ตอนที่ 166

การประลองหลงซาน

จี้เทียนซิงอ่าน

[ประวัติศาสตร์ทวีปปราณสวรรค์] ด้วยความตกตะลึง

จากหนังสือเล่มนี้ทำให้เขาได้รับรู้ว่ายังมีทวีปอีกมากมายบนโลกพิภพอันกว้างใหญ่นี้

ทวีปปราณสวรรค์เป็นแค่หนึ่งในทวีปมากมายของโลกแห่งการฝึกยุทธ์

มันเป็นแค่ทวีปเล็กๆส่วนหนึ่ง

ในทวีปปราณสวรรค์มีอาณาจักรมากมายนับสิบๆแห่งทั่วสี่ทิศ

เหนือ ใต้ ออก ตก ซึ่งรวมแล้วทั้งทวีปก็มีมากกว่าสี่สิบอาณาจักร !

มีเก้าอาณาจักรที่อยู่ทางตอนใต้ของทวีปปราณสวรรค์

ซึ่งอาณาจักรเทียนเฉินก็คือหนึ่งในนั้น

จากหนังสือเล่มนี้จี้เทียนซิงยังได้รู้อีกว่า

ในทวีปปราณสวรรค์นั้นมิได้มีเพียงแค่เผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่มันยังมีเผ่าพันธุ์อื่นๆอีกมากมาย

เช่น เผ่าพันธุ์ปีศาจและเผ่าพันธุ์อสูร

เผ่าพันธุ์อสูรส่วนมากมีรูปร่างหน้าตาที่แปลกประหลาดและพวกมันส่วนใหญ่ก็มักจะเฉลียวฉลาดเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม  ทว่าเผ่าอสูรนั้นมีลักษณะคล้ายคลึงและมีอารมณ์ใกล้เคียงกับมนุษย์

นอกจากนี้พวกมันยังมักจะปรากฏตัวในอาณาเขตของเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่บ่อยๆจนแทบจะแยกแยะไม่ออก

แต่เผ่าพันธุ์ปีศาจนั้นต่างออกไป

พวกมันคือเผ่าพันธุ์ที่โหดเหี้ยมกระหายเลือดอยู่เป็นนิจ พวกมันคลั่งไคล้ในสงครามและการรบราฆ่าฟันเป็นที่สุด

ไม่ได้มีเพียงแค่เผ่าพันธุ์มนุษย์เท่านั้นที่เกลียดชังเผ่าปีศาจ

แม้แต่เผ่าอสูรก็ยังมองพวกมันเป็นศัตรูเช่นกัน

ดังนั้นเผ่าพันธุ์ปีศาจจึงเป็นศัตรูร่วมของทุกชาติพันธุ์ บนแผ่นดินใหญ่ไม่มีที่ว่างให้พวกมันได้อยู่อาศัย  พวกมันทำได้เพียงซ่อนเร้นตัวตนอยู่ในโลกใต้ดินที่ปากประตูแห่งความตายเท่านั้น

หลังจากอ่าน

‘ประวัติศาสตร์ทวีปปราณสวรรค์’ จี้เทียนซิงก็มีความเข้าใจเกี่ยวกับภูมิประเทศและสถานการณ์โดยรวมของแผ่นดินใหญ่ได้ในที่สุด

นอกจากนี้เขายังได้เรียนรู้เกี่ยวกับตำนานโบราณและได้รู้จักยอดยุทธ์ไร้เทียมทานในตำนานมากมาย

หนึ่งในนั้นก็คือเซียนกระบี่, บุรุษผู้น่าทึ่ง

ในหนังสือเล่มนี้

จี้เทียนซิงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านเรื่องราวในตำนานของเซียนกระบี่

จากที่ถูกบันทึกไว้

เซียนกระบี่ผงาดขึ้นเมื่อหนึ่งพันปีก่อน  ในเวลาเพียงแค่

20 ปี

เขาเติบโตจากผู้ฝึกยุทธ์ไร้นามไปเป็นสุดยอดฝีมือของแผ่นดินใหญ่และทวีปปราณสวรรค์

เขามีคุณสมบัติพอที่จะได้รับการขนานนามว่าเทพ !

จี้เทียนซิงกำลังดื่มด่ำกับตำนานของเซียนกระบี่

ทันใดนั้นเสียงอันสดใสอ่อนหวานของดรุณีน้อยก็ดังขึ้นที่ข้างหู

“เทียนซิง ข้าไม่คิดว่าจะได้พบท่านที่นี่”

เมื่อได้น้ำยินเสียงที่คุ้นเคยนี้

จี้เทียนซิงก็หันศีรษะไปมองและได้เห็นซวนซวนผู้อ่อนโยนในชุดสีเขียว

เขาเผยรอยยิ้มขึ้นทันทีและทักทายนาง

“ศิษย์น้องซวนซวน

เจ้าก็มาอ่านตำราที่หอตำราเช่นกันหรือ ?”

“อืม”

ซวนซวนพยักหน้าและเดินชดช้อยไปนั่งเก้าอี้ข้างๆจี้เทียนซิงและจ้องมองอย่างเงียบงัน

นางเห็นหนังสือสองเล่มในมือของจี้เทียนซิงและอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาว่า

“เทียนซิง ทำไมท่านถึงได้อ่านหนังสือพวกนี้เล่า ?”

จากคำพูดของซวนซวน

นางสงสัยว่าทั้งๆที่มีหนังสือและตำรานับแสนเล่มในที่แห่งนี้แต่จี้เทียนซิงกลับอ่านหนังสือประวัติศาสตร์

ซึ่งโดยทั่วไปแล้วศิษย์ที่มาหอตำราแห่งนี้มักจะมาเพื่อค้นคว้าข้อมูลในเชิงลึกของภารกิจที่ได้รับ

มีน้อยคนมากที่ใช้เวลาไปกับการอ่านประวัติศาสตร์ของอาณาจักรและทวีป

จี้เทียนซิงมองไปที่ใบหน้าอันบริสุทธิ์สดใสของซวนซวนก็อดไม่ได้ที่จะบอกกล่าวต่อนาง  เขายิ้มและอธิบายว่า “ข้าไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับแผ่นดินใหญ่

แม้กระทั่งอาณาจักรเทียนเฉินข้าก็ไม่รู้

รวมไปถึงเรื่องราวของสี่นิกายใหญ่ในดินแดนดาราบรรพกาลก็เช่นกัน ดังนั้นข้าจึงต้องอ่านหนังสือพวกนี้เพื่อทำความเข้าใจบางอย่างและเปิดโลกทัศน์ของข้าให้กว้างไกลขึ้น”

ซวนซวนพยักหน้าเข้าใจและผุดยิ้มบาง

“เป็นเช่นนี้นี่เอง

ข้าก็ไม่เคยออกนอกอาณาจักรเทียนเฉินและไม่รู้เรื่องราวของดินแดนอื่นๆบนแผ่นดินใหญ่

แต่หากเป็นเรื่องในอาณาจักรเทียนเฉินนั้นข้ารู้ดีทีเดียว

หากท่านสงสัยอะไรก็ถามข้าได้เลย ข้าจะช่วยท่านเอง”

ในเมื่อซวนซวนเสนอตัวช่วยเหลือ

แน่นอนว่าจี้เทียนซิงย่อมไม่ปฏิเสธ เขายิ้มและพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ขอบคุณเจ้ามากแล้วศิษย์น้องซวนซวน”

“ยินดีรับใช้”  ซวนซวนตอบกลับ

ดวงตาของนางมีรอยยิ้มและถามต่อไปว่า “เอาล่ะ

ท่านอยากรู้อะไร ?”

จี้เทียนซิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและเอ่ยปากถามว่า

“ซวนซวน เจ้าบอกข้าเกี่ยวกับนิกายทั้งแปดของดินแดนดาราบรรพกาลทีสิ”

ซวนซวนพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวอย่างไม่ช้าไม่เร็ว

“ในอาณาจักรเทียนเฉินผู้ฝึกยุทธ์มีมากมายเหลือคณา

แม้แต่นิกายเล็กๆก็มีศิษย์นับหมื่นคน แต่มีเพียงนิกายที่มีรากฐานและสืบทอดกันมาอย่างยาวนานเท่านั้นถึงจะแข็งแกร่งที่สุด

ซึ่งก็คือแปดนิกายใหญ่และมีเพียงแปดนิกายนี้เท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าสู่ดินแดนดาราบรรพกาลได้”

“นิกายพันธมิตรสวรรค์ของเรามีรากฐานก่อตั้งมานับพันปีและมีศักดิ์เป็นผู้นำของทั้งแปดนิกายก็เพราะพวกเราแข็งแกร่งที่สุด

ส่วนอีก 7 นิกายที่เหลือก็คือนิกายกระบี่ฟ้า, นิกายนวดารา,นิกายหลิวเหอ,นิกายเฉียนชิวเหมิน…”

“ระดับความแข็งแกร่งของทั้งเจ็ดนิกายนี้อ่อนแอกว่าหากเทียบกับนิกายพันธมิตรสวรรค์ของเรา  อย่างไรก็ตาม

นิกายกระบี่ฟ้านั้นแข็งแกร่งที่สุดเหนือเจ็ดนิกายที่เหลือและมักวางตัวเป็นศัตรูกับนิกายของเราอยู่เสมอ”

เมื่อได้ยินซวนซวนกล่าวถึงนิกายกระบี่ฟ้า

จี้เทียนซิงก็จดจำถึงเรื่องที่เขาบาดหมางกับศิษย์ทั้งสองของนิกายกระบี่ฟ้าขึ้นมาได้  เขาถามซวนซวนต่อไปว่า “ศิษย์น้องซวนซวน

ข้าเคยได้ยินมาว่านิกายกระบี่ฟ้านั้นไม่ถูกกับนิกายเรา

ทั้งสองนิกายมีข้อตกลงอะไรกันเกี่ยวกับงานประลองหลงซานงั้นหรือ ?”

รอยยิ้มของซวนซวนมาบรรจบกันและสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น

“มิผิด นิกายกระบี่ฟ้ามีเรื่องบาดหมางกับนิกายพันธมิตรสวรรค์ของพวกเรามานานกว่ามาสามร้อยปีแล้ว”

“บรรพบุรุษของนิกายกระบี่ฟ้าก็เป็นบุคลแห่งสหัสวรรษเช่นเดียวกับบรรพบุรุษของนิกายเรา

ว่ากันว่าบรรพบุรุษทั้งสองท่านต่างก็มีความสำเร็จในมรรคายุทธ์ที่สูงล้ำ”

“หลังจากนิกายพันธมิตรสวรรค์ก่อตั้งขึ้นมาได้ร้อยปี

บรรพบุรุษของนิกายกระบี่ฟ้าก็เกิดรู้แจ้งถึงความหมายที่แท้จริงของเต๋ากระบี่และตัดผ่านไปถึงขอบเขตปราณฟ้าได้สำเร็จ

จากนั้นเขาก็สร้างนิกายกระบี่ฟ้าขึ้นมาและส่งผ่านเต๋ากระบี่มาสู่ชนรุ่นหลัง”

“ขอบเขต.....ปราณฟ้า ... ?!”

จี้เทียนซิงตกตะลึงและกล่าวว่า

“ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับขอบเขตยุทธ์ระดับนี้เมื่อตอนอยู่ในจักรวรรดิชิงหยุน”

“แต่ว่าในจักรวรรดิชิงหยุนก็ยังไม่เคยมียอดยุทธ์ระดับนี้เกิดขึ้นมาก่อน

ข้าคิดว่าขอบเขตปราณฟ้าจะมีแต่ในตำนานเสียอีก

คาดไม่ถึงเลยว่าจะมียอดฝีมือขอบเขตปราณฟ้าอยู่ในแปดนิกายของดินแดนดาราบรรพกาล...”

ซวนซวนพยักหน้าและกล่าวต่อไปว่า  “ถูกต้อง มีเพียงยอดฝีมือระดับปราณฟ้าเท่านั้นที่สามารถเหาะเหินเหนือพื้นปฐพีท่องทะยานไปทั่วแผ่นดินใหญ่

นอกจากนี้ยังสามารถก่อตั้งนิกายของตนเองได้อีกด้วย”

“แต่ว่าท่านไม่ต้องตกใจไป นิกายของเราก็มียอดยุทธ์ระดับปราณฟ้าอยู่สองท่านเช่นกัน

มิฉะนั้นพวกเราคงมิได้ฉายาว่านิกายอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรเทียนและเป็นนิกายอันดับหนึ่งของทั้งแปดนิกายใหญ่”

จี้เทียนซิงพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ศิษย์น้องซวนซวน เจ้าเล่าต่อไปเลย”

ซวนซวนกล่าวต่อไปว่า

“นิกายกระบี่ฟ้าถูกส่งผ่านเต๋ากระบี่อันร้ายกาจจากบรรพบุรุษที่รู้แจ้งมา

ลูกศิษย์ของนิกายนี้ต่างก็เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันและแก่งแย่งชิงดีกันยิ่งกว่านิกายเราเสียอีก

แต่ทว่า ยิ่งมีการแข่งขันสูง คุณภาพของสินค้าก็ย่อมสูงตามไปด้วย  ผลที่ออกมาทำให้ศิษย์ของนิกายกระบี่ฟ้าแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆจนแทบจะใกล้เคียงกับนิกายเรา”

“เสือสองตัวมิอาจอยู่บนขุนเขาเดียวกันได้ นิกายกระบี่ฟ้ามีความปรารถนาอันแรงกล้ามาอย่างยาวนานที่จะเหยียบย่ำนิกายเราเพื่อเข้าควบคุมอาณาจักรเทียนเฉินเสียเอง”

“ในช่วงสามร้อยปีที่ผ่านมานิกายกระบี่ฟ้ามีความขัดแย้งกับนิกายเราอย่างต่อเนื่องและบ่อยครั้งที่ความขัดแย้งเกิดขึ้นเนื่องมาจากการยึดครองทรัพยากรบ่มเพาะสำคัญๆ

เช่น สถานที่ที่มีเส้นชีพจรวิญญาณหนาแน่น,

เหมืองและสวนโอสถ”

“ทว่ากองกำลังระหว่างทั้งแปดนิกายนั้นโยงใยกันอย่างค่อนข้างซับซ้อน

นิกายกระบี่ฟ้าและนิกายเราจึงต้องมองถึงสถานการณ์โดยรวม มันเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองฝ่ายจะเทหมดหน้าตักเพื่อต่อสู้แตกหักขั้นเด็ดขาด”

“ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงมีข้อตกลงในการครองกรรมสิทธิ์สถานที่บางแห่งด้วยการประลองของเหล่าศิษย์

ซึ่งการประลองหลงซานที่ท่านถามก็คือการประลองเพื่อชิงสิทธิ์ครอบครองภูเขามังกรในทุกๆสามปีนั่นเอง”

“นิกายกระบี่ฟ้าก็ทำเช่นเดียวกับนิกายเรา

นั่นคือการรับสมัครศิษย์ใหม่ในทุกๆสามปี ในเดือนที่สามของการเป็นศิษย์ใหม่ท่านก็จะสามารถเข้าร่วมการประลองหลงซานได้”

“หากพวกเราชนะการประลอง

สิทธิ์ในภูเขามังกรก็จะเป็นของนิกายเราไปอีกสามปี”