ชายชุดดำคือมัน
?
จี้เทียนซิงผายมือให้จี้เค่อนั่งลงในขณะที่รินชาให้นาง
จี้เค่อมองซ้ายมองขวารอบห้องของชายหนุ่มและกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า
“อุ ว้าว...
พี่ใหญ่เทียนซิง
ชีวิตความเป็นอยู่ในหอยุทธ์ฟงอวิ๋นของพวกท่านช่างดีจริงๆ !”
“ไม่เพียงแค่มีห้องที่กว้างขวางโอ่อ่า
แต่ยังมีห้องลับให้ฝึกฝนอีกด้วย ไม่เหมือนหอยุทธ์ไป๋ลู่ของข้าเลย ทุกคนต่างก็มีเพียงห้องเล็กๆห้องเดียวอย่างกับรังหนู....
”
จี้เค่อเดินไปเดินมาจากนั้นก็นั่งลงบนโต๊ะและมองไปที่จี้เทียนซิงด้วยความอิจฉา
จี้เทียนซิงยิ้มบางและถามอย่างอบอุ่นว่า
“เค่อเค่อ ทำไมเจ้ามาหาข้าแต่เช้า ? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ?”
จี้เค่อตกตะลึงและหันขวับไปมองอีกฝ่ายพลางขยี้เท้ากล่าวอย่างไม่พอใจว่า
“เฮ้ ! พี่ใหญ่เทียนซิงไฉนทำตัวเหินห่างกับข้าเช่นนี้ ? ข้าไม่ได้พบท่านมาตั้งครึ่งเดือน
ข้าอยากเห็นหน้าท่านบ้างก็ไม่ได้หรือไง ?!”
“ฮ่าๆได้สิ ได้อยู่แล้ว” จี้เทียนซิงยิ้มและลูบหัวนางอย่างใกล้ชิด
“เค่อเค่อ ครึ่งเดือนมานี้เจ้าเป็นไงบ้าง ? คุ้นชินกับชีวิตภายในนิกายบ้างหรือยัง ?”
จี้เค่อเลียริมฝีปากของนางและกล่าวอย่างหดหู่
“กฎเกณฑ์ข้อห้ามของนิกายและหอยุทธ์ไป๋ลู๋ช่างยิบย่อยมากมายยิ่งกว่าในวัง แต่เพื่อการบ่มเพาะข้าก็ต้องจำยอมนั่นแหละ
ไม่เช่นนั้นคงไม่มีวันก้าวหน้าได้”
“เจ้าคิดได้เช่นนั้นก็ดี” จี้เทียนซิงพยักหน้าและถามต่อไปว่า “ครึ่งเดือนมานี่เจ้าศึกษาศาสตร์อันใดอยู่
? ใช่ปรุงยาหรือเปล่า ?”
จี้เค่อเบิกตากว้างและถามอย่างงงงวย
“ห๊า ? ปรุงยา
? เปล่านี่ เรียนปรุงยาไปทำไม แบบนี้จะแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไรเล่า”
“นับแต่ข้าเข้ามาในหอยุทธ์ไป๋ลู่
ครึ่งเดือนมานี่ตั้งแต่เช้าตรู่ก็ต้องฝึกร่ายรำกระบี่จนถึงเที่ยง นั่งสมาธิทำจิตให้ว่างตั้งแต่บ่ายยันเย็น
วนเวียนอยู่แบบนี้ทุกวัน”
“ครูฝึกกล่าวว่าให้พวกเราจดจ่อแต่เพียงการฝึกวรยุทธ์
และไม่ควรวอกแวกต่อสิ่งเร้าในศาสตร์อื่นๆ”
จี้เทียนซิงมองไปที่จี้เค่ออย่างสงสัย
เขาขมวดคิ้วด้วยความคลางแคลงใจ
“ดูเหมือนว่าเนื้อหาในการฝึกของแต่ละหอยุทธ์จะแตกต่างกันมาก
หอยุทธ์ไป๋ลู่ฝึกวิชากระบี่ หอยุทธ์ฟงอวิ๋นฝึกปรุงยา ....
ไม่รู้ว่าครูฝึกคิดอะไรอยู่ หรือว่าพวกเขามีเจตน่าแฝงที่ลึกซึ้งกว่านี้ ?“”
ในเวลานี้จี้เค่อก็มองเขาด้วยความกังวลและถามด้วยรอยยิ้มว่า
“พี่ใหญ่เทียนซิง ว่าแต่ท่านเล่า ? เป็นไงบ้างครึ่งเดือนมานี่ ทุกอย่างราบรื่นไหม”
“ราบรื่น ....?” จี้เทียนซิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะฝืนยิ้มพลางพยักหน้า
“จะว่างั้นก็ได้”
“ฮึ ! พี่ใหญ่เทียนซิง
ท่านโกหก ข้าดูออกนะ” จี้เค่ออ่านสีหน้าของอีกฝ่ายออกจึงขบริมฝีปากและกล่าวอย่างไม่พอใจ
“ท่านมีปัญหาอะไร
หากยังเห็นข้าเป็นสหายก็เล่ามาเถอะ”
จี้เทียนซิงรู้ดีว่าจี้เค่อเป็นเด็กฉลาดและมีไหวพริบ
ปฏิกิริยาที่ผิดแปลกของเขาไม่อาจปิดบังสายตาของนางได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเขาทำได้เพียงกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า
“จี้เค่อ
ที่จริงแล้วช่วงที่ผ่านมาข้าประสบปัญหาค่อนข้างมาก
ที่หนักสุดคือมีคนลอบสังหารถึงสองครั้ง”
“น่าเสียดาย ข้าพยายามตรวจสอบแล้วแต่ก็ยังไม่พบเบาะแสใดๆ
ข้าไม่รู้เลยว่าใครคิดลอบสังหารข้ากันแน่ !”
“ว่าไงนะ ?! มีเรื่องเช่นนี้ ? ” จี้เค่อเบิกตากว้าง ใบหน้าอันงดงามเต็มไปด้วยความกังวล
“บัดซบชั่วช้าจริงๆ
มันผู้นั้นกล้าหาญมากถึงกล้าลอบสังหารพี่ใหญ่เทียนซิงในนิกายพันธมิตรสวรรค์ !”
จี้เค่อดูเหมือนจะโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับมือสังหารผู้นั้นมาก หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้นางก็ลดเสียงลงและถามว่า “พี่ใหญ่เทียนซิง ท่านสงสัยผู้ใดหรือ ? เสด็จอาของข้า...หรือจะเป็นลู่หมิงหยางผู้นั้น?”
ลู่หมิงหยางเข้านิกายพันธมิตรสวรรค์และข้ามขั้นจากศิษย์ฝ่ายนอกเป็นศิษย์ฝ่ายใน นางก็รู้เรื่องนี้ดี
จี้เทียนซิงส่ายหัวและเบนหน้าไปมองถนนนอกห้องพลางกล่าวว่า
“ข้าตรวจสอบและวิเคราะห์ดูแล้ว
คนผู้นั้นไม่ใช่ทั้งจี้หลิงและลู่หมิงหยาง”
“อ้าว
งั้นมันเป็นใคร ?” จี้เค่อเลิกคิ้วขึ้นและมีสีหน้างงงวย
หลังจากนั้นครู่หนึ่งนางก็นึกได้บางอย่าง
ดวงตาของนางเปล่งประกายระยิบระยับและพุ่งพรวดจากเก้าอี้ตะโกนว่า
"ใช่แล้วๆ ! พี่ใหญ่เทียนเซิงข้าคิดออกแล้ว
มีคนนึงที่ข้าคิดว่าเป็นไปได้ !”
“ลูกพี่ลูกน้องของหลิงหยุนเฟย เจียนอวี้ !”
จี้เทียนซิงขมวดคิ้วอย่างฉับพลัน
“ลูกพี่ลูกน้องของหลิงหยุนเฟย ? ใครกัน เจียนอวี้ ? ข้าไม่เคยได้ยินชื่อคนผู้นี้มาก่อนเลย”
จี้เค่ออธิบายอย่างรวดเร็ว
“พี่ใหญ่เทียนซิง เรื่องราวเป็นเช่นนี้
ข้าทราบมาว่าหลิงหยุนเฟยมีลูกพี่ลูกน้องผู้หนึ่งนามเจียนอวี้ เมื่อสามปีก่อนเจียนอวี้ผ่านการทดสอบของนิกายพันธมิตรสวรรค์จึงออกจากรัฐนภากระจ่างเพื่อมาเป็นศิษย์ของนิกาย
นับแต่นั้นมาเจียนอวี้ก็มิเคยกลับเมืองอีกเลย
นอกจากนี้ยังมีข่าวลือในเมืองว่าเจียนอวี้ผู้นี้หลงรักหลิงหยุนเฟยอย่างหัวปักหัวปำมาโดยตลอด”
จี้เทียนซิงอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงในที่สุด
เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “ไม่แปลกใจเลยที่ข้าไม่เคยได้ยินชื่อบุคลผู้นี้มาก่อน
หลิงหยุนเฟยไม่เคยกล่าวถึงมัน
ที่แท้มันเข้านิกายพันธมิตรสวรรค์ก่อนพวกเราตั้งแต่สามปีก่อน”
“สามปีผ่านไป...
หากพรสวรรค์ของมันมิใช่ชั่ว ตอนนี้มันย่อมเป็นศิษย์ฝ่ายในและคุ้นชินกับภูมิประเทศภายในนิกายอย่างมาก
ดังนั้นผู้ที่ใส่ความข้าและลอบโจมตีข้าถึงสองครั้งสองคราสมควรเป็นมัน !”
จี้เค่อพยักหน้าเสริม
“พี่ใหญ่เทียนซิง ท่านเพิ่งเข้านิกายได้ไม่นานและมีศัตรูเพียงไม่กี่คน
หากตัดเสด็จอาของข้ากับลู่หมิงหยางออกไปก็เหลือเพียงเจียนอวี้เท่านั้นที่น่าสงสัยมากที่สุด ท่านต้องระมัดระวังตัวให้มากนะ !”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยของนาง
จี้เทียนซิงก็พยักหน้ารับคำ
หลังจากนั้นทั้งสองก็คุยกันซักพักจนกระทั่งจี้เค่ออำลากลับไป
หลังจากนางออกไปจากหอยุทธ์ฟงอวิ๋น
จี้เทียนซิงก็จมอยู่กับความคิดอันซับซ้อน
สุดท้ายก็ส่ายหัวแล้วนำวัตถุดิบเดินไปห้องปรุงยา
......
จี้หลิงกำลังจะออกจากหอยุทธ์ฟงอวิ๋นพร้อมวัตถุดิบในมือเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องปรุงยา
อย่างไรก็ตาม
ในขณะที่เขาเดินไปที่ประตูก็เห็นชายหนุ่มร่างกำยำผู้หนึ่งยืนกอดอกอยู่หน้าประตู
ดวงตาของจี้หลิงส่องประกายวูบหนึ่งและปั้นหน้ายิ้มอย่างรวดเร็วและเป็นฝ่ายเอ่ยปากทักทายด้วยความเคารพ
“ศิษย์พี่ห่าว ท่านมายังหอยุทธ์ฟงอวิ๋นด้วยกิจธุระอันใดหรือ”
ศิษย์ร่างกำยำผู้นั้นก็คือห่าวเมิ่งนั่นเอง
เขาจ้องมองที่จี้หลิงด้วยรอยยิ้มกว้างและพยักหน้าตอบกลับ
“มาแล้วหรือจี้หลิง ข้ามาที่นี่ก็เพื่อรอพบเจ้านั่นแหละ”
จี้หลิงถามอย่างรวดเร็ว
“ศิษย์พี่ห่าว ท่านหมายความว่า ?”
ห่าวเมิ่งตบไหล่จี้หลิงอย่างสนิทสนมและกล่าวว่า ”อย่าเพิ่งถามข้าเลย ไปถามศิษย์พี่หญิงเถอะ นางสั่งให้ข้ามาตามตัวเจ้า”
“ศิษย์พี่หญิง ?” จี้หลิงตกตะลึง ทันใดนั้นในหัวของเขาก็ปรากฏวงหน้าและเรือนร่างดั่งนางฟ้าของหยุนเหยาขึ้น
เมื่อเห็นห่าวเมิ่งเดินนำหน้าไปแล้ว
จี้หลิงจึงไม่คิดฟุ้งซ่านอีกและรีบติดตามไปอย่างรวดเร็ว
หนึ่งก้านธูปต่อมาห่าวเมิ่งก็พาจี้หลิงออกจากหอยุทธ์ฟงอวิ๋นไปที่ยอดเขาเมฆาสีชาด เมื่อพวกเขาเดินมาถึงประตูใหญ่ของตำหนักฉิงเทียนก็ได้เห็นหยุนเหยายืนรออยู่ที่ประตูทางเข้า
ชายทั้งสองคนโค้งคำนับหยุนเหยา
จากนั้นห่าวเมิ่งก็ล่าถอยไป ทำให้หน้าประตูของตำหนักฉิงเทียนอันโอ่อ่าเหลือเพียงจี้หลิงกับหยุนเหยาเท่านั้น
จี้หลิงรู้สึกตื่นเต้นกดดันเล็กน้อย
ในใจเต็มไปด้วยความคาดหวัง เขาคาดการณ์ในใจอย่างลับๆว่าการที่ตนเองถูกพามาที่ยอดเขาเมฆาสีชาดอันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของนิกายและยังเป็นที่ที่ศิษย์ฝ่ายนอกไม่มีคุณสมบัติพอจะย่างกราย
ย่อมมีความเป็นไปได้สูงว่ามีเรื่องสำคัญบางอย่าง
แน่นอน
หยุนเหยายังคงกล่าวกับจี้หลิงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “จี้หลิง
เจ้ากำลังจะได้พบกับท่านประมุข จดจำไว้ให้มั่น
ห้ามปิดบังใดๆเด็ดขาด !”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved