กระบี่เล่มที่สอง
กระบี่มังกรทอง
ท่ามกลางเสียงอันดังกึกก้อง
กระบี่ภูผาวายุพลันพินาศสิ้นในทันที
คลื่นกระบี่ขนาดใหญ่แตกเป็นเสี่ยงๆนับไม่ถ้วน
ด้วยพลังอันเกรี้ยวกราด และระเบิดออกไปในทุกทิศทาง
ทั่วเวทีกลายเป็นความโกลาหลและเต็มไปด้วยสะเก็ดเศษซากแสงกระบี่และเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ
พลังของกระบี่มังกรเพลิงก็ถูกทำลายจนระเบิดออกเช่นกัน
มันกลายเป็นคลื่นเพลิงที่ค่อยๆแตกตัวกระจายไปรอบๆลานประลอง
หลังจากผ่านไปนานเนิ่นนาน
เปลวเพลิงอันร้อนระอุและวายุอันเกรี้ยวกราดก็สลายไปตามๆกัน
ความหายนะวอดวายกลับสงบลง
ในขณะนี้ทุกคนก็เห็นได้เงาร่างของจี้เทียนซิงและถังอี้ลั่ง
จี้เทียนซิงยืนอยู่ทางทิศตะวันออกของเวทีและมิได้รับอันตรายใดๆ
ร่างกายไร้รอยขีดข่วน มีเพียงเสื้อผ้าที่เคยเป็นสีขาวกลับกลายเป็นซีดลงเท่านั้น
ถังอี้ลั่วยืนอยู่ทางทิศตะวันตก
แต่อยู่ห่างออกไปร่วมร้อยก้าว กลางหน้าอกปรากฏรอยแผลขนาดเท่าฝ่ามือขึ้น
ใบหน้าครึ่งหนึ่งกลายเป็นสีดำ
อีกทั้งยังมีควันสีดำลอยออกจากปากและจมูกของเขา
เสื้อคลุมสีขาวที่เขาสวมใส่ก็ถูกไฟคลอกเป็นสีดำ
เส้นผมที่รวบไว้เป็นหางม้าสยายออกและหงิกงอชี้ฟูราวกับถูกฟ้าผ่า
โชคดียังดีที่สารรูปของเขาเพียงดูน่าเวทนาเท่านั้น
ไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บรุนแรงใดๆ
เขาจ้องมองไปที่จี้เทียนซิงด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
เผยให้เห็นถึงอาการอึ้งและตกตะลึงราวกับสูญเสียจิตวิญญาณไปส่วนหนึ่ง ปากกล่าวว่า “นี่มันเป็นไปได้อย่างไร ?!”
“หนึ่งกระบี่ภูผาวายุคือกระบวนท่าสังหารที่รุนแรงที่สุดของข้า
เจ้าหยุดมันได้อย่างไรกันวะ !”
ถังอี้ลั่วมิใช่เป็นเพียงแค่ผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตปราณจิตขั้นที่แปดเท่านั้น
แต่เขายังเป็นศิษย์อัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์เป็นอันดับสามของนิกาย
เขามีความเชื่อมั่นอย่างเต็มหัวจิตหัวใจต่อวิชากระบี่ภูผาวายุ
มันมีพลังทำลายระดับเดียวกับยอดฝีมือในขอบเขตปราณโอสถขั้นต้นด้วยซ้ำ !
เดิมทีเขาเคยคิดว่าหากจี้เทียนซิงไม่ใช้หัตถ์เปลวอัคคี
เขาย่อมเอาชนะได้แน่นอน
แต่ทว่า
ผลที่ออกมาทำให้มันต้องกลายเป็นโง่งมยกใหญ่
จี้เทียนซิงไม่เพียงแค่ต้านรับหนึ่งกระบี่ภูผาวายุของมันได้เท่านั้น
แต่ยังสวนกลับจนทำให้มันได้รับบาดเจ็บ
เรื่องที่เกิดขึ้นต่อหน้านี้จะไม่ทำให้มันตกใจได้อย่างไร
?
ฟุ่บ
!
ในเวลานี้เองจี้เทียนซิงกระชับกระบี่มังกรดำไว้มั่น
คนพุ่งทะยานออกไปราวกับระเบิด เจตนาต่อสู้อันเข้มข้นพลันปะทุขึ้น
ดวงตาของเขาจ้องมองอย่างเย็นชาไปที่ถังอี้ลั่วและตะโกนด้วยเสียงต่ำ
“ศิษย์พี่ถัง ข้าจะใช้กระบี่ที่สองแล้ว
ท่านจงรับมันให้ดี !”
เมื่อเสียงลดลง
ชายหนุ่มโคจรพลังปราณอันรุนแรงส่งผ่านไปยังกระบี่มังกรดำที่มือขวา
“ซัวะ !”
กระบี่มังกรดำพลันส่องแสงสีทองอันพร่างพราวออกมาทันทีและเปลี่ยนเป็นกระบี่ยักษ์สีทองขนาดใหญ่ยาวกว่าห้าเมตร มันดูราวกับว่าสามารถบดขยี้ปฐพีให้พินาศสิ้นได้
โฮก !!!
กระบี่ยักษ์สีทองแผดเสียงคำรามของมังกรออกมาประดุจดั่งมังกรทองศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่อำนาจกดขี่อันน่าเกรงขามออกมา
กระบี่เล่มที่สองของจี้เทียนซิงกลับกลายกระบี่มังกรทอง
!
กระบี่นี้ตวัดออกมาอย่างรวดเร็วราวกับลำแสงความเร็วสูง
ก่อนที่ถังอี้ลั่วจะมีการตอบสนองมันก็ปกคลุมทั่วร่างไปเรียบร้อย
"เป้ง !"
เสียงอู้อี้ดังสนั่น
ถังอี้ลั่วถูกฟาดเข้าด้วยกระบี่ยักษ์มังกรทองโดยตรง
ศรโลหิตฉีดพุ่งออกจากปากลากยาวเป็นเมตร
ร่างของมันกระเด็นสู่เวหาวาดเป็นเส้นโค้งกลางอากาศและตกลงกระแทกพื้นไปไกลหลายสิบเมตร
“โครม
โครม !”
ถังอี้ลั่วกระแทกพื้นเวทีหลายตลบ
แม้กระทั่งเวทียังเกิดแรงสั่นสะเทือน เศษหินดินทรายหลุดลอกจากเวทีลอยขึ้นฟุ้งกลางอากาศ
หลังจากกลิ้งไปบนพื้นหลายรอบ
แรงกระแทกก็หยุดลง
คนพยายามชันกายลุกขึ้นยืน
มันยกมือขึ้นกุมหน้าอกด้วยความรู้สึกเสียวซ่า ทั่วร่างกายชาด้านราวกับเป็นอัมพาต
"โขลก… โขลก"
มันอดไม่ได้ที่จะไอแห้งๆออกมา
แต่ไอได้เพียงสองครั้ง ปากจมูกก็เต็มไปด้วยเลือดไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย
แม้กระทั่งดวงตายังกลายเป็นสีแดงเลือดราวกับเลือดจะทะลักจากดวงตาและทวารทั้งเจ็ด
มันคิดจะใช้พลังลมปราณเพื่อระงับอาการบาดเจ็บเหล่านี้
แต่ทันทีที่โคจรพลังกลับพบว่าอวัยวะภายในเกือบทั้งหมดไร้การตอบสนอง
ลมปราณสับสนวุ่นวายไม่เป็นระเบียบ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันได้รับบาดเจ็บสาหัสจากกระบี่มังกรทอง
ในเวลาอันสั้น
มันสูญเสียสมรรถนะในการต่อสู้ทั้งปวงไปโดยสิ้นเชิง
ในเวลานี้เองจี้เทียนซิงเก็บกระบี่มังกรดำคืนฝักและเดินไปหาอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเฉยชา
คนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าพูดว่าระหว่างเราคือการประลองกระบี่ทั่วไป
ด้วยสภาพเยี่ยงนี้ของเจ้า การประลองถือว่าจบลงได้แล้วกระมัง ?”
น้ำเสียงของเขาสงบเยือกเย็น
ไร้อารมณ์ความรู้สึก ไร้ซึ่งสัมผัสของความอวดดีโอหังหรือสะกดข่มคู่ต่อสู้
แต่ประโยคทั้งสองนี้เมื่อกระทบโสตของถังอี้ลั่วนั้นช่างโหดร้ายยิ่งนัก
มันโกรธจัดจนแทบจะอดพุ่งเข้าไปแลกชีวิตกับอีกฝ่ายไม่ไหว
จนกระทั่งถึงเวลานี้
ถังอี้ลั่วก็เข้าใจได้ในที่สุด
ความเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอก
ความหยิ่งยโสและอาการดูถูกเหยียดหยามที่เขาซ่อนลึกไว้ในใจนั้น
จี้เทียนซิงมองออกทั้งหมดแต่แรกแล้ว
แต่ทว่าอีกฝ่ายไม่เคยคิดโต้แย้งมันด้วยวาจา
การต่อสู้ด้วยวาจานั้นเป็นเรื่องเด็กน้อยเกินไปในสายตาของเขา
มีเพียงการต่อสู้ที่ตรงไปตรงมา
การโจมตีที่ดุเดือดและรุนแรงที่สุดจนกระทั่งอีกฝ่ายจมธรณีไปนั้นคือวิธีสะบั้นความหยิ่งยโสและสร้างความอับอายให้คู่ต่อสู้ได้ดีที่สุด
!
นี่คือสิ่งที่จี้เทียนซิงทำมาโดยตลอด
!
ถังอี้ลั่วช้อนสายตาขึ้นมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เต็มใจ
คนคำรามถามด้วยเสียงต่ำที่แหบห้าวเต็มไปด้วยเลือดว่า “จี้.....เทียนซิง นี่เจ้าไม่เพียงแค่มีพลังปราณอัคคีเท่านั้น
แต่เจ้ายังสามารถควบคุมพลังปราณทองคำได้ด้วย ?”
“เป็นไปได้อย่างไร ? ทุกคนต่างรู้ว่าเจ้ามีพลังยุทธ์ในขอบเขตปราณจิตเท่านั้น
เจ้าจะเข้าใจถึงพลังปราณต้นกำเนิดของสองคุณสมบัติพร้อมกันได้อย่างไร ?!”
มีเพียงผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตปราณฟ้าเท่านั้นที่สามารถควบคุมพลังของธาตุทั้งห้าได้
นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนในยุทธภพต่างก็รู้ดี
ด้วยความแข็งแกร่งในขอบเขตปราณจิตของจี้เทียนซิง
เขากลับควบคุมปราณอัคคีและปราณทองคำได้ นี่คืออัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่ง !
เพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว
เขาก็สามารถแทนที่ถังอี้ลั่วและกลายเป็นอัจฉริยะอันดับสามของนิกายพันธมิตรสวรรค์ได้อย่างไม่ยาก
การที่ถังอี้ลั่วพ่ายแพ้ก็มิใช่เป็นเรื่องผิดปรกติ
อีกฝ่ายสมควรได้รับตำแหน่งนี้ !
ศิษย์สาวกในนิกายหลายร้อยคนทั่วทั้งจัตุรัสต่างก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงอยู่นาน
สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกอกตกใจ
กระทั่งเหล่าอาวุโสและผู้ดูแลล้วนเบิกตากว้าง
ดวงตาเต็มไปด้วยแสงระยิบระยับ พวกเขาส่งเสียงพูดคุยกันอย่างลับๆ
ถึงแม้จะเป็นบุรุษที่เต็มไปด้วยความมั่นคงประดุจเขาไท่ซานอย่างฉู่เทียนเซิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มชื่นชมยินดีออกมา
เขาจ้องมองไปที่จี้เทียนซิง
แววตาทอประกายประหลาดใจระคนยินดี เห็นได้ชัดว่าเขาพอใจกับศิษย์สายตรงคนใหม่ผู้นี้เป็นอย่างสูง
ภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม
จี้เทียนซิงได้สร้างความประหลาดใจมาให้เขาติดต่อกันจนแทบมิได้พักหายใจให้ทั่วท้อง !
“จี้เทียนซิงเอ๋ยจี้เทียนซิง
เราประมุขมองเจ้าไม่ผิดจริงๆ เจ้าพิสูจน์ตัวเองต่อหน้าทุกคนครั้งแล้วครั้งเล่า
เจ้ามันคืออัจฉริยะที่สามารถยืนหยัดเคียงข้างหยุนเหยาได้อย่างเต็มภาคภูมิ !”
ฉู่เทียนเซิงกระซิบในใจ
ดวงตาของเขาปลื้มปิติและยิ้มแย้มแจ่มใสโดยสมบูรณ์
ภายในเวที
ถังอี้ลั่วพยายามลุกขึ้นยืนและกุมกระบี่ในมือให้มั่นคง
เสื้อคลุมสีขาวสะอาดของมันกลายเป็นผ้าขี้ริ้วซับเลือดที่ดูน่าอดสูเป็นอย่างมาก
เมื่อมาถึงจุดนี้
มันไม่สามารถต่อสู้ใดๆได้อีก
อีกทั้งยังสำนึกตนเองดีว่าไม่อาจเทียบกับจี้เทียนซิงได้
มันเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะขบกรามแน่นด้วยความโกรธและความอัปยศอดสู
จากนั้นก็สูดหายใจลึกกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ศิษย์น้องจี้
ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ !”
จี้เทียนซิงพยักหน้าให้อีกฝ่ายเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไร
กลิ่นไอแห่งการต่อสู้อันทะเยอทะยานและดุร้ายค่อยๆกลับมาบรรจบกันจนสลายหายไป
ต่อหน้าหลายร้อยชีวิต
เขาได้แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์และความสามารถอันน่าทึ่ง
เขาล้มถั่งอี้ลั่วที่มีพลังสูงกว่าได้อย่างใสสะอาดจนช่วงชิงตำแหน่งอันดับสามมาครองได้สำเร็จ สิ่งนี้นับเป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับศิษย์ในนิกายใหญ่
แต่ทว่า
ชายหนุ่มผู้นี้ก็ยังคงมีสีหน้าสงบเยือกเย็น ไร้ซึ่งความตื่นเต้นยินดี
ไร้ซึ่งความเย่อหยิ่งจองหอง ราวกับว่าเรื่องพวกนี้มิใช่เรื่องสลักสำคัญสำหรับเขา
เป็นเพียงเส้นทางหนึ่งที่เขาต้องเหยียบย่ำและก้าวเดินต่อไปก็เท่านั้น
ดูเหมือนมันเป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับ
เหล่าผู้อาวุโสและผู้ดูแลหลายคนได้เห็นการประลองครั้งนี้
ในใจของพวกเขาทวีความตื่นตะลึงมากขึ้น
อัจฉริยะที่สามารถคว่ำศัตรูที่เหนือกว่าได้นั้นไม่น่ากลัว
ที่น่ากลัวก็คือคนๆนี้ยังคงสงบเยือกเย็นอย่างไม่เสแสร้ง
แม้จะสร้างเกียรติยศชื่อเสียงยิ่งใหญ่เพียงใด คนๆนี้ก็ไม่มีท่าทางเย่อหยิ่งจองหอง
ไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
บุคลประเภทนี้ลึกซึ้งยากจะคาดเดาและเป็นอัจฉริยะที่น่ากลัวที่สุด
เขามีศักยภาพมากพอที่จะสร้างความหวาดกลัวให้ผู้คนและเป็นผู้ที่สามารถสร้างปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่ขึ้นได้
!
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved