ตอนที่ 204

กระบี่ที่สาม

- พริบตา ดารามังกรแดง !

หลังจากตีตราเป็นเจ้าของแหวนมิติ

จี้เทียนซิงก็นั่งลงทำสมาธิและเริ่มฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ

ตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง

ทุกคนต่างก็แห่กันนำโอสถฟื้นฟูมามอบให้เขานับไม่ถ้วน

จนมันมีพอใช้อย่างเหลือเฟือไปได้ร่วมเดือน

เห็นได้ชัดว่าเม็ดยาฟื้นฟูที่ทุกคนนำมามอบให้นั้น

เม็ดยาหยกน้ำค้างและเม็ดยาไท่ฉิงมีคุณภาพสูงที่สุด

ดังนั้นจี้เทียนซิงจึงหยิบเม็ดยาไท่ฉิงสองเม็ดที่ซวนซวนนำมาให้ออกมา

และเริ่มทำการสกัดกลั่นพวกมันเพื่อใช้ในการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ

ภายในห้องลับมีแสงลอดออกมาน้อยนิดจนมองไม่เห็นท้องฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไป  เวลาก็ดูเหมือนจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว

พลังของเม็ดยาไท่ฉิง

ภายใต้การเร่งปฏิกิริยาจากพลังลมปราณของชายหนุ่ม

มันเปลี่ยนเป็นขุมพลังที่อ่อนโยนและยิ่งใหญ่

มันราวกับแม่น้ำใหญ่ที่สงบและไหลลื่นอย่างต่อเนื่องไปยังเส้นชีพจรและแขนขา

ในขณะที่เขากำลังสกัดกลั่นและดูดซับพลังจากเม็ดยา  ภายในใจก็ลอบทอดถอนอย่างลับๆ  ความสำเร็จในศาสตร์โอสถของซวนซวนนั้นล้ำเลิศยิ่ง

นางกระทั่งสามารถปรุงยาที่มีสรรพคุณล้ำเลิศเช่นนี้ออกมาได้

เม็ดยาไท่ฉิงของนางนั้นมิได้ด้อยกว่าเม็ดยาหยกน้ำค้างที่ผ่านการสกัดกลั่นจากหอวิญญาณโอสถแม้แต่น้อย

มันมีสรรพคุณในการรักษาและฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้อย่างดีเยี่ยม

เวลาผ่านไปอาการบาดเจ็บของจี้เทียนซิงก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและพลังลมปราณที่เคยพร่องไปมหาศาลก็เริ่มฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ตัวอ่อนกระบี่ที่เคยจืดจางในร่างของเขากลายเป็นสีทองและกลับมาส่องสว่างมากขึ้น

มันกำลังอยู่ในระหว่างการฟื้นฟู

...........

สามวันต่อมาเขาก็ปรับแต่งพลังของเม็ดยาไท่ฉิงสองเม็ดจนหมดสิ้น  อาการบาดเจ็บทั่วไปหายเป็นปลิดทิ้ง

ส่วนความแข็งแกร่งโดยรวมก็ฟื้นฟูกลับมาได้ห้าส่วนแล้ว

จากนั้นจี้เทียนซิงก็หยิบเม็ดยาหยกน้ำค้างสองเม็ดออกมาโยนเข้าปากและทำการฟื้นฟูต่อไป

สามวันต่อมา

ทักษะของเขาก็กลับมาสู่จุดสูงสุด

อย่างไรก็ตามฤทธิ์ยาหยกน้ำค้างยังคงมีผลตกค้างเหลืออยู่

ดังนั้นจี้เทียนซิงจึงฉวยโอกาสฝึกฝนวิถีใจกระบี่โดยอาศัยฤทธิ์ยาเหล่านี้ในการบรรเทาจุดฝังเข็มแรกของเส้นชีพจรหลักเส้นแรก

การบ่มเพาะวิถีใจกระบี่ชั้นที่สี่นั้นผู้ฝึกจำเป็นต้องบรรเทาจุดฝังเข็มทั้ง

72 จุดจากเส้นชีพจรหลักทั้งเก้าเส้น  (1

เส้นชีพจรหลักจะมีจุดฝังเข็ม 8 จุด  9x8 = 72)

ในทุกครั้งที่บรรเทาแปดจุดฝังเข็มสำเร็จก็จะนับเป็นเสร็จสมบูรณ์หนึ่งเส้นชีพจร  ความแข็งแกร่งของเขาก็จะเพิ่มพูนสูงขึ้น

ซึ่งตอนนี้เขามีพลังในระดับปราณจิตขั้นแรก

การบรรเทาจุดฝังเข็มที่ทั้งเล็กและแคบนั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก

ผู้ฝึกต้องใช้ความอดทนและความตั้งใจอย่างมากในการควบคุมพลังลมปราณให้เหมาะสม

จี้เทียนซิงไม่รีบร้อนบุ่มบ่ามในการฝึกฝน

เขาค่อยๆทดลองทีละน้อย, คอยสำรวจและเก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่เสมอ

ด้วยความช่วยเหลือจากฤทธิ์ยาหยกน้ำค้าง

เขายังต้องใช้เวลาถึงหนึ่งวันเต็มในการบรรเทาจุดฝังเข็มแรกกว่าจะเสร็จสิ้น

หลังจากบรรเทาจุดแรกสำเร็จ

ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นน้อยมากจนแทบไม่เห็นผลแตกต่าง  แต่อย่างไรก็ตาม การประสบความสำเร็จในการก้าวแรกและได้รับประสบการณ์อันน้อยนิดในการบรรเทาจุดฝังเข็มนี้ก็ทำให้เขาพอใจไม่น้อย

"ฮู่ว……"

จี้เทียนซิงหยุดการบ่มเพาะ

เขาลืมตาขึ้นและถอนหายใจแรงออกมา

“เดิมทีข้าคำนวณว่าต้องพักฟื้นครึ่งเดือนถึงจะเป็นปกติ

แต่หลังจากได้รับโอสถจากซวนซวนและศิษย์พี่ใหญ่

ข้าใช้เวลาเพียงเจ็ดวันเท่านั้นก็ฟื้นฟูได้แล้ว”

จี้เทียนซิงยิ้มบางและลุกขึ้นเดินออกจากห้องลับ

หลังจากกลับมาที่ห้องเขาก็เห็นว่าดวงอาทิตย์สาดแสงแรงจ้านอกหน้าต่าง

ซึ่งตอนนี้สมควรเป็นเวลาเที่ยงวัน

“ตั้งแต่ปฏิบัติภารกิจกับศิษย์พี่ใหญ่

ข้าก็ไม่ได้ไปที่ตำหนักไท่อันเลย

ผ่านมาหลายวันแล้วไม่รู้ว่าตาเฒ่าเหม็นนั่นจะโวยวายหรือเปล่า... ”

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้จี้เทียนซิงจึงเดินออกจากหอยุทธ์ฟงอวิ๋นและรีบมุ่งหน้าไปยังตำหนักไท่อันทันที

หลังจากครึ่งชั่วยามผ่านไปจี้เทียนซิงก็มาถึงหน้าประตูตำหนักไท่อันและกล่าวทักทายทาสกระบี่ที่ยืนตะหง่านเฝ้าหน้าประตูอยู่เป็นประจำ

จากนั้นก็ตรงดิ่งไปยังลานกว้างที่สามอย่างรวดเร็ว

เมื่อมาถึงที่หมายเขาก็เห็นเซี่ยงหวู่จี้กำลังถือกาน้ำสีขาวรดน้ำสมุนไพรอยู่ในเรือนเพาะชำ

สมุนไพรเหล่านี้มีความสูงถึงเท้า

กิ่งใบของพวกมันดูกรอบและเป็นสีเขียวขจี

พวกมันปล่อยกลิ่นหอมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายออกมา

เซี่ยงหวู่จี้ดูเหมือนจะมีอารมณ์ดีไม่น้อย

ระหว่างรดน้ำสมุนไพรเขาก็ยังฮัมเพลงเบาๆในลำคออีกด้วย

จี้เทียนซิงเดินไปหาอีกฝ่ายและกำหมัดคารวะ

“คารวะผู้อาวุโส ผู้เยาว์มาหาท่านขอรับ”

เซี่ยงหวู่จี้ยังคงรดน้ำสมุนไพรต่อไปโดยไม่หันกลับมามอง

เขาขดริมฝีปากและกล่าวประชดว่า “เฮอะ ! หายหัวไปเกือบเดือน ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่มาแล้วเสียอีก”

“ทำไม  วันนี้มีเรื่องไรถึงได้อยากพบหน้าตาแก่อย่างข้าเล่า

?”

จี้เทียนซิงยิ้มเล็กน้อยและอธิบายว่า

“ผู้อาวุโส ก่อนหน้านี้ผู้เยาว์มีงานล้นมือ

ทั้งช่วยศิษย์พี่หยุนเหยาทำภารกิจ มิหนำซ้ำยังต้องตระเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมในการประลองหลง….ซ”

พูดยังไม่ทันจบประโยคเขาก็ถูกเซี่ยงหวู่จี้ขัดจังหวะว่า

“ไม่ต้องผายลมอธิบายให้เสียเวลา !

ช่วงนี้เจ้าไปไหนมาไหนหรือทำอะไรคิดว่าตาแก่อย่างข้าไม่รู้หรือไง ?”

น้ำเสียงของเซี่ยงหวู่จี้นั้นฟังดูค่อนข้างรำคาญ

แต่ความหมายของเขาก็แสดงออกชัดเจนว่าเขารู้ทุกการเคลื่อนไหวของจี้เทียนซิง

จี้เทียนซิงคุ้นชินกับนิสัยและอารมณ์ของเซี่ยงหวู่จี้เป็นอย่างดี

เขาไม่รู้สึกหัวเสียอะไร เพียงยิ้มอย่างเงียบๆ

ในเวลานี้เองเซี่ยงหวู่จี้ก็เผยรอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่งออกมาและกล่าวชมอีกฝ่ายว่า

“ไอ้หนู เรื่องการประลองที่เขามังกร

นับว่าเจ้าทำได้ดี

เจ้าทำให้นิกายพันธมิตรสวรรค์ของเราเชิดหน้าชูตา”

เซี่ยงหวู่จี้ไม่เคยเอ่ยปากชมผู้ใดง่ายๆ

จี้เทียนซิงรู้จักกับตาแก่ผู้นี้มานานก็ยังไม่เคยได้รับคำชมเช่นนี้แม้แต่น้อย

ดังนั้นจากประโยคที่เขาเพิ่งพูดมานี้

เห็นได้ชัดว่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก

จี้เทียนซิงเพียงพยักหน้าและยิ้มบางๆ

จากนั้นก็หันไปหาไม้กวาดเพื่อเตรียมทำความสะอาดลานกว้างตามเดิม

เซี่ยงหวู่จี้หันขวับมามองและขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า

“ไอ้หนู นี่เจ้าติดนิสัยบ่าวไพร่แล้วหรือไง ?  วางมันลง

วันนี้ไม่ต้องกวาดพื้นแล้ว”

“ไหน มานี่ซิ

ลองแสดงเพลงกระบี่ดาราเหินให้ข้าชมหน่อยว่าเจ้าฝึกฝนถึงระดับไหนแล้ว”

กล่าวจบเซี่ยงหวู่จี้ก็เก็บกาน้ำและจ้องมองไปที่จี้เทียนซิงด้วยสายตาที่ร้อนแรง

ชายหนุ่มพยักหน้าและปฏิบัติตามคำสั่งของอีกฝ่ายโดยการเดินไปกลางลานกว้างอย่างรวดเร็ว

เขาโคจรพลังและปะทุคลื่นกระบี่ออกมาร่ายรำกระบวนท่าคมมีดขนนกพันเล่มทันที

เขาปลดปล่อยปราณกระบี่สีทองยาวหนึ่งเมตรออกมาเก้าสายและสะบัดพวกมันออกไปนับพันครั้งภายในห้าลมหายใจ

ส่งผลให้ลำแสงกระบี่สีทองที่บาดลูกตาส่องประกายเจิดจ้าไปทั่วลานกว้าง  ไอกระบี่สาดซัดไปทุกทิศทางทั้งแนวนอนและแนวตั้ง

เซี่ยงหวู่จี้เผยรอยยิ้มหยอกเย้าออกมาหลังจากได้เห็นพลางกล่าวว่า

“ไอ้หนู ข้าสอนเจ้าว่าไง ?  คมมีดขนนกพันเล่มนั้นจะสำแดงอานุภาพได้แท้จริงก็ต่อเมื่อใช้สามกระบี่โจมตีพันครั้งในห้าอึดใจ

แต่เด็กขอเหลืออย่างเจ้ากลับต้องใช้คลื่นกระบี่ถึงเก้าเล่ม...…”

จี้เทียนซิงหัวเราะฮาๆและอธิบายว่า

“โธ่ ผู้อาวุโส ความแข็งแกร่งของข้ายังต่ำต้อย

ไหนเลยจะสำแดงเพลงกระบี่ได้ทรงพลังเท่าท่าน”

“แต่ท่านไม่ต้องห่วง

ผู้เยาว์จะพยายามอย่างหนักและหวังว่าสักวันหนึ่งจะทำได้อย่างท่าน

ข้าจะต้องใช้สามกระบี่โจมตีพันครั้งในห้าอึดใจให้จงได้ !”

เซี่ยงหวู่จี้พยักหน้าและกล่าวว่า

“เออ จะรอดู

เอ้าต่อเลย ไหนแสดงกระบวนท่าที่สองซิ”

จี้เทียนซิงปลดปล่อยปราณกระบี่สองเล่มออกมาโอบล้อมพื้นที่ในรัศมีสิบเมตรทันที

ลำแสงกระบี่และสายลมพัดมารวมกันบรรจบเป็นสายฟ้าสีทอง

ที่ผ่าฟาดลงบนพื้นหินสีน้ำเงิน มันทำลายพื้นดินจนแตกกระจายเป็นหลุมขนาดใหญ่และทำให้ก้อนหินดินทรายนับไม่ถ้วนปลิวว่อน

เซี่ยงหวู่จี้ขมวดคิ้วทันทีแต่ก็มิได้โกรธเคืองอันใด

เขาตะโกนบอกว่า  “โว้ย ไอ้หนูผี เจ้าคิดจะพังลานกว้างของข้าหรือไง ?!”

“เดี๋ยวเจ้าต้องทำความสะอาดลานกว้างของข้าให้เหมือนเดิมด้วยล่ะ

!”

จี้เทียนซิงคาดเดาออกแต่แรกอยู่แล้วว่าเซี่ยงหวู่จี้ต้องพูดเช่นนี้

เขาจึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มพลางกล่าวถามว่า

“ผู้อาวุโส ท่านว่ากระบวนท่าที่สองเมื่อครู่นี้ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง

?”

เซี่ยงหวู่จี้ลูบเคราขาวโพลนและพยักหน้ากล่าวว่า

“อืม ก็ใช้ได้ นับว่ามีคุณสมบัติเพียงพอแล้ว”

“เอาล่ะ วันนี้ข้าจะถ่ายทอดกระบวนท่าที่สามของเคล็ดเพลงกระบี่ดาราเหินให้เจ้า”

“ไอ้เด็กสารเลวจงแหกตามองดูข้าให้ดี !”

กล่าวจบเซี่ยงหวู่จี้ก็เดินไปที่ลานกว้าง  เขาโบกหัตถ์ทั้งสองร่ายรำเป็นกระบวนท่าที่ไม่ธรรมดาลากเป็นเส้นสายคลื่นพลังปราณอันลี้ลับออกมา

จากนั้นก็ปะทุพลังลมปราณอันเกรี้ยวกราดขึ้น

วินาทีต่อมา

เซี่ยงหวู่จี้ก็กระแทกหัตถ์ทั้งสองข้างออกไปข้างหน้าพร้อมกัน

พริบตา ดารามังกรแดง !!

คลื่นพลังกระบี่สีแดงเดือดยาวสองเมตรเปล่งประกายอยู่บนหัตถ์ทั้งสองข้างของเซี่ยงหวู่จี้และพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วยิ่งกว่าฟ้าผ่า

!

เมื่อคลื่นกระบี่สีแดงเถือกโจมตีออกไป

เปลวอัคคีก็โหมกระหน่ำราวกับมังกรไฟที่มีชีวิต

พลังของคลื่นกระบี่นี้ปะทุอย่างเกรี้ยวกราดราวกับมังกรสีแดงกำลังอาละวาด

ทั่วทั้งลานกว้างเต็มไปด้วยไอกระบี่และผืนดินก็ถูกเฉือนเป็นรอยแตกตลอดเส้นทาง

นอกจากนี้มวลอากาศก็กลายเป็นร้อนระอุราวกับอยู่ในทะเลเพลิง

บูม !

ลำแสงมังกรแดงพุ่งออกไป

50 เมตรจนข้ามกำแพงลานกว้างและกระแทกเข้าใส่ต้นไม้ที่สูงตระหง่านต้นหนึ่งนอกลานกว้าง

ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้มีมีอายุหลายร้อยปี

ลำต้นของมันมีความหนาพอๆกับถังเก็บน้ำ มันมีใบที่เขียวชอุ่มครอบคลุมรัศมี 30 เมตรซึ่งสามารถครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดได้

อย่างไรก็ตาม

ทันทีที่ลำแสงมังกรแดงตกกระทบ

กิ่งก้านและลำต้นที่หนาเตอะก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและเผามันเป็นเถ้าถ่านในพริบตา

!