พันจันทราผู้ดุร้าย...
จี้เทียนซิงรับรู้มานานแล้วว่าไป๋หวู่เชินผู้นี้มีอคติและไม่ลงรอยกับเขา
แต่เขาก็คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกล้ามาพูดตรงไปตรงมาต่อหน้าเช่นนี้
เขาขมวดคิ้วทันทีและแสยะยิ้มมุมปากพลางกล่าวว่า
“เฮอะ ดูเหมือนว่าการที่ข้าได้รับการยอมรับเป็นศิษย์สายตรงของท่านประมุขนั้นจะทำให้ศิษย์พี่ไป๋ไม่พอใจและขุ่นเคืองยิ่งนักสินะ
!”
"ทำไม ? ข้าไปขวางทางก้าวหน้าของศิษย์พี่ไป๋
? หรือไปแย่งความสำคัญของท่าน ?”
จี้เทียนซิงแสยะยิ้มเย้ยหยันไปที่ไป๋หวู่เชิน
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยการกระแทกแดกดัน
ไป๋หวู่เชินไม่พอใจ
แต่ใบหน้าของมันก็ยังคงเย้ยหยัน มันกล่าวเยาะเย้ยว่า “อย่างเจ้า ? น้ำหน้าอย่างเจ้ามีคุณสมบัติอะไรที่จะมาขวางทางหรือต้องให้ข้าลดตัวลงไปแย่งตำแหน่งเล่า
?”
จี้เทียนซิงก็ไม่ยอมน้อยหน้าและสวนกลับไปว่า
“เหอะ ในเมื่อศิษย์พี่ไป๋มั่นใจมากนัก
เช่นนั้นก็มาวัดกันหน่อยเป็นไง ?
ลองฉุดข้าลงมาจากตำแหน่งศิษย์สายตรงดูซี่ !”
“หากท่านไม่สามารถแย่งตำแหน่งของข้าไปได้
งั้นก็เงียบปากไปซะ อย่าทำให้ข้าต้องมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระที่นี่ !”
นับตั้งแต่วันแรกที่ไป๋หวู่เชินรู้จักจี้เทียนซิง
มันก็มองออกแล้วว่าชายหนุ่มผู้นี้มีทัศนคติสูง
ในสายตาของมัน
จี้เทียนซิงเป็นเพียงไรฝุ่นจากประเทศเล็กๆ ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงหรือแม้กระทั่งลดตัวลงไปสู้รบปรบมือ
แต่ทว่าในเวลาเพียงไม่กี่เดือนสถานะของจี้เทียนซิงกลับพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วจนใกล้เคียงกับมัน
อีกทั้งยังถึงขั้นปากคอเราะร้ายพูดจาสามหาวต่อหน้าศิษย์พี่
เช่นนี้จะไม่ให้มันโกรธแค้นและเกลียดชังได้อย่างไร ?
"วิเศษ ! วิเศษมาก
! ศิษย์น้องจี้ ถือว่าเจ้าปากกล้าพอ เจ้ามันอวดดียิ่งนัก
!”
ไป๋หวู่เชินหัวเราะและกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็ขอดูหน่อยว่าเจ้าจะแน่แค่ไหน เดือนหน้าเป็นการจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์ประจำปี
ในเมื่อเจ้าเป็นถึงศิษย์สายตรงของท่านประมุข หากเจ้าไม่ติด 30 สามสิบแรกละก็นะ....”
“ข้าจะคอยดูหนังหน้าเจ้าที่ต้องกลายเป็นตัวตลก !”
หยุดไปครู่หนึ่งมันก็เร่งเสียงขึ้นและกล่าวเสริมว่า
“อ้อ จริงสิ
ในฐานะศิษย์พี่ข้าควรจะเตือนเจ้าเสียหน่อย
ในสามสิบอันดับแรกของรายชื่อขั้นสวรรค์
ผู้ที่อ่อนแอที่สุดนั้นมีพลังยุทธ์ในขอบเขตปราณจิตขั้นที่ 7 !”
“ส่วนเจ้ามีพลังเพียงปราณจิตขั้นแรก
เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าไม่เพียงแค่ตะลึงปากค้างเท่านั้น
แต่เจ้าจะถูกเหล่าศิษย์ฝ่ายในกีดกันและทำให้ท่านประมุขต้องขายหน้าอีกด้วย !”
จี้เทียนซิงหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา
มุมปากแสยะยิ้มและกำลังจะเอ่ยปากสวน
ในเวลานี้เองเฉียนเยวี่ยก็บินเข้ามาในลานกว้าง
ตรงมาหาจี้เทียนซิงและบินวนไปวนมารอบๆ
มันจ้องไป๋หวู่เชินด้วยสีหน้าขุ่นเคืองและร่ำร้องออกมาว่า
“เพ้ย ! เจ้านี่มันน่าขันสิ้นดี
พวกเจ้าอายุเท่าไหร่ ? สหายจี้ของข้าอายุเท่าไหร่ ? สมองมีกลับคิดไม่ได้
เจ้าเอามาเทียบกันแบบนี้ใครเป็นอาจารย์เจ้านะรู้ถึงไหนอายถึงนั่น ! ว่าแต่เจ้าเถอะอยู่รายชื่อขั้นสวรรค์อันดับที่เท่าไหร่ ?”
“พวกข้าอุตส่าห์เจียมเนื้อเจียมตัวพยายามไม่ไปก่อกวนให้ร้ายผู้ใด
วันๆเอาแต่เก็บเนื้อเก็บตัวบ่มเพาะ แต่ดูพวกเจ้าซี่ ทำตัวน่ารำคาญโคตร
รูปร่างหน้าตาก็เป็นมนุษย์แท้ๆแต่ความคิดและหัวสมองกลับเต็มไปด้วยขยะ
เป็นศิษย์พี่แท้ๆแทนที่จะตัวอย่างที่ดี มาหาเขาถึงบ้านแต่มายืนดูถูกเจ้าบ้านเนี่ยนะ
เจ้าคิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหนกันวะ ?!”
เฉียนเยวี่ยส่งเสียงคำรามและด่าทอรัวเป็นปืนใหญ่จนทำให้ไป๋หวู่เชินยืนใบ้
ณ จุดนั้นทันที
ใบหน้าของมันตกตะลึงต่อการปรากฏตัวของเฉียนเยวี่ยและโพล่งออกมาอย่างลืมตัวว่า “นี่มันตัวผีบ้าอะไรเนี่ย
?”
เฉียนเยวี่ยกลายเป็นโกรธเกรี้ยวมากขึ้น
มันสบถออกมา “ผีพ่อง ! แม้กระทั่งราชาอย่างข้ากลับไม่รู้จัก
แต่กล้าเรียกตัวเองว่าศิษย์อัจฉริยะระดับหัวกะทิ
ถุ้ย ! ภูมิความรู้ตื้นเขินนักไอ้ลูกไม่มีพ่อ !”
ไป๋หวู่เชินอึ้งอีกครั้งกับความปากหมาของเฉียนเยวี่ย
มันไม่มีโอกาสได้ตอบโต้แม้แต่น้อย
มันอดไม่ได้ที่หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยและคำรามออกมาว่า
“สารเลวเอ้ย ! ไอ้จิ้งจอกเหม็นเน่า
เจ้าเป็นสัตว์อสูรใช่ไหม ?! บัดซบที่สุด
เจ้ากล้าด่าพ่อล่อแม่ข้า รนหาที่ตาย !”
ไป๋หวู่เชินกรีดร้องและสบถคำหยาบออกมา
สีหน้าเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันและเตรียมที่จะสั่งสอนเฉียนเยวี่ย
จี้เทียนซิงหรี่ตาลงด้วยสีหน้าเย็นเยือกพลางตะโกนออกมาว่า
“ไป๋หวู่เชิน ! มันเป็นสัตว์อสูรวิญญาณของข้า
หากเจ้ากล้าทำร้ายมัน ข้าจะทำให้เจ้าต้องสำนึกเสียใจจนวันตาย !”
ทันใดนั้นไป๋หวู่เชินก็ได้สติขึ้นมาทันทีและตระหนักได้
มันรู้กฎของนิกายเป็นอย่างดี
มันอยู่ในอาณาเขตส่วนตัวของจี้เทียนซิงและถือเป็นฝ่ายยั่วยุเจ้าบ้านก่อน
หากมีการต่อสู้ขึ้นมามันจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบและถูกนิกายลงโทษ
เมื่อถึงเวลานั้น
มันไม่เพียงแค่ถูกนิกายลงโทษและกลายเป็นตัวตลกให้ศิษย์หัวกะทิอีกสองคนเยาะเย้ยเท่านั้น
แต่มันยังถือว่าเสียท่าให้จี้เทียนซิงอีกด้วย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ไป๋หวู่เชินก็สงบสติอารมณ์ลง
มันสูดหายใจลึกพลางจ้องมองไปยังจี้เทียนซิงกับเฉียนเยวี่ยและพูดว่า “จี้เทียนซิง ! วันนี้ข้าจะไม่ลดตัวไปเอาเรื่องคนที่ระดับต่ำกว่าอย่างต่ำ
คอยดูกันไปก่อนเถอะ !”
เฉียนเยวี่ยได้ยินก็แสยะยิ้มอย่างเหยียดหยามพลางกล่าวว่า
“ในสมองเจ้ามีแต่ขี้เลื่อยใช่ไหมนี่ ? เจ้าเข้ามาในตำหนักเทียนซิง กล่าววาจายั่วยุพวกข้าทำท่าจะลงไม้ลงมือแล้วจู่ๆกลับไม่กล้า
? โธ่
คิดว่าข้าไม่รู้หรือไงว่าเจ้ากลัวจะถูกนิกายลงโทษล่ะซี่ ใจตุ๊ด !”
กล่าวถึงตอนนี้เฉียนเยวี่ยก็ตีหน้าเศร้าและกล่าวด้วยความสงสารว่า
“เฮ้อ น่าสมเพชเจ้าเสียจริง เอาเถอะ
จะไปไหนก็ไปไป๊ ราชาผู้นี้ขอเตือนไว้ก่อนนะว่าคราวหน้าอย่าได้เสนอหน้ามายังตำหนักเทียนซิงอีก
ไม่งั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าลูกเต่าเขียว”
“หนอย เจ้าเดรัจฉานน้อย !” ไป๋หวู่เชินโทสะพุ่งพล่านด้วยสีหน้าแดงก่ำ ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ
มันไม่คาดฝันว่า
ไม่เพียงแค่จี้เทียนซิงเท่านั้นที่กล้าเยาะเย้ยถากถางมัน
แม้แต่สัตว์อสูรวิญญาณของอีกฝ่ายก็ยังโอหังอวดดีและก้นด่าสาปแช่งมันเช่นกัน นี่คือสิ่งที่ไม่ตัวตนระดับมันไม่เคยพบเจอมาก่อน
!
ต่อให้เป็นสองศิษย์หัวกะทิที่เหลือก็ยังไม่กล้าสบถคำหยาบใส่มันเช่นนี้
!
ไป๋หวู่เชินเป็นคนที่เงียบขรึมและไม่ค่อยกล่าววาจามากความ
อีกทั้งเป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาง่ายๆ แต่ในขณะนี้มันอดไม่ได้ที่จะหลุดปากสบถคำผลุสวาทออกมามากมายเช่นนี้เมื่อต้องเจอกับเฉียนเยวี่ย
อย่างไรก็ตาม
เฉียนเยวี่ยยังไม่หยุดเท่านี้
มันเหยียดกรงเล็บจิ๋วออกไปชี้หน้าอีกฝ่ายพลางกล่าวอย่างเห็นอกเห็นใจว่า “โถๆ ดูสิหน้าเขียวปั๊ดเป็นตับหมูเลย
เขินเหรอ ? เฮ้
เจ้าหนูไป๋ เจ้าก็ยังหนุ่มยังแน่น ดูแลผิวพรรณให้ดีด้วยล่ะ”
เฉียนเยวี่ยกล่าวด้วยสีหน้าราวกับอาวุโสสั่งสอนเด็ก
ซึ่งทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของไป๋หวู่เชินต้องบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความโกรธ
แต่มันก็ไม่อาจทำอะไรได้เพียงแค่กำหมัดแน่นจนกระดูกลั่นดังกร๊อบ จากนั้นก็คำรามเสียงต่ำว่า “จี้เทียนซิง ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าทีหลัง !”
มันรู้ว่าตนเองไม่อาจตีฝีปากสู้กับเฉียนเยวี่ยได้
อีกทั้งยังไม่สามารถระบายอารมณ์โกรธได้ที่นี่เช่นกัน หลังจากทิ้งประโยคส่งท้ายไว้
มันก็สะบัดปลายแขนเสื้อและรีบออกไปจากตำหนักเทียนซิงทันที
เฉียนเยวี่ยมองไปที่ด้านหลังของไป๋หวู่เชินด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยามและตะโกนไล่หลังว่า
“ศิษย์หัวกะทิบ้าบออะไรกัน น่ารังเกียจสิ้นดี
มากวนประสาทถึงถิ่นคนอื่นแล้วยังวิ่งหนีหางจุกตูด!”
“เฮ้ ! คราวหน้าอย่าให้ข้าเจอเจ้าอีกนะ
ไม่งั้นข้าจะทุบตีเจ้าจนบรรพบุรุษต้องลุกจากโลงมาขอชีวิตเลยทีเดียว !”
จี้เทียนซิงหันไปมองเฉียนเยวี่ยจากด้านข้างด้วยสีหน้าแปลกๆ
เขาถามเบาๆด้วยรอยยิ้มว่า “เฉียนเยวี่ย
เจ้าไปเรียนรู้คำด่าพวกนี้มาจากที่ไหนกัน ? ดูจากสีหน้าของไป๋หวู่เชินแล้ว
ข้าว่ากลับไปถึงตำหนักมันคงอ้วกออกมาเป็นถังด้วยความแค้นใจเป็นแน่”
เฉียนเยวี่ยเชิดศีรษะเล็กๆของมันขึ้นด้วยความภาคภูมิและกล่าวอย่างโอหังว่า
“มันเป็นพรสวรรค์โดยกำเนิดของราชาผู้นี้ต่างหาก
อย่างเจ้าหนูไป๋หวู่เชินนั่นน่ะหรือ เฮอะ กล้ามาหาเรื่องนายท่านเฉียน คิดว่าคู่ควร
?”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved