ภายในห้องโถงอันเงียบสงัด
เวลาได้ผันผ่านไป
จี้เทียนซิงถูกห่อหุ้มไว้ด้วยแสงสีเงินของดวงดาว
ตามมาด้วยริ้วละอองแสงสีทองจางๆ ปลดปล่อยกลิ่นอายอันลึกลับงดงามออกไปทั่วบริเวณ
เขายังคงอยู่ในสภาวะหลับใหลด้วยสองตาที่ปิดสนิท
ปล่อยให้พลังแห่งดวงดาราแปรเปลี่ยนเลือดเนื้อเพื่อบรรเทาและพัฒนาเส้นชีพจรกระบี่ต่อไป
โลหิตสีทองของเทพกระบี่หยดนั้นค่อยๆสลายไปด้วยความเร็วอันเชื่องช้าและผสานเข้ากับสายเลือดของจี้เทียนซิง
สามวันได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดจี้เทียนซิงก็ผสานโลหิตเทพกระบี่ได้อย่างสมบูรณ์
กระแสโลหิตที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายก็เสร็จสิ้นการเปลี่ยนแปลง
พลังแห่งดวงดาราก็อ่อนกำลังลง เสริมความแข็งแกร่งของเขาจนถึงขีดจำกัดในตอนนี้
หลังจากได้ปรับปรุงโครงสร้างร่างกายใหม่ทั้งหมด
เขาก็แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างมหันต์
ไม่เพียงแค่พลังป้องกัน
ความแข็งแกร่งและความคล่องตัวที่เปลี่ยนไปเท่านั้น แต่ระดับความพอดีที่เป็นหนึ่งเดียวกับรัศมีพลังของฟ้าดินก็ใกล้จะถึงระดับสมบูรณ์แบบ
เขาสามารถดูดซับรัศมีพลังฟ้าดินได้เร็วกว่าเมื่อก่อนอย่างน้อยๆก็ห้าเท่า
!
หากเขานั่งสมาธิบ่มเพาะพลังเพียงหนึ่งวัน
พลังปราณที่สะสมไว้จะเท่ากับแต่ก่อนถึงห้าวัน
และการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในร่างกายของเขาก็คือการเปิดเส้นชีพจรใหม่ได้อีกสามเส้น
อีกทั้งมันได้ถูกบรรเทาเป็นเส้นชีพจรกระบี่ด้วยพลังแห่งดวงดาวไว้แล้วเสร็จสรรพ !
คนทั่วไปมีเส้นชีพจรลมปราณเพียงเก้าเส้นเท่านั้น
แต่จี้เทียนซิงมีถึงสิบสองเส้น
สิ่งนี้ไม่เพียงทำให้ปราณแท้ของเขาแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
แต่มันยังช่วยให้กายมนุษย์และพรสวรรค์โดยกำเนิดถูกทะลวงผ่านข้อจำกัดแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์
!
แน่นอนว่าภายในสามวันที่ผ่านมานี้ ขอบเขตพลังยุทธ์ของเขาก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดด้วยอัตราที่สูงล้ำอย่างไม่น่าเชื่อ
บัดนี้เขามีความแข็งแกร่งในระดับปราณโอสถขั้นที่สาม
!
หลังจากผสานลูกปัดดวงดาราเข้าไป
เขาไม่เพียงแต่ตัดผ่านวิถีใจกระบี่ขั้นที่ห้า
แต่มันยังทำให้พลังกระโดดข้ามขอบเขตปราณโอสถขั้นที่หนึ่งและสองไปยังขั้นที่สามในรวดเดียว
ด้วยอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อยิ่งนัก
!
ยอดยุทธ์ขอบเขตปราณโอสถทั่วไปหากจะตัดผ่านหนึ่งระดับต้องใช้เวลาบ่มเพาะสามถึงห้าปี
แต่เขาใช้เวลาเพียงสามวันในการทะลวงผ่านปราณจิตขั้นที่เก้าไปยังปราณโอสถขั้นที่สาม
อัตราความเร็วที่น่าตกตะลึงเยี่ยงนี้ราวกับพลิกฟ้าคว่ำพสุธา
การเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่จากลูกปัดแห่งดวงดาราไม่เพียงทำให้เขาพัฒนาความแกร่งของร่างกายและผสานสายโลหิตเทพกระบี่
แต่มันยังช่วยร่นเวลาบ่มเพาะของเขาได้ถึงสิบปี !
ในที่สุดแสงสีเงินบนร่างของจี้เทียนซิงก็มัวแสงลง
ริ้วละอองสีทองจางๆบนพื้นผิวก็แปรเปลี่ยนไปเช่นกัน
ลูกปัดแห่งดวงดาราถูกเขาใช้ขัดเกลา
อีกทั้งโลหิตเทพกระบี่ก็ถูกหลอมรวมไปพร้อมกันด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีพลังแห่งดวงดาวอันยิ่งใหญ่ที่แฝงอยู่ตามแขนขาของเขาที่ตกค้างอยู่
มันยังคงเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเลือดเนื้อของเขาอีกทีละน้อย
จี้เทียนซิงผละจากห้วงฝัน
ค่อยๆดึงสติกลับมาและเปิดตาขึ้น
“วิ้ง !”
ในขณะนั้นเอง ดวงตาของเขาลึกซึ้งขึ้นราวกับดวงดาว
เปล่งแสงอันเฉียบคมและปลดปล่อยกลิ่นอายมั่นอกมั่นใจและแรงกดดันออกมา
รูปร่างหน้าตาของเขาเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
เขาสูงขึ้นและตัวใหญ่ขึ้นด้วยเส้นสายกล้ามเนื้ออันเรียบเนียน
เรือนกายกระชับได้รูปอย่างสมบูรณ์แบบ
แม้แต่ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาอยู่แล้วก็ยิ่งดูดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อน
มันแฝงไปด้วยความมั่นใจและหยิ่งทะนงของผู้มีความสามารถและพรสวรรค์ที่แท้จริง
ไม่ไกลจากจุดนั้น
หยุนเหยาได้เฝ้าปกป้องเขาอย่างเงียบๆอยู่ตลอดสามวันเต็ม
เมื่อเห็นเขาตื่นขึ้นมา นางก็รู้สึกโล่งอก
ดวงตาคู่งามตรึงแน่นไปที่ใบหน้าและตรวจสอบอีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วน
หยุนเหยาสามารถรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเขาได้อย่างชัดเจนและทราบอีกด้วยว่าระดับพลังของเขาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
แม้กระทั่งตัดผ่านไปถึงขอบเขตปราณโอสถขั้นที่สาม !
ไม่เพียงแค่นั้น กลิ่นอายและรูปร่างของเขาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
มันดูกระชับสมบูรณ์แบบมากขึ้น มวลอารมณ์รอบกายที่แผ่ซ่านออกมาเต็มไปด้วยความมั่นใจและกดดันผู้คน
บรรยากาศรอบตัวที่เป็นเอกลักษณ์เยี่ยงนี้ นางเคยเห็นในบุรุษผู้แข็งแกร่งเพียงไม่กี่คนเท่านั้นในชีวิต
................
ในขณะเดียวกันกับที่จี้เทียนซิงตื่นจากห้วงฝันและเปิดตาขึ้น
เหนือท้องฟ้าสูงขึ้นไปลิบลิ่ว
ยากที่มนุษย์จะเอื้อมถึง
บนท้องนภาที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวอันพร่างพราวอัดแน่น
มีดาวเล็กๆดวงหนึ่งที่ทอแสงจางๆออกมา
แต่ทันใดนั้นดาวดวงนั้นกลับส่องสว่างเจิดจรัสยิ่ง ราวกับดอกไม้ที่กำลังผลิบาน
ดาวที่เคยทึบแสงพลันเปล่งประกายราวกับหมู่ดาวทั้งเจ็ดบนสวรรค์
แม้กระทั่งสามารถเทียบความสว่างไสวได้กับดวงจันทร์ !
ภายในนิกายกระบี่ฟ้า เหนือภูเขาลูกหนึ่ง
เทียนจี้เจิ้นเหรินผู้เต็มไปด้วยหนวดเคราขาวรกครึ้มกำลังยืนอยู่บนยอดตำหนักหลังหนึ่ง
ในมือถือแส้หางม้าและเงยหน้าขึ้นมองหมู่ดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างสงบ
ดวงตาของมันส่องแสงระยิบระยับพลางจ้องมองไปยังดาวดวงหนึ่ง
สังหรณ์บางอย่างผุดขึ้นในใจของมัน
ในขณะนี้เขาได้เห็นดาวดวงหนึ่งที่เคยส่องแสงจางๆจนแทบจะมอดดับที่อยู่ลึกในหมู่ดาว
จู่ๆดาวดวงนั้นพลันส่องแสงสว่างไสว ประชันแสงกับดวงดาวหลักทั้งเจ็ดบนท้องฟ้า
รูม่านตาของมันหดวูบด้วยความตกใจ
ใบหน้าของมันเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
เขาจ้องไปที่ดาวดวงนั้นอย่างเหลือเชื่อ
คิ้วและหางตากระตุกบิดอย่างรุนแรง
นิ้วทั้งห้าบนมือขวาของมันขยับไปมาอย่างรวดเร็วราวกับกำลังร่ายมนต์คาถาหรือคิดคำนวณบางอย่าง
หลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนาน เมื่อมันได้ข้อสรุปจากการทำนาย
ใบหน้าของมันพลันบิดเบี้ยวดุร้ายราวกับอสูรกาย
ในดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยและเปลวเพลิงแห่งความแค้น
"ลูกปัดแห่งดวงดาราอยู่ในดินแดนแห่งนี้จริงๆด้วย
!"
"หากข้าคำนวณไม่ผิดพลาด
ไอ้เด็กระยำนั่นได้มันไปแล้ว !”
เทียนจี้เจิ้นเหรินเต็มไปด้วยโทสะ
มวล์อารมณ์กลายเป็นสลับซับซ้อน ทั้งตกใจ ตื่นตะลึงและโกรธา
"ในเมื่อลูกปัดแห่งดวงดาราอยู่ที่นี่
เวลาในการคืนชีพองค์จักรพรรดิปีศาจของพวกเราก็ใกล้มาถึงแล้ว ข้าจะต้องส่งข่าวนี้ไปรายงานท่านราชามารโลหิต !”
มันพูดพึมพำเงียบๆในใจและผละจากไปอย่างรวดเร็ว
..........
ในเวลาเดียวกัน ณ ลานแห่งเหล่าจักรพรรดิที่อยู่ห่างจากอาณาจักรเทียนเฉินออกไปไกลกว่าหนึ่งร้อยล้านไมล์
ตี้ซื่อกำลังนั่งไขว้ขาอยู่บนแท่นคว้าดาวที่สูงกว่าหมื่นฟุต
มันถือแส้หางม้าสีทองไว้ในมือ
สองตาปิดสนิทและโคจรพลังอย่างเงียบเชียบ ส่งสัมผัสมองลึกเข้าไปในหมู่ดาว
แท่นคว้าดาวเป็นสถานที่ที่ใกล้กับท้องฟ้ามากที่สุด
หากได้อยู่ที่นี่ก็เสมือนเพียงแค่เอื้อมมือออกไปก็สามารถคลื่นคล้อยดวงดาวได้
ภายใต้แท่นเป็นทะเลเมฆสีขาวเมฆเป็นเกลียวคลื่น
สายลมแรงบนแท่นกำลังคลุ้มคลั่ง เต็มไปด้วยความเย็นยะเยือกจนแทบจะดับคบเพลิงของดวงดาวทั้งเก้าที่อยู่รายรอบได้ทุกเวลา
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่มีพลังต่ำกว่าปราณฟ้าจะไม่สามารถอยู่บนแท่นคว้าดาวได้นานนัก
พวกมันอาจถูกพัดปลิวด้วยแรงลมหรือไม่ก็แข็งเป็นน้ำแข็ง
ตี้ซื่อสวมเสื้อคลุมสีม่วงและนั่งอยู่บนพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเส้นสายอาคมอยู่หลายวัน
แม้จะอยู่ในสภาพนี้มานานแต่มันก็มิได้รู้สึกอึดอัดเหน็ดเหนื่อยใดๆ
บุคลระดับมันจะถูกทำร้ายด้วยสายลมแรงและน้ำแข็งได้อย่างไร
?
มันกำลังใช้ศาสตร์ลับในการไขปริศนา,
เฝ้าสังเกตดวงชะตาโดยการใช้เนตรฟ้าเพื่อทำนายความลับของสวรรค์
ทันใดนั้นเอง
ดาวเล็กๆทึบแสงดวงหนึ่งที่อยู่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่พลันส่งแสงประกายแวววาวอย่างเจิดจรัส
แสงจากดาวดวงนั้นบดบังรัศมีของหมู่ดาวนับพัน
แม้กระทั่งสามารถประชันแสงกับดวงจันทราได้
สีหน้าของตี้ซื่อเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
คนเบิกตาโพล่งอย่างรุนแรง สะบัดหน้าจ้องมองไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว เพ่งสายตาไปยังดวงดาวที่สุกสกาวดวงนั้น
"ประกายแสงสีทอง ซ่อนเร้นอยู่ในแสงสีเงิน
ดาวดวงนั้น...... คือดาวชีวิตของเทพกระบี่ !"
ตี้ซื่อเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา คนกระซิบแผ่วเบาอย่างเหลือเชื่อ
"ดาวชะตาของเทพกระบี่นิ่งเงียบและหม่นแสงมาเป็นพันปีราวกับมอดดับสนิทไปแล้วแท้ๆ”
เหตุใดจู่ๆถึงได้ทอประกายเจิดจรัสขึ้นมาอีกครั้ง
……?”
"อย่าบอกนะว่า ... เทพกระบี่ปรากฏตัวบนโลกนี้อีกครั้ง
?”
เมื่อคิดคำนึงถึงความเป็นไปได้นี้ ผู้เข้มแข็งอย่างมันถึงกับแทบล้มทั้งยืน
หนวดเคราขาวโพลนของมันสั่นกระตุกครั้งแล้วครั้งเล่า
ด้วยความตกใจและตื่นเต้น
คนรีบผละจากแท่นคว้าเพื่อไปรายงานต่อตี้จวินอย่างรวดเร็ว
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved