ตอนที่ 273

นี่คือลิขิตฟ้า

วิกฤตชีวิตและความตายที่ผ่านมามากมายทำให้จี้เทียนซิงกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มีความตื่นตัวมาก

เขาสังเกตเห็นได้ทันทีว่ามีผู้ฝึกยุทธ์หลายคนอยู่ในป่ามืด

ทุกคนกุมอาวุธอันแหลมคมไว้พร้อมสรรพและประชิดใกล้เข้ามาโดยไม่รู้ตัว

เมื่อตระหนักว่าสถานการณ์ไม่เข้าท่า

เขาพุ่งออกจากแผ่นหินและวิ่งหนีลงเขาอย่างไร้ความลังเล

ในเทือกเขาที่ไร้ผู้อยู่อาศัย

การที่มีผู้ฝึกยุทธ์ใดๆปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลันและมีที่มาไม่ชัดเจนเยี่ยงนี้เขาจำเป็นต้องกันไว้ก่อน

“ฟุ่บ !”

ชายหนุ่มใช้ย่างก้าวไร้เงา

จนเกิดเป็นลำแสงแวบหนึ่งที่ทะยานจากพื้นที่โล่งเข้าไปในป่าทึบอีกฝาก

ทันทีที่เขาออกจากพื้นที่โล่ง

ผู้ฝึกยุทธ์ไม่ทราบเจตนากลุ่มนั้นก็ส่งเสียงโห่ร้องพลันเร่งฝีเท้าตามล่าอย่างรวดเร็ว

“ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ !”

หลังจากนั้นเงาร่างสีดำได้พุ่งผ่านพื้นที่โล่งราวกับภูตผียามราตรีและตามติดไล่ล่าจี้เทียนซิงด้วยความเร็วสูงสุด

เงาดำเหล่านั้นล้วนกุมกระบี่ที่ส่องแสงเย็นยะเยือกไว้ในมือ

พวกมันทั้งหมดมีด้วยกันสิบคน แต่ละคนมีความสูงต่ำแตกต่างกันออกไปและพร้อมกับจิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมา

ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือพวกมันทุกคนต่างก็มีพลังในขอบเขตปราณจิตขั้นสูง

ความเร็วที่พวกมันทุกคนวิ่งผ่านป่าบนภูเขานั้นก็ยังรวดเร็วสูสีกับจี้เทียนซิง

เก้าจากสิบคนสวมชุดสีดำ

มีเพียงหัวหน้าของพวกมันเท่านั้นที่สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินและมีลักษณะแข็งแรงกำยำ

คนผู้นั้นวิ่งอยู่หน้าสุด

สายตาจับจ้องไปที่จี้เทียนซิงตลอดทาง ใบหน้าของมันมืดครึ้ม ดวงตาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นและจิตสังหาร

“เจ้าเดรัจฉานน้อย

ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะตื่นตัวไวขนาดนี้ ! อย่างไรก็เสีย

บนเทือกเขาแห่งนี้ ข้าจะดูซิว่าเจ้าจะหนีไปไหนพ้น !”

มันคำรามเสียงเย็น

กระบี่ในมือถูกกำไว้แน่นและเกร็งกล้ามเนื้อออกมาด้วยพลังมหาศาล

มันรอเวลานี้มาเกือบทั้งวัน

!

ครึ่งชั่วยามผ่านไปอย่างรวดเร็ว

มือสังหารทุกคนไล่ตามจี้เทียนซิงจนกระทั่งวิ่งไปถึงที่เชิงเขา

ณ จุดนี้ทั้งสองฝ่ายยังคงรักษาระยะห่างไว้ได้

100 เมตร

ความเร็วของจี้เทียนซิงมิได้ถดถอยลง

เขารักษาความเร็วไว้อย่างต่อเนื่อง

ชายในเสื้อคลุมสีน้ำเงินเห็นสถานการณ์นี้จึงคำรามสั่งการออกไปอย่างเด็ดขาดว่า

“ต้วนหมิง ! เจ้าและพี่น้องทั้งสามคนที่มีท่าร่างรวดเร็วที่สุด

จงใช้ทุกอย่างที่มีไล่ตามเดรัจฉานน้อยตัวนั้น

ทำให้แน่ใจว่าจะหยุดมันไว้ได้ !”

เมื่อสิ้นเสียงชายสวมชุดดำรูปร่างผอมแววตาเย็นชาที่อยู่ข้างหลังเขาก็ก้าวออกมาและตอบรับทันทีว่า

“ทราบแล้ว !”

จากนั้นชายร่างผอมชุดดำทั้งสามก็เร่งความเร็วตามติดเป้าหมายในทันที

............

ในขณะเดียวกันจี้เทียนซิงกำลังเคลื่อนตัวผ่านป่าทึบ

เขาอาศัยความยืดหยุ่นวิ่งฝ่าสิ่งกีดขวางระหว่างทาง

สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมและมืดมน

แววตาเต็มไปด้วยความงุนงงสงสัยพลางสบถออกมาว่า “มารดามันเถอะ ! จู่ๆก็มียอดฝีมือสิบคนคิดจะสังหารข้า

เจ้าพวกนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่ ?”

โดยไม่รอให้เขาเข้าใจปัญหานี้

เสียงฝีเท้าที่ไล่หลังมาก็ยิ่งรัวถี่มากขึ้นมันฟังดูเหมือนอีกฝ่ายย่นระยะห่างเข้ามาทุกที

จี้เทียนซิงเหลี่ยวหลังกลับไปมองและได้เห็นชายชุดดำสี่คนกำลังวิ่งไล่เขามาด้วยความรวดเร็วดั่งภูติผี

ชายทั้งสี่นั้นเร็วมาก

หลังจากผ่านไปเพียงครึ่งก้านธูป พวกมันก็ถึงตัวเขา

ในที่สุดเมื่อมาถึงริมแม่น้ำสายหนึ่ง

ชายชุดดำทั้งสี่คนก็ล้อมกรอบเขาไว้ทุกทาง

“เช้ง !”

จี้เทียนซิงหนีไม่พ้นอีกต่อไป

เขาทำได้เพียงต้องชักกระบี่มังกรดำออกมาจากแหวนมิติและกุมไว้ในมือด้วยแววตาเย็นชา

เขากวาดสายตามองพวกมันทั้งสี่และกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า

“พวกเจ้าเป็นใคร ? ไล่ตามข้าเช่นนี้มีจุดประสงค์อะไร ?”

ชายชุดดำทั้งสี่กระจายตัวออกไปและเดินไปล้อมรอบเขาช้าๆ

ด้วยแสงสะท้อนบนตัวกระบี่ในมืออันเยือกเย็น พวกมันพร้อมจะลงมือได้ทุกเมื่อ

เมื่อเผชิญกับคำถามของจี้เทียนซิง

พวกมันทั้งสี่ยังมีท่าทีไม่แยแสและไม่ตอบคำถาม

จี้เทียนซิงขมวดคิ้ว

นัยน์ตาของเขาจ้องมองผ่านชายชุดดำทั้งสี่คนไปยังป่าทึบที่อยู่ไม่ไกลออกไป

เขาสามารถคาดเดาได้ว่าทั้งสี่คนนี้เป็นมือสังหารและผู้ว่าจ้างที่แท้จริงยังมาไม่ถึง

ดังนั้นพวกมันจึงยังไม่ลงมือ

หลังจากนั้นไม่นานนักชายในเสื้อคลุมสีน้ำเงินก็วิ่งออกมาจากป่าพร้อมกับชายชุดดำอีกห้าคนและมาถึงริมแม่น้ำในทันที

คนทั้งเก้าในชุดดำพร้อมอาวุธครบมือล้อมรอบจี้เทียนซิงเอาไว้อย่างแน่นหนา

จากนั้นชายในเสื้อคลุมสีน้ำเงินก็เดินเข้าไปในวงพร้อมกับจ้องมองจี้เทียนซิงด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

“จี้เทียนซิง

เจ้าคงคิดไม่ถึงสินะว่าพวกเราจะได้พบกันอีกครั้งในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ !”

จี้เทียนซิงได้ยินเสียงที่คุ้นเคย

เขาสะดุ้งในทันที รูม่านตาหดวูบกลายเป็นมืดมนซับซ้อน

เขาจ้องมองชายเสื้อคลุมสีน้ำเงินด้วยสายตาไม่อยากเชื่อและถามออกมาด้วยเสียงต่ำว่า

“เจ้าคือ....

หลิงซื่อไห่  ?”

เขาคาดไม่ถึงว่าจะได้พบหลิงซื่อไห่ในดินแดนดาราบรรพกาล

!

ยิ่งไปกว่านั้นหลิงซื่อไห่ยังไล่ล่าเขาด้วยผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตปราณจิตถึงเก้าคน

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว !

หลิงซื่อไห่เลียมุมปากของเขาเผยให้เห็นการสีหน้าเย้ยหยันและกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า

“จี้เทียนซิง ! เจ้าสังหารหลิงหยุนเฟยบุตรสาวข้า

ข้าต้องชำระแค้นในเรื่องนี้ ! ข้าไม่เพียงแค่จะทำลายร่างเจ้าให้แหลกเหลว

แต่ข้าจะควักหัวใจของเจ้าออกมา !”

“เจ้าคิดหรือว่าออกจากเมืองจักรวรรดิชิงหยุนเข้าสู่นิกายพันธมิตรสวรรค์แล้วจะปลอดภัย

? แม้ว่าจะต้องไล่ตามเจ้าไปสุดขอบโลก

ข้าก็จะเอาชีวิตสุนัขของเจ้าให้ได้ !”

“เพื่อจัดการกับเจ้า... ข้าเข้าไปในเมืองวิญญาณเพลิงเมื่อหนึ่งเดือนก่อนและอุตส่าห์วางแผนการเสียดิบดี

มิคาดว่าเจ้าจะโผล่หัวเข้ามาหาที่ตายเอง นี่เป็นลิขิตฟ้า

แม้แต่สวรรค์ก็ยังเข้าข้างข้า !”

หลังจากฟังคำพูดของหลิงซื่อไห่

จี้เทียนซิงก็ตระหนักได้ในที่สุด

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ !”

“ก่อนหน้านี้ท่านพ่อส่งจดหมายหาข้าบอกว่าหลิงซื่อไห่เดินทางออกจากเมืองจักรวรรดิชิงหยุนและไม่มีผู้ใดทราบว่าไปที่ไหน

ที่แท้มันก็ลอบเข้ามาในดินแดนดาราบรรพกาลอย่างเงียบๆนี่เอง”

“มันได้เฟ้นหานักฆ่าเก้าคนในเมืองวิญญาณเพลิง

ตั้งแต่ที่ข้าออกจากเมืองมามันก็ตามข้ามาตลอดทาง....”

เมื่อทำความเข้าใจจุดเริ่มต้นและจุดจบของเรื่อง

จี้เทียนซิงก็กำกระบี่มังกรดำไว้แน่น

เขาโคจรปราณแท้ด้วยความเร็วสูงสุด เจตนาสู้และจิตสังหารพลันปะทุขึ้น

“หลิงซื่อไห่ ! เจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ช่าง

ข้าขอพูดชัดๆอีกครั้งว่า ข้าไม่ได้ฆ่าหยุนเฟย !”

ต่อให้นี่เป็นเรื่องจริง

แต่จะเป็นไปได้หรือที่หลิงซื่อไห่จะเชื่อ ?

“จี้เทียนซิง ! เจ้าเดรัจฉานน้อย

จะตายอยู่รอมร่อยังคิดแก้ตัวอีกหรือ ?”

“พวกเจ้าทุกคนลงมือได้ ยำมันให้เละ

หักกระดูกมันให้หมด !”

หลิงซื่อไห่คำรามออกคำสั่งด้วยความโกรธแค้น

ชายชุดดำทั้งเก้าคนชักกระบี่อย่างไร้ความลังเลและกระชับวงล้อมเข้าหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

จี้เทียนซิงคาดเดาไว้อยู่แล้วว่าหลิงซื่อไห่ย่อมไม่เชื่อคำพูดของเขา

มันเปล่าประโยชน์ที่จะพูดเรื่องไร้สาระ

เช้ง

!

เสียงชักกระบี่ดังขึ้น

ชายหนุ่มพร้อมลงมือตอบโต้ทันควัน

“ฉัวะ !”

ในช่วงเวลาที่กระบี่มังกรดำพ้นจากฝัก

แสงเย็นส่องประกายระยิบระยับและคลื่นกระบี่คล้ายมังกรยาวห้าเมตรก็ก่อตัวขึ้น

ชายชุดดำสองคนที่พุ่งปรี่เข้ามาหน้าสุดไร้ทางหนีในทันที

"เปรี้ยง

!"

กระบี่ในมือของพวกมันทั้งสองถูกทุบทำลายเป็นเศษเหล็ก

คนถูกกระแทกด้วยพลังกระบี่จนกระเด็นไปไกลราวกับถุงเลือดแตก

พิรุณโลหิตฉีดพุ่งชโลมไปทั่วบริเวณ