เจ้าเล่ห์กลิ้งกลอกดั่งหมาป่า
หลังจากได้ฟังเรื่องราวในอดีตจากปากของฉู่เทียนเซิง
หยุนเหยาตระหนักถึงเหตุผลได้ในทันที นางขมวดคิ้วและถามต่อไปว่า
“ท่านอาจารย์
ที่ท่านถามจี้หลิงว่าเคยพบย่าทวดมาก่อนหรือไม่นั้นเป็นเพราะท่านคาดเดาว่าย่าทวดของจี้หลิงก็คืออาวุโสที่วางอาคมเก้ามังกรผนึกมารในปีนั้น
? ศิษย์พี่หญิงของท่าน ?”
ฉู่เทียนเซิงก้มศีรษะลงเล็กน้อยและกล่าวด้วยเสียงต่ำ
“ศิษย์พี่หญิงของข้าที่จริงแล้วนางก็เป็นศิษย์สตรีภายในนิกายนี้เช่นกัน
อีกทั้งนางยังเป็นสาวงามแห่งยุค”
“นางมีพรสวรรค์ในศาสตร์แห่งข่ายอาคมอย่างไร้ผู้เทียบเคียง
มีศิษย์พี่ศิษย์น้องมากมายมาติดพันนางจนเกินจะนับไหว”
“น่าเสียดาย
ศิษย์พี่หญิงตัดสินใจใช้ชีวิตบั้นปลายเยี่ยงสามัญชนและกล่าวไว้ว่าจะเป็นฆราวาสไปชั่วชีวิต…”
หยุนเหยาเห็นการแสดงออกของฉู่เทียนเซิงก็คาดเดาได้ทันทีว่า
อาจารย์ของนางก็เป็นหนึ่งในผู้ที่หลงรักผู้อาวุโสท่านนั้น
อย่างไรก็ตามนางเพียงแค่คิดแต่ไม่มีทางเอ่ยออกมา
นางยังคงถามต่อไปว่า
“ท่านอาจารย์คะ เกี่ยวกับอาคมเก้ามังกรผนึกมารของท่านอาจารย์ป้า... ในนิกายเราตอนนี้ไม่มีผู้อาวุโสท่านอื่นๆที่สามารถขับเคลื่อนมันได้เลยหรือคะ
?
ฉู่เทียนเซิงส่ายหัวและกล่าวว่า
“ศิษย์พี่เป็นผู้ครอบครองสายเลือดกระบี่ลี้ลับ
หากต้องการเคลื่อนอาคมที่นางวางไว้ก็มีเพียงต้องใช้ผู้ครอบครองสายเลือดแบบเดียวกันกับนางในฐานะตัวเร่งปฎิกิริยา”
“ไม่ว่าจี้หลิงจะเป็นทายาทของศิษย์พี่จริงหรือไม่
แต่เขาก็ครอบครองสายเลือดกระบี่ลี้ลับจริง
เป็นไปได้สูงว่าเขาอาจจะเป็นผู้เดียวที่สามารถขับเคลื่อนอาคมเก้ามังกรผนึกมารได้
!”
ในที่สุดหยุนเหยาก็เข้าใจทั้งหมดและพยักหน้าด้วยความตระหนกว่า
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้....”
ฉู่เทียนเซิงหลับตาดื่มด่ำกับความหลังเก่าและพูดต่อไปว่า
“หยุนเหยา สิ่งที่อาจารย์ทำลงไปอาจทำให้เจ้ารู้สึกอึดอัดคับข้องที่จู่ๆก็รับศิษย์สายตรงมาแข่งขันกับเจ้า
แต่บุคลผู้นี้เกี่ยวพันถึงชีวิตและความเป็นความตายของนิกาย
ดังนั้นอาจารย์จำเป็นต้องปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ พวกเราต้องปกป้องและอุ้มชูเขา”
“แต่แน่นอนว่าการจะรับเขาเป็นศิษย์สายตรงของข้านั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขา
ว่าเขาจะขับเคลื่อนอาคมเก้ามังกรผนึกมารได้หรือไม่”
“ถ้าหากเขาสามารถเคลื่อนอาคมเก้ามังกรผนึกมารได้จริงก็นับว่าเป็นบุคลผู้มีบุญคุณต่อนิกายอย่างมาก มันสมเหตุสมผลที่จะรับเขาเป็นศิษย์สายตรง”
หยุนเหยาพยักหน้าพลางกล่าวว่า
“ท่านอาจารย์โปรดวางใจ ศิษย์เข้าใจความคิดของท่านและจะทำทุกอย่างเพื่อสถานการณ์โดยรวมเป็นหลัก”
“อืม ดีมาก” ฉู่เทียนเซิงพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว” พรุ่งนี้พาไป๋หวู่เฉินกับห่าวเมิ่งมารับรางวัลจากข้า”
“ค่ะ ท่านอาจารย์ ศิษย์ขอตัว”
หยุนเหยาคารวะฉู่เทียนเซิงและหันหลังเดินออกจากตำหนักฉิงเทียน
......
หลังออกจากยอดเขาเมฆาสีชาดแล้วจี้หลิงก็เดินอยู่เพียงลำพังท่ามกลางต้นไม้เรียงรายที่เชิงเขา
จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถยับยั้งความตื่นเต้นยินดีและหัวใจที่เต้นถี่ยิบได้แม้แต่น้อย
ดวงตาเต็มไปด้วยแสงเจิดจ้า
“เยี่ยม ! นี่คือโชคชะตาของข้าจี้หลิง
!”
“คิดไม่ถึงเลยว่าพลังสายเลือดกระบี่ลี้ลับขุมนั้นจะนำพาวาสนาให้ข้าขนาดนี้
!
ท่านประมุขไม่เพียงแค่จะอุ้มชูข้า แต่ยังยอมรับข้าในฐานะศิษย์สายตรงอีกด้วย
!”
“ด้วยเม็ดยาที่ท่านประมุขมอบให้บวกกับระดับบ่มเพาะของข้าในตอนนี้
การจะทะลวงด่านไปถึงเขตแดนปราณจิตภายในหกเดือนย่อมไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป จากนั้นข้าจะผ่านการประเมินเป็นศิษย์ฝ่ายในและกลายเป็นศิษย์สายตรงของท่านประมุข
!”
ใบหน้าที่ตื่นเต้นยินดีของจี้หลิงนั้นกลายเป็นสีแดงก่ำเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ถึงแม้หยุนเหยาจะเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของอาณาจักรเทียนเฉินและเป็นว่าที่ผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขคนต่อไป
แต่จะอย่างไรเสียนางก็เป็นอิตสตรี”
“หลังจากข้าเป็นศิษย์สายตรงของท่านประมุขและฝึกฝนจนแตกฉานพลังยุทธ์แล้ว
ข้าย่อมเอาชนะนางและชิงตำแหน่งของนางมา ! ถึงตอนนั้นข้าก็จะบรรลุเป้าหมายชั่วชีวิต
เป็นผู้ควบคุมบงการทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเฉินแต่เพียงผู้เดียว ฮ่าๆๆ !!!”
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้จี้หลิงก็อดใจไม่ไหวที่จะหัวเราะลั่นเพื่อระบายความตื่นเต้นของเขา
อย่างไรก็ตาม
หลังจากหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ครู่หนึ่งเขาก็สงบลงและมุ่นหัวคิ้วแน่น เนื่องจากเพิ่งตระหนักได้ว่ายังมีอันตรายใหญ่หลวงที่ซ่อนเร้นอยู่
“เหตุผลหลักที่ท่านประมุขให้ความสนใจต่อข้าอย่างมากจนยอมรับเป็นศิษย์สายตรงก็เพราะข้าครอบครองสายเลือดกระบี่ลี้ลับ...
หากข้ามิได้วางแผนร่วมแรมปีเพื่อใช้ลูกปัดครองวิญญาณช่วงชิงสายเลือดและพรสวรรค์นี้มา
ผู้ที่จะได้รับโชควาสนาใหญ่ครั้งนี้ย่อมเป็นจี้เทียนซิง !”
“ข้าครอบครองสายเลือดนี้
ไม่เพียงแค่เจ้าของเดิมอย่างจี้เทียนซิงที่รับรู้
แต่ยังมีจี้เค่อที่รู้ว่าจี้เทียนซิง(เคย)มีสายเลือดกระบี่ลี้ลับ...”
“ไม่ได้การ ! ข้าต้องไม่ปล่อยให้พวกมันแพร่ข่าวออกไปทำลายชื่อเสียงเกียรติยศและโชคชะตาของข้า
เพื่อความฝันและแผนการอันยิ่งใหญ่ชั่วชีวิต
ข้าต้องไม่ปล่อยให้จี้เทียนซิงกับจี้เค่อมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ พวกมันทั้งสองต้องตาย
!”
ทันทีที่คิดสะระตะเสร็จเรียบร้อย
จี้หลิงก็กำสองมือแน่น นัยน์ตาเปล่งประกายเรืองวาบไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน
เขาตัดสินใจจะฆ่าจี้เทียนซิงกับจี้เค่อโดยเร็วที่สุดเพื่อกลบฝังความลับนี้ไว้ตลอดกาล
และไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้ถึงความเป็นมาของสายเลือดกระบี่ลี้ลับ !
จี้หลิงเดินกลับไปยังนิกายพันธมิตรสวรรค์และในใจก็คิดคำนวณอย่างเงียบๆ
จากนั้นไม่นานเขาก็ได้พบกับศิษย์ของนิกายผู้หนึ่งในชุดคลุมสีขาวสะอาด
เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นศิษย์ฝ่ายในของนิกาย
ภายในใจของจี้หลิงก่อเกิดความรู้สึกคลับคล้ายคราวูบผ่าน จนกระทั่งชายหนุ่มชุดขาวเดินมาถึงเบื้องหน้าห่างเพียงสามก้าว
จี้หลิงก็นึกออกขึ้นมาทันทีว่าคนผู้นี้ก็คือเจียนอวี้ !
เจียนอวี้มีอายุใกล้เคียงกับเขา
ทั้งสองเคยพบกันเมื่อสามปีก่อน ทันใดนั้นเองจิตใจของเขาก็สว่างวูบและเกิดความอันชั่วร้ายขึ้น
เขารีบร้องทักเจียนอวี้อย่างรวดเร็วและถามด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าคือ.... เจียนอวี้ ?”
เจียนอวี้หยุดกึกและเหลียวหลังไปมองจี้หลิงทันที หลังจากเห็นหน้าอีกฝ่าย เจียนอวี้ก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
“จี้หลิง ? เจ้าก็เป็นศิษย์นิกายพันธมิตรสวรรค์งั้นหรือ ?”
จี้หลิงพยักหน้าอย่างรวดเร็วพลางกล่าวว่า
“ถูกต้อง ข้าเพิ่งได้เป็นศิษย์ฝ่ายนอกของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นเมื่อครึ่งเดือนก่อน”
เจียนอวี้พยักหน้าและกล่าวว่า
“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าราชาผู้ตันเถียนพิการแต่กำเนิดจะสามารถรักษาจนหายและได้เป็นศิษย์นิกาย
วาสนาของเจ้าช่างน่าทึ่งนัก !”
“ตอนพิธีรับศิษย์ใหม่ข้าเพียงแต่มองหน้าจี้เทียนซิงถึงได้ไม่เห็นเจ้า”
ในขณะนี้จี้หลิงก็มองหน้าเจียนอวี้และถามด้วยความสับสนว่า
“เจียนอวี้ สีหน้าเจ้าซีดเซียวน้ำหนักเท้าก็ไม่มั่นคง เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ ? เกิดอะไรขึ้น ?"
เจียนอวี้ตอบคำถามจี้หลิงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงข้า”
จี้หลิงเห็นว่าอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บและดูหงุดหงิดไม่น้อย เขาจึงถอนหายใจด้วยความเศร้าสลด “เฮ้อ......
เห็นท่านแล้วข้าก็นึกถึงเฟยเฟย
นางกำลังจะได้เป็นศิษย์ร่วมสำนักกับพวกเราอยู่แล้วเชียว... ข้าคิดไม่ถึงว่านางจะถูกเจ้าคนสารเลวจี้เทียนซิงฆ่าตาย
!”
เมื่อได้ยินจี้หลิงกล่าวถึงหลิงหยุนเฟย
ใบหน้าของเจียนอวี้ก็ซีดลงกว่าเดิม ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและเจตนาฆ่าฟัน
“จี้เทียนซิง ! ไอ้เด็กระยำนั่น
ข้าไม่เอามันไว้แน่ !”
จี้หลิงมองเจียนอวี้และเลียบๆเคียงๆถามว่า
“เจียนอวี้ เรื่องที่จี้เทียนซิงขโมยผลหยางขาว ใช่เป็น.....ฝีมือท่าน ?"
เจียนอวี้หรี่ตามองจี้หลิงจากนั้นก็ลดเสียงลงพลางกล่าวว่า
“เป็นข้าเอง
เพื่อที่ข้าจะได้สบโอกาสฆ่ามันและล้างแค้นให้เฟยเฟย !”
จี้หลิงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดทันที
ดวงตาทอประกายอย่างมีแรงบันดาลใจ เขาได้แนวร่วมเพิ่มอีกคนหนึ่งแล้ว “เจียนอวี้ ข้าก็มีความแค้นใหญ่หลวงดั่งมหาสมุทรกับจี้เทียนซิงเช่นกัน
! หากเจ้าจะฆ่ามันก็นับข้าไปด้วยอีกคน !”
เจียนอวี้ผงกศีรษะและกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“น่าเสียดาย เจ้าหมอนั่นเจ้าเล่ห์หลักแหลม
ครั้งนี้ข้าประมาทมันเกินไปแต่ครั้งหน้าไม่พลาดแน่ !”
จี้หลิงเผยรอยยิ้มอันมั่นใจและลดเสียงลง
“เจียนอวี้ ข้ามีวิธีเก็บจี้เทียนซิง
พวกเรามาร่วมมือกันดีกว่า.....”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved