ตอนที่ 116

ศิษย์พี่ใหญ่กำลังมองหาข้า

?

ในช่วงหลายวันต่อมา

ชายชุดดำก็มิได้ปรากฏตัวอีกเลย ราวกับหายไปในความมืดคืนนั้น

จี้เทียนซิงเดินทางไปที่ตำหนักไท่อันทุกวันเพื่อกวาดพื้นและศึกษาตำรับพันโอสถรวมไปถึงการคัดแยกสมุนไพรและการจ่ายยา

พอตกเย็นเขาก็จดจ่ออยู่กับการฝึกเพลงกระบี่ดาราเหินสองกระบวนท่าแรกเพื่อหยั่งรากลึกให้ถึงแก่นของมัน

สองสามวันมานี้เซี่ยงหวู่จี้ก็ไม่ได้ปรากฏกายเช่นกัน

จี้เทียนซิงก็ไม่รู้ว่าตาแก่ผู้นั้นกำลังง่วนอยู่กับอะไร

นอกจากนี้

นับตั้งแต่ช่วงเย็นของวันนั้นที่จี้เทียนซิงมีเรื่องกับลู่หมิงหยาง

ซวนซวนก็ไม่ได้มาตำหนักไท่อันเช่นกัน

เวลาผ่านไปห้าวันโดยไม่รู้ตัว

วันนี้เป็นสัปดาห์ที่สองของการได้เข้ามาฝึกฝนในหอยุทธ์ฟงอวิ๋น

ฮั่นเฉียวเซิงกำลังจะเริ่มทดสอบการเรียนรู้ของเหล่าศิษย์ทั้งหลาย

ในช่วงเช้า

ห้องโถงหลักในหอยุทธ์ฟงอวิ๋นก็มีเสียงระฆังดังขึ้น จี้เทียนซิง

เนี่ยห่าวและศิษย์คนอื่นๆต่างก็รีบมุ่งหน้าไปยังห้องโถงเพื่อเข้ารับการประเมินจากครูฝึกฮั่น

เนื้อหาของการประเมินนี้เกี่ยวกับยาสมุนไพรและการจัดยา

ฮั่นเฉียวเซิงมอบใบสั่งยาให้แก่ศิษย์ทั้งสิบคน

จากนั้นตู้หวู่ก็วางสมุนไพรกว่า 40 ชนิดลงบนโต๊ะ

ใบสั่งยาในมือของศิษย์ทุกคนจะมีรายการบางอย่างที่ขาดหายไปอยู่หลายชนิด

เนื้อหาการประเมินของฮั่นเฉียวเซิงก็คือให้ทุกคนศึกษาใบสั่งยาอย่างละเอียด

ภายในเวลาครึ่งก้านธนูจะต้องเสริมยาที่ขาดหายไปจากใบสั่ง

...........

ท้ายที่สุดศิษย์ทั้งสิบคนก็ทำเสร็จภายในเวลาและจัดเตรียมสมุนไพรทั้งหลายที่ขาดหาย

ฮั่นเฉียนเซิงเริ่มประกาศผลการประเมิน  จี้เทียนซิง, เนี่ยห่าว, จี้หลิง, อี้โม่และซื่อจิงเฉิงล้วนจัดยาได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์ทุกประการ

มีศิษย์เพียงคนเดียวที่จัดยาไม่ตรงกับที่ขาดจึงไม่ถือว่าทำภารกิจสำเร็จ

ฮั่นเฉียวเซิงจึงลงโทษโดยการหักยาปราณจิตที่ได้รับในแต่ละเดือนออกหนึ่งเม็ด

โดยปกติแล้วศิษย์นิกายพันธมิตรสวรรค์จะได้รับเงินเดือนหรือเม็ดยาจำนวนหนึ่งในทุกๆเดือน

เพื่อเป็นการสนับสนุนและเพิ่มสมรรถภาพของบรรดาศิษย์ให้ก้าวหน้าอยู่เสมอ

ศิษย์ฝ่ายนอกทั่วไปจะได้รับเม็ดยาปราณจิตเพียง

6 เม็ดและผลไม้วิญญาณ 5 ผลต่อเดือนเพื่อเสริมทักษะ

แต่ทว่าศิษย์มากพรสวรรค์ที่ถูกคัดเลือกมาของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นจะพิเศษกว่าเล็กน้อย

พวกเขาจะได้เม็ดยาปราณจิต 10 เม็ดและผลวิญญาณ 8 ผลในทุกๆเดือน

จี้เทียนซิงและศิษย์คนอื่นๆเพิ่งเข้านิกายมาได้ครึ่งเดือน

ดังนั้นพวกเขาต้องรอจนถึงต้นเดือนหน้ากว่าจะได้รับเบี้ยหวัดเหล่านี้

หลังจากการประเมินเสร็จสิ้นฮั่นเฉียวเซิงก็ประกาศภารกิจในครึ่งปีหลัง

“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเจ้าได้รู้จักสมุนไพรและใบสั่งยาและโอสถแล้ว”

“ในอีกสองเดือนข้างหน้าพวกเจ้าทุกคนจะได้ศึกษาเม็ดยารวมวิญญาณ, เม็ดยาหยกฟ้าและเม็ดยาบำรุงใจ

จากนั้นจะได้ฝึกปรับแต่งเม็ดยา

ซึ่งศิษย์ฝ่ายนอกอย่างพวกเราจะมีห้องปรุงยาประจำตัวอยู่

พวกเจ้าสามารถไปฝึกฝนที่นั่นได้ทุกเมื่อ"

“อย่างไรก็ดี

จงจำไว้ว่าแต่ละคนจะมีวัตถุดิบสำหรับปรุงยาเพียงแค่ 3 ชุดเท่านั้น พวกเจ้าต้องเข้าใจอย่างละเอียดถี่ถ้วนและต้องแน่ใจว่าจะไม่ผิดพลาด”

“เมื่อถึงสิ้นเดือนนี้

ข้าจะมีบททดสอบรายเดือนสำหรับพวกเจ้าทุกคน

ส่วนรางวัลจะแจกให้ตามความสามารถเป็นรายบุคลไป !”

“ข้าสามารถเปิดเผยรางวัลได้เล็กน้อยเพื่อเป็นการกระตุ้นพวกเจ้า

สามอันดับแรกที่ทำผลงานดีสุดในการทดสอบจะได้รับรางวัล

แต่รางวัลของอันดับหนึ่งจะดีที่สุดและที่สำคัญคือ

รางวัลของอันดับหนึ่งนั้นจะมีผลอย่างมากต่อการทดสอบเข้าเป็นศิษย์ฝ่ายในในอีกหกเดือนข้างหน้า

!”

หลังจากนั้นฮั่นเฉียวเซิงก็หันไปพยักหน้าส่งสัญญาณให้ตู้หวู่แจกจ่ายวัตถุดิบปรุงยาสามชุดให้ศิษย์แต่ละคน

และหันหลังเดินออกไป

เหล่าศิษย์ทั้งสิบคนถือถุงสมุนไพรและวัตถุดิบ

จากนั้นก็ทยอยเดินออกจากห้องโถงใหญ่

จี้เทียนซิงและเนี่ยห่าวพูดคุยกันอยู่หลายคำก่อนที่จะเดินออกจากห้องโถงพร้อมกัน ในขณะที่พวกเขาเดินเข้าสู่ลานกว้างของฝ่ายนอก

พวกเขาก็เห็นศิษย์คนอื่นๆมากมายมาออกันที่ประตูทางเข้าหอยุทธ์ฟงอวิ๋น

พวกเขาชะเง้อมองและกระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง

ชายหนุ่มทั้งสองหันไปมองหน้ากันพลางขมวดคิ้วและกล่าวด้วยความสงสัย

“พวกเขามามุงอะไรกันอยู่ ?”

เนี่ยห่าวเหลือบมองไปที่ประตูและพยักหน้าพลางกล่าวว่า “เราไปดูกันเถอะพี่จี้”

จี้เทียนซิงพยักหน้า

และทั้งสองก็เดินผ่านลานกว้างไปที่ประตูหอยุทธ์

เวลานั้นพวกเขาก็ได้เห็นสตรีนางหนึ่งในชุดขาวยืนอยู่ที่หน้าประตู

ถึงแม้ทุกคนจะเห็นเพียงเงาร่างของสตรีผู้นี้

แต่บรรยากาศรอบตัวของนางกลับเต็มไปด้วยความน่าตื่นตะลึง แววตาของเหล่าศิษย์แสดงออกถึงความชื่นชมอย่างชัดเจน

สตรีนางนี้ใส่ชุดกระโปรงขาวราวกับหิมะ

เรือนร่างที่สมส่วนทำให้ผู้คนหัวใจเต้นรัว ความงามสง่าของนางทำให้ผู้ที่พบเห็นหายใจไม่ทั่วท้อง

เกศาดำขลับที่ยาวเหยียดของนางสยายมาจรดเอวคอดกิ่วราวกับน้ำตกสีดำ

นางเพียงแค่ยืนอย่างเงียบงันอยู่นอกประตูและแผ่กลิ่นอายของความเย็นชาที่สง่างามสูงส่งออกมา

เหล่าศิษย์อัจฉริยะของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นที่ได้เห็นนาง

ต่างก็ยังต้องลอบทอดถอนใจและสำนึกในความต้อยต่ำของตัวเองจนไม่มีผู้ใดกล้าไปรบกวนนาง

พวกเขาทำได้เพียงมุงดูกันและกระซิบกระซาบด้วยความตื่นเต้น

"สาวงาม !   ข้ามิได้ล้อเล่นนะ ตั้งแต่เกิดมาจนโต

นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบสตรีที่วิเศษขนาดนี้ !”

“มิผิด

ข้าก็รู้สึกแบบเดียวกับเจ้า !  ช่างเป็นหญิงสาวที่งดงามอะไรขนาดนี้

บรรยากาศรอบตัวนางที่แผ่ออกมาราวกับเป็นนางฟ้านางสวรรค์ !”

“เฮ้

พวกเจ้าอย่าได้เหิมเกริมจนเกินพอดี

สาวงามชุดขาวผู้นี้คือศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเรา

นางคือหัวหน้าศิษย์ หยุนเหยา!” (云瑶 ไข่มุกเมฆา)

“เอ๋ ?  นางก็คือหยุนเหยา ? อัจฉริยะอันดับหนึ่งของอาณาจักรเทียนเฉิน !?”

“สวรรค์ ข้าเคยได้ยินกิตติศักดิ์และฝีมือของนางเมื่อสองปีก่อน  ข้าไม่คิดเลยว่าวันนี้จะโชคดีได้พบตัวจริง !"

“น่าเสียดายที่สาวงามไร้ทัดเทียมเช่นนี้เพียงได้แต่มองจากที่ไกลๆ  ข้าไม่มีความกล้าพอจะเข้าหานาง  แต่หากเป็นไปได้ข้าก็อยากสนทนากับนางสักครา”

ซื่อจิงเฉิงและอี้โม่ก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน  พวกเขาเหม่อมองหยุนเหยาอย่างกระตือรือร้นและกระซิบกระซาบกันไม่หยุด

“คิดไม่ถึงว่าศิษย์พี่ใหญ่หยุนเหยาจะมาเยือนฝ่ายนอกและยังเจาะจงมาที่หอยุทธ์ฟงอวิ๋นของพวกเราอีกด้วย

!”

"ใช่ ! ข้าไม่ทราบว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่มีธุระอันใดกับหอยุทธ์ฟงอวิ๋น  แต่ดูจากท่าทางของนาง เหมือนกำลังรอใครบางคน ?”

“บ้าเอ้ย ! ไม่รู้ว่าเป็นใครกันที่บุญหล่นทับจนได้รู้จักกับศิษย์พี่หญิง

แต่มันยังกล้าปล่อยให้นางต้องยืนรออยู่หน้าประตูเช่นนี้ !”

“หากศิษย์พี่ใหญ่มาหาข้า

ข้าจะใช้ชีวิตในนิกายอย่างไร ? พรุ่งนี้ชื่อของข้าคงโด่งดังไปทั่วนิกาย

ไม่รู้ว่าจะมีศิษย์พี่ศิษย์น้องมากเพียงใดที่อยากจะฆ่าข้า”

ในช่วงเวลาที่มวลชนกำลังสนทนากันให้แซ่ด

หยุนเหยาที่ยืนหันหลังอยู่หน้าประตูก็หันหน้ามาทันทีและมองไปที่ลานกว้างด้านหลังฝูงชน

การแสดงออกที่ชืดชาราวกับภูเขาน้ำแข็งของนางกลายเป็นอ่อนโยนในทันควัน

จากนั้นก็เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะมาก “ศิษย์น้องเทียนซิง

เจ้าออกมา !”

เมื่อได้ยินประโยคนี้

เหล่าศิษย์ทั้งหลายก็เบิกตากว้างและแสดงสีหน้าโง่งมออกมา

ทุกคนตกใจและหันไปมองจี้เทียนซิงด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ

ดวงตาของพวกเขาแสดงออกถึงความอิจฉาริษยาออกมาอย่างชัดแจ้ง

จี้เทียนซิงกับเนี่ยห่าวเดินเคียงข้างกันและเพิ่งจะเดินไปที่ประตู

เมื่อได้เห็นหยุนเหยาที่ยืนอยู่ข้างนอกประตู

พวกเขาทั้งสองจึงคาดเดากันว่าบรรดาศิษย์ไปมุงดูนางและกำลังพูดถึงนาง

แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือหยุนเหยามาหาเขาที่นี่แถมยังเป็นฝ่ายทักทายเขาก่อนอีกด้วย

จี้เทียนซิงอึ้งไปวูบหนึ่งก่อนจะเดินตรงไปหานาง

“แม่นางหยุนเหยา…”  ชายหนุ่มพยักหน้าให้หยุนเหยาและกำลังจะเอ่ยปากถาม

“อ้อ ... ?”

หยุนเหยาย่นคิ้วเรียวงามของนางและจ้องมองไปที่จี้เทียนซิงด้วยแววตาหยอกเย้า

จี้เทียนซิงตื่นตัวในทันทีและรีบเปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็ว

“เอ่อ... ศิษย์พี่หญิง ท่านมาหาข้าหรือ ?”

“ใช่” หยุนเหยากล่าวอย่างสงบ “ข้ามีบางเรื่องคิดพูดคุยกับเจ้า เจ้าพอจะมีเวลาหรือไม่ ?”

“แน่นอน” จี้เทียนซิงตอบอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อยและพยักหน้า

หยุนเหยาพยักหน้าแล้วหันหลังเดินออกไป

“มากับข้า”

เหล่าศิษย์ในลานกว้างที่ได้เห็นจี้เทียนซิงออกไปพร้อมกับหยุนเหยาต่างก็แสดงสีหน้าอิจฉาริษยาออกมา  พวกเขากระซิบกระซาบกันไม่หยุด