัญหาในการรับมือกับหยานตงไหลที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่ม”

“เมื่อข้าเอาชนะหยานตงไหลได้แล้ว

จากนั้นข้าจะแกล้งยอมแพ้ปล่อยให้เจ้ารับมือหยินเฟยหยางและฮั่งเชิน

เมื่อนั้นเจ้าเละแน่ !”

“ผลสุดท้ายถึงแม้นิกายเราจะเป็นฝ่ายแพ้

แต่ข้าก็คือวีรบุรุษผู้ชนะเพียงคนเดียวของนิกาย

ส่วนเจ้าจะเป็นคนบาปที่ทำให้นิกายเสียชื่อ !”

ลู่หมิงหยางตัดสินใจที่จะใช้การประลองหลงซานทำให้จี้เทียนซิงกลายเป็นคนบาปของนิกายที่ถูกตราหน้าตลอดไป

หลังจากกลับไปที่หอยุทธ์ฟงอวิ๋น

ลู่หมิงหยางก็เข้าไปในห้องลับ

มันอดใจรอไม่ไหวแล้วที่จะตัดผ่านระดับปราณจิตขั้นที่สอง

จี้เทียนซิงก็ทำเช่นเดียวกันและเข้าไปในห้องลับโดยไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่น้อย

......

ภายในห้องลับของหอฉิงซ่ง

ฮั่งเชินยืนกอดอกที่มุมห้องด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

มันกำลังรอคอยบางสิ่งอยู่อย่างเงียบงัน

หยินเฟยหยางและหยานตงไหลก็กำลังยืนคุยกระซิบกระซาบกัน

ในเวลานี้เองประตูห้องลับก็เปิดออกและมีชายร่างผอมบางที่มีเคราแพะเดินเข้ามา  เมื่อเห็นบุคลผู้นี้หยินเฟยหยางและหยานตงไหลต่างก็สงบปากคำและคารวะด้วยความเคารพอย่างสูง

“โอ้ ท่านพ่อบ้านใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว”

“คารวะท่านพ่อบ้านขอรับ”

มีเพียงฮั่งเชินผู้เดียวเท่านั้นที่ไม่ได้แสดงความเคารพ

มันมองไปที่พ่อบ้านใหญ่ด้วยดวงตาคู่โตดุจกระดิ่งและถามว่า “เฮ้ พ่อบ้าน เจ้าบอกให้พวกข้ารอในห้องลับ มีเรื่องอะไรกันแน่ ?"

พ่อบ้านชุดคลุมสีดำสีหน้าบูดบึ้ง

ดวงตาทั้งคู่หรี่ลงเปล่งประกายระยิบระยับ

มันพยักหน้าให้ฮั่งเชินและกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า

“ข้าเรียกพวกเจ้ามา แน่นอนว่าย่อมมีเรื่องสำคัญ”

“ก่อนอื่น วันนี้พวกเจ้าทำได้ดีมากและดึงดูดความสนใจของศิษย์ฝ่ายนอกได้สำเร็จ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าพวกเจ้าทั้งสามก็จะยังคงได้รับความสนใจจากพวกมัน”

“หลังจากเหตุการณ์ในวันนี้

แน่นอนว่าศิษย์ฝ่ายนอกแทบทั้งหมดของนิกายพันธมิตรสวรรค์จะมองพวกเจ้าเป็นศัตรู ดังนั้นพวกเจ้าจะต้องเปลี่ยนสถานที่และเลือกใช้วิธีการอื่นในการดึงดูดความสนใจของพวกมัน”

“ส่วนจะทำอย่างไร

ข้าคงไม่ต้องชี้แนะพวกเจ้าอีกแล้วกระมัง ?”

หยินเฟยหยางและหยานตงไหลสีหน้าหนักอึ้งและมีคำพูดคิดว่ากล่าวแต่ติดอยู่ในคอ

มีเพียงฮั่งเชินเท่านั้นที่พยักหน้าและกล่าวว่า

"พวกข้าเข้าใจแล้ว"

“ว่าแต่ว่า

มันสำคัญอย่างไรกับการให้พวกเราทำเช่นนี้ ? ขอให้พ่อบ้านใหญ่อธิบายให้กระจ่างด้วย”

พ่อบ้านเคราแพะลูบเคราและเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้พลางกล่าวว่า

“นิกายกระบี่ฟ้าจัดแจงให้พวกเรามาเยือนนิกายพันธมิตรสวรรค์ โดยธรรมชาติแล้วย่อมมีความนัยอย่างลึกซึ้งและมันก็เป็นความลับนับพันปีของนิกาย”

“ภารกิจของพวกเจ้าทั้งสามคนมีเพียงดึงดูดความสนใจของคนส่วนใหญ่และศิษย์ฝ่ายนอกให้ได้มากที่สุด  ดังนั้นพวกมันจะไม่มีใครระแวงข้า

เมื่อถึงเวลานั้นข้าก็จะเคลื่อนไหวได้สะดวก”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้

หยินเฟยหยางก็เผยสีหน้างุนงงและถามว่า “ผู้น้อยขอบังอาจถามท่านพ่อบ้านใหญ่

หลังจากที่พวกเรามาถึงนิกายพันธมิตรท่านก็หายตัวไปทั้งวัน ข้าไม่ทราบว่าท่าน....”

เห็นได้ชัดว่าพ่อบ้านใหญ่เคราแพะผู้นี้ไม่ยอมเปิดเผยการกระทำและวัตถุประสงค์ที่แท้จริง

มันเพียงยิ้มอย่างลี้ลับและกล่าวว่า “หึๆ

พวกเรามาเยือนนิกายพันธมิตรสวรรค์ครั้งนี้ก็เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้

ข้าผู้นี้หลงใหลในการศึกษานิกายโบราณที่มีอายุนับพันๆปี

ดังนั้นข้าจึงเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วนิกายเพื่อชมวิวทิวทัศน์และสำรวจเส้นชีพจรวิญญาณของนิกายพันธมิตรสวรรค์”

“เอาเถอะ อย่าถามให้มากความ รู้มากไปก็ใช่ว่าจะดี”

“นี่เป็นภารกิจที่ต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ท่านประมุขพอใจ  พวกเจ้าทำตามที่ข้าบอกให้ดีที่สุดก็แล้วกัน”

ฮั่งเชินพยักหน้าและไม่กล่าวอะไรอีก

แต่แววตาของมันแสดงออกอย่างครุ่นคิด

หยินเฟยหยางและหยานตงไหลไม่เข้าใจ

ดวงตาของพวกมันทั้งสองยังคงสับสนงุนงงแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง

พ่อบ้านเคราแพะก็กล่าวต่อไปว่า “ตอนนี้พวกเราอยู่ในพื้นที่ของนิกายพันธมิตรสวรรค์

ในช่วงเวลานี้พวกเจ้าต้องระมัดระวังตัวให้มากและอย่าได้ไปขัดแย้งจนถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือ”

“รอจนกระทั่งพวกเจ้านำชัยชนะจากการประลองหลงซานมาสู่นิกายเรา

เมื่อนั้นท่านประมุขจะตบรางวัลให้พวกเจ้าอย่างงาม เพราะสิทธิ์ในการครอบครองภูเขามังกรนั้นสำคัญยิ่งยวด

!”

เมื่อทั้งสามได้ยินคำพูดของพ่อบ้านเคราแพะที่กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

หยานตงไหลก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ข้าได้ยินมาว่าภูเขามังกรมีความสำคัญอย่างมาก

เรื่องนี้จริงหรือ ?”

“ถึงแม้มันจะมีสวนโอสถวิญญาณและชีพจรวิญญาณที่เหมาะสมในการบ่มเพาะ

แต่สถานที่ที่คล้ายกันเยี่ยงนี้ก็มีมากมายนับไม่ถ้วนในดินแดนดาราบรรพกาล

เหตุใดนิกายถึงได้เจาะจงกับภูเขามังกรเท่านั้น ?”

หยานตงไหลกล่าวในขณะที่กวาดสายตามองพ่อบ้านเคราแพะและพรรคพวกอีกสองคนด้วยสีหน้าสงสัย

เมื่อเห็นเช่นนี้

พ่อบ้านเคราแพะจำต้องอธิบายว่า “ข้าจะบอกพวกเจ้าก็ได้

แต่เรื่องนี้เป็นความลับสุดยอดของนิกายเรา ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด เข้าใจไหม ?”

“ย้อนไปเมื่อสามปีก่อน

นิกายกระบี่ฟ้าของเราเป็นฝ่ายมีชัยเหนือการประลองหลงซานและได้ครอบครองภูเขามังกร

นิกายเราพัฒนาไปอย่างมากในช่วงเวลานั้นทรัพยากรกว่าแปดส่วนที่นิกายใช้ในการบ่มเพาะล้วนได้มาจากที่นั่น”

“สองเดือนก่อน

แขกผู้มีเกียรติท่านหนึ่งของท่านประมุขสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายข่ายปราณฟ้าดินในจุดที่ลึกที่สุดของภูเขามังกร”

“หลังจากการสำรวจของแขกท่านนั้นและท่านประมุข ในที่สุดพวกท่านก็พบว่าใต้ภูเขามังกรมีข่ายปราณฟ้าดินอายุร่วมพันปีดำรงอยู่”

“ภายในข่ายปราณแห่งนั้นมีหลุมฝังศพอันลึกลับที่ใหญ่โตมโหฬารและงดงามยิ่ง”

“หลุมฝังศพโบราณ ณ ที่แห่งนั้นเป็นอะไรที่น่าเกรงขามมาก

นอกจากนี้มันยังมีข่ายปราการที่หนาแน่นปกป้องเอาไว้

ดังนั้นมันต้องเป็นหลุมฝังศพของสุดยอดฝีมือที่มีอายุนับพันปี

ภายในนั้นเป็นไปได้สูงว่าจะมีสมบัติล้ำค่าหรือแม้แต่มรดกตกทอดของยอดฝีมือท่านนั้น !”

“นิกายของเราจะต้องเติบโตและพัฒนาต่อไปอย่างมั่นคงในอาณาจักรเทียนเฉิน

พวกเราไม่เพียงแค่ต้องการทรัพยากรบ่มเพาะที่ไม่มีที่สิ้นสุดเท่านั้น

แต่พวกเรายังจำเป็นต้องรวบรวมมรดกวิชายุทธ์และเคล็ดวิชาลึกลับอันทรงพลังให้มากเท่าที่จะมากได้อีกด้วย

!”

“ดังนั้นท่านประมุขจะต้องหาทางเข้าไปในสุสานโบราณแห่งนั้นให้จงได้อย่างแน่นอน

!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้

ฮั่งเชินและหยินเฟยหยางล้วนเต็มไปด้วยความตกใจ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง

โทนเสียงของพ่อบ้านเคราะแพะกลายเป็นเคร่งขรึม

“น่าเสียดาย

ข่ายปราการที่ปกป้องสุสานโบราณแห่งนั้นแข็งแกร่งมาก

แม้แต่ระดับท่านผู้นั้นและท่านประมุขร่วมมือกันก็ยังไม่อาจทำลายมันลงได้”

“ดังนั้นในการประลองหลงซานครั้งนี้

พวกเจ้าห้ามแพ้เด็ดขาดเพื่อมิให้สิทธิ์ครอบครองเหนือภูเขามังกรตกไปเป็นของนิกายพันธมิตรสวรรค์!”

“ไม่เช่นนั้น หลุมฝังศพของยอดฝีมือลึกลับจะต้องอยู่ในมือของนิกายพันธมิตรสวรรค์

พวกเจ้าเข้าใจใช่ไหม ?!"