หนี้เลือดต้องล้างด้วยเลือด
จี้หลิง
เจียนอวี้และลู่หมิงหยางล้วนสารภาพผิด
ฉู่เทียนเซิงสีหน้าไร้อารมณ์และประกาศตัดสินผลการลงโทษพวกเขาทั้งสามทันที
“ลู่หมิงหยางร่วมมือกับจี้หลิงและเจียนอวี้ประทุษร้ายต่อศิษย์น้องร่วมนิกายเดียวกัน, ใส่ร้ายป้ายสีต่อศิษย์ร่วมสำนักให้มีมลทิน, โป้ปดต่อผู้อาวุโส นับเป็นความผิดสามข้อต่อกฎของนิกาย... ”
“แต่เจ้าเป็นเพียงผู้สมรู้ร่วมคิด
ความผิดร้ายแรงถือว่ายกเว้นได้
ข้ามีคำสั่ง ลู่หมิงหยางถูกไล่ออกจากการเป็นศิษย์ฝ่ายใน
กลับเป็นศิษย์ฝ่ายนอก เงินเดือนเบี้ยหวัดลดลงครึ่งหนึ่งเป็นเวลาครึ่งปี !”
คำตัดสินของลู่หมิงหยางออกมาแล้ว
ฉู่เทียนเซิงมองว่าเขาเป็นเพียงผู้สมรู้ร่วมคิดเท่านั้นแต่ไม่ได้นับว่าเป็นหนึ่งในผู้ลงมือต่อจี้เทียนเซิงและจี้เค่อ
ดังนั้นการลงโทษของฉู่เทียนเซิงก็นับว่าสมเหตุผลสมผล
ถึงแม้มันจะเป็นความอัปยศอดสูที่ต้องถูกขับไล่จากศิษย์ฝ่ายในเป็นศิษย์ฝ่ายนอก
แต่ลู่หมิงหยางก็ไม่ได้คัดค้านและโค้งคำนับรับคำสั่งในทันที
“ขอบคุณท่านประมุขสำหรับความเมตตาขอรับ
ศิษย์ยินดีรับคำตัดสินของท่านและสำนึกขอบคุณด้วยความจริงใจ !”
ฉู่เทียนเซิงพยักหน้าและประกาศต่อไปว่า
“เจียนอวี้ร่วมมือกับจี้หลิงคิดหมายสังหารศิษย์ร่วมสำนัก ผิดกฎของนิกาย…”
“นี่ถือเป็นการไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าแล้ว
ข้าประมุขขอลงโทษเจ้าด้วยการขังไว้ในถ้ำวายุทมิฬเป็นเวลาหกเดือนเพื่อสำนึกตนและหักเงินเดือนหนึ่งเดือน!”
เมื่อเจียนอวี้ได้ยินคำว่า
'ถ้ำวายุทมิฬ' ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้าน
ในใจเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
แน่นอน
เขาย่อมรู้ดีว่าความขมขื่นและทรมานในการถูกขังไว้ในถ้ำวายุทมิฬนั้นเป็นอย่างไร
เมื่อต้องอยู่ในนั้นถึงครึ่งปีก็ไม่รู้ว่าจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่...
แต่เขาก็รู้แน่ชัดว่าการลงโทษของฉู่เทียนเซิงถือว่าสมเหตุสมผลดีแล้ว
เขาทำได้เพียงก้มหน้ารับชะตากรรมเท่านั้น
“ศิษย์เจียนอวี้....
ขอน้อมรับการลงโทษจากท่านประมุขด้วยความเต็มใจและจะนั่งสมาธิทบทวนความผิดครั้งนี้ขอรับ...!”
สุดท้าย
ดวงตาของฉู่เทียนเซิงก็ตกลงบนร่างของจี้หลิงและกล่าวเสียงต่ำว่า “จี้หลิง
เรื่องทั้งหมดนี้เจ้าเป็นผู้บงการย่อมหมายความว่าเจ้าเป็นผู้ที่มีจิตใจชั่วร้ายอย่างยิ่ง
!”
“ด้วยบุคลิกและนิสัยใจคอของเจ้า
ความผิดที่เจ้าได้ก่อไว้ไม่ควรคู่ต่อการเป็นศิษย์อันทรงเกียรติของนิกายพันธมิตรสวรรค์
!”
“ข้าประมุขขอตัดสินความผิดของเจ้าด้วยการทำลายวรยุทธ์และขับไล่ออกจากนิกาย
!”
เมื่อได้ยินผลการตัดสิน
จี้หลิงก็ตัวสั่นเทาด้วยความเศร้าและสิ้นหวังในทันที
เขาคิดในใจแต่แรกแล้วว่าหลังเรื่องราวถูกเปิดโปงย่อมถูกขับไล่ออกจากนิกายแน่นอน แต่เขาก็คาดไม่ถึงว่าฉู่เทียนเซิงจะถึงขั้นคิดทำลายวรยุทธ์ของเขา
!
การลงโทษนี้หนักหนาเกินกว่าจะรับได้
!
เขาเคยเป็นผู้ที่ตันเถียนพิการแต่กำเนิด
ถึงแม้จะมีศักดิ์ฐานะของการเป็นองค์ชายค้ำคออยู่ในรัฐนภากระจ่าง
แต่ลับหลังผู้คนส่วนใหญ่ต้องดูถูกเหยียดหยามเขาแน่นอน !
อย่างไรก็ตามเขาไม่เต็มใจในการเป็นองค์ชายทั่วๆไปและมีความทะเยอทะยานอย่างสูง
ดังนั้นเขาจึงแกล้งทำตัวเป็นองค์ชายสุภาพบุรุษผู้มีศีลธรรมและจิตใจดีงาม จนได้รับความเคารพจากผู้คนของรัฐนภากระจ่าง
นอกจากนี้ยังเป็นเพราะการสบประมาทลับหลังของผู้คนที่หาว่าเขาเป็นองค์ชายขยะ ดังนั้นเขาจึงเริ่มแผนการในการหลอกใช้หลิงหยุนเฟยให้เข้าหาจี้เทียนซิงเพื่อช่วงชิงสายเลือดและทักษะพลังยุทธ์
บัดนี้ทุกอย่างสมมาดปรารถนาแล้ว
มันเป็นเรื่องง่ายที่เขาจะเติมเต็มความใฝ่ฝันด้วยการเป็นศิษย์ของนิกายพันธมิตรสวรรค์
หนทางเป็นสุดยอดฝีมือในเชิงยุทธ์กำลังสว่างไสวเต็มไปด้วยอนาคตที่เจิดจรัส
แต่ตอนนี้ฉู่เทียนเซิงกลับต้องการทำลายวรยุทธ์ของเขาและจะขับไล่ออกจากนิกาย
มันจะทำให้เขากลับไปเป็นองค์ชายสวะในเมืองเล็กๆตามเดิม !
เขาจะเต็มใจได้อย่างไร
? จะไม่ให้โศกเศร้าและขุ่นแค้นได้อย่างไร ?
ความโกรธ
ความอัปยศอดสูอย่างรุนแรงทำให้เขาแค้นจนตัวสั่นสะท้าน
ในหัวของเขาเต็มไปด้วยโทสะจนสูญเสียเหตุผลและความเยือกเย็นจนหมดสิ้น
เขาเชิดหน้าขึ้นจ้องมองฉู่เทียนเซิงด้วยดวงตาแดงก่ำและขึ้นเสียงคำรามอย่างจองหอง
“ไม่มีทาง ! ข้าไม่ยอม !”
“ข้ายอมรับสารภาพแล้วไง
ถูกขับออกจากนิกายก็มากเกินพอแล้ว เจ้ายังคิดจะทำลายวรยุทธ์ของข้าทำไมกันเล่า !?”
ตำหนักฉิงเทียนแห่งนี้นับเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของนิกายพันธมิตรสวรรค์
จี้หลิงซึ่งเป็นเพียงศิษย์สายนอกแต่กล้าเสียมารยาทคำรามใส่ประมุขนิกายอย่างบ้าคลั่ง
เห็นได้ชัดว่าเขาสูญเสียตัวตนจนหมดสิ้น
ทันใดนั้นใบหน้าของฉู่เทียนเซิงก็เศร้าสลดลง
ดวงตาของเขาส่องประกายเย็นชา
ไม่ต้องรอให้ประมุขเอ่ยปาก
ผู้อาวุโสชุดดำของหอบัญญัติก็กรีดร้องเสียงเย็นว่า
“สมควรตาย ! เจ้าสุนัขตัวใหญ่กลับกล้ากำแหงต่อหน้าประมุขในตำหนักฉิงเทียนงั้นหรือ
!”
เมื่อสิ้นเสียง
ร่างของเขาก็พุ่งเข้าจี้หลิงในพริบตา
ฟุ่บ
!
เขาเหยียดมือขวาออกไป
กางฝ่ามือและซัดเข้าใส่ตันเถียนที่ท้องน้อยของจี้หลิงอย่างรวดเร็ว
พลังปราณสีทองอันสูงส่งแผ่พุ่งออกมาจากฝ่ามือและทำลายตันเถียนของจี้หลิงทันที เขากลายเป็นคนพิการอีกครั้ง
“เปรี้ยง !!”
จี้หลิงถูกกระแทกด้วยพลังฝ่ามือ
ศรโลหิตฉีดพุ่งจากปากและกลิ้งกระเด็นไปหลายเมตร
เขาตะลึงและพยายามลุกขึ้นจากพื้น
มุมปากมีเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง เขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความโกรธแค้น
“ทำไม ! ทำไมถึงเป็นแบบนี้
ข้าจี้หลิงไม่ยอม !!!!”
เจียนอวี้และลู่หมิงหยางได้เห็นจุดจบที่น่าสังเวชของจี้หลิงก็รีบลดศีรษะลงทันที
พวกเขากลัวจนไม่กล้าขยับตัว
เมื่อเทียบกับจุดจบของจี้หลิงแล้ว
ทั้งคู่รู้สึกโชคดีอย่างลับๆ และในขณะเดียวกันพวกเขาก็ยิ่งเกลียดชังจี้หลิงมากขึ้น
ฉู่เทียนเซิงมองจี้หลิงที่ยังครวญครองบนพื้นเหมือนคนบ้าก็เริ่มขมวดคิ้วและกล่าวว่า
“โยนมันออกไปจากนิกาย !"
อาวุโสชุดดำพยักหน้าและเดินไปหาจี้หลิงที่มีสภาพเหมือนสุนัขตายอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็ลากเขาออกจากห้องโถงทันที
ฉู่เทียนเซิงประกาศขึ้นอีกครั้งว่า
“จี้เทียนเซิง เรื่องทั้งหมดได้ถูกพิสูจน์แล้วว่าเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์
เจ้ากลับไปฝึกฝนในยุทธ์ฟงอวิ๋นได้ตามเดิม”
จี้เทียนเซิงกำหมัดคารวะและกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า
“ขอบคุณท่านประมุข”
นอกจากขอบคุณแล้ว
จี้เทียนเซิงก็ไม่ได้พูดอะไรมากนัก เหตุการณ์นี้เป็นแผนการของจี้หลิงซึ่งทั้งหมดก็ได้รับโทษกันไปหมดแล้ว
เขารู้ว่าการที่ตนเองถูกกักตัวในถ้ำวายุทมิฬเป็นเวลาสิบกว่าวันนั้นถือเป็นเรื่องสมควรที่นิกายจำเป็นต้องทำเพื่อรักษากฎระเบียบในการห้ามศิษย์ฆ่าฟันกันเอง
ยกเว้นการประลอง ซึ่งข้อนี้เขาผิดจริง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เรียกร้องอะไรต่อนิกาย
เขาตระหนักแล้วว่าการเข้าเมืองตาลิ่วต้องลิ่วตาตามเป็นอย่างไร การที่ต้องอาศัยอยู่ในนิกายขนาดใหญ่เช่นนี้
เขาต้องปรับตัวให้เข้ากับกฎของนิกายถึงจะเอาตัวรอดได้
แน่นอนว่าหลังจากเหตุการณ์นี้
เขาเริ่มฉลาดมีไหวพริบขึ้นและเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นอีกด้วย
หลังจากฉู่เทียนเซิงตัดสินเสร็จ
เจียนอวี้กับลู่หมิงหยางก็ถูกอาวุโสชุดดำของหอบัญญัติพาตัวออกไป
จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายออกจากตำหนักฉิงเทียน
อย่างไรก็ตามจี้เทียนซิงไม่ได้กลับไปที่หอยุทธ์ฟงอวิ๋นหลังเดินออกจากตำหนักฉิงเทียน
เขามีสิ่งสำคัญที่ต้องทำนั่นก็คือ
... ฆ่าจี้หลิง !
การทำลายวรยุทธ์ของจี้หลิงและขับไล่เขาออกไปจากนิกายนั้นเป็นเพียงการลงโทษสำหรับนิกาย
แต่จี้เทียนเซิงยังต้องการล้างแค้น
หนี้เลือดต้องล้างด้วยเลือด ! กลบฝังเภทภัยในอนาคตที่อาจย้อนมาแว้งกัดเขาอีกครั้ง !
จี้เทียนซิงเดินไปตามยอดเขาเมฆาสีชาดจนได้เห็นจี้หลิงที่เชิงเขา
เขาเดินตามอีกฝ่ายอย่างเงียบงัน ดวงตาจับจ้องไปที่ด้านหลังของจี้หลิงด้วยจิตสังหารอันเยือกเย็น
ครึ่งชั่วโมงต่อมาผู้อาวุโสของหอบัญญัติก็ลากจี้หลิงออกจากนิกายพันธมิตรสวรรค์และมาถึงตีนเขาห่างจากนิกายไปได้สิบไมล์
จากนั้นเขาก็โยนจี้หลิงไว้ข้างถนนและหันหลังเดินกลับนิกายอย่างไม่แยแส
จี้หลิงล้มฟุบอยู่บนพงหญ้าริมถนน
สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและก้นด่าสาปแช่งไม่หยุด
“จี้เทียนซิง ! เจ้าเดรัจฉานน้อย
สักวันหนึ่งราชาผู้นี้จะต้องแก้แค้น ข้าจะฉีกร่างเจ้าเป็นหมื่นๆชิ้น !”
“และ...นิกายพันธมิตรสวรรค์ที่ชั่วช้าโหดเหี้ยม
ราชาผู้นี้จะล้างความอัปยศในวันนี้และทำลายนิกายบัดซบนี้ให้สิ้นซาก !!”
ทันทีที่เสียงของเขาจางลง
ข้างหูก็ได้ยินคำพูดเหยียดหยามดังขึ้น
“เหอะ ! จี้หลิง
เจ้าไม่มีโอกาสได้แค้นแน่นอน !”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved