สมควรต่อการยกย่อง
ผู้คนบนเวทีมังกรจันทร์ระเบิดเสียงสนทนากันอยู่อีกนาน
นิกายกระบี่ฟ้าเต็มไปด้วยความเศร้าสลดและความอัปยศอดสูจนผู้อาวุโสต่งไม่มีหน้าที่จะกล้าประกาศผลอีกต่อไป
สุดท้ายชูไฮว่ซานที่เป็นหนึ่งในประธานจึงได้เหินร่างมาถึงเวทีและประกาศผลการประลองสุดท้ายแทน
“การประลองรอบที่สาม
นิกายพันธมิตรสวรรค์เป็นฝ่ายชนะ !”
จากนั้นเขาก็เผยยิ้มพลางหันไปมองที่สองอาวุโสของนิกายกระบี่ฟ้าและกล่าวเสียงดังว่า
“ข้าขอประกาศว่าการประลองหลงซานในปีนี้นิกายพันธมิตรสวรรค์คว้าชัยชนะสองในสามรอบ
จึงถือเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด !”
“นับจากบัดนี้ไปภูเขามังกรจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนิกายพันธมิตรสวรรค์
!”
“ตามกฎข้อตกลงของสองนิกาย
ผู้คนทั้งหมดและข้าวของของนิกายกระบี่ฟ้าที่อยู่บนภูเขามังกรต้องโยกย้ายออกไปให้หมดภายในสองวัน
!”
เมื่อสิ้นเสียงของชูไฮว่ซาน
สมาชิกทั้งหมดของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นก็โห่ร้องส่งเสียงเชียร์ดังกึกก้องออกมาอีกครั้ง
ทุกคนต่างรู้กันดีว่าชัยชนะครั้งใหญ่นี้ยากที่จะเกิดขึ้นได้จริงๆ
และมันก็เกินความคาดหมายของทุกคนไปไกลโข
จี้เทียนซิงขึ้นทำเนียบเป็นยอดยุทธ์อันดับหนึ่งของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นและฝ่ายนอกอย่างไร้ข้อกังขา
เขาได้สร้างประวัติศาสตร์การประลองยุทธ์เขาหลงซานที่ดุเดือดที่สุดและนำมาซึ่งเกียรติยศใหญ่หลวงสู่นิกายพันธมิตรสวรรค์
!
ถึงแม้สมาชิกทุกคนจะไม่ได้ขึ้นเวทีไปมีส่วนร่วมในการต่อสู้
แต่จี้เทียนซิงเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องของพวกเขาก็เหมือนเป็นตัวแทนของทุกคน
ดังนั้นทุกคนจึงพลอยได้หน้าไปด้วย
วันนี้จี้เทียนซิงคว้าชัยชนะได้อย่างไม่มีผู้ใดปักใจเชื่อได้ลง
ศิษย์ทุกคนทั้งชื่นชมและภาคภูมิใจเช่นเดียวกัน
สีหน้าของชาวนิกายกระบี่ฟ้าเต็มไปด้วยความมืดมนหดหู่และไร้ซึ่งวาจาใดๆ
ก่อนหน้านี้ไม่นานพวกมันยังเย่อหยิ่งทะนงตน
แต่บัดนี้พวกมันทำหน้าเหมือนจะร่ำไห้ราวกับบุพการีเสีย
อาวุโสถังและอาวุโสคุมกฎต่างก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ
แต่สุดท้ายพวกเขาก็ทำได้เพียงต้องข่มความรู้สึกไว้ในใจเท่านั้น
แม้หลังจากได้ยินการประกาศผลโดยชูไฮว่ซาน
พวกเขาทั้งสองก็ยังคงโค้งคำนับและกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ขอแสดงความยินดีต่อชัยชนะของนิกายพันธมิตรสวรรค์ !”
“ในเมื่อแพ้ พวกเราก็จะทำตามกฎที่ตกลงกันไว้
ชาวนิกายกระบี่ฟ้าจะอพยพออกไปโดยเร็วที่สุด”
นิกายกระบี่ฟ้าสูญเสียมามากแล้ว
อาวุโสทั้งสองของนิกายจึงไม่คิดจะต่อปากต่อคำใดๆให้ขายหน้าอีก
พวกเขาเพียงต้องการออกจากเวทีมังกรจันทร์โดยเร็วที่สุดเพื่อที่จะไม่ต้องอยู่ฟังการเยาะเย้ยถากถางของนิกายพันธมิตรสวรรค์
สรุปได้ว่า
ณ จุดๆนี้การประลองหลงซานก็จบลงแล้ว
จี้เทียนซิงผ่อนคลายลงและเดินกลับเข้าไปในฝูงชนด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เขาถูกห้อมล้อมไปด้วยเหล่าสมาชิกของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นราวกับดาวล้อมเดือน
พ่อบ้านแห่งนิกายกระบี่ฟ้าก็รีบทะยานไปยังที่เกิดเหตุและนำร่างของฮั่งเชินที่หมดสติและหายใจรวยรินกลับนิกายกระบี่ฟ้า
จากสภาพที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ของฮั่งเชิน
หากมิได้รับการรักษาอย่างถูกต้องทนเวลาก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
หลังจากนั้นครู่หนึ่งคนของนิกายกระบี่ฟ้าก็ทยอยออกจากเวทีมังกรจันทร์
ในระหว่างที่อาวุโสทั้งสองและพ่อบ้านเดินผ่าน
พวกเขาไม่ได้ทักทายใดๆกับคนของนิกายพันธมิตรสวรรค์อีกเลย
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาโกรธและผิดหวังเป็นอย่างมาก
ส่วนนิกายพันธมิตรสวรรค์ก็ยังไม่รีบร้อนจากไป
พวกมันพูดคุยกันรอบเวทีมังกรจันทร์ที่มีสภาพเละเทะกันอยู่นาน
ฮั่นเฉียวเซิงเดินไปหาจี้เทียนซิงด้วยสีหน้าพึงพอใจยิ่ง
เขากล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยว่า “จี้เทียนซิง
เจ้าทำได้ยอดเยี่ยมมาก !”
“วันนี้เจ้าได้สร้างปาฏิหาริย์และเอาชนะฮั่งเชินมาได้
เจ้าทำให้หอยุทธ์ฟงอวิ๋นของเรารู้สึกเชิดหน้าชูตาเป็นอย่างยิ่ง !”
“การต่อสู้ระหว่างเจ้ากับฮั่งเชินย่อมแพร่กระจายไปทั่วทั้งดินแดนดาราบรรพกาลและจะเป็นที่กล่าวขานในหมู่นิกายใหญ่ไปอีกนานแสนนาน
!”
กล่าวจบฮั่วเฉียวเซิงก็หันไปมองศิษย์อีกเหลือของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นและให้โอวาทว่า
“พวกเจ้าคงจะอิจฉาจี้เทียนซิงกันนักใช่ไหม ? งั้นจงหลับตาจินตนาการดูว่าสักวันหนึ่งพวกเจ้าจะต้องเป็นอย่างเขาได้
จงพยายามฝึกฝนให้มากและสร้างคุณงามความดีสู่นิกายให้ชื่อเสียงขจรไกลทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเฉิน”
ศิษย์ทุกคนพยักหน้า
แววตาเปล่งประกายไปด้วยความหวังและความมุ่งมั่น
ฮั่นเฉียวเซิงยิ้มและกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าทุกคนคงได้เห็นการประลองกับตาแล้ว ด้วยระดับบ่มเพาะของจี้เทียนซิง
ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไม่มีทางเอาชนะฮั่งเชินที่มีพลังเหนือกว่าถึง 4-5
ขั้นย่อยได้ เช่นนั้นเพราะอะไรมันถึงทำได้รู้ไหม
?”
“นั่นก็เพราะมันมีความสงบเยือกเย็นและใช้สติปัญญาไงล่ะ
มันรู้จุดแข็งของตัวเองและวิเคราะห์จุดอ่อนของศัตรู มันอาศัยข้อได้เปรียบเรื่องข่ายปราณของมันและผสมผสานข่ายปราณเข้ากับวิชากระบี่
จากนั้นก็คอยรักษาระยะห่างอย่างเยือกเย็นเพื่อบั่นทอนพลังของฮั่งเชินอย่างต่อเนื่อง
จนสุดท้ายก็สบโอกาสและเอาชนะฮั่งเชินได้ในที่สุด !”
“ตลอดสองเดือนที่ผ่านมาข้ามักจะสอนให้พวกเจ้าเรียนรู้และศึกษาในศาสตร์อื่นๆ
ไม่ว่าจะเป็นการหลอมโอสถและข่ายปราณ
จุดประสงค์ก็เพื่อใช้ประโยชน์จากศาสตร์เหล่านั้นมาประยุกต์ใช้กับสไตล์การต่อสู้ของพวกเจ้า”
“นั่นก็คือสิ่งที่พวกเจ้าได้เห็นในวันนี้
จี้เทียนซิงคือผู้ฝึกยุทธ์ในแบบที่ข้าคิดจะบ่มเพาะปลูกฝังพวกเจ้าทุกคน
สุดท้ายมันก็สามารถเอาชนะคนที่ไม่น่าจะเอาชนะได้ !”
“หากพวกเจ้าลดทิฐิลงแล้วเอาจี้เทียนซิงเป็นตัวอย่าง
ด้วยศักยภาพของพวกเจ้า ข้า ฮั่นเฉียวเซิงมั่นใจว่าสักวันหนึ่งพวกเจ้าจะสามารถเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงและสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองและนิกายได้เช่นกัน
!”
คำพูดปลุกปลอบของฮั่นเฉียวเซิงได้ผลเป็นอย่างมาก
มันทำให้โลหิตในกายของศิษย์ทุกคนเดือดพล่านและปรบมือ
ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา
ครั้งแรกที่ฮั่นเฉียวเซิงพูดประโยคเหล่านี้พวกมันต่างก็หน้าชาและไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร
จนกระทั่งวันนี้เอง
การประลองของจี้เทียนซิงเป็นการพิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้ให้เหล่าศิษย์ทุกคนได้เห็นและเข้าถึงเจตนาแท้จริงของฮั่วเฉียวเซิง
วิทยายุทธ์ในทุกแขนงก็คือรากฐานของชีวิตและทุกศาสตร์ก็ล้วนแต่มีความสำคัญสูงสุดในแบบฉบับของมัน
ถึงแม้ว่าการหลอมโอสถและข่ายปราณจะเป็นวิทยายุทธ์เพิ่มเติม
แต่หากลงลึกถึงรายละเอียดของมันก็จะเห็นข้อดีในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ฝึกยุทธ์ได้
การต่อสู้ของจี้เทียนซิงและฮั่งเชินในวันนี้ได้เป็นตัวจุดประกายที่ทำให้การฝึกฝนในหอยุทธ์ฟงอวิ๋นนับจากนี้ไปเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและกระตือรือร้นมากขึ้น
!
สายตาของทุกคนรวมกันที่ตัวของจี้เทียนซิง
พวกมันมอบความรู้สึกและปฏิบัติต่ออีกฝ่ายในฐานะวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่และมีความสามารถมากที่สุดที่น่าภาคภูมิใจของหอยุทธ์ฟงอวิ๋น
ลู่หมิงหยางยืนคอตกอยู่ท่ามกลางฝูงชนและถูกทุกคนลืมไปหมดสิ้น.....
ไม่มีใครใส่ใจมัน
ไม่มีใครตำหนิมันแล้วก็ไม่มีใครสนใจมันเช่นกัน...
มันจ้องมองจี้เทียนซิงอย่างเงียบงัน
ในใจเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมและความละอาย ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวน่าเกลียดมาก
แต่ทว่ามันก็เห็นเต็มสองตาว่าจี้เทียนซิงคว่ำฮั่งเชินได้อย่างไร
ซึ่งมันก็ประทับใจและชื่นชมในความแข็งแกร่งของจี้เทียนซิงเป็นอย่างมาก
มันต้องยอมรับว่าจี้เทียนซิงเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากความสามารถและมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับการยกย่องเชิดชู
ไม่ว่าจะเป็นความกล้าหาญ
ความหนักแน่นมั่นคง ตลอดจนพลังยุทธ์ อีกฝ่ายสามารถบดขยี้มันได้ในพริบตา
แล้วตัวมันเองมีคุณสมบัติอะไรที่จะไม่พอใจและวางตัวเป็นศัตรูกับเขาได้อีก ?
หลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนาน
ทุกคนก็เริ่มสงบลง
ฮั่นเฉียวเซิงและตู้หวู่พาศิษย์ทั้งเก้าลงจากภูเขาเพื่อมุ่งหน้ากลับนิกายพันธมิตรสวรรค์
ส่วนจี้เทียนซิงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษราวกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่
ชูไฮว่ซานพาเขาโดยสารนกยักษ์ที่เป็นสัตว์อสูรวิญญาณบินกลับนิกายพันธมิตรสวรรค์เป็นการส่วนตัว
......
ขณะเดียวกัน
ภายในนิกายพันธมิตรสวรรค์
ณ ตำหนักส่วนตัวของฉู่เทียนเซิงประมุขนิกาย
เขานั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้ากระดานหมากรุกโบราณสีบรอนซ์ในห้องลับ
กระดานนี้มีเส้นสายที่ตัดลากไขว้กันไปมา
มันราวกับเป็นอาคมชนิดหนึ่ง
วู้ม
!
กระดานส่องสว่างด้วยแสงสีขาวและควบแน่นเป็นม่านแสงสีขาวจางๆเหมือนกระจกบานหนึ่ง
ภาพที่ปรากฏในม่านกระจกก็คือ
ณ เวทีประลองมังกรจันทร์บนภูเขามังกรนั่นเอง
กระดานสีบรอนซ์ชิ้นนี้เรียกว่ากระดานเยว่เทียน
มันมีความสามารถคล้ายคลึงกับแผนที่ดวงดาวและเป็นอุปกรณ์ระดับสวรรค์อันล้ำค่า
หนึ่งในความลับมากมายของนิกายพันธมิตรสวรรค์
ด้วยสิ่งนี้ถึงแม้ฉู่เทียนเซิงจะนั่งอยู่ในห้องลับก็ยังสามารถชมดูการประลองบนเวทีมังกรจันทร์ที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยไมล์ได้
วันนี้
การประลองหลงซานจบลงแล้ว ทั้งสองนิกายเริ่มแยกย้ายกันกลับ
ฉู่เทียนเซิงขมวดคิ้วครู่หนึ่งก่อนที่จะเผยรอยยิ้มและวาดมือฝ่ามือเก็บกระดานเยว่เทียนกลับไปในแหวนมิติ
“หึๆ จี้เทียนซิงเอ๋ยจี้เทียนซิง ข้ามองเจ้าไม่ผิดจริงๆ
เจ้าสมแล้วที่เป็นบุรุษในคำทำนายของแผนที่ดวงดาว !”
“ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติ ความเฉลียวฉลาดและพรสวรรค์โดยกำเนิดของเจ้านั้นยอดเยี่ยมไม่ต่างจากหยุนเหยาแม้แต่น้อย ตราบใดที่เจ้ายังมั่นฝึกฝนต่อไป
ในไม่ช้าเจ้าจะกลายเป็นอัจฉริยะในระดับเดียวกับหยุนเหยา !”
“นิกายเรารุ่นนี้ที่มีอัจฉริยะอย่างหยุนเหยาก็นับว่าเป็นพรอันประเสริฐจากสวรรค์มากพอแล้ว บัดนี้มีจี้เทียนซิงปรากฏตัวขึ้นอีกคน สวรรค์อวยพรนิกายพันธมิตรสวรรค์ของเรายิ่งนัก !”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved