ตอนที่ 324

ตอนที่

324 โลกที่กลับตาลปัตร

"แซ่ก แซ่ก แซ่ก ... ... "

สัตว์ยักษ์สีน้ำตาลเข้มที่มีความยาวกว่าห้าเมตรสองตัวได้คลานออกมาจากซอกหินอย่างช้าๆ

รูปร่างของมันคล้ายกับจระเข้ แขนขาที่แข็งแรงของพวกมันควบคลานไปทั่วพื้นดิน

ทิ้งรอยเท้าหนาไว้บนพื้น

พวกมันคลานไปข้างหน้าช้าๆและเงียบงันอย่างไร้เสียง

เมื่ออยู่ห่างจากจี้เทียนซิงไม่ถึงร้อยเมตร

พวกมันก็เพิ่มความเร็วขึ้นและพุ่งดิ่งเข้าหาจี้เทียนซิงเหมือนลูกธนูที่หลุดจากสาย

"ฟุ่บ !"

สัตว์ร้ายสีน้ำตาลสองตัวทิ้งไว้เพียงภาพติดตา

มันตัดผ่านอากาศด้วยความรวดเร็วดั่งสายฟ้าแลบและวิ่งไล่หลังจี้เทียนซิง

แขนขาที่แข็งแรงของพวกมันราวกับสปริง

กระโจนขึ้นไปสูงกว่าห้าเมตรและพุ่งเข้าหาจี้เทียนซิงจากท้องฟ้า

ในเวลาเดียวกัน

จี้เทียนซิงก็สัมผัสจิตสังหารของพวกมันได้ พลันหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว

เมื่อได้เห็นสัตว์ร้ายสีน้ำตาลสองตัวปรากฏขึ้น

เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ

"นี่มัน...จระเข้หรือตุ๊กแก ?  ไม่สิ

มันคือกิ้งก่า !"

จี้เทียนซิงสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าปากอันแหลมคมของสัตว์ยักษ์สีน้ำตาลทั้งสองตัวนั้นไม่มีเขี้ยวแหลมสองแถวเหมือนจระเข้

แต่มันมีลิ้นสีแดงเข้มที่ยาวเหยียดอย่างน่าขนลุก

ลิ้นของมันปกคลุมไปด้วยหนามและปลายลิ้นแยกออกเป็นสองส่วนเหมือนหอกสองเล่ม

เขามั่นใจในทันทีว่ายักษ์ใหญ่สีน้ำตาลเข้มสองตัวนี้มิใช่จระเข้

แต่เป็นกิ้งก่า

“มารดามันเถอะ

! กิ้งก่าประเภทไหนกันถึงตัวโตขนาดนี้

?”

จี้เทียนซิงตกตะลึง

เขาชักกระบี่มังกรดำออกมาอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามมีบางสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น

กระบี่มังกรดำกลับมีขนาดใหญ่กว่าร่างกายของเขาหลายเท่า

!

“บ้าเอ้ย....

อะไรเนี่ย ?”

ชายหนุ่มสบถออกมาด้วยความงุนงง

เขาต้องใช้สองมือกุมกระบี่มังกรดำไว้แน่นราวกับถือแผงกันประตูด้วยท่าทางพิลึกพิลั่น

"เคร้ง เคร้ง เคร้ง !"

จี้เทียนซิงเหวี่ยงกระบี่ใหญ่ออกไปหลายสาย

แต่พวกมันก็ถูกกิ้งก่ายักษ์สองตัวกระแทกกลับ

พลังงานที่รุนแรงระเบิดออกทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังกลับไปหลายสิบก้าว

กิ้งก่ายักษ์ทั้งสองล้มเหลวในการลอบจู่โจม

พวกมันตั้งหลักได้อย่างรวดเร็วและพุ่งเข้าหาอย่างดุเดือดอีกคำรบ

จี้เทียนซิงใช้ออกด้วยย่างก้าวไร้เงาเพื่อหลบเลี่ยงโดยพลัน

จากนั้นฟาดกระบี่(ยักษ์?)มังกรดำออกไปอย่างเต็มฝืน

ก่อเกิดเป็นคลื่นกระบี่ที่จู่โจมเข้าต้านรับกิ้งก่ายักษ์ทั้งสองตัว

ในเวลาเดียวกับที่ลงมือ

เขาลอบส่งสัญญาณเสียงไปหาเสี่ยวเฮยหลงว่า “เสี่ยวเฮยหลง

มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับเจ้า ? ทำไมจู่ๆกระบี่มังกรดำถึงได้ใหญ่โตขนาดนี้เล่า

? มันใหญ่จนข้าแทบจะยกไม่ขึ้นอยู่แล้ว"

เสี่ยวเฮยหลงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวตอบว่า

“สหายจี้

มันมิใช่ว่าข้าใหญ่ขึ้นหรือโตขึ้น แต่เป็นเจ้าต่างหากที่ตัวเล็กลง !”

"ว่าอะไรนะ !?"  จี้เทียนซิงแข็งค้างในทันที

สีหน้ากลายเป็นแปลกประหลาด

เขาหลบเลี่ยงกิ้งก่ายักษ์ทั้งสองตัวและหนีไปไกลกว่าสิบเมตรเพื่อซ่อนตัวในซอกหิน

เขาหันมาตรวจสอบสภาพร่างกายตัวเองและพบว่ามือ

เท้า ร่างกายทั้งหมดหดเล็กลงไปหลายเท่า

ในเวลานี้เขาสูงเพียงครึ่งเมตรและรูปร่างหน้าตาของเขาก็เท่ากับเด็กอายุสี่ขวบ

!

“บัดซบเอ้ย !  นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่ ?"

"กิ้งก่าตัวน้อยกลายเป็นสัตว์ประหลาดยักษ์

ส่วนข้ากลับมีขนาดเท่าเด็กตัวเล็กๆ เหตุใดโลกใบนี้ถึงได้ประหลาดนัก.... ?”

ก่อนหน้านี้เขาเดินทางเพียงลำพังจึงไม่มีสิ่งมีชีวิตใดให้เปรียบเทียบและไม่ได้สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกายตนเอง

ในเวลานี้ เมื่อเสี่ยวเฮยหลงร้องทัก

เขาจึงพบว่าตนเองกลายเป็นมีขนาดตัวเล็กลงราวกับคนแคระที่อ่อนแอ

อารมณ์ของเขากลายเป็นซับซ้อน ความวิตกกังวลเพิ่มพูนอย่างลึกล้ำ

ในเวลานี้เอง กิ้งก่ายักษ์สองตัวก็วิ่งข้ามกองหินเข้ามาหาและจู่โจมอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้

ท่ามกลางความประหลาดใจของจี้เทียนซิง

กิ้งก่ายักษ์สองตัวเปิดปากพ่นเปลวไฟสีแดงเข้มจำนวนหนึ่งออกมาอย่างท่วมท้น

"สัตว์ประหลาดสองตัวนี้มีพลังในขอบเขตปราณโอสถเชียว

?!”

เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่แฝงมากับเปลวไฟ

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วอย่างกะทันหันและรู้สึกตกใจไม่น้อย

เขาคาดไม่ถึงว่าพวกมันจะมีพลังเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ในขอบเขตปราณโอสถ

ในช่วงเวลาคับขัน เขาไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

พลันโคจรพลังลมปราณทั้งมวลและส่งผ่านไปที่แขนซ้าย

ทันใดนั้น แขนซ้ายของเขาก็กลายเป็นสีแดงเหมือนลาวาและปรากฏเปลวเพลิงสีแดงชาดที่ปะทุขึ้นบนฝ่ามือ

ชายหนุ่มซัดฝ่ามือเข้าหากิ้งก่ายักษ์ทั้งสองอย่างเกรี้ยวกราด

ก่อเกิดเป็นวงแหวนเพลิงขนาดใหญ่ร่วมสิบเมตรขึ้นรอบๆ

"บรึ้ม !!!"

ด้วยเสียงทุ้มแสบแก้วหู

กิ้งก่ายักษ์สองตัวก็ปลิวไปตามพลังฝ่ามือในทันที

เมื่อต้องจัดการกับสัตว์ประหลาดยักษ์สองตัวในขอบเขตปราณโอสถ

กระบี่มังกรดำจะกลายเป็นไร้ประโยชน์

ดังนั้น

กระบี่มังกรดำจึงกลายร่างกลับมาเป็นมังกรดำตัวเล็ก

อีกทั้งยังรวมไปถึงเฉียนเยวี่ยที่ได้ตื่นขึ้นจากการนอนหลับและปรากฏกายขึ้นข้างๆเขาอีกด้วย

พวกมันคิดจะร่วมมือกับจี้เทียนซิงในการจัดการกับกิ้งก่ายักษ์ทั้งสองตัว

อย่างไรก็ตาม ฉากที่เหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น

หลังจากเสี่ยวเฮยหลงแปลงกายกลับมาเป็นร่างจริง

ความยาวของมันก็หดเหลือเพียงหนึ่งเมตรเท่านั้น ซึ่งดูไม่เหมือนมังกรแม้แต่น้อย

มันเหมือนกับงูดำตัวเล็กๆ....

ส่วนร่างกายของเฉียนเยวี่ยยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่

มันหดเหลือไม่ถึงครึ่งเมตรราวกับเป็นลูกหมาสีฟ้า !

“บัดซบ ! ทำไมข้าถึงตัวเล็กแค่นี้ได้ ?!"

"ระยำ !  ไฉนลูกพี่เฉียนอย่างข้าถึงกลับกลายเป็นเหลือตัวเท่าลูกหมาไปได้วะ

!?"

ทั้งเสี่ยวเฮยหลงและเฉียนเยวี่ยต่างก็ร้องอุทานด้วยความขุ่นเคือง

พวกมันยากที่จะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้

เมื่อได้เห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้

ในที่สุดจี้เทียนซิงก็เข้าใจอย่างถ่องแท้

"ชั้นที่ห้าเป็นโลกที่พิเศษนัก พวกเราทุกคนที่ถือว่าเป็นสิ่งแปลกแยกของโลกใบนี้จะกลายเป็นตัวเล็กลง

ส่วนสิ่งมีชีวิตและแมลงในโลกนี้จะกลายเป็นตัวใหญ่ขึ้นและแข็งแร่งขึ้น !”

"เอาเถอะ

ช่างหัวมัน ไว้ค่อยคิดทีหลัง  เฉียนเยวี่ย เสี่ยวเฮยหลง

! ช่วยข้าจัดการกิ้งก่ายักษ์สองตัวนี้ที”

จี้เทียนซิงกล่าวกับสหาย

คนทะยานไปเบื้องหน้าพุ่งเข้าหากิ้งก่ายักษ์ทั้งสองทันที  จากนั้นร่ายเพลงกระบี่ดาราเหินอย่างรวดเร็ว !

"คมมีดขนนกพันเล่ม !"

“ฟุ่บ

ฟุ่บ ฟุ่บ !”

เขาปล่อยปราณกระบี่สีทองเข้มเก้าสายออกมา

พุ่งเข้าหาพวกมันในพริบตา

ปราณกระบี่ทั้งเก้าโจมตีกิ้งก่าสองตัวจากทุกทิศทุกทางด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ  ก่อเกิดเป็นลำแสงเงากระบี่ปกคลุมทั่วฟ้า

กิ้งก่ายักษ์สองตัวได้รับบาดเจ็บจนไม่อาจหลบหนีจากการจู่โจมได้

พวกมันถูกห่อหุ้มไว้ด้วยลำแสงเงากระบี่ในทันที

"ปัง

ปัง  ปัง  ปัง  !"

เสียงกระทบดังไม่ขาดสาย คลื่นกระบี่เก้าสายจู่โจมใส่กิ้งก่ายักษ์อย่างต่อเนื่อง

ผลทำให้ดวงตาและปากของพวกมันปกคลุมไปด้วยเลือด

ในขณะเดียวกัน เสี่ยวเฮยหลงและเฉียนเยวี่ยก็โจมตีสมทบอย่างรวดเร็ว  ทั้งสองปล่อยศรน้ำแข็งและลำแสงดาบออกไปอีกระลอก

กี๊ซ

กี๊ซ  !

กิ้งก่ายักษ์ทั้งสองกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

พวกมันพ่นไฟสีแดงเข้มออกมา

เพื่อจู่โจมสวนกลับ

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันที่ด้านบนของภูเขา

ผลทำให้ท้องฟ้ามืดมัว ปฐพีสั่นสะเทือน ก้อนกรวดและฝุ่นละอองฟุ้งกระจายไปทั่ว

หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม จี้เทียนซิง

เสี่ยวเฮยหลงและเฉียนเยวี่ยต่างก็ประสานการโจมตีกันอย่างเข้าขา

จนในที่สุดก็สามารถสังหารกิ้งก่ายักษ์ทั้งสองตัวได้สำเร็จ

ซากศพของพวกมันเต็มไปด้วยรอยแผลและแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจายอยู่ในซอกหินและหลุมขนาดใหญ่

จี้เทียนซิงจ้องมองไปที่ศพของมันเพื่อพยายามค้นหาเบาะแส

ส่วนเสี่ยวเฮยหลงและเฉียนเยวี่ยใช้ศรีษะเล็กๆของพวกมันมุดเข้าไปร่างของกิ้งก่ายักษ์

และในเวลาไม่นานพวกมันก็พบแกนอสูรสีแดงเข้มที่มีขนาดเท่ากับกำปั้น

แกนอสูรนี้หอบหุ้มไว้ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่

มันคือแกนอสูรของกิ้งก่ายักษ์

เฉียนเยวี่ยและเสี่ยวเฮยหลงกุมแกนอสูรไว้ในมือด้วยความตื่นเต้น

พวกมันแทบอดใจไว้ไม่ไหวและยัดเข้าปากอย่างรวดเร็ว