ตอนที่ 115

ชายชุดดำปรากฏกายอีกครา

เมื่อจี้เทียนซิงเผ่นจากตำหนักไท่อัน

ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว

นอกเหนือจากแสงไฟในตำหนักไท่อัน

ทั่วทั้งภูเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดอันเงียบสงบ

ถึงแม้ว่าจะกลับค่ำมืดดึกดื่น

แต่เมื่อได้ฝึกฝนเพลงกระบี่ดาราเหิน มันก็นับว่าคุ้มค่าต่อเวลาที่เสียไปอย่างยิ่ง

ในใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง

เขาก็เดินไปถึงเส้นทางที่มีต้นไม้เรียงรายรอบเชิงเขา

ระหว่างทางไม่มีแม้แต่เงาของวัตถุให้เห็น รอบๆภูเขามืดสนิทราวกับน้ำหมึกและเงียบสงัดอย่างมาก

ทันใดนั้นเองในป่าก็มีกลิ่นอายอันเยือกเย็นสองจุดแผ่ซ่านออกมา

มันพุ่งเข้าหาศีรษะและหน้าอกของจี้เทียนซิงอย่างรวดเร็ว !

“วูบ วูบ !”

สิ่งนั้นคืออาวุธลับสองชิ้นที่สร้างเสียงแหลมกรีดผ่านอากาศอันเงียบสงัดยามค่ำคืน

จี้เทียนซิงกำลังทบทวนเพลงกระบี่สองกระบวนท่าที่เพิ่งเรียนรู้มา

ทันใดนั้นเขาก็ตื่นตัวจากเสียงแหวกอากาศอันแหลมคมแสบแก้วหูและสีหน้าเปลี่ยนไปทันที

"ระยำ ! มีคนซุ่มโจมตีข้า !”

เขาปะทุพลังลมปราณออกมาทันทีและกระโดดหนีออกไปไกลสามเมตรเพื่อหลบเลี่ยงอาวุธลับทั้งสอง

มีดบินสองเล่มบินมาเบื้องหน้าเขาตามมาด้วยเสียง

‘ฉึก ฉึก’ สองครั้งและปักลงบนต้นไม้ใหญ่ข้างถนน

ใบมีดยาวปักคาอยู่กลางต้นไม้อย่างสมบูรณ์

อีกทั้งด้ามจับของมันก็ยังคงสั่นระรัวไม่หยุด เห็นได้ชัดเจนถึงความแข็งแกร่งของผู้ที่ซัดมีดบินออกมาว่าทรงพลังเพียงใด  หากมีดทั้งสองนี้เข้าเป้า

รับรองว่าจี้เทียนซิงต้องถูกเจาะร่างเป็นหลุมเลือดสองหลุมเป็นแน่

จี้เทียนซิงวิ่งไปหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่  การถูกลอบโจมตีอย่างกะทันหันทำให้ในใจเต็มไปด้วยความโกรธและสับสน  แต่เขาก็ยังสงบใจได้และไม่สูญเสียความเยือกเย็น

เขาซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่

ดวงตาจับจ้องไปเบื้องหน้าไม่กระพริบเพื่อพยายามมองหาคนที่ลอบสังหารเขา

วินาทีต่อมาเงาดำร่างหนึ่งก็พุ่งออกมาจากป่าด้านหน้า

คนผู้นั้นชักกระบี่ที่เย็นเยือกและพุ่งตรงไปหาเขา

เมื่อเงาดำลงมือจี้เทียนก็ขมวดคิ้วอย่างกะทันหัน

ดวงตาทอประกายและเยือกเย็น

"เป็นคนในคืนนั้น !

มันลวงข้าออกจากห้องเพื่อวางแผนใส่ความข้า !”

จี้เทียนซิงจดจำรูปร่างของคนผู้นั้นได้ในทันที

จอมยุทธ์ในชุดดำที่สวมผ้าคลุมหน้าในคืนนั้น

“ไม่ผิดแน่  ขอดูหน่อยสิว่าใครคิดเล่นงานข้า !”

ชายหนุ่มกระซิบกับตัวเองในใจและโคจรพลังลมปราณในร่างด้วยเจตนาฆ่าฟันอันรุนแรง

ในเวลาเดียวกัน

ชายชุดดำก็พุ่งมาถึงเบื้องหน้าจี้เทียนซิงที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงสามเมตร

ฟุ่บ

!

มันถีบร่างขึ้นทะยานขึ้นเหนือเวหาสูงกว่าสามเมตรและเสือกแทงกระบี่สีเหลืองเข้มอันพร่างพราวออกไปนับสิบครั้ง

เกิดเป็นคลื่นพลังกระบี่โอบล้อมไปทั่วร่างจี้เทียนซิง

“ฟั่บ ฟั่บ ฟั่บ ฟั่บ  !”

ทันใดนั้นเอง

ท้องฟ้ายามราตรีรอบๆชายหนุ่มก็สว่างวาบไปด้วยแสงจากคลื่นกระบี่ ต้นไม้ใบหญ้าที่รกครึ้มถูกทำลายสิ้น

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ

จี้เทียนซิงกลอกตาวูบหนึ่งด้วยความลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็ระเบิดเคล็ดวิชาเพลงกระบี่ดาราเหินที่เพิ่งรู้เรียนมา

“ก็เข้ามาซี่ !  คมมีดพันขกนก !”

จี้เทียนซิงคำรามเสียงต่ำ

ซัดปราณกระบี่สีทองเข้มสามสายที่มีขนาดเพียงตะเกียบออกไปเข้าปะทะกับชายชุดดำในฉับพลัน

“เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง  !”

ปราณกระบี่ทองคำพวยพุ่งออกไปด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า

มันปะทะหักหาญเข้ากับคลื่นพลังกระบี่มากกว่าสิบสายของอีกฝ่ายจนเกิดเสียงแหลมแสบแก้วหู

ในช่วงเวลาสั้นๆปราณกระบี่ทองคำทั้งสามก็กระแทกเข้าใส่นับร้อยครั้ง

มันรวดเร็วและถี่ยิบจนมิอาจมองเห็นเส้นทางและทิศทางในการเคลื่อนไหวได้แม้แต่น้อย !

คลื่นพลังกระบี่สีเหลืองเข้มมากกว่าสิบสายของชายชุดดำถูกกระแทกเข้าใส่ด้วยปราณกระบี่ของจี้เทียนซิงจนบางส่วนกลายเป็นสีเหลืองจางและเหือดหายไป

อย่างไรก็ตาม

พลังทำลายล้างของคมมีดพันขนนกมียิ่งกว่านั้น

ปราณกระบี่ทองคำทั้งสามยังคงโจมตีต่อเนื่องไม่หยุด

“ฉัวะ ฉัวะ

ฉัวะ...... !”

ภายในพริบตาปราณกระบี่เพียงสามสายก็โจมตีออกไปนับร้อยครั้ง

ชายชุดดำแข็งค้างและตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด

เขารู้สึกหงุดหงิดจากปราณกระบี่ที่โจมตีออกมาถี่ยิบของชายหนุ่ม

หลังจากเกิดเสียงระเบิดดัง

‘ตึง’ ขึ้น

หน้าอกและหน้าท้องของชายชุดดำก็ถูกแทงด้วยปราณกระบี่หลายสิบครั้ง ร่างกายของเขาสั่นสะเทิ้มและส่ายไปส่ายมาจากการโจมตีดั่งพายุของปราณกระบี่  เขาส่งเสียงครวญครางอันเจ็บปวด

จากนั้นเขาก็ร่วงจากกลางอากาศลงสู่พื้นหญ้าและกลิ้งโคโร่ไปหลายตลบก่อนที่จะลุกขึ้นมาได้

ชุดผ้าสีดำที่หน้าอกและหน้าท้องของเขาถูกฟันขาดเป็นชิ้นๆด้วยปราณกระบี่ของจี้เทียนซิง

เผยให้เห็นเกราะอ่อนสีทองที่สวมใส่อยู่ข้างใน

โชคดีที่มีการป้องกันของเกราะอ่อนสีทอง

มิฉะนั้นเขาคงถูกแทงจนพรุนเป็นรังผึ้งด้วยปราณกระบี่ไปแล้ว

“เจ้า !”

ชายชุดดำร่ำร้องด้วยความโกรธและมีท่าทางอึกอัก

เขาลังเลว่าจะลงมือต่อไปดีหรือไม่

อย่างไรก็ตาม

จี้เทียนซิงควบคุมปราณกระบี่ทั้งสามและแทงออกไปอีกนับร้อยครั้ง

เงากระบี่ทองคำขนาดใหญ่ล้อมรอบชายชุดดำอย่างไร้ทางหนี

ยิ่งไปกว่านั้น

เขายังควบคุมปราณกระบี่เพื่อโจมตีไปที่ใบหน้า แขนและขาโดยเฉพาะ เนื่องจากตำแหน่งเหล่านี้ไม่มีเกราะอ่อนคอยปกป้อง

ชายชุดดำไม่สามารถต้านทานปราณกระบี่ที่รัวถี่ยิบเช่นนี้ได้อย่างทั่วถึง

เขาทำได้เพียงป้องกันการโจมตีจากปราณกระบี่ที่เล็งมาที่ศีรษะเท่านั้น

สวบ

สวบ สวบ.... !

หลังจากเสียงจ้วงแทงดังขึ้น

แขนและขาของชายชุดดำก็ถูกแทงด้วยปราณกระบี่จนเกิดหลุมเลือดนับสิบจุด  เขารั้งกระบี่ไว้ในมือและทรุดลงกับพื้นพลางหอบหายใจอย่างหนักหน่วง

โลหิตสีแดงสดไหลพรากออกมาจากบาดแผลนับสิบจุดจนชะโลมพื้นหญ้าหนาทึบให้กลายเป็นสีแดง

ในเวลาเดียวกัน

กระบวนท่าคมมีดพันขนนกของจี้เทียนซิงก็สิ้นสุดลงและปราณกระบี่ทั้งสามก็บินกลับมาหาเขา

"เจ้าเป็นใคร ทำไมต้องลอบทำร้ายข้าด้วย ?!”

จี้เทียนซิงถามด้วยเสียงเย็นและค่อยๆก้าวเข้าหาใกล้ชายชุดดำด้วยเจตนาฆ่าฟันอันรุนแรง

ชายชุดดำหรี่ตาลงและไม่พูดอะไรออกมา

เขาลังเลเล็กน้อยและหันหลังทะยานร่างหนีไปด้วยความเร็วดั่งลูกธนูที่หลุดจากคันศร เขาพุ่งหายไปในป่าภายในพริบตา

“เหอะ คิดจะหนีรึ!”

จี้เทียนซิงแค่นเสียงเย็นและออกไล่ล่าไปในป่า

แต่ทว่า ป่าแห่งนี้ไร้ซึ่งแสงไฟและมืดมิดมากในยามราตรี มันยากที่จะตามติดได้ทัน

นอกจากนี้ชายชุดดำก็มีความแข็งแกร่งในเขตแดนปราณจิต

พื้นฐานบ่มเพาะของเขาสูงกว่า อีกทั้งยังคุ้นเคยกับภูมิประเทศแถบนี้เป็นอย่างดี

จี้เทียนซิงไล่ตามไปได้เพียงหนึ่งกิโลก่อนจะถูกชายชุดดำเร่งความเร็วหนีทิ้งห่างและหายไปไกลจนลับสายตา

"บัดซบ !  ปล่อยมันหนีไปได้อีกแล้ว

!”

จี้เทียนซิงทำได้เพียงยอมแพ้ในการไล่ตามอีกฝ่ายและเดินกลับไปถนนหลักที่มีต้นไม้เรียงราย

เขาเดินไปยังจุดที่ถูกอาวุธลับโจมตีและมองไปมองมารอบๆอีกครั้ง น่าเสียดาย  นอกจากอาวุธลับที่ปักคาอยู่บนต้นไม้ทั้งสองนี้ก็ไม่มีร่องรอยใดๆอีก

จี้เทียนซิงเก็บอาวุธลับทั้งสองมาและเดินกลับไปยังหอยุทธ์ฟงอวิ๋น

หลังจากกลับมาถึงห้องเขาก็ยังไม่กินอาหารเย็น

แต่นั่งอยู่ใต้โคมไฟและเพ่งพินิจมีดสั้นทั้งสองเล่มนี้โดยละเอียด

อย่างไรก็ตาม

มีดสั้นสองเล่มนี้เป็นเพียงอาวุธธรรมดาสามัญที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ

ดังนั้นจี้เทียนซิงจึงไม่สามารถค้นหาตัวตนที่แท้จริงของชายชุดดำได้

เขาวางมีดสั้นลงบนโต๊ะและลุกขึ้นยืนขมวดคิ้วอย่างใคร่ครวญ

“ชายชุดดำมีพลังในเขตแดนปราณจิตและคุ้นเคยกับภูมิประเทศของนิกายเป็นอย่างดี

คนผู้นั้นเป็นไปได้อย่างสูงว่าจะเป็นศิษย์ฝ่ายในของนิกาย

มันดักโจมตีข้ากลางทางได้อย่างเหมาะเจาะพอดิบพอดีราวกับรู้ว่าข้าจะต้องผ่านทางไหนและไปที่ไหน”

“แต่นอกจากจี้หลิงกับลู่หมิงหยางสองคนนี้

จะมีผู้ใดที่ต้องการชีวิตข้าอีก ?”

“โชคดีที่ข้าเพิ่งเรียนรู้เพลงกระบี่ดาราเหินมา มิฉะนั้นข้าคงไม่สามารถต้านทานการโจมตีของชายชุดดำได้  สุดท้ายก็ต้องเอาจบชีวิตกลางป่า”

“ถึงแม้ข้าจะฝึกฝนเพลงกระบี่สำเร็จจนสามารถต่อสู้กับจอมยุทธ์เขตแดนปราณจิตได้

แต่ข้าไม่ได้ฝึกท่าร่างเลย

ข้าจึงไม่สามารถไล่กวดชายชุดดำได้ทัน ....”

“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องหาท่าร่างมาฝึกฝนโดยเร็วที่สุด

ครั้งหน้าที่ชายชุดดำลอบสังหาร ข้าจะได้ไล่ตามมันทันและกระชากหน้ากากของมัน !”