ตอนที่ 300

กระบี่เล่มที่สอง

กระบี่มังกรทอง

ท่ามกลางเสียงอันดังกึกก้อง

กระบี่ภูผาวายุพลันพินาศสิ้นในทันที

คลื่นกระบี่ขนาดใหญ่แตกเป็นเสี่ยงๆนับไม่ถ้วน

ด้วยพลังอันเกรี้ยวกราด และระเบิดออกไปในทุกทิศทาง

ทั่วเวทีกลายเป็นความโกลาหลและเต็มไปด้วยสะเก็ดเศษซากแสงกระบี่และเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ

พลังของกระบี่มังกรเพลิงก็ถูกทำลายจนระเบิดออกเช่นกัน

มันกลายเป็นคลื่นเพลิงที่ค่อยๆแตกตัวกระจายไปรอบๆลานประลอง

หลังจากผ่านไปนานเนิ่นนาน

เปลวเพลิงอันร้อนระอุและวายุอันเกรี้ยวกราดก็สลายไปตามๆกัน

ความหายนะวอดวายกลับสงบลง

ในขณะนี้ทุกคนก็เห็นได้เงาร่างของจี้เทียนซิงและถังอี้ลั่ง

จี้เทียนซิงยืนอยู่ทางทิศตะวันออกของเวทีและมิได้รับอันตรายใดๆ

ร่างกายไร้รอยขีดข่วน มีเพียงเสื้อผ้าที่เคยเป็นสีขาวกลับกลายเป็นซีดลงเท่านั้น

ถังอี้ลั่วยืนอยู่ทางทิศตะวันตก

แต่อยู่ห่างออกไปร่วมร้อยก้าว กลางหน้าอกปรากฏรอยแผลขนาดเท่าฝ่ามือขึ้น

ใบหน้าครึ่งหนึ่งกลายเป็นสีดำ

อีกทั้งยังมีควันสีดำลอยออกจากปากและจมูกของเขา

เสื้อคลุมสีขาวที่เขาสวมใส่ก็ถูกไฟคลอกเป็นสีดำ

เส้นผมที่รวบไว้เป็นหางม้าสยายออกและหงิกงอชี้ฟูราวกับถูกฟ้าผ่า

โชคดียังดีที่สารรูปของเขาเพียงดูน่าเวทนาเท่านั้น

ไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บรุนแรงใดๆ

เขาจ้องมองไปที่จี้เทียนซิงด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

เผยให้เห็นถึงอาการอึ้งและตกตะลึงราวกับสูญเสียจิตวิญญาณไปส่วนหนึ่ง ปากกล่าวว่า “นี่มันเป็นไปได้อย่างไร ?!”

“หนึ่งกระบี่ภูผาวายุคือกระบวนท่าสังหารที่รุนแรงที่สุดของข้า

เจ้าหยุดมันได้อย่างไรกันวะ !”

ถังอี้ลั่วมิใช่เป็นเพียงแค่ผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตปราณจิตขั้นที่แปดเท่านั้น

แต่เขายังเป็นศิษย์อัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์เป็นอันดับสามของนิกาย

เขามีความเชื่อมั่นอย่างเต็มหัวจิตหัวใจต่อวิชากระบี่ภูผาวายุ

มันมีพลังทำลายระดับเดียวกับยอดฝีมือในขอบเขตปราณโอสถขั้นต้นด้วยซ้ำ !

เดิมทีเขาเคยคิดว่าหากจี้เทียนซิงไม่ใช้หัตถ์เปลวอัคคี

เขาย่อมเอาชนะได้แน่นอน

แต่ทว่า

ผลที่ออกมาทำให้มันต้องกลายเป็นโง่งมยกใหญ่

จี้เทียนซิงไม่เพียงแค่ต้านรับหนึ่งกระบี่ภูผาวายุของมันได้เท่านั้น

แต่ยังสวนกลับจนทำให้มันได้รับบาดเจ็บ

เรื่องที่เกิดขึ้นต่อหน้านี้จะไม่ทำให้มันตกใจได้อย่างไร

?

ฟุ่บ

!

ในเวลานี้เองจี้เทียนซิงกระชับกระบี่มังกรดำไว้มั่น

คนพุ่งทะยานออกไปราวกับระเบิด เจตนาต่อสู้อันเข้มข้นพลันปะทุขึ้น

ดวงตาของเขาจ้องมองอย่างเย็นชาไปที่ถังอี้ลั่วและตะโกนด้วยเสียงต่ำ

“ศิษย์พี่ถัง ข้าจะใช้กระบี่ที่สองแล้ว

ท่านจงรับมันให้ดี !”

เมื่อเสียงลดลง

ชายหนุ่มโคจรพลังปราณอันรุนแรงส่งผ่านไปยังกระบี่มังกรดำที่มือขวา

“ซัวะ !”

กระบี่มังกรดำพลันส่องแสงสีทองอันพร่างพราวออกมาทันทีและเปลี่ยนเป็นกระบี่ยักษ์สีทองขนาดใหญ่ยาวกว่าห้าเมตร  มันดูราวกับว่าสามารถบดขยี้ปฐพีให้พินาศสิ้นได้

โฮก  !!!

กระบี่ยักษ์สีทองแผดเสียงคำรามของมังกรออกมาประดุจดั่งมังกรทองศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่อำนาจกดขี่อันน่าเกรงขามออกมา

กระบี่เล่มที่สองของจี้เทียนซิงกลับกลายกระบี่มังกรทอง

!

กระบี่นี้ตวัดออกมาอย่างรวดเร็วราวกับลำแสงความเร็วสูง

ก่อนที่ถังอี้ลั่วจะมีการตอบสนองมันก็ปกคลุมทั่วร่างไปเรียบร้อย

"เป้ง !"

เสียงอู้อี้ดังสนั่น

ถังอี้ลั่วถูกฟาดเข้าด้วยกระบี่ยักษ์มังกรทองโดยตรง

ศรโลหิตฉีดพุ่งออกจากปากลากยาวเป็นเมตร

ร่างของมันกระเด็นสู่เวหาวาดเป็นเส้นโค้งกลางอากาศและตกลงกระแทกพื้นไปไกลหลายสิบเมตร

“โครม

โครม !”

ถังอี้ลั่วกระแทกพื้นเวทีหลายตลบ

แม้กระทั่งเวทียังเกิดแรงสั่นสะเทือน เศษหินดินทรายหลุดลอกจากเวทีลอยขึ้นฟุ้งกลางอากาศ

หลังจากกลิ้งไปบนพื้นหลายรอบ

แรงกระแทกก็หยุดลง

คนพยายามชันกายลุกขึ้นยืน

มันยกมือขึ้นกุมหน้าอกด้วยความรู้สึกเสียวซ่า ทั่วร่างกายชาด้านราวกับเป็นอัมพาต

"โขลก… โขลก"

มันอดไม่ได้ที่จะไอแห้งๆออกมา

แต่ไอได้เพียงสองครั้ง ปากจมูกก็เต็มไปด้วยเลือดไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย

แม้กระทั่งดวงตายังกลายเป็นสีแดงเลือดราวกับเลือดจะทะลักจากดวงตาและทวารทั้งเจ็ด

มันคิดจะใช้พลังลมปราณเพื่อระงับอาการบาดเจ็บเหล่านี้

แต่ทันทีที่โคจรพลังกลับพบว่าอวัยวะภายในเกือบทั้งหมดไร้การตอบสนอง

ลมปราณสับสนวุ่นวายไม่เป็นระเบียบ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันได้รับบาดเจ็บสาหัสจากกระบี่มังกรทอง

ในเวลาอันสั้น

มันสูญเสียสมรรถนะในการต่อสู้ทั้งปวงไปโดยสิ้นเชิง

ในเวลานี้เองจี้เทียนซิงเก็บกระบี่มังกรดำคืนฝักและเดินไปหาอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเฉยชา

คนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าพูดว่าระหว่างเราคือการประลองกระบี่ทั่วไป

ด้วยสภาพเยี่ยงนี้ของเจ้า การประลองถือว่าจบลงได้แล้วกระมัง ?”

น้ำเสียงของเขาสงบเยือกเย็น

ไร้อารมณ์ความรู้สึก ไร้ซึ่งสัมผัสของความอวดดีโอหังหรือสะกดข่มคู่ต่อสู้

แต่ประโยคทั้งสองนี้เมื่อกระทบโสตของถังอี้ลั่วนั้นช่างโหดร้ายยิ่งนัก

มันโกรธจัดจนแทบจะอดพุ่งเข้าไปแลกชีวิตกับอีกฝ่ายไม่ไหว

จนกระทั่งถึงเวลานี้

ถังอี้ลั่วก็เข้าใจได้ในที่สุด

ความเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอก

ความหยิ่งยโสและอาการดูถูกเหยียดหยามที่เขาซ่อนลึกไว้ในใจนั้น

จี้เทียนซิงมองออกทั้งหมดแต่แรกแล้ว

แต่ทว่าอีกฝ่ายไม่เคยคิดโต้แย้งมันด้วยวาจา

การต่อสู้ด้วยวาจานั้นเป็นเรื่องเด็กน้อยเกินไปในสายตาของเขา

มีเพียงการต่อสู้ที่ตรงไปตรงมา

การโจมตีที่ดุเดือดและรุนแรงที่สุดจนกระทั่งอีกฝ่ายจมธรณีไปนั้นคือวิธีสะบั้นความหยิ่งยโสและสร้างความอับอายให้คู่ต่อสู้ได้ดีที่สุด

!

นี่คือสิ่งที่จี้เทียนซิงทำมาโดยตลอด

!

ถังอี้ลั่วช้อนสายตาขึ้นมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เต็มใจ

คนคำรามถามด้วยเสียงต่ำที่แหบห้าวเต็มไปด้วยเลือดว่า “จี้.....เทียนซิง นี่เจ้าไม่เพียงแค่มีพลังปราณอัคคีเท่านั้น

แต่เจ้ายังสามารถควบคุมพลังปราณทองคำได้ด้วย ?”

“เป็นไปได้อย่างไร ? ทุกคนต่างรู้ว่าเจ้ามีพลังยุทธ์ในขอบเขตปราณจิตเท่านั้น

เจ้าจะเข้าใจถึงพลังปราณต้นกำเนิดของสองคุณสมบัติพร้อมกันได้อย่างไร ?!”

มีเพียงผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตปราณฟ้าเท่านั้นที่สามารถควบคุมพลังของธาตุทั้งห้าได้

นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนในยุทธภพต่างก็รู้ดี

ด้วยความแข็งแกร่งในขอบเขตปราณจิตของจี้เทียนซิง

เขากลับควบคุมปราณอัคคีและปราณทองคำได้ นี่คืออัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่ง !

เพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว

เขาก็สามารถแทนที่ถังอี้ลั่วและกลายเป็นอัจฉริยะอันดับสามของนิกายพันธมิตรสวรรค์ได้อย่างไม่ยาก

การที่ถังอี้ลั่วพ่ายแพ้ก็มิใช่เป็นเรื่องผิดปรกติ

อีกฝ่ายสมควรได้รับตำแหน่งนี้ !

ศิษย์สาวกในนิกายหลายร้อยคนทั่วทั้งจัตุรัสต่างก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงอยู่นาน

สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกอกตกใจ

กระทั่งเหล่าอาวุโสและผู้ดูแลล้วนเบิกตากว้าง

ดวงตาเต็มไปด้วยแสงระยิบระยับ พวกเขาส่งเสียงพูดคุยกันอย่างลับๆ

ถึงแม้จะเป็นบุรุษที่เต็มไปด้วยความมั่นคงประดุจเขาไท่ซานอย่างฉู่เทียนเซิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มชื่นชมยินดีออกมา

เขาจ้องมองไปที่จี้เทียนซิง

แววตาทอประกายประหลาดใจระคนยินดี เห็นได้ชัดว่าเขาพอใจกับศิษย์สายตรงคนใหม่ผู้นี้เป็นอย่างสูง

ภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม

จี้เทียนซิงได้สร้างความประหลาดใจมาให้เขาติดต่อกันจนแทบมิได้พักหายใจให้ทั่วท้อง !

“จี้เทียนซิงเอ๋ยจี้เทียนซิง

เราประมุขมองเจ้าไม่ผิดจริงๆ เจ้าพิสูจน์ตัวเองต่อหน้าทุกคนครั้งแล้วครั้งเล่า

เจ้ามันคืออัจฉริยะที่สามารถยืนหยัดเคียงข้างหยุนเหยาได้อย่างเต็มภาคภูมิ !”

ฉู่เทียนเซิงกระซิบในใจ

ดวงตาของเขาปลื้มปิติและยิ้มแย้มแจ่มใสโดยสมบูรณ์

ภายในเวที

ถังอี้ลั่วพยายามลุกขึ้นยืนและกุมกระบี่ในมือให้มั่นคง

เสื้อคลุมสีขาวสะอาดของมันกลายเป็นผ้าขี้ริ้วซับเลือดที่ดูน่าอดสูเป็นอย่างมาก

เมื่อมาถึงจุดนี้

มันไม่สามารถต่อสู้ใดๆได้อีก

อีกทั้งยังสำนึกตนเองดีว่าไม่อาจเทียบกับจี้เทียนซิงได้

มันเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะขบกรามแน่นด้วยความโกรธและความอัปยศอดสู

จากนั้นก็สูดหายใจลึกกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ศิษย์น้องจี้

ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ !”

จี้เทียนซิงพยักหน้าให้อีกฝ่ายเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไร

กลิ่นไอแห่งการต่อสู้อันทะเยอทะยานและดุร้ายค่อยๆกลับมาบรรจบกันจนสลายหายไป

ต่อหน้าหลายร้อยชีวิต

เขาได้แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์และความสามารถอันน่าทึ่ง

เขาล้มถั่งอี้ลั่วที่มีพลังสูงกว่าได้อย่างใสสะอาดจนช่วงชิงตำแหน่งอันดับสามมาครองได้สำเร็จ  สิ่งนี้นับเป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับศิษย์ในนิกายใหญ่

แต่ทว่า

ชายหนุ่มผู้นี้ก็ยังคงมีสีหน้าสงบเยือกเย็น ไร้ซึ่งความตื่นเต้นยินดี

ไร้ซึ่งความเย่อหยิ่งจองหอง ราวกับว่าเรื่องพวกนี้มิใช่เรื่องสลักสำคัญสำหรับเขา

เป็นเพียงเส้นทางหนึ่งที่เขาต้องเหยียบย่ำและก้าวเดินต่อไปก็เท่านั้น

ดูเหมือนมันเป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับ

เหล่าผู้อาวุโสและผู้ดูแลหลายคนได้เห็นการประลองครั้งนี้

ในใจของพวกเขาทวีความตื่นตะลึงมากขึ้น

อัจฉริยะที่สามารถคว่ำศัตรูที่เหนือกว่าได้นั้นไม่น่ากลัว

ที่น่ากลัวก็คือคนๆนี้ยังคงสงบเยือกเย็นอย่างไม่เสแสร้ง

แม้จะสร้างเกียรติยศชื่อเสียงยิ่งใหญ่เพียงใด คนๆนี้ก็ไม่มีท่าทางเย่อหยิ่งจองหอง

ไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์

บุคลประเภทนี้ลึกซึ้งยากจะคาดเดาและเป็นอัจฉริยะที่น่ากลัวที่สุด

เขามีศักยภาพมากพอที่จะสร้างความหวาดกลัวให้ผู้คนและเป็นผู้ที่สามารถสร้างปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่ขึ้นได้

!