ตอนที่ 372

ตอนที่

372 สองกระบวนท่าสุดท้าย

- สยบภูผา สะบั้นวารี !

หลังจากรอคอยให้เซี่ยงหวู่จี้บ่นจบ

จี้เทียนซิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและตอบกลับว่า

“พระอาจารย์ปู่ขอรับ ขอบคุณท่านที่เป็นห่วง

ข้าสัญญาว่าจะจดจำคำสอนของท่านให้ขึ้นใจ”

เมื่อได้เห็นอีกฝ่ายพูดจาสุภาพเป็นทางการ

เซี่ยงหวู่แค่นเสียงกล่าวตอบกลับว่า

"เพ้ย ไอ้เด็กผี ! อย่ามาทำเป็นสัญญงสัญญา

ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะจำใส่สมอง !"

จี้เทียนซิงเห็นว่าคำผรุสวาทกำลังจะมาอีกระลอก

เขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว

"คืองี้  วันนี้ข้ามาเยี่ยมท่านเพราะมีเรื่องสำคัญต้องการขอคำชี้แนะ"

เซี่ยงหวู่จี้สงบปากโดยพลัน

จ้องมองอีกฝ่ายและถามด้วยแววตาระยิบระยับว่า “เรื่องอะไร ?

ปรุงยาหรืออาคม ?”

จี้เทียนซิงส่ายหัวและกล่าวว่า

"ไม่ใช่ทั้งคู่ ข้าต้องการให้ท่านชี้แนะกระบวนท่าที่เหลือของเพลงกระบี่ดาราเหิน"

เซี่ยงหวู่จี้กระพริบตาปริบและนิ่งไปครู่หนึ่ง

จากนั้นส่ายหัวกล่าวว่า

“ถึงแม้เจ้าจะมีพรสวรรค์

พลังยุทธ์พุ่งทะยานไปถึงขอบเขตปราณโอสถ

แต่ว่าเพลงกระบี่ดาราเหินกระบวนท่าที่เหลือนั้นมีเพียงขอบเขตปราณฟ้าเท่านั้นจึงจะฝึกฝนได้”

จี้เทียนซิงกล่าวอย่างรวดเร็วว่า

“ไม่เป็นไรๆ

ท่านแค่สอนข้าก็พอ เมื่อถึงเวลาเหมาะสมข้าจะไปฝึกฝนต่อเอง"

"โฮ่ ?  ไอ้หนู เจ้านี่มันช่างกล้านัก

ลัดขั้นตอนไม่กลัวลมปราณแตกซ่านหรือไง ?”

เซี่ยงหวู่จี้ยกคิ้วขึ้นและแสยะยิ้มที่มุมปาก

จี้เทียนซิงกล่าวอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้าว่า

“ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว

ข้าก็จำเป็นต้องพยายามให้ถึงที่สุด

ข้าต้องหาทางพัฒนาความแข็งแกร่งให้ได้มากเท่าที่จะมากได้ขอรับ”

เซี่ยงหวู่ขมวดคิ้วแน่นและเกิดความคิดขึ้นในทันที

คนกล่าวต่อไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “ย่อมได้

ในเมื่อไอ้หนูอย่างเจ้ามีความกล้า ข้าก็พร้อมจะสนอง

พวกเรามาลองเดิมพันกันหน่อยเป็นไงเล่า”

"ข้าจะสอนเพลงกระบี่ดาราเหินท่าต่อไปให้เจ้า

แต่ถ้าหากเจ้าฝึกไม่สำเร็จก็จงรั้งอยู่ในตำหนักไท่อันกับข้า

ปัดกวาดเช็ดถูให้ข้าหนึ่งเดือน !”

จี้เทียนซิงยกคิ้วขึ้นและกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มมั่นใจว่า

“แล้วถ้าหากข้าทำได้ล่ะ

?"

เซี่ยงหวู่จี้แค่นเสียงเย็นชากล่าวว่า “เฮอะ ! ไอ้เด็กผี หากเจ้าทำได้จริง

ตาแก่อย่างข้าจะช่วยเจ้าฟื้นฟูพลังให้เจ้ามังกรน้อยกับเจ้าจิ้งจอกน้อยให้กลับสู่ขอบเขตปราณโอสถเสียทั้งคู่เลยเป็นไง

!”

จี้เทียนซิงได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าโดยไม่ลังเล  "ตกลงตามนี้ !"

“เฮอะ ในเมื่อสวรรค์มีทางให้เดินกลับไม่เดิน

อยากจะลงนรกก็ตามใจ

อย่ามาบ่นว่าข้าใจร้ายทีหลังก็แล้วกัน”

กล่าวจบเซี่ยงหวู่จี้ก็เก็บไหสุราสีเขียวกลับไปและผุดลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางเหี้ยมเกรียม

วู้ม !

มันยกฝ่ามือขวาขึ้น ระดมพลังปราณแท้ด้วยพลังอันลึกลับ

ครู่ต่อมาลำแสงสีขาวแพรวพราวรั้งรวมอยู่กลางฝ่ามือของมัน

ควบแน่นเป็นกลุ่มแสงขนาดใหญ่รูปเม็ดถั่ว

แสงสีขาวอันพร่างพราวนี้เป็นแก่นความทรงจำอัดแน่นที่เซี่ยงหวู่จี้ควบแน่นโดยวิถีลับ

มันบรรจุไว้ด้วยเคล็ดความของเพลงกระบี่ดาราเหินที่สมบูรณ์

ยามที่สุดยอดฝีมือต้องการถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้บุคลที่สอง

พวกมันไม่จำเป็นต้องใช้วิธีอะไรให้วุ่นวาย

เพียงใช้วิถีลับควบแน่นความทรงจำและประสบการณ์ในใจของคนผู้นั้น

คงสภาพเป็นลำแสงและส่งต่อไปยังบุคลอื่นได้ในทันที

เซี่ยงหวู่จี้ค่อยๆยกฝ่ามือขวาขึ้น กดทาบลงบนหน้าผากของอีกฝ่าย

จากนั้นกลุ่มก้อนลำแสงสีขาวก็พุ่งเข้าหาทะเลจิตใจของจี้เทียนซิงอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น

ในทะเลดวงจิตของจี้เทียนซิงเต็มไปด้วยข้อมูลจำนวนมากจนเขารู้สึกตกใจกับข้อมูลมหาศาลเหล่านี้

ชายหนุ่มนั่งขัดสมาธิลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว

ปรับแต่งกลุ่มก้อนลำแสงสีขาวในทะเลดวงจิตเพื่อทำความเข้าถึงเคล็ดความของเพลงกระบี่ดาราเหิน

เซี่ยงหวู่จี้นั่งลงบนเก้าอี้หวาย จ้องมองอีกฝ่ายกำลังฝึกฝนด้วยรอยยิ้ม

จากนั้นดึงออกไหสุราออกมาดื่มกินต่อไปอย่าเงียบงัน

เมื่อเวลาผ่านไป สติสัมปชัญญะของจี้เทียนซิงก็ถูกแช่อยู่ในเคล็ดความเพลงกระบี่ดาราเหินจนหมดสิ้น

เขาซึมซับทุกกระบวนความของเพลงกระบี่อย่างเต็มที่

สติของเขาถูกหลอมรวมเข้ากับแสงสีขาวและได้เห็นภาพต่างๆอันเป็นปัจเจกที่ถูกถ่ายโอนเข้ามา

ภายในภาพนั้นเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวขวี มีทะเลสาบใสอยู่ทางซ้ายและภูเขาสูงนับพันเมตรอยู่ทางด้านขวา

บนท้องฟ้าเหนือทุ่งหญ้ามีชายชราผู้หนึ่งในอาภรณ์สีม่วง

พร้อมกับกลิ่นไออันสง่างามพิศดาร นั่นก็คือเซี่ยงหวู่จี้

มันยืนอยู่กลางเวหา

สองมือไพล่หลังอย่างหยิ่งผยองตามมาด้วยสุ่มเสียงเคร่งขรึม “เพลงกระบี่ดาราเหิน

ถูกสร้างขึ้นโดยหวู่จี้เจิ้นเหรินมีทั้งหมดห้ากระบวนท่า"

"เพลงกระบี่แขนงนี้คือเพลงกระบี่ที่ข้าผู้ชราได้เรียนรู้สั่งสมมาจากประสบการณ์ชั่วชีวิต

ผสานเข้าด้วยกันกับเพลงกระบี่ของสามสิบเก้าสำนักกระบี่บนแผ่นดินใหญ่

ข้าฝึกฝนจนถึงขอบเขตสมบูรณ์แบบ, เปลี่ยนผืนฟ้าและสุริยา, หยิบยืมพลังของดวงดาราและจันทรา !”

จิตสำนึกของจี้เทียนซิงจ้องมองภาพเบื้องหน้าอย่างจริงและตั้งใจ

แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะลอบหัวเราะในใจเมื่อได้ยินเสียงอันเคร่งขรึมจริงจังของเซี่ยงหวู่จี้

ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธ์ระดับปราณฟ้านั้นจะแข็งแกร่ง

แต่พลังก็มีขีดจำกัด

ไปถึงระดับทำลายขุนเขาและสายน้ำยังพอว่า

แต่หากพูดไปถึงการพลิกฟ้าและสุริยานั้นยิ่งไปกันใหญ่

ขอบเขตระดับนั้นเปรียบได้กับเทพเจ้าองค์หนึ่งที่เหนือล้ำกว่าขอบเขตปราณฟ้าไปไกลโข

ในเวลานี้เองเซี่ยงหวู่ในภาพเบื้องหน้าก็มีท่าทางเคร่งขรึมและคำรามโพล่งขึ้นมา

“เพลงกระบี่ดาราเหิน

กระบวนท่าแรก คมมีดขนนกพันเล่ม !"

ในขณะที่พูดเซี่ยงหวู่จี้ก็กุมกระบี่ไว้ในมือ

ปลดปล่อยคลื่นกระบี่เพลิงสามสายออกไปยังภูเขาสูงนับพันเมตรที่อยู่ทางขวา

คลื่นกระบี่แต่ละสายยาวกว่าสิบเมตร

นำมาซึ่งพลังอันดุร้ายเกรี้ยวกราด มันพุ่งออกไปล้างผลาญทุ่งหญ้าและขุนเขา

ในช่วงเวลาสั้นๆเพียงห้าอึดใจ

คลื่นกระบี่เพลิงสามสายได้จู่โจมออกไปนับพันครั้ง

ผืนป่าและต้นไม้สูงถูกทำลายหักโค่นและไหม้เกรียม

หลังจากการสำแดงกระบวนท่าแรก

เซี่ยงหวู่จี้กล่าวอย่างสงบต่อไปว่า

“กระบวนท่าที่สอง

วายุอัสนีบาตร  !"

ฟุ่บ

ฟุ่บ !

สิ้นเสียง

คนกระตุ้นคลื่นกระบี่สีทองสองสายออกไปเบื้องหน้า ระเบิดทุ่งหญ้าเป็นทางยาว

คลื่นพลังกระบี่ยาวกว่า 20 เมตรสองเล่มโบยบินไปทางซ้ายและขวา

ก่อเกิดเสียงอัสนีดังก้องทั่วปฐพี

สับกระแทกอย่างรุนแรงไปบนทุ่งหญ้า

ตูม !!

ด้วยเสียงดังตูม พื้นดินถูกตัดเป็นหลุมลึกกว่า

100 เมตร เศษหิน ดินทรายและเศษหญ้าถูกเป่ากระเด็นลอยไปไกล

ต่อจากนั้นเซี่ยงหวู่จี้ก็แสดงกระบวนท่าที่สามออกมา  ประกายแสงมังกรแดง

เขาปลดปล่อยคลื่นพลังกระบี่ยักษ์ที่มีความยาวกว่า

100 เมตรออกมาและกระบี่นี้กระทั่งสามารถแยกภูเขาออกเป็นสองส่วน !

เมื่อเห็นภาพนี้จี้เทียนซิงก็เข้าใจได้ทันทีว่า

นี่ต่างหากคือพลังที่แท้จริงของกระบวนท่าประกายแสงมังกรแดง

เซี่ยงหวู่จี้ที่ใช้กระบวนท่านี้ออกมามีพลังรุนแรงกว่าที่เขาใช้นับสิบเท่า

เขาเชี่ยวชาญในสามกระบวนท่าแรกของเพลงกระบี่ดาราเหินแล้ว

ต่อมาเมื่ออีกฝ่ายเตรียมจะสำแดงกระบวนท่าที่สี่

ชายหนุ่มจึงเพ่งสายตาจับจ้องไปอย่างระแวดระวังกลัวจะตกหล่น

"กระบวนท่าที่สี่ สะบั้นวารี !"

เซี่ยงหวู่จี้คำรามเสียงทุ้มต่ำ

วาดกระบี่ในมือกระตุ้นพลังลมปราณออกมาควบแน่นเป็นคลื่นกระบี่ยักษ์ขนาด 100 เมตร

เขาใช้พลังกระบี่ยักษ์นี้

ควบคุมบงการคลื่นกระบี่ยักษ์ที่สามารถบดขยี้ผืนแผ่นดิน จากนั้นตวัดฟาดเข้าใส่ทะเลสาบทางด้านซ้ายอย่างรุนแรง

ครืน.......ครืน

!

ท่ามกลางเสียงอึกทึก คลื่นกระบี่ทะลวงชั้นฟ้าได้ยืดยาวออกไปอีกหลายกิโลเมตร  พลังที่สามารถทำลายเวหา พลิกพสุธาได้ผ่ากลางทะเลสาบและแยกมันออกเป็นสองส่วน

!

ตูม !!

ทะเลสาบใสถูกแยกออก ก่อเกิดลำธารขนาดใหญ่หลายแห่งที่ทอดยาวหลายกิโลเมตร

เผยให้เห็นก้นทะเลสาบที่เต็มไปด้วยดินโคลน

หลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนาน

ลำธารขนาดใหญ่ก็ค่อยๆกลับมาเป็นปกติ   ทะเลสาบขนาดใหญ่ที่เคยแยกออกจากกันก็ค่อยๆปิดลงอีกครั้งและค่อยๆสงบลง

หัวใจของจี้เทียนซิงสั่นสะท้าน

ทั้งตกตะลึงและโหยหา

เขาจดจำเคล็ดลับของกระบวนท่าที่สี่, สะบั้นวารี ลอบคิดวิเคราะห์ในใจอย่างลับๆ

ในเวลานี้เองเซี่ยงหวู่จี้พลันเอ่ยปากอย่างเงียบงันและเคร่งขรึม

“ต่อไป

กระบวนท่าสุดท้ายของเพลงกระบี่ดาราเหิน, สยบภูผา !"

สิ้นเสียง

คนโบกหัตถ์อย่างช้าๆด้วยท่วงท่าอันลี้ลับ จากนั้นลำแสงเรืองรองหลากสีสันพลันปรากฏบนท้องฟ้าจนสว่างโร่

ฟุ่บ

ฟุ่บ  ฟุ่บ  ฟุ่บ

ฟุ่บ  !

ในวินาทีต่อมา เงาร่างของเซี่ยงหวู่จี้อันตธานหายไป

โผล่พุ่งเหนือเวหากระพริบไปมาซ้ายทีขวาทีราวกับภูติพราย ในมือตวัดคลื่นกระบี่ยักษ์เล่มแล้วเล่มเล่ายิงกระหน่ำสาดซัดไปในทุกทิศทาง

"ปัง !!  ปัง   !!  ปัง  !!......."

ทุ่งหญ้าและทั่วทั้งผืนฟ้าทั้งหมดทั้งมวลถูกปกคลุมไปด้วยตำหนักกระบี่อันล้นหลาม

มันทั้งแพรวพราวอย่างงดงามและปั่นป่วนวุ่นวายราวกับโลกากำลังจะพินาศสิ้นในบันดล !

เมื่อลำแสงพลังกระบี่หลายสิบพันสายระเบิดพลังที่สาดซัดออกมาพร้อมๆกัน

หายนะอันน่าสะพรึงกลัวก็ประจักษ์ต่อคลองจักษุของจี้เทียนซิง !

"บึ้ม …….

!!!!!

เสียงอึกทึกดังก้องปฐพี ทุ่งหญ้า ทะเลสาบ ภูเขาและท้องฟ้าสีครามทั้งหมดแหลกพินาศสิ้นเป็นเสี่ยงๆ  มันบีบรัดและยุบตัวลงอย่างรุนแรง