ตอนที่ 140

หยามหน้า

เส้นตายสองชั่วโมงสำหรับการหลอมโอสถสิ้นสุดลงในที่สุด

ศิษย์ทั้งเก้าคนหยุดมือและยุติการปรุงยาตามกติกา

มีเพียงลู่หมิงหยางเท่านั้นที่เหงื่อแตกพลั่กอย่างใจจดใจจ่อและยังคงฝังหัวอยู่กับเตาปรุงยา

ฮั่นเฉียวเซิงตบโต๊ะและกล่าวอย่างเคร่งขรึมกล่าวว่า

“หมดเวลาแล้ว !”

“ตอนนี้นำยาเม็ดที่พวกเจ้าเพิ่งหลอมเสร็จส่งมอบให้ผู้ดูแลตู้

ข้าจะตัดสินตามคุณภาพเพื่อจัดอันดับให้พวกเจ้า”

จี้เทียนซิงและศิษย์อีกแปดคนหยิบเม็ดยาออกจากเตาและส่งมอบให้กับตู้หวู่ มีเพียงลู่หมิงหยางเท่านั้นที่นั่งอยู่หน้าเตาปรุงยาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

เตาปรุงยาของเขายังคงมีแต่ควันโขมงจนศิษย์หลายคนที่สนิทสนมกับเขายังอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขบขัน

จากนั้นตู้หวู่ก็ส่งยาเม็ดแรกให้แก่ฮั่นเฉียวเซิง

เขามองดูเม็ดยาอย่างละเอียดและประกาศว่า “เว่ยจินหงหลอมยาสำเร็จทั้งสามชนิด เม็ดยาสะสมวิญญาณมีรอยยาหนึ่งจุด, เม็ดยาหยกฟ้าไม่มีรอยยาและเม็ดยาบำรุงใจมีรอยยาหนึ่งจุด  สรุปว่าทั้ง 3 เม็ดมีรอยยา

2 ไม่มี 1”

เมื่อได้ยินคำพูดของฮั่นเฉียวเซิง

เว่ยจินหงก็เผยใบหน้าที่สับสนออกมา  ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น แต่ยังมีศิษย์อีกหลายคนที่แสดงท่าทางมึนงง

พวกเขาหันไปมองฮั่นเฉียวเซิงด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม

มีเพียงจี้เทียนซิง

ซื่อจิงเฉิงและอี้โม่เท่านั้นที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง

พวกเขายังมีสีหน้าหนักแน่นมั่นคง

ฮั่นเฉียวเซิงเหมือนจะเดาออกว่าเหล่าศิษย์กำลังคิดอะไรอยู่

เขากล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ดูจากใบหน้าของพวกเจ้าแล้วคงคิดสงสัยสินะว่ารอยยาคืออะไร

?”

ศิษย์ทั้งหลายไม่มีใครพูดแต่ก็พยักหน้าเล็กน้อย

ฮั่นเฉียวเซิงมองไปที่ซื่อจิงเฉิงและกล่าวว่า

“ซื่อจิงเฉิง

เจ้าอธิบายให้พวกเขาฟังซิว่ารอยยาหมายถึงอะไร”

ซื่อจิงเฉิงที่ถูกเรียกชื่อก็เผยรอยยิ้มยินดีออกมา

เขายืนขึ้นอย่างรวดเร็วและกล่าวอย่างมั่นใจว่า “รอยยาก็คือเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ที่ปรากฏบนพื้นผิวของโอสถหลังจากหลอมออกมา

ยิ่งโอสถคุณภาพสูงเท่าใดก็ยิ่งมีรอยยามากขึ้นเท่านั้น”

ฮั่นเฉียวเซิงพยักหน้าและบอกให้อีกฝ่ายนั่งลง

จากนั้นก็บอกกับทุกคนว่า “ทีนี้พวกเจ้าเข้าใจหรือยัง ?”

“ข้าให้พวกเจ้าฝึกฝนและทดลองปรุงยา แต่ข้าไม่คิดจะอธิบายให้ลึกซึ้งกว่านี้เพราะข้าอยากให้พวกเจ้าศึกษาและเรียนรู้ด้วยตนเอง”

“นับตั้งแต่ที่ให้พวกเจ้าเริ่มระบุประเภทของสมุนไพรตลอดจนถึงการปรุงยาวันนี้

ข้ามักจะสอนพวกเจ้าเพียงครึ่งเดียวอยู่เสมอ

ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งข้าต้องการให้พวกเจ้าเรียนรู้เอง

ทั้งหมดก็คือวิธีที่จะบ่มเพาะพวกเจ้าได้ดีที่สุด !”

“แต่ข้าไม่คิดว่าพวกเจ้าจะยังอยู่ในบ่อ...แม้กระทั่งเรื่องพื้นฐานในการปรุงยาก็ยังไม่รู้   น่าผิดหวังยิ่งนัก !”

เหล่าศิษย์ทั้งหลายที่ถูกอบรมต่างก็มีสีหน้าหม่นหมองด้วยความผิดหวังและไม่สบายใจ

ต่อมาฮั่นเฉียวเซิงก็หยิบเม็ดยาของศิษย์คนที่สองขึ้นมา

หลังจากสังเกตอย่างละเอียดไม่นานก็ประกาศผล “หวู่ลี่ซานสำเร็จสามชนิดและมีรอยยาหนึ่งจุดทุกเม็ดรวมเป็นสามจุด”

ถัดไปก็เป็นศิษย์คนที่

3 4 และ 5

ฮั่นเฉียวเซิงยังคงประกาศคะแนนในการปรุงยาของศิษย์ต่อเนื่อง

“ตี้ปู้ฟานสำเร็จสามมี 2 รอยยา”

“กู่เจี้ยนหมิง สำเร็จเพียง 2 เม็ดและมีรอยยาจุดเดียว”

“เนี่ยห่าวสำเร็จสามชนิด มีรอยยาทั้งหมด 4 จุดจากทั้งสามเม็ด”

“เย่ชางเซิง.......”

ผลลัพธ์ของศิษย์ทั้งหกคนนี้ไม่ได้ทำให้ฮั่นเฉียวเซิงพึงพอใจแม้แต่น้อย

เพราะคนที่ได้คะแนนสูงที่สุดก็ปรุงยาที่มีรอยยาได้เพียงแค่ 4 จุดเท่านั้น

ถัดไปเป็นยาของศิษย์คนที่

7

ฮั่นเฉียวเซิงเพ่งมองอยู่ครู่ใหญ่ก็ประกาศด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายอย่างพึงพอใจ

“อี้โม่ทำสำเร็จสามชนิด มีรอยยาทั้งหมดแปดจุด”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ซื่อจิงเฉิงซึ่งแต่เดิมมีอารมณ์หงุดหงิดตึงเครียดก็เริ่มผ่อนคลายลงและเผยรอยยิ้มของผู้ชนะออกมา

เป็นที่แน่นอน

หลังจากที่ฮั่นเฉียวเซิงสังเกตเม็ดยาของศิษย์คนที่แปดก็ประกาศว่า “ซื่อจิงเฉิงสำเร็จสามชนิด มีรอยยาทั้งหมด 9 จุด !”

ทันใดนั้นใบหน้าของอี้โม่ก็ดูเศร้าโศก

เขามองซื่อจิงเฉิงอย่างไม่เต็มใจ ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

ซื่อจิงเฉิงยักคิ้วหลิ่วตาด้วยท่าทางยียวนกวนประสาทและดูจองหอง

ถึงแม้จะยังไม่รู้ผลของจี้เทียนซิงและลู่หมิงหยาง  แต่เขาก็มั่นใจว่าการทดสอบครั้งนี้ตนเองคืออันดับหนึ่งแน่นอน

!

ในมุมมองของเขาลู่หมิงหยางและจี้เทียนซิงที่ถูกขังอยู่ในถ้ำวายุทมิฬร่วมสิบวัน

ย่อมไม่มีความสำเร็จได้เท่าตนเองเป็นแน่

สำหรับซื่อจิงเฉิง

อันดับหนึ่งที่ทรงคุณค่าในศาสตร์แห่งโอสถนั้นไม่มีผู้ใดเหมาะสมเท่าเขาอีกแล้ว !

จากนั้นก็ถึงคิวของลู่หมิงหยาง

ฮั่นเฉียวเซิงมองเม็ดยาบนโต๊ะที่แตกเป็นเศษเล็กเศษน้อยและบางส่วนเป็นขี้เถ้าสีดำก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว  เขากล่าวอย่างไร้อารมณ์ว่า “ลู่หมิงหยางสอบตก”

เขาแค่พูดสั้นๆและไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ

ศิษย์หลายคนยิ้มอย่างมีเลศนัย

พวกเขาเหลือบมองลู่หมิงหยางด้วยท่าทางเยาะเย้ย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งซื่อจิงเฉิงที่ไม่เพียงแค่มีท่าทางเหยียดหยามเท่านั้น

แต่เขายังขดริมฝีปากอย่างดูแคลน

“เม็ดยาชุดสุดท้ายเป็นของจี้เทียนซิง”

ฮั่นเฉียวเซิงหยิบเม็ดยาทั้งสามชนิดบนโต๊ะและเริ่มพิจารณา เมื่อเขาเห็นเม็ดยาสะสมวิญญาณเม็ดแรกก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

เขาหันไปมองจี้เทียนซิงด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย

จากนั้นเขาก็วางเม็ดยาสะสมวิญญาณและหยิบเม็ดยาหยกฟ้าขึ้นมา  เมื่อได้เห็นรอยยาบนพื้นผิวของเม็ดยาหยกฟ้า ดวงตาของเขาก็ส่องประกายระยิบระยับและยิ่งแปลกใจมากขึ้น

จนกระทั่งตรวจสอบจนถึงเม็ดยาชนิดที่สาม

ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายเจิดจ้าและมองจี้เทียนซิงอย่างตะลึงงัน

ดูจากรูปลักษณ์และปฏิกิริยาของเขา

มันราวกับว่าได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่เหลือเชื่อ !

เหล่าศิษย์ทั้งหลายในห้องโถงหลักต่างก็ได้เห็นปฏิกิริยาของฮั่นเฉียวเซิงเช่นกัน

หลายคนเริ่มมีสีหน้าสงสัยและเหลือบมองจี้เทียนซิงอย่างลับๆ

มีเพียงสีหน้าของซื่อจิงเฉิงเท่านั้นที่เปลี่ยนไปอย่างมากก่อนที่จะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ

เมื่อมองไปที่จี้เทียนซิงที่มีท่าทางปลอดโปร่งและไม่กดดัน

ความระแวดระวังก็เริ่มเกิดขึ้นในใจของเขา  เขาเริ่มสงสัยว่าผลลัพธ์ในการปรุงยาครั้งนี้ของจี้เทียนซิงต้องอัศจรรย์จนแม้แต่ฮั่นเฉียวเซิงก็ยังแปลกใจ

แต่ในใจของเขาร่ำร้องออกมาว่า

เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน !

ชายผู้หนึ่งที่ถูกขังอยู่ในถ้ำเป็นเวลาสิบวันและไม่มีเวลาไปศึกษาหรือทดลองปรุงยาจะเอาชนะผู้มีพรสวรรค์ในเชิงโอสถอย่างเขาได้อย่างไร

?

ในขณะนี้อารมณ์ของซื่อจิงเฉิงกลายเป็นซับซ้อนและรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ

ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ฮั่นเฉียวเซิงเพื่อรอคอยการประกาศผลอย่างตึงเครียด

ในที่สุดฮั่นเฉียวเซิงก็ยิ้มและกล่าวว่า

“จี้เทียนซิงปรับแต่งยาทั้งสามชนิดสำเร็จ

มีรอยยาทั้งหมด 12 รอย !”

เมื่อสิ้นเสียงประกาศ  ทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ก็จมสู่ความเงียบสงัด

ศิษย์ทั้งหลายเบิกตากว้างและเผยให้เห็นถึงสีหน้าเหลือเชื่อ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งซื่อจิงเฉิงที่มีสีหน้าโง่งมและแข็งทื่อจนกลายเป็นหิน

หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็รั้งสติกลับมาและคำรามอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ

“เป็นไปไม่ได้ ! รอยโอสถปรากฏบนเม็ดยา

12 จุดก็หมายความว่าคนผู้นี้ปรุงยาที่มีรอยโอสถ 4 จุดทุกเม็ดงั้นหรือ ? ไม่มีทาง

ข้าไม่เชื่อ !”

“เขามิใช่ผู้เชี่ยวชาญในวิถีโอสถแถมยังถูกขังอยู่ในถ้ำตั้งสิบกว่าวัน

เขาจะเอาเวลาที่ไหนไปฝึกฝนปรุงยา !  แม้กระทั่งผู้ที่เกิดมาในแวดวงโอสถอย่างข้ายังไม่อาจปรุงยาที่มีรอยยา

4 จุด 3 เม็ดติดกันได้เลย !  โกง เขาต้องโกงการทดสอบแน่ๆ !”

ซื่อจิงเฉิงเต็มไปด้วยความช็อคและตกตะลึงเพราะไม่อาจยอมรับได้  เขากรีดร้องออกมาจนทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน

ห้องโถงหลักเงียบลงทันที

ฮั่นเฉียวเซิงขมวดคิ้วและกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ซื่อจิงเฉิง

หยุดพล่ามเสียที ! ต่อให้เจ้าปรุงยาจนเกิดรอยยา 9 จุดได้ก็เป็นเพียงแค่ระดับยอดเยี่ยมในสายตาข้าเท่านั้น

ยังห่างไกลเกินกว่าจะเรียกว่าอัจฉริยะ

เลิกผยองเกินตัวได้แล้ว

หากเจ้าไม่เชื่อว่ายังมีผู้อื่นที่ปรุงยาจนมีรอยยา 12 จุดได้ งั้นก็มาแหกตาดูด้วยตัวเอง !”

ซื่อจิงเฉิงสีหน้ากลายเป็นอัปลักษณ์

หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งเขาก็ลุกขึ้นและเดินไปหาฮั่นเฉียวเซิงเพื่อหยิบเม็ดยาทั้งสามเม็ดมาเพ่งพินิจอย่างละเอียด

จนกระทั่งเมื่อได้เห็นว่าเม็ดยาทั้งสามนั้น

ในทุกๆเม็ดจะมีรอยโอสถอยู่ 4 จุด

เขาก็ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจและตัวสั่นเทา

เขาเงยหน้าขึ้นมองจี้เทียนซิงและเห็นว่าอีกฝ่ายก็แสยะยิ้มมุมปากด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยท่าทางเหยียดหยาม

เขาจำคำพูดที่จี้เทียนซิงพูดก่อนเริ่มการประเมินได้ทันที

นี่คือความอัปยศ

!