ข้าขอท้าทายเจ้าต่อหน้าศิษย์สาวกทั้งหมด
!
จี้เทียนซิงไม่ใช่บุรุษผู้เย่อหยิ่งทะนงตน
เขารู้ดีว่าตัวเองในตอนนี้ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมในการประชุมสภาแปดนิกาย
ยิ่งไปกว่านั้นฉู่เทียนเซิงก็ไม่ไปเข้าร่วม
เพียงแต่มอบหมายให้เขากับหยุนเหยาไปเป็นตัวแทน
สำหรับเขาแล้วนี่เป็นทั้งเกียรติอันยิ่งใหญ่และก็ยังเป็นความท้าทายอีกด้วย
อย่างไรก็ตามคำสั่งของฉู่เทียนเซิงย่อมมีความหมายแฝงอันลึกซึ้ง
ดังนั้นเขาไม่มีทางปฏิเสธและทำได้เพียงยอมรับอย่างเชื่อฟังเท่านั้น
หลังจากตกลงนัดแนะกันเรียบร้อย
หยุนเหยาก็พูดคุยกับเขาอีกไม่กี่คำและหันหลังเดินออกไป
“ศิษย์น้องเทียนซิง
ช่วงนี้เจ้าก็เตรียมตัวให้พร้อมไว้ อีกสามวันเราจะออกเดินทางไปยังยอดเขาซิงเฉิน”
จี้เทียนซิงส่งหยุนเหยาเดินชดช้อยออกจากประตูและเฝ้าดูเงาหลังของนางที่ค่อยๆหายไปจากคลองจักษุ สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมขึ้น
หลังจากกลับไปในห้องตำรา
เฉียนเยวี่ยก็พุ่งปรี่เข้ามาหาด้วยความตื่นเต้นและยิ้มพลางกล่าวว่า “สหายจี้ เจ้าได้ลืมตาอ้าปากแล้ว !”
“แหมๆ
ดูเจ้าสิเพิ่งได้เป็นศิษย์สายตรงประมุขนิกายมาไม่กี่วัน จู่ๆก็เป็นตัวแทนประมุขไปร่วมประชุมสภาแปดนิกาย
เจ้ามันยอดเยี่ยมนัก !”
“หลังจากข่าวแพร่ออกไป
ไม่รู้ว่าศิษย์คนอื่นๆจะกระอักเลือดด้วยความริษยาเจ้าแค่ไหน”
จี้เทียนซิงยิ้มอ่อนและพยักหน้า
“ใช่ เรื่องนี้น่าทึ่งจนข้าไม่อาจทำใจเชื่อได้
ศิษย์หัวกะทิที่เหลือย่อมอิจฉาตาร้อนข้ากันยกใหญ่เป็นแน่”
“ท่านอาจารย์ก็เล่นใหญ่นัก
เรื่องนี้ย่อมเป็นความตั้งใจของท่านแน่ มันการทดสอบอย่างหนึ่ง”
เฉียนเยวี่ยยิ้มด้วยความไม่พอใจและปลอบประโลมอีกฝ่ายว่า
“สหายจี้ ใยต้องคิดมากให้วุ่นวายด้วย ?
ประมุขนิกายให้เจ้าไปเจ้าก็ไปซี่ !”
“อีกทั้งเจ้ายังได้ออกเดินทางเคียงข้างพี่สาวนม.....
ใหญ่ แค่กๆๆ.... นี่นับเป็นโชควาสนาที่ประเสริฐล้ำ
ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่ต้องริษยาเจ้า”
จี้เทียนซิงพยักหน้าและเผยรอยยิ้มที่มุมปาก มันเป็นความจริงที่หยุนเหยาเคยมีประสบการณ์ในการประชุมเหล่านี้
ต่อให้เขาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร แต่การที่มีนางเคียงข้างก็ทำให้เขาไม่ต้องพะว้าพะวงใดๆ
หลังจากนั้นไม่นานจี้เทียนซิงก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องตำราไปที่ลานกว้าง
เฉียนเยวี่ยรีบบินตามมาและถามว่า
“สหายจี้ เจ้าจะไปไหนหรือ ?"
ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงต่ำว่า
“ไปหาไป๋หวู่เชิน ถึงแม้จะยังไม่มีหลักฐานมัดตัวมัน
แต่จะให้แสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั้นมิใช่วิสัยของข้า
ข้าจะไปเยี่ยมมันเสียหน่อย !”
เฉียนเยวี่ยเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
“ข้าไปด้วย ข้าไปด้วย ! ข้าจะไปก้นด่าไอ้ลูกนอกสมรสตัวนั้น !”
จี้เทียนซิงโบกมือและตัดบทว่า
“ไม่ได้ เจ้าต้องอยู่บ้าน”
ถึงแม้ว่าเฉียนเยวี่ยจะลังเล
แต่มันก็ไม่ขัดคำสั่งของจี้เทียนซิง มันรอคอยเขาอยู่ในตำหนักเทียนซิงอย่างว่าง่าย
..........
ภายในเวลาไม่นานจี้เทียนซิงก็มาถึงหน้าประตูตำหนักไม่จีรัง
ขนาดและรูปลักษณ์ของตำหนักหลังนี้ไม่ต่างอะไรกับตำหนักเทียนซิงมากนัก
ศิษย์รับใช้กำลังทำความสะอาดลานกว้างอยู่ หลังจากที่พวกเขาได้เห็นจี้เทียนซิงก็รีบวิ่งไปรับหน้าและถามด้วยความเคารพว่า
“ศิษย์พี่ท่านนี้ ... มิทราบว่าท่านมาเยี่ยมเยียนศิษย์พี่ไป๋ใช่หรือไม่ขอรับ ?”
จี้เทียนซิงพยักหน้ารับอย่างไร้อารมณ์และพูดว่า
“ไปบอกไป๋หวู่เชินว่าจี้เทียนซิงมีเรื่องจะพูดด้วย”
ศิษย์รับใช้เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายไม่สู้ดีนักจึงพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย
จากนั้นก็วิ่งเข้าไปรายงาน
ผ่านไปไม่นานไป๋หวู่เชินก็เดินสองมือไพล่หลังออกมาจากตำหนักใน เมื่อได้เห็นจี้เทียนซิง
สีหน้าของเขาก็ดูอารมณ์ดีและยกยิ้มมุมปากขึ้นพลางพูดว่า “ศิษย์น้องเทียนซิง วันนี้เจ้ามิได้บ่มเพาะอยู่ที่ตำหนักหรอกหรือ
? เหตุใดถึงมาเยี่ยมเยียนข้าได้เล่า ?”
จี้เทียนซิงหรี่ตามองด้วยสีหน้าไม่พอใจและพูดว่า
“ไป๋หวู่เชิน ไม่ต้องมาตีหน้าเซ่อ
เจ้าทำอะไรไว้ย่อมรู้แก่ใจดี !”
ไป๋หวู่เชินทำหน้าเหลอหลาไร้เดียงสาและถามด้วยความสงสัยว่า
“อ้อ ? ศิษย์น้องเทียนซิง เจ้าสำรวมหน่อยดีหรือไม่ ? เจ้ามาถึงตำหนักข้าแต่กลับมากล่าวหาข้าเช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือ ?”
“เฮอะๆ ข้าชักอยากได้ยินจากปากเจ้าแล้วสิว่าข้าไปทำอะไรให้เจ้าขุ่นเคืองกันแน่
?”
จี้เทียนซิงพูดด้วยเสียงแปลกๆว่า
“ไป๋หวู่เชิน เมื่อสองวันก่อนเมื่อสัตว์เลี้ยงของข้าเฉียนเยวี่ยไปที่สวนหลิงโซ่ว
เจ้าเล่นตุกติกใส่ความเฉียนเยวี่ยใช่ไหม ?”
ไป๋หวู่เชินหรี่ตาลงและจ้องมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มและกล่าวหยอกเย้าว่า
“หึๆ
แล้วเจ้ามีหลักฐานอะไรที่จะมาพิสูจน์ว่าข้าเป็นคนทำให้เสือดาวมายาให้คลุ้มคลั่งเล่า
?”
“บางทีอาจเป็นเพราะสัตว์เลี้ยงของเจ้ามันเซ่อซ่าไปยั่วยุเสือดาวมายาเองหรือเปล่า
?”
จี้เทียนซิงแสยะยิ้มพลางตะตะโกนอย่างเย็นชา
“ฮ่าๆๆ ! ไป๋หวู่เชิน
อย่างเจ้าเนี่ยจะว่าฉลาดก็ฉลาด จะว่าโง่ก็โง่
เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเสือดาวมายาโจมตีเฉียนเยวี่ยก่อน ? ข้ายังไม่เคยพูดสักคำว่าเหตุการณ์วันนั้นเป็นมาอย่างไร
? เรื่องนี้ไม่ได้แพร่งพรายออกไป
คนที่ทราบมีเพียงข้า เฉียนเยวี่ย ผู้ดูแลเซี่ยงหวู่และอาวุโสอู๋เท่านั้น เจ้ารู้ละเอียดเช่นนี้ก็หมายความทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือเจ้า
!”
“เหอะๆ แล้วจะยังไง ?”
ไป๋หวู่เชินจ้องมองอีกฝ่ายและแสยะยิ้มพูดว่า
“เจ้ามีหลักฐานหรือเปล่า ? ใครจะตัดสินและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้พวกเจ้า ?”
เห็นจี้เทียนซิงเงียบไป
ไป๋หวู่เชินก็พูดต่อไปว่า “จี้เทียนซิง ข้าขอเตือนเจ้า
นิกายฝ่ายในก็มีกฎเกณฑ์และไม่ง่ายดายเหมือนฝ่ายนอก”
“ถ้าเจ้าอยากจะอยู่รอดในฝ่ายในอย่างปลอดภัยก็จงรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวและกระดิกหางใส่ให้ถูกคน
! หากเจ้าไม่แข็งแกร่งพอ
ข้ามีวิธีการนับไม่ถ้วนที่จะฆ่าเจ้าโดยมิให้ผู้ใดล่วงรู้ !”
“เฮอะ ! ศิษย์สายตรงแล้วจะยังไง
? ด้วยระดับพลังยุทธ์ของเจ้าตอนนี้ข้าสามารถทำลายเจ้าให้พิการแล้วโยนไปทิ้งนอกนิกายได้ไม่ยาก
!”
บัดนี้
ในที่สุดไป๋หวู่เชินก็โผล่หางและเจตนาที่แท้จริงออกมาหมดสิ้น
เขาเชิดหน้ามองจี้เทียนซิงด้วยสีหน้าสบายอุราและกล่าวต่อไปว่า
“จี้เทียนซิง จำใส่สมองไว้ให้ดี นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น จะมีอุบัติเหตุอีกหลายครั้งหลายคราเกิดขึ้นในอนาคต…”
“และจงอย่าได้คิดว่ามีเพียงข้าเท่านั้นที่อยากขับเจ้าให้พ้นทาง
ยังมีอีกมากที่เจ้าไม่รู้ ต่อให้ข้าไม่ทำก็ยังมีคนอีกมากที่จ้องจะเล่นงานเจ้า !”
จี้เทียนซิงจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเมินเฉย
ทันใดนั้นเขาก็ยกยิ้มหัวเราะและร่ำร้องออกมาว่า
“ฮ่าๆ
เจ้าเปิดเผยเช่นนี้ออกมาก็ดี งั้นข้าขอใช้กฎของนิกาย !”
“หากข้าจำไม่ผิดมีกฎของนิกายข้อหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า
เมื่อใดก็ตามที่มีความขัดแย้งระหว่างศิษย์ที่ไม่อาจยอมให้กันได้
ทั้งสองฝ่ายสามารถนัดประลองที่จตุรัสฝ่ายในเพื่อยุติข้อบาดหมาง”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ไป๋หวู่เชินก็ตกตะลึงไปวูบหนึ่ง
หลังจากรั้งสติกลับมาได้
สีหน้าของเขาก็ทอประกายดูหมิ่นเหยียดหยามมากขึ้น
“หึหึ......ฮ่าๆๆ น่าสนใจ เจ้านี่มันโง่จนน่าสนใจนักจี้เทียนซิง
เจ้ากล้าท้าข้าขึ้นประลองบนจตุรัสกลางงั้นหรือ ?!"
“น่าขันสิ้นดี
ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าตอนนี้หากข้าจะบี้เจ้าก็ง่ายยิ่งกว่าบี้มด
เจ้ายังกล้ารนหาที่ตายอีกงั้นหรือ ?"
แววตาของจี้เทียนซิงยังคงหนักแน่นเย็นชาดุจน้ำแข็ง
รอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้าก็ยังไม่คลายลง เขากล่าวว่า “ก็แค่อันดับสี่ในรายชื่อขั้นสวรรค์, ปราณจิตขั้นที่แปดมิใช่หรือไง
? ไป๋หวู่เชิน
ข้าขอท้าทายเจ้า การแข่งขันรายชื่อขั้นสวรรค์ในเดือนหน้า
ข้าจะสู้กับเจ้าต่อหน้าศิษย์สาวกทั้งหมด !”
“เจ้าชอบอ้างกฎนักใช่ไหม ? เช่นนั้นข้าก็จะปฏิบัติตามกฏและคว่ำเจ้าอย่างตรงไปตรงมาเพื่อเขี่ยเจ้าลงตำแหน่ง
!”
“ถึงตอนนั้นข้าจะให้เจ้าได้รู้สำนึกว่าตัวบัดซบชั่วช้าน่ารังเกียจอย่างเจ้า
สุดท้ายก็เป็นแค่ตัวตลกที่มีบทไว้ให้ข้าเหยียบย่ำ !”
ไป๋หวู่เชินตกตะลึงกับท่าทางอหังการของอีกฝ่ายในทันที
จากนั้นก็แสยะยิ้มด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “จี้เทียนซิง
เจ้าต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เจ้าไปพกความกล้าและความมั่นใจมาจากไหนถึงมาท้าทายข้าไป๋หวู่เชิน
?”
“ฮ่าๆๆ…ย่อมได้ เช่นนั้นพวกเรามาพนันกัน
หากผู้ใดแพ้จะต้องเป็นศิษย์รับใช้ของอีกฝ่ายหนึ่งปี !”
จี้เทียนซิงตอบกลับทันทีด้วยเสียงเย็น
“ตกลง คำไหนคำนั้น !”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved