กระบี่ที่สาม
- พริบตา ดารามังกรแดง !
หลังจากตีตราเป็นเจ้าของแหวนมิติ
จี้เทียนซิงก็นั่งลงทำสมาธิและเริ่มฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ
ตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง
ทุกคนต่างก็แห่กันนำโอสถฟื้นฟูมามอบให้เขานับไม่ถ้วน
จนมันมีพอใช้อย่างเหลือเฟือไปได้ร่วมเดือน
เห็นได้ชัดว่าเม็ดยาฟื้นฟูที่ทุกคนนำมามอบให้นั้น
เม็ดยาหยกน้ำค้างและเม็ดยาไท่ฉิงมีคุณภาพสูงที่สุด
ดังนั้นจี้เทียนซิงจึงหยิบเม็ดยาไท่ฉิงสองเม็ดที่ซวนซวนนำมาให้ออกมา
และเริ่มทำการสกัดกลั่นพวกมันเพื่อใช้ในการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ
ภายในห้องลับมีแสงลอดออกมาน้อยนิดจนมองไม่เห็นท้องฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไป เวลาก็ดูเหมือนจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว
พลังของเม็ดยาไท่ฉิง
ภายใต้การเร่งปฏิกิริยาจากพลังลมปราณของชายหนุ่ม
มันเปลี่ยนเป็นขุมพลังที่อ่อนโยนและยิ่งใหญ่
มันราวกับแม่น้ำใหญ่ที่สงบและไหลลื่นอย่างต่อเนื่องไปยังเส้นชีพจรและแขนขา
ในขณะที่เขากำลังสกัดกลั่นและดูดซับพลังจากเม็ดยา ภายในใจก็ลอบทอดถอนอย่างลับๆ ความสำเร็จในศาสตร์โอสถของซวนซวนนั้นล้ำเลิศยิ่ง
นางกระทั่งสามารถปรุงยาที่มีสรรพคุณล้ำเลิศเช่นนี้ออกมาได้
เม็ดยาไท่ฉิงของนางนั้นมิได้ด้อยกว่าเม็ดยาหยกน้ำค้างที่ผ่านการสกัดกลั่นจากหอวิญญาณโอสถแม้แต่น้อย
มันมีสรรพคุณในการรักษาและฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้อย่างดีเยี่ยม
เวลาผ่านไปอาการบาดเจ็บของจี้เทียนซิงก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและพลังลมปราณที่เคยพร่องไปมหาศาลก็เริ่มฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ตัวอ่อนกระบี่ที่เคยจืดจางในร่างของเขากลายเป็นสีทองและกลับมาส่องสว่างมากขึ้น
มันกำลังอยู่ในระหว่างการฟื้นฟู
...........
สามวันต่อมาเขาก็ปรับแต่งพลังของเม็ดยาไท่ฉิงสองเม็ดจนหมดสิ้น อาการบาดเจ็บทั่วไปหายเป็นปลิดทิ้ง
ส่วนความแข็งแกร่งโดยรวมก็ฟื้นฟูกลับมาได้ห้าส่วนแล้ว
จากนั้นจี้เทียนซิงก็หยิบเม็ดยาหยกน้ำค้างสองเม็ดออกมาโยนเข้าปากและทำการฟื้นฟูต่อไป
สามวันต่อมา
ทักษะของเขาก็กลับมาสู่จุดสูงสุด
อย่างไรก็ตามฤทธิ์ยาหยกน้ำค้างยังคงมีผลตกค้างเหลืออยู่
ดังนั้นจี้เทียนซิงจึงฉวยโอกาสฝึกฝนวิถีใจกระบี่โดยอาศัยฤทธิ์ยาเหล่านี้ในการบรรเทาจุดฝังเข็มแรกของเส้นชีพจรหลักเส้นแรก
การบ่มเพาะวิถีใจกระบี่ชั้นที่สี่นั้นผู้ฝึกจำเป็นต้องบรรเทาจุดฝังเข็มทั้ง
72 จุดจากเส้นชีพจรหลักทั้งเก้าเส้น (1
เส้นชีพจรหลักจะมีจุดฝังเข็ม 8 จุด 9x8 = 72)
ในทุกครั้งที่บรรเทาแปดจุดฝังเข็มสำเร็จก็จะนับเป็นเสร็จสมบูรณ์หนึ่งเส้นชีพจร ความแข็งแกร่งของเขาก็จะเพิ่มพูนสูงขึ้น
ซึ่งตอนนี้เขามีพลังในระดับปราณจิตขั้นแรก
การบรรเทาจุดฝังเข็มที่ทั้งเล็กและแคบนั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก
ผู้ฝึกต้องใช้ความอดทนและความตั้งใจอย่างมากในการควบคุมพลังลมปราณให้เหมาะสม
จี้เทียนซิงไม่รีบร้อนบุ่มบ่ามในการฝึกฝน
เขาค่อยๆทดลองทีละน้อย, คอยสำรวจและเก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่เสมอ
ด้วยความช่วยเหลือจากฤทธิ์ยาหยกน้ำค้าง
เขายังต้องใช้เวลาถึงหนึ่งวันเต็มในการบรรเทาจุดฝังเข็มแรกกว่าจะเสร็จสิ้น
หลังจากบรรเทาจุดแรกสำเร็จ
ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นน้อยมากจนแทบไม่เห็นผลแตกต่าง แต่อย่างไรก็ตาม การประสบความสำเร็จในการก้าวแรกและได้รับประสบการณ์อันน้อยนิดในการบรรเทาจุดฝังเข็มนี้ก็ทำให้เขาพอใจไม่น้อย
"ฮู่ว……"
จี้เทียนซิงหยุดการบ่มเพาะ
เขาลืมตาขึ้นและถอนหายใจแรงออกมา
“เดิมทีข้าคำนวณว่าต้องพักฟื้นครึ่งเดือนถึงจะเป็นปกติ
แต่หลังจากได้รับโอสถจากซวนซวนและศิษย์พี่ใหญ่
ข้าใช้เวลาเพียงเจ็ดวันเท่านั้นก็ฟื้นฟูได้แล้ว”
จี้เทียนซิงยิ้มบางและลุกขึ้นเดินออกจากห้องลับ
หลังจากกลับมาที่ห้องเขาก็เห็นว่าดวงอาทิตย์สาดแสงแรงจ้านอกหน้าต่าง
ซึ่งตอนนี้สมควรเป็นเวลาเที่ยงวัน
“ตั้งแต่ปฏิบัติภารกิจกับศิษย์พี่ใหญ่
ข้าก็ไม่ได้ไปที่ตำหนักไท่อันเลย
ผ่านมาหลายวันแล้วไม่รู้ว่าตาเฒ่าเหม็นนั่นจะโวยวายหรือเปล่า... ”
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้จี้เทียนซิงจึงเดินออกจากหอยุทธ์ฟงอวิ๋นและรีบมุ่งหน้าไปยังตำหนักไท่อันทันที
หลังจากครึ่งชั่วยามผ่านไปจี้เทียนซิงก็มาถึงหน้าประตูตำหนักไท่อันและกล่าวทักทายทาสกระบี่ที่ยืนตะหง่านเฝ้าหน้าประตูอยู่เป็นประจำ
จากนั้นก็ตรงดิ่งไปยังลานกว้างที่สามอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงที่หมายเขาก็เห็นเซี่ยงหวู่จี้กำลังถือกาน้ำสีขาวรดน้ำสมุนไพรอยู่ในเรือนเพาะชำ
สมุนไพรเหล่านี้มีความสูงถึงเท้า
กิ่งใบของพวกมันดูกรอบและเป็นสีเขียวขจี
พวกมันปล่อยกลิ่นหอมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายออกมา
เซี่ยงหวู่จี้ดูเหมือนจะมีอารมณ์ดีไม่น้อย
ระหว่างรดน้ำสมุนไพรเขาก็ยังฮัมเพลงเบาๆในลำคออีกด้วย
จี้เทียนซิงเดินไปหาอีกฝ่ายและกำหมัดคารวะ
“คารวะผู้อาวุโส ผู้เยาว์มาหาท่านขอรับ”
เซี่ยงหวู่จี้ยังคงรดน้ำสมุนไพรต่อไปโดยไม่หันกลับมามอง
เขาขดริมฝีปากและกล่าวประชดว่า “เฮอะ ! หายหัวไปเกือบเดือน ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่มาแล้วเสียอีก”
“ทำไม วันนี้มีเรื่องไรถึงได้อยากพบหน้าตาแก่อย่างข้าเล่า
?”
จี้เทียนซิงยิ้มเล็กน้อยและอธิบายว่า
“ผู้อาวุโส ก่อนหน้านี้ผู้เยาว์มีงานล้นมือ
ทั้งช่วยศิษย์พี่หยุนเหยาทำภารกิจ มิหนำซ้ำยังต้องตระเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมในการประลองหลง….ซ”
พูดยังไม่ทันจบประโยคเขาก็ถูกเซี่ยงหวู่จี้ขัดจังหวะว่า
“ไม่ต้องผายลมอธิบายให้เสียเวลา !
ช่วงนี้เจ้าไปไหนมาไหนหรือทำอะไรคิดว่าตาแก่อย่างข้าไม่รู้หรือไง ?”
น้ำเสียงของเซี่ยงหวู่จี้นั้นฟังดูค่อนข้างรำคาญ
แต่ความหมายของเขาก็แสดงออกชัดเจนว่าเขารู้ทุกการเคลื่อนไหวของจี้เทียนซิง
จี้เทียนซิงคุ้นชินกับนิสัยและอารมณ์ของเซี่ยงหวู่จี้เป็นอย่างดี
เขาไม่รู้สึกหัวเสียอะไร เพียงยิ้มอย่างเงียบๆ
ในเวลานี้เองเซี่ยงหวู่จี้ก็เผยรอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่งออกมาและกล่าวชมอีกฝ่ายว่า
“ไอ้หนู เรื่องการประลองที่เขามังกร
นับว่าเจ้าทำได้ดี
เจ้าทำให้นิกายพันธมิตรสวรรค์ของเราเชิดหน้าชูตา”
เซี่ยงหวู่จี้ไม่เคยเอ่ยปากชมผู้ใดง่ายๆ
จี้เทียนซิงรู้จักกับตาแก่ผู้นี้มานานก็ยังไม่เคยได้รับคำชมเช่นนี้แม้แต่น้อย
ดังนั้นจากประโยคที่เขาเพิ่งพูดมานี้
เห็นได้ชัดว่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก
จี้เทียนซิงเพียงพยักหน้าและยิ้มบางๆ
จากนั้นก็หันไปหาไม้กวาดเพื่อเตรียมทำความสะอาดลานกว้างตามเดิม
เซี่ยงหวู่จี้หันขวับมามองและขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า
“ไอ้หนู นี่เจ้าติดนิสัยบ่าวไพร่แล้วหรือไง ? วางมันลง
วันนี้ไม่ต้องกวาดพื้นแล้ว”
“ไหน มานี่ซิ
ลองแสดงเพลงกระบี่ดาราเหินให้ข้าชมหน่อยว่าเจ้าฝึกฝนถึงระดับไหนแล้ว”
กล่าวจบเซี่ยงหวู่จี้ก็เก็บกาน้ำและจ้องมองไปที่จี้เทียนซิงด้วยสายตาที่ร้อนแรง
ชายหนุ่มพยักหน้าและปฏิบัติตามคำสั่งของอีกฝ่ายโดยการเดินไปกลางลานกว้างอย่างรวดเร็ว
เขาโคจรพลังและปะทุคลื่นกระบี่ออกมาร่ายรำกระบวนท่าคมมีดขนนกพันเล่มทันที
เขาปลดปล่อยปราณกระบี่สีทองยาวหนึ่งเมตรออกมาเก้าสายและสะบัดพวกมันออกไปนับพันครั้งภายในห้าลมหายใจ
ส่งผลให้ลำแสงกระบี่สีทองที่บาดลูกตาส่องประกายเจิดจ้าไปทั่วลานกว้าง ไอกระบี่สาดซัดไปทุกทิศทางทั้งแนวนอนและแนวตั้ง
เซี่ยงหวู่จี้เผยรอยยิ้มหยอกเย้าออกมาหลังจากได้เห็นพลางกล่าวว่า
“ไอ้หนู ข้าสอนเจ้าว่าไง ? คมมีดขนนกพันเล่มนั้นจะสำแดงอานุภาพได้แท้จริงก็ต่อเมื่อใช้สามกระบี่โจมตีพันครั้งในห้าอึดใจ
แต่เด็กขอเหลืออย่างเจ้ากลับต้องใช้คลื่นกระบี่ถึงเก้าเล่ม...…”
จี้เทียนซิงหัวเราะฮาๆและอธิบายว่า
“โธ่ ผู้อาวุโส ความแข็งแกร่งของข้ายังต่ำต้อย
ไหนเลยจะสำแดงเพลงกระบี่ได้ทรงพลังเท่าท่าน”
“แต่ท่านไม่ต้องห่วง
ผู้เยาว์จะพยายามอย่างหนักและหวังว่าสักวันหนึ่งจะทำได้อย่างท่าน
ข้าจะต้องใช้สามกระบี่โจมตีพันครั้งในห้าอึดใจให้จงได้ !”
เซี่ยงหวู่จี้พยักหน้าและกล่าวว่า
“เออ จะรอดู
เอ้าต่อเลย ไหนแสดงกระบวนท่าที่สองซิ”
จี้เทียนซิงปลดปล่อยปราณกระบี่สองเล่มออกมาโอบล้อมพื้นที่ในรัศมีสิบเมตรทันที
ลำแสงกระบี่และสายลมพัดมารวมกันบรรจบเป็นสายฟ้าสีทอง
ที่ผ่าฟาดลงบนพื้นหินสีน้ำเงิน มันทำลายพื้นดินจนแตกกระจายเป็นหลุมขนาดใหญ่และทำให้ก้อนหินดินทรายนับไม่ถ้วนปลิวว่อน
เซี่ยงหวู่จี้ขมวดคิ้วทันทีแต่ก็มิได้โกรธเคืองอันใด
เขาตะโกนบอกว่า “โว้ย ไอ้หนูผี เจ้าคิดจะพังลานกว้างของข้าหรือไง ?!”
“เดี๋ยวเจ้าต้องทำความสะอาดลานกว้างของข้าให้เหมือนเดิมด้วยล่ะ
!”
จี้เทียนซิงคาดเดาออกแต่แรกอยู่แล้วว่าเซี่ยงหวู่จี้ต้องพูดเช่นนี้
เขาจึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มพลางกล่าวถามว่า
“ผู้อาวุโส ท่านว่ากระบวนท่าที่สองเมื่อครู่นี้ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง
?”
เซี่ยงหวู่จี้ลูบเคราขาวโพลนและพยักหน้ากล่าวว่า
“อืม ก็ใช้ได้ นับว่ามีคุณสมบัติเพียงพอแล้ว”
“เอาล่ะ วันนี้ข้าจะถ่ายทอดกระบวนท่าที่สามของเคล็ดเพลงกระบี่ดาราเหินให้เจ้า”
“ไอ้เด็กสารเลวจงแหกตามองดูข้าให้ดี !”
กล่าวจบเซี่ยงหวู่จี้ก็เดินไปที่ลานกว้าง เขาโบกหัตถ์ทั้งสองร่ายรำเป็นกระบวนท่าที่ไม่ธรรมดาลากเป็นเส้นสายคลื่นพลังปราณอันลี้ลับออกมา
จากนั้นก็ปะทุพลังลมปราณอันเกรี้ยวกราดขึ้น
วินาทีต่อมา
เซี่ยงหวู่จี้ก็กระแทกหัตถ์ทั้งสองข้างออกไปข้างหน้าพร้อมกัน
พริบตา ดารามังกรแดง !!
คลื่นพลังกระบี่สีแดงเดือดยาวสองเมตรเปล่งประกายอยู่บนหัตถ์ทั้งสองข้างของเซี่ยงหวู่จี้และพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วยิ่งกว่าฟ้าผ่า
!
เมื่อคลื่นกระบี่สีแดงเถือกโจมตีออกไป
เปลวอัคคีก็โหมกระหน่ำราวกับมังกรไฟที่มีชีวิต
พลังของคลื่นกระบี่นี้ปะทุอย่างเกรี้ยวกราดราวกับมังกรสีแดงกำลังอาละวาด
ทั่วทั้งลานกว้างเต็มไปด้วยไอกระบี่และผืนดินก็ถูกเฉือนเป็นรอยแตกตลอดเส้นทาง
นอกจากนี้มวลอากาศก็กลายเป็นร้อนระอุราวกับอยู่ในทะเลเพลิง
บูม !
ลำแสงมังกรแดงพุ่งออกไป
50 เมตรจนข้ามกำแพงลานกว้างและกระแทกเข้าใส่ต้นไม้ที่สูงตระหง่านต้นหนึ่งนอกลานกว้าง
ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้มีมีอายุหลายร้อยปี
ลำต้นของมันมีความหนาพอๆกับถังเก็บน้ำ มันมีใบที่เขียวชอุ่มครอบคลุมรัศมี 30 เมตรซึ่งสามารถครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดได้
อย่างไรก็ตาม
ทันทีที่ลำแสงมังกรแดงตกกระทบ
กิ่งก้านและลำต้นที่หนาเตอะก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและเผามันเป็นเถ้าถ่านในพริบตา
!
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved