ตอนที่ 154

หลบหนี

ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ !!

หยุนเหยาซัดคลื่นกระบี่ออกไปหลายสายและสังหารเผ่าปีศาจขอบเขตปราณจิตทั้งสองในทันที

ร่างไร้วิญญาณของทั้งสองตนนั้นล้มลงกับพื้น

แช่ในแอ่งเลือดขวางประตูห้องลับแคบๆเอาไว้

จี้เทียนซิงเตะสองร่างนั้นและรีบออกจากห้องลับตามหยุนเหยาไปอย่างรวดเร็ว  อย่างไรก็ตาม เผ่าปีศาจทั้งหลายเริ่มรู้สึกตัวต่อความผิดปกติที่เกิดขึ้นแล้ว

พวกมันส่งเสียงร่ำร้องออกมาอย่างไม่ขาดสาย

ในขณะที่หยุนเหยา

จี้เทียนซิงและไป๋หวู่เชินพุ่งหนีออกมาจากห้องประตูหินและกลับมาสู่ถ้ำในห้องโถงหลัก  ทันใดนั้นเผ่าปีศาจมากมายหลายสิบตนก็วิ่งออกมาและรุมล้อมพวกเขาทั้งสามจากทุกทิศทาง

ผู้พิทักษ์แห่งเผ่าปีศาจเหล่านี้ล้วนมีความแข็งแกร่งในขอบเขตปราณจิต

พวกมันแข็งแรงกำยำดุจหมียักษ์สีดำและยังเปี่ยมล้นไปด้วยเจตนาฆ่าฟันและความโหดเหี้ยมกระหายเลือด

ดาบที่เป็นอาวุธของพวกมันก็แตกต่างจากอาวุธของเผ่าพันธุ์มนุษย์ มันคืออาวุธหนักที่ใช้กวัดแกว่งได้โดยยอดฝีมือที่มีโครงสร้างร่างกายแข็งแรงอย่างน่าทึ่งเท่านั้น

แน่นอนว่าผู้พิทักษ์ของเผ่าปีศาจเหล่านี้ย่อมสามารถควบคุมอาวุธหนักประเภทนี้ได้

พวกมันเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างอันดุดันเฉกเช่นเดียวกันรูปลักษณ์อันใหญ่โต

ในขณะนี้เผ่าปีศาจทั้งหมด

16 ตนได้มาล้อมกรอบพวกเขาทั้งสามพร้อมกับร่ำร้องด้วยความขุ่นแค้น ในไม่ช้าพวกมันก็เหวี่ยงดาบใหญ่ออกไปก่อเกิดเป็นลำแสงดาบสีม่วงเข้าหาคนทั้งสามอย่างมืดฟ้ามัวดิน

หยุนเหยาตะโกนสั่งการออกมาทันทีว่า

“หลีกเลี่ยงการปะทะแตกหัก ทะลวงฝ่าออกไป

หนีไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด !”

ไป๋หวู่เชินกระชับกระบี่มั่นด้วยสีหน้าเย็นชาและตะโกนเสียงต่ำว่า

“ทราบแล้วศิษย์พี่หญิง !”

วินาทีต่อมา

การสัประยุทธ์อันรุนแรงก็เริ่มขึ้นทันที

คลื่นคมดาบอันรุนแรงนับสิบสายพุ่งเข้าหาคนทั้งสามอย่างมืดฟ้ามัวดิน

นอกจากพลังทำลายอันเกรี้ยวกราดแล้ว

มันยังนำมาซึ่งสายลมอันรุนแรงที่โบกพัดไปทั่วถ้ำ

ทว่า

พลังยุทธ์ของหยุนเหยาและไป๋หวู่เชินนั้นชัดเจนว่าสูงกว่าผู้พิทักษ์เผ่าปีศาจเหล่านี้

ฟุ่บ

! ฟุ่บ ! ฟุ่บ

!

หยุนเหยาและไป๋หวู่เชินโบกสะบัดกระบี่ด้วยพลังทั้งหมด

ก่อเกิดออกมาเป็นคลื่นกระบี่ที่เปล่งประกายพร่างพราวอย่างต่อเนื่องและสร้างอาการบาดเจ็บให้แก่เผ่าปีศาจทั้งหลายรอบด้านโดยมิอาจหยุดยั้งได้

อย่างไรก็ตาม

จำนวนของผู้พิทักษ์เผ่าปีศาจมีมากกว่าหลายเท่า

พวกมันทั้งมีรูปร่างแข็งแรงกำยำและดุร้ายกระหายเลือด

ดังนั้นต่อให้ทั้งสองทำร้ายพวกมันบางส่วนจนได้รับบาดเจ็บก็ยังไม่อาจฝ่าวงล้อมไปได้ในเวลาอันสั้น

ส่วนสถานการณ์ของจี้เทียนซิงนั้นอันตรายยิ่งกว่ามาก เขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับยอดฝีมือเผ่าปีศาจตรงๆอย่างหยุนเหยาและไป๋หวู่เชิน

เขาทำได้เพียงกุมกระบี่มังกรดำไว้มั่นและหลีกเลี่ยงการโจมตีอย่างดุเดือดของเผ่าปีศาจเพื่อรอโอกาสสวนกลับ

ในขณะนี้เอง

เผ่าปีศาจตนหนึ่งก็ฟาดฟันดาบใหญ่เข้าหา แต่หยุนเหยาก็ช่วยเหลือเขาได้อย่างรวดเร็วและแทงกระบี่สวนกลับจนมันต้องถอยหนี

ตอนนี้ล่ะ !

จี้เทียนซิงช่วงชิงโอกาสทันที

เขาชักกระบี่มังกรดำออกจากฝักและเหวี่ยงกระบี่เข้าใส่เผ่าปีศาจตนนั้นอย่างรวดเร็ว

“เช้ง !”

กระบี่มังกรดำกลายเป็นลำแสงกระบี่สีขาวราวกับหิมะ

มันพุ่งเข้าใส่กลางศีรษะของเผ่าปีศาจอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้า

ได้ยินเพียงเสียงระเบิดดัง

“ฉัวะ”  ผู้พิทักษ์เผ่าปีศาจที่แข็งแกร่งถูกฝ่าครึ่งเป็นสองส่วนด้วยลำแสงกระบี่มังกรดำทันที

เลือดสีม่วงเข้มสาดกระเซ็นลงบนพื้น

ทันใดนั้นภายในถ้ำก็เต็มไปด้วยกลิ่นฉุนของโลหิตคละคลุ้ง

ลำแสงกระบี่สีขาวดุจเหมันต์พราวแสงและส่องสว่างในถ้ำอันมืดมิด

มันสะท้อนให้เห็นถึงสีหน้าที่ดูประหลาดใจของไป๋หวู่เชิน

เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าจี้เทียนซิงที่มีพลังยุทธ์ระดับปราณแท้จะหาญกล้าพอที่จะต่อสู้และสังหารผู้พิทักษ์เผ่าปีศาจที่มีพลังในขอบเขตปราณจิต

!

มันช่างน่าเหลือเชื่อ

!

หยุนเหยาดูไม่แปลกใจเท่าใดนักที่ได้เห็นผลลัพธ์นี้

เมื่อได้เห็นไป๋หวู่เชินที่ตะลึงงัน

นางก็กระตุ้นเตือนอีกฝ่ายด้วยความกังวลเล็กน้อยว่า “ศิษย์น้องไป๋

อย่าเหม่อลอย ฝ่าทะลวงออกไปเร็วเข้า !”

“อ่า...

เข้าใจแล้วศิษย์พี่หญิง”

ไป๋หวู่เชินสลัดความคิดฟุ้งซ่านและร่ายเพลงกระบี่ออกมาอย่างรวดเร็ว

“ฟั่บ ฟั่บ ฟั่บ..... !”

เพลงกระบี่ของไป๋หวู่เชินแทงออกเป็นคลื่นกระบี่ถึง

36 สายและเสือกแทงเข้าหาเผ่าปีศาจสองตนจนต้องล่าถอย

ส่วนหยุนเหยาก็สังหารเผ่าปีศาจได้อีกสองตนและขับไล่พวกมันที่เหลือจนต้องถอยร่น

เมื่อคนทั้งสามเห็นช่องโหว่ก็รีบทะยานร่างฝ่าวงล้อมไปที่ทางเข้าอย่างรวดเร็ว

ตราบใดที่พวกเขาหนีไปถึงขอบถ้ำได้สำเร็จก็จะได้เปรียบพวกมันในด้านความเร็วและสามารถหนีออกไปในทางเดินแคบๆที่เข้ามาตอนแรกได้

อย่างไรก็ตาม

เมื่อทั้งสามใกล้จะถึงทางเข้าก็ได้พบกับผู้พิทักษ์เผ่าปีศาจจำนวนมากที่วิ่งกันออกมาทั้งซ้ายและขวา

พวกมันเหล่านี้เริ่มคลั่งจากกลิ่นคาวเลือดที่อบอวลไปทั่วถ้ำจึงกรูกันออกมาสมทบ

แม้นพวกมันจะรู้ตัวว่าไม่ใช่คู่มือของหยุนเหยาและไป๋หวู่เชิน

แต่ความบ้าคลั่งของพวกมันกลับมีมากกว่าความหวาดกลัว !

“วูบ วูบ วูบ วูบ !”

ลำแสงคมดาบอันดุดันมากกว่าสิบสายโอบล้อมพวกเขาทั้งสามอีกครั้ง

ทำให้พวกเขาต้องกัดฟันสู้

หยุนเหยาทะยานไปอยู่ตำแหน่งหน้าสุดและจัดการเผ่าปีศาจที่บังทางเอาไว้

ส่วนไป๋หวู่เชินอยู่รั้งท้ายและร่ายรำเพลงกระบี่สังหารเผ่าปีศาจได้อย่างต่อเนื่อง

จี้เทียนซิงอ่อนแอที่สุดในกลุ่มจึงได้รับการปกป้องขนาบข้างจากพวกเขาทั้งสอง

แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่จำเป็นต้องให้หยุนเหยาและไป๋หวู่เชินปกป้องแม้แต่น้อย  เขามั่นใจว่าสามารถปกป้องตัวเองได้ในการกรุ้มรุมอันดุเดือดนี้

ด้วยย่างก้าวไร้เงาอันลึกลับ

มันทำให้เขารวดเร็วพอที่จะสลัดสลุดการตามล่าของเผ่าปีศาจทั้งหลายได้

ในระหว่างที่สู้พลางถอยพลาง

ดวงตาของเขาก็จับจ้องสถานการณ์โดยรอบเพื่อหาโอกาสตอบโต้กลับอยู่เป็นระยะ

ในทุกๆครั้งที่มีโอกาส

เขาก็จะแอบสอดมือโจมตีขั้นเด็ดขาดอย่างรวดเร็วและรุนแรงที่สุดหนึ่งกระบี่เพื่อสังหารเผ่าปีศาจโดยเร็วที่สุด

และด้วยเวลาเพียงหนึ่งร้อยอึดใจ

จี้เทียนซิงกลับสามารถเกาะกุมจังหวะเหมาะๆสังหารเผ่าปีศาจได้ถึงสามตน เรื่องนี้ทำให้ไป๋หวู่เชินยิ่งตกตะลึงมากขึ้น

หลังจากนั้นหยุนเหยากับไป๋หวู่เชินก็สังหารผู้พิทักษ์เผ่าปีศาจไปได้อีก

8 ตน ส่วนตนที่เหลือล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส

ในที่สุดทั้งสามคนก็ทะลวงฝ่าวงล้อมไปได้และรีบวิ่งเข้าไปในทางเข้าที่พวกเขาเข้ามาตั้งแต่ตอนแรกอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้ว่าทางเดินแห่งนี้จะมืดมาก

แต่ก็ไม่เป็นปัญหาต่อหยุนเหยาที่มีพลังยุทธ์แข็งแกร่ง

นางแผ่จิตสัมผัสอันแหลมซึ่งสามารถเห็นสภาพแวดล้อมข้างหน้าในรัศมี 50 เมตรได้อย่างง่ายดาย

คนทั้งสามวิ่งอย่างรวดเร็วและภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ออกมาจากหลุมมืดและกลับสู่ป่าภายนอกได้ในที่สุด

ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นช่วงพลบค่ำ

แต่ภายในป่าก็ยังคงมีแสงสว่างอยู่เล็กน้อย

พวกเขายังคงสามารถมองเห็นท้องฟ้าและพระอาทิตย์ตกดิน

“ฟู่ว........ ! ”

ไป๋หวู่เชินถอนหายใจอย่างแรง

เขายกแขนเสื้อปาดเหงื่อบนหน้าผากและกล่าวด้วยความปลาบปลื้มใจ “ในที่สุดก็หนีรอดออกมาจนได้ !”

“ศิษย์พี่หญิง รีบกลับนิกายกันเถอะ พวกเรารอดแล้ว

!”

ไป๋หวู่เชินกล่าวพร้อมสอดกระบี่คืนฝัก

อย่างไรก็ตาม

หยุนเหยาไม่ตอบคำ แม้แต่จี้เทียนซิงก็ไม่ส่งเสียง

บรรยากาศดูอึดอัดจนไป๋หวู่เชินเผยสีหน้างุนงงออกมา

ทันใดนั้นก็เขารู้สึกเสียวสันหลังวาบและสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันเย็นยะเยือกตามมาด้วยแรงกดทับจากยอดฝีมือชั้นสูง

เขาหันไปมองหยุนเหยาและจี้เทียนซิงที่ยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้า

จากนั้นก็พบว่าข้างหน้าห่างไปประมาณหนึ่งร้อยก้าวมีร่างใหญ่สองร่างที่สวมเสื้อคลุมสีดำกำลังยืนอยู่

ตัวตนชุดดำที่อยู่ทางซ้ายคือสตรีนางหนึ่งที่มีร่างสูงโปร่งและดูเร่าร้อน

อย่างไรก็ตาม

ดวงตาสีแดงเลือดภายใต้เสื้อคลุมของนางกลับแผ่พุ่งไอเย็นเยือกและจิตสังหารออกมา

ส่วนตัวตนทางขวาก็คือมหาปุโรหิตแห่งเผ่าปีศาจ

!

ผมสีม่วงของเขาถูกถักเป็นเปียหลายสิบกระจุกคล้ายกับหางของแม่งป่องหลายสิบตัว

เท้าสองข้างของเขาใหญ่ราวกับพัดด้ามหนึ่ง

ทั่วร่างกายของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่ทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้รู้สึกอยากจะอาเจียน

เมื่อได้เห็นยอดฝีมือเผ่าปีศาจทั้งสองที่อยู่เบื้องหน้า

ไป๋หวู่เชินก็หน้าถอดสี แววตาของเขาแสดงออกอย่างหดหู่มืดมน

เขาคาดไม่ถึงว่าเพิ่งจะรอดพ้นจากความตายมาได้ไม่นาน

แต่กลับต้องมาเผชิญหน้ากับยอดฝีมือเผ่าปีศาจอีกสองตน !