ศัตรูร่วมกัน
กลางดึกสงัด
ที่ตีนเขาของนิกายพันธมิตรสวรรค์มีตำหนักและบ้านเรือนมากมายเรียงรายกันอยู่
เหล่านี้คือที่พำนักของศิษย์สายใน, ผู้ดูแลและครูฝึก
บ้านบางหลังยังมีไฟติดอยู่
แต่ผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็เข้านอนแล้ว หรือไม่ก็บ่มเพาะอยู่ภายในห้องลับ
จี้หลิง
ผู้สวมเสื้อคลุมสีฟ้ายืนอยู่ที่ประตูห้องของบ้านหลังหนึ่งในขณะที่ในมือถือกล่องไม้จันทน์เอาไว้
เขาเอื้อมมือออกไปเคาะประตูห้องหลายครั้ง ในที่สุดก็มีชายหนุ่มรูปงามที่สวมเสื้อคลุมสีขาว
เปิดประตูออกมาทักทาย
เมื่อพวกเขาเข้าไปในห้องด้วยรอยยิ้ม จี้หลิงก็มอบของขวัญให้กับชายหนุ่มชุดขาวพลางกล่าวว่า “พี่ลู่ ข้าเพิ่งเข้านิกายมาได้ไม่กี่วัน ค่อนข้างยุ่งกับการปรับตัวนิดหน่อยถึงได้มาคารวะช้า ขอพี่ลู่อย่าได้ถือสา”
ในขณะที่พูดจี้หลิงก็ถือกล่องไม้จันทน์ไว้ในมือ
ส่งไปให้ชายหนุ่มรูปงามแล้วกล่าวต่อไปว่า “พี่ลู่ นี่คือหยกเพลิงพันปีจากรัฐนภากระจ่าง น้องชายผู้นี้ขอมอบให้ท่านเพื่อเป็นการแสดงความยินดีที่พี่ลู่ได้เลื่อนขั้นเป็นศิษย์สายใน
ข้าหวังว่าพี่ลู่จะรับไว้”
ชายหนุ่มรูปงามผู้นี้ก็คือองค์ชายคนโตของแคว้นชางเฟิง , ลู่หมิงหยาง ผู้ซึ่งได้เข้าเป็นศิษย์สายในเมื่อสองวันก่อน
เมื่อได้ยินคำว่า
'หยกเพลิงพันปี' ทันใดนั้นเอง
ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายเจิดจ้าและเปิดกล่องไม้จันทน์ออกมาดูจนได้เห็นหยกสีแดงเข้มที่วางอยู่ในนั้น
ลู่หมิงหยางรับของมาและกล่าวขอบคุณจี้หลิงอย่างรวดเร็ว
“จี้หลิง ข้ากับเจ้าก็รู้จักกันมาหลายปีแล้ว
พวกเรามีความสัมพันธ์ดั่งพี่น้องที่ลึกซึ้ง เจ้ามาเยี่ยมข้าก็ดีใจพอแล้ว
เหตุใดถึงต้องมอบของขวัญให้ด้วยเล่า ?”
จี้หลิงเผยรอยยิ้มอย่างรวดเร็วและพูดว่า
“ก็เป็นเพราะเรารู้จักกันมาหลายปีข้าถึงได้รู้ว่าท่านกำลังตามหาโอสถที่สามารถแก้พิษเยือกเย็น ดังนั้นจึงได้จัดเตรียมหยกเพลิงพันปีมาให้เป็นพิเศษ”
ลู่หมิงหยางพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าซาบซึ้งต่อมิตรภาพที่น้องจี้หลิงมีให้ยิ่งนัก
! ตกลง
หยกเพลิงพันปีนี้ขอจะรับไว้เอง”
จากนั้นทั้งสองคนก็สนทนากันเล็กน้อยและชวนกันไปนั่งดื่มชา
ลู่หมิงหยางจิบชาพลางกล่าวด้วยความเห็นใจ
“เฮ้อ... น้องจี้หลิง
เดิมทีข้ามั่นใจว่าเจ้าจะต้องเข้านิกายในฐานะอันดับหนึ่งได้อย่างแน่นอน
ข้าไม่คิดว่าจะเป็นเจ้าหนุ่มที่ชื่อจี้เทียนซิงนั่น”
เมื่อกล่าวถึงจี้เทียนซิง
ใบหน้าของจี้หลิงก็ดูหดหู่และกล่าวว่า “เป็นเพราะเจ้าหมอนั่นมันใช้กระบี่พิลึกพิลั่นเล่มนั้น
ข้าถึงได้พลาดท่าไปชั่วครู่ จนมันได้อันดับหนึ่งไปครอง”
“โชคดีที่ข้าได้รับโอกาสอีกครั้ง หลังจากพี่ลู่ได้เลื่อนขั้นเป็นศิษย์สายใน
ข้าเลยได้แทนที่ในตำแหน่งของท่านพอดี”
“แต่กระนั้น ข้าต้องทนต่อสายตาดูถูกเหยียดหยามของศิษย์คนอื่นๆมากมาย
เจ้าสารเลวจี้เทียนซิงผู้นั้น ข้าไม่มีวันปล่อยมันไปแน่
!”
ลู่หมิงหยางยกคิ้วขึ้นและถามด้วยความสนใจ
“จริงสิ จี้หลิง ข้าก็คิดจะถามเจ้าเรื่องนี้อยู่พอดี ‘โอกาส’ ที่เจ้าว่านั่นคืออะไร ? ทำไมนิกายถึงลัดคิวพาเข้าเข้าหอยุทธ์ฟงอวิ๋นทั้งๆที่ไม่ใช่อันดับหนึ่งจากการคัดเลือก เจ้ามีค่าอะไรต่อนิกายงั้นหรือ ?”
จี้หลิงแสดงรอยยิ้มอย่างมั่นใจและกล่าวว่า
“ตอนที่มายังนิกาย ข้าเดินทางมาพร้อมกับศิษย์พี่อัจฉริยะทั้งสามและครูฝึกทั้งสอง ระหว่างนั้นศิษย์พี่ห่าวเมิ่งบอกกับข้าว่า
ข้าอาจเป็นคนที่นิกายกำลังมองหา ดูเหมือนข้าจะมีประโยชน์อะไรบางอย่างต่อพวกเขา”
“แต่ว่า
ผ่านไปแล้วหลายวันข้าก็ยังไม่ทราบว่าพวกเขามีเหตุผลอะไร”
ลู่หมิงหยางพยักหน้าและยิ้มพลางกล่าวว่า “ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
ข้าต้องขอแสดงความยินดีกับเจ้าล่วงหน้าแล้ว !”
“จี้หลิง เจ้ามีประโยชน์ต่อนิกาย นิกายจะอุ้มชูเจ้าอย่างดีและในไม่ช้าเจ้าจะมีอนาคตที่สดใส
!”
“อีกครึ่งปีข้างหน้า หลังจากที่เจ้าเข้าสู่นิกายฝ่ายใน
พวกเราจะได้ทำงานร่วมกันและเกื้อหนุนกันและกัน !”
จี้หลิงประสานมือและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“แน่นอน พี่ลู่ !”
ลู่หมิงหยางเงียบไปครู่หนึ่ง
จากนั้นก็กล่าวต่อไปว่า “ข้าได้เห็นเจ้าเด็กจี้เทียนซิงในงานพิธีศิษย์ใหม่แล้ว เหอะ !
ศัตรูทางแคบนัก ข้ารู้จักมันมาก่อน มันเป็นเจ้าเด็กที่โอหังยิ่งคนหนึ่ง !”
จี้หลิงขมวดคิ้วและถามอีกฝ่ายด้วยความสับสน
“หืม ? พี่ลู่ ท่านก็รู้จักมัน ? ท่านกับมันมีเรื่องบาดหมางอันใด ลองเล่าให้ข้าฟังหน่อย”
ลู่หมิงหยางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและกล่าวว่า
“เรื่องมันเกิดขึ้นที่เมืองเฟิงหยาง
เจ้าหนุ่มนั่นออกหน้าช่วยสหายของมันแย่งชิงหยกหมื่นวิญญาณไปจากข้าในงานประมูล มันทำลายแผนการของข้าหมดสิ้น !”
“ในเมื่อตอนนี้มันก็เข้ามาในนิกายพันธมิตรสวรรค์
นี่คือสิ่งที่โดนใจข้าพอดี ข้าจะจัดการกับมันซะ !”
จี้หลิงเผยรอยยิ้มแห่งความสนุกสนานและกล่าวว่า “ในเมื่อพี่ลู่ก็มีเรื่องบาดหมางกับมัน งั้นพวกเราก็นับว่ามีศัตรูร่วมกัน
!”
“อ่อ จริงสิ
, จี้เทียนซิงมันช่างขวัญกล้าบังอาจนัก เพิ่งเข้าหอยุทธ์ฟงอวิ๋นได้ไม่กี่วันแต่กลับกล้าขโมยผลไม้วิญญาณจากสวนโอสถของนิกาย
มันถูกลงโทษให้ไปทำความสะอาดตำหนักไท่อันหนึ่งเดือน”
“หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน
เมื่อถึงเวลาทดสอบศิษย์สายใน ไม่ใช่ว่ามันต้องตกไปอยู่รั้งท้ายหรอกหรือ ?
ลู่หมิงหยางอึ้งไปครู่หนึ่ง
จากนั้นก็หัวเราะลั่น “ฮ่าๆ
อะไรกัน มีเรื่องเช่นนี้ด้วย ? งั้นมันก็สมควรโดนลงโทษแล้ว !”
“ในช่วงสองสามวันมานี่ข้าเพิ่งย้ายมาอยู่ฝ่ายใน
มีเรื่องต้องจัดแจงมากหลาย ไว้ให้ข้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก่อนเถอะ
ข้าจะจัดการกับมันเอง !”
จี้หลิงเหลือบมองไปที่ลู่หมิงหยางด้วยรอยยิ้มลี้ลับใบหน้า
“เดิมทีข้าคิดว่าพี่ลู่เป็นคนจัดการกับมันเสียอีก
แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ เอาเถอะ
งั้นพวกเราก็ไม่ต้องเปลืองแรงทำอะไรกับมันแล้ว
มีใครบางคนกำลังจัดการกับมันอย่างลับๆอยู่”
ลู่หมิงหยางพยักหน้าและกล่าวว่า
“นี่เป็นเพราะจี้เทียนซิงทำตัวของมันเอง มันโอหังอวดดีเกินไปและเพาะสร้างศัตรูไว้มาก
มีคนอื่นในนิกายที่ต้องการกำจัดมัน คอยดูเถอะอีกไม่นานมันถูกคงสังหารหรือไม่ก็ถูกขับไล่ออกจากสำนัก
!”
จี้หลิงหัวเราะด้วยความพึงพอใจ
“หากเป็นเช่นนั้นได้ก็นับว่าประเสริฐนัก
ฮ่าๆๆ....”
ต่อมาทั้งสองก็กระซิบกระซิบกันอีกหลายคำก่อนที่จี้หลิงจะอำลาจากไปด้วยความอิ่มเอมใจ
......
ในตอนเช้าของวันต่อมา
หลังจากจี้เทียนซิงทำกิจวัตรประจำวันเสร็จก็เดินออกจากห้อง
ศิษย์คนอื่นๆของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นต่างก็แยกย้ายกันทำกิจวัตรส่วนตัวไม่ว่าจะเป็นการอ่านตำราหรือฝึกซ้อมเพลงกระบี่ในลานกว้าง
ส่วนจี้เทียนซิงนั้นทำได้เพียงต้องกลับไปยังตำหนักไท่อันเพื่อทำความสะอาดต่อไป...
ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะต้องไปทำความสะอาดที่ตำหนักไท่อัน
แต่เขาก็ยังไม่ลืมภารกิจหลักที่ได้รับมอบหมาย
เขาหยิบตำราพันโอสถติดตัวไปด้วยเช่นกัน
เมื่อมาถึงจุดหมาย
เขาก็คารวะทักทายชายใบ้หน้าโหดที่หน้าประตู จากนั้นก็เข้าไปในตำหนักเพื่อกวาดพื้น บนพื้นของสนามหญ้าของลานกว้างตลอดจนในสวนยังคงถูกปกคลุมไปด้วยวัชพืช
เศษใบไม้และกระเบื้องที่แตกหัก
จี้เทียนซิงถือไม้กวาดด้วยมือขวาเพื่อกวาดพื้น
ส่วนมือซ้ายถือตำราพันโอสถเพื่อเปิดอ่านและจดจำเนื้อหาภายในตำรา
เมื่อทำสองอย่างพร้อมกันก็เป็นผลทำให้เขากวาดพื้นได้อย่างเชื่องช้า
แล้วยังอ่านตำราไม่ค่อยรู้เรื่องอีกด้วย...
จนกระทั่งเวลาล่วงไปถึงช่วงสาย
เขาก็ยังทำความสะอาดลานกว้างไม่เสร็จ ส่วนการท่องตำราก็จดจำได้เพียงไม่กี่ร้อยชนิดเท่านั้น
แต่นี่ก็เป็นวิธีเดียวที่เขาสามารถทำได้
เขาไม่ต้องการอยู่อันดับรั้งท้ายในการประเมินภารกิจจนกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คน
เมื่อถึงบ่าย
ดวงอาทิตย์ก็ลอยขึ้นสูงและทำให้อากาศร้อนอบอ้าว
จี้เทียนซิงนั่งพักอยู่บนม้าหินใต้ชายคาและเปิดอ่านตำราอย่างตั้งอกตั้งใจ ทันใดนั้นเอง เสียงแหลมที่กรีดผ่านอากาศก็ดังขึ้น
ชายชุดฟ้าผู้หนึ่งลงมือใส่เข้าอย่างรวดเร็ว
จี้เทียนซิงตื่นตัวในทันควัน
เขากระโดดหนีไปไกลถึงสามเมตรเพื่อหลบการโจมตีของชายชุดฟ้า
“ตูม !”
การโจมตีของชายชุดฟ้าพลาดเป้า
หมัดของมันกระแทกเข้าใส่เก้าอี้หินจนเจาะเป็นหลุมขนาดใหญ่
เศษหินมากมายกระเด็นกระดอนไปรอบๆ
จี้เทียนซิงหรี่ตาลงและจ้องมองคนผู้นั้นอย่างเยือกเย็น
เขาต้องการดูว่าใครกันที่คิดทำร้ายผู้คนกลางวันแสกๆ
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved