ตอนที่ 34

จงรับผิดชอบด้วย!

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่

จี้เทียนซิงฟื้นขึ้นมาในที่สุด

ชายหนุ่มรู้สึกแค่เพียงว่าแสงที่แวววาวบนท้องฟ้านั้นกำลังแยงตาเขายิ่งนัก  เขาเหยียดมือออกไปขยี้ตาและลุกขึ้นทันที

เขาเงยหน้าขึ้นและมองเห็นดวงอาทิตย์ลอยสูงบนท้องฟ้า

แสงแดดอันร้อนแรงส่องไปทั่วพื้นดิน

“เที่ยงแล้ว ?  ทำไมข้าถึงมาอยู่นี่ ? ไม่ใช่ว่าข้าติดอยู่ในถ้ำหรอกหรือ ?!”

เขาหันหัวไปมองไปรอบๆและอดไม่ได้ที่จะนั่งยองๆบนพื้นด้วยความงุนงง

เขายังคงอยู่ในถ้ำที่ว่างเปล่าขนาดใหญ่

แต่ถ้ำพังทลายลงมาแล้ว

พื้นดินเต็มไปด้วยรอยร้าวและแอ่งน้ำขนาดใหญ่

ก้อนหินดินทรายมากมายกระจายอยู่ไปทั่ว

รอบๆกำแพงถ้ำพังลงมาและแตกร้าวเผยให้เห็นรอยแตกขนาดใหญ่จนมีแสงแดดสลัวลอดเข้ามาจากรอยแตก

จี้เทียนซิงสามารถมองเห็นภูเขาสีเขียวที่อยู่ตรงข้ามได้อย่างชัดเจน

"เกิดอะไรขึ้น? ถ้ำแห่งนี้อยู่ในสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร

?”

“ถ้ำนี้ดูเหมือนจะอยู่ในภูเขา อย่างน้อยก็สูงกว่าพันเมตรจากเชิงเขา มันยากมากที่จะปีนออกไปด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของข้า

... ”

“แต่จู่ๆถ้ำก็ยุบตัวและภูเขาทั้งหมดดูเหมือนจะถล่มราบ

ข้าสามารถออกจากรอยแตกนี่ได้ทันที”

จี้เทียนซิงสงบลงอย่างรวดเร็วและตัดสินใจปีนออกจากรอยแตกที่กว้างที่สุด

เขามองไปรอบๆจนพบย่ามสัมภาระและกระบี่มังกรโลหิตของตัวเองที่ตกลงไปในซอกหิน

เขาหยิบกระบี่มังกรโลหิตขึ้นมาและสอดเก็บเข้าฝัก

จากนั้นก็กำลังจะก้มเก็บย่ามแต่เขากลับพบก้อนนุ่มๆที่มีขนปุยๆในนั้น

“เช้ง !”

จี้เทียนซิงตื่นตัวในทันที

เขากระโดดถอยหลังและชักกระบี่ออกมาโดยสัญชาตญาณ

ศีรษะเล็กๆที่มีขนปุกปุยหดกลับเข้าไปในย่ามทันทีและตะโกนอย่างกระวนกระวายว่า

"ยะ  อย่าๆ ! อย่าฆ่าข้า !”

จี้เทียนซิงใช้ปลายกระบี่เขี่ยย่ามให้เปิดออกและจ้องไปที่ศีรษะเล็กๆที่ซุกอยู่ในนั้น

มันคือศีรษะเล็กๆที่มีขนสีน้ำเงิน

ดวงตาเป็นสีเงินเผยให้เห็นถึงร่องรอยของความเจ้าเล่ห์

จี้เทียนซิงจดจำแววตานี้ได้ทันที

เขาโพล่งออกมาว่า “เจ้า…เจ้าคือ

จิ้งจอกระยำตนนั้น ?  เจ้ากลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”

ขณะที่ชายหนุ่มพูดจบก็เหยียดมือออกไปคว้าหัวเล็กๆของจิ้งจอกและดึงออกมาจากย่าม

สภาพของมันยังเต็มไปด้วยขนสีน้ำเงินและยังคงมีหางขนาดใหญ่

12 หางเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ขนาดของมันได้หดลงเหลือเท่ากับแมวตัวหนึ่งที่ขนาดใหญ่กว่าปกติไปมาก

นอกจากนี้ความแข็งแกร่งสะท้านฟ้าที่เคยมีก็แทบไม่เหลือหลอ…

จี้เทียนซิงมองไปที่จิ้งจอกครามด้วยความรู้สึกแปลกๆ

แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่เฉลียวฉลาดหลักแหลม

แต่เขาก็ไม่อาจทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้

แต่เดิมเขากำลังจะตายกลายเป็นอาหารของจิ้งจอกยักษ์สีครามตัวนี้

แต่หลังจากใช้พลังเกินตัวจนหมดสติไปครึ่งวัน

เขาก็ตื่นขึ้นมาและพบว่าทั้งถ้ำและภูเขาล้วนพังเรียบ

แม้แต่จิ้งจอกยักษ์สีครามที่มีพลังอำนาจสะเทือนฟ้าและเจ้าเล่ห์หลักแหลมกลับกลายเป็น

"ลูกแมว" ที่ผู้ใดก็สามารถสับสังหารได้

จี้เทียนซิงไม่ได้รู้สึกสงสารมันแม้แต่น้อยเพราะมันต้องการจะกินเขาอยู่หมาดๆ

เขาจิกหลังคอของมันและถามว่า “ตอนที่ข้าสลบไปเกิดเรื่องอะไรขึ้น

?”

จิ้งจอกครามตัวน้อยที่หดหัวตัวสั่นหันขวับมามองชายหนุ่มในทันทีและคิดในใจว่า

“โอ๊ะโอ๋

ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กนี่ยังไม่รู้เรื่องหลุมดำลึกลับนั่น !  เอาเว้ย

ข้ารอดแล้ว.....”

มันแสร้งทำเป็นสั่นหัวไปมาอย่างดิ้นรนและกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า

“ข้าบอกเจ้าก็ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

แต่เจ้าต้องสัญญาว่าจักไม่คิดสังหารข้า !”

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วและกล่าวพร้อมกับหัวเราะเยาะว่า

“โฮ่ ? กล้าสร้างเงื่อนไข

? เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้ !”

หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ชี้ปลายกระบี่ไปที่หัวของจิ้งจอกครามตัวน้อยเพื่อเป็นการข่มขู่  แต่อีกฝ่ายกลับมีทีท่าไม่เกรงกลัว

มันเชิดหน้าน้อยๆขึ้นและมองชายหนุ่มด้วยท่าทางเหยียดหยาม “เอาเลย ถ้าเจ้าสังหารข้า เจ้าก็ไม่มีวันได้รู้ความจริง

เรื่องนี้มันลึกลับและน่าสะพรึงกลัวมาก ! ข้าเดาว่ามันต้องเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจ้าแน่นอน  เจ้าไม่อยากรู้หรือไง ?!”

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วด้วยความลังเล

สุดท้ายเขาก็ลดกระบี่ลงอย่างเงียบๆ

ถ้ำอันกว้างใหญ่ยุบตัว

ยอดเขาลูกใหญ่พังทลายและจิ้งจอกยักษ์สีครามกลายเป็นลูกแมวอีกทั้งพลังสะท้านฟ้าของมันก็สูญหาย…สิ่งประหลาดเหล่านี้เกี่ยวข้องกับเขาหรือเปล่านะ ?

แน่นอนว่าชายหนุ่มต้องการรู้ความจริง

เมื่อจิ้งจอกตัวน้อยเห็นว่าชายหนุ่มเก็บกระบี่กลับไปและสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย

มันก็เผยรอยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ทำตัวว่าง่ายอย่างนี้สิดี

สัญญาด้วยสิว่าจะไม่ฆ่าข้าทีหลัง !”

จี้เทียนซิงถอนหายใจและตะโกนออกมาว่า

“เลิกพล่ามสักที

พูดมา !”

จิ้งจอกน้อยริมฝีปากหยิกงอและดูไม่ค่อยพอใจ

มันกล่าวอย่างช้าๆว่า “ตอนที่เจ้าสลบไป จู่ๆหลุมดำลึกลับที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็ปรากฏขึ้นในร่างกายทันที

และมันก็ดูดพลังความสามารถของข้าไปจนหมดสิ้น”

“สรุปว่า ที่ข้าต้องมีสภาพอนาถาเช่นนี้ก็เพราะเจ้าล้วนๆเลย

! ไอ้เลวเลย !”

“หลุมดำ ???”

จี้เทียนซิงสะดุ้งเล็กน้อย

ดวงตาเปล่งประกาย เขาเข้าใจทันทีว่าหลุมดำที่จิ้งจอกน้อยกล่าวถึงก็คือหลุมดำในตันเถียนของเขาแน่นอน

มันต้องเป็นสุสานเทพกระบี่ที่อยู่ในหลุมดำที่ได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ในเวลาสำคัญและดูดกลืนพลังทั้งหมดของจิ้งจอกน้อยไปด้วย

!

“ข้าไม่คิดเลยว่าสุสานเทพกระบี่จะมีเอฟเฟกต์แบบนี้ หลังจากมีเวลาว่างข้าคงต้องเข้าไปศึกษามัน...”

จี้เทียนซิงครุ่นคิดในใจและถามต่อว่า

“แล้วถ้ำทางด้านนั้นคืออะไร ?”

จิ้งจอกน้อยกระพริบตาและตอบโดยไม่คิดว่า

"ไม่รู้ ข้าสูญเสียพลังและเป็นลมไป"

จี้เทียนซิงจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชาและเห็นว่ามันทำท่ามีพิรุธ  แน่นอนว่ามันกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่แน่นอน

“เหอะ ไม่บอกก็ช่าง ข้าไปดูเองก็ได้ !”

ชายหนุ่มมองอย่างเย็นชา

เขาสอดกระบี่คืนฝักและเก็บย่ามเดินไปยังรอยแตกของภูเขาที่อยู่ไม่ไกล

จิ้งจอกน้อยตามติดไปอย่างรวดเร็ว

จี้เทียนซิงหยุดทันทีและหันหลังกลับไปจ้องมองมันพร้อมทั้งตะคอกว่า

“เจ้าตามข้ามาทำซากอะไร ? ไปให้พ้นเลย !"

จิ้งจอกน้อยไม่โกรธที่ถูกตะคอก

มันเชิดหน้าพูดอย่างมั่นใจว่า “เจ้าดูดกลืนพลังของข้าไปแล้ว

เจ้าทำให้ข้ามีสภาพเช่นนี้ แน่นอนว่าข้าต้องเป็นคนของเจ้าและติดตามเจ้าไม่ห่าง !”

จี้เทียนซิงกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า

“ไอ้ตัวเล็ก

ข้าไม่ใช้กระบี่บั่นคอเจ้าก็ถือว่าใจดีมากพอแล้ว

ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีที่เจ้าจะกินข้าเลย อย่ายั่วโมโหให้มากนัก !”

จิ้งจอกน้อยขมวดคิ้วแน่นและหรี่ตามองอีกฝ่าย

มันก้มหัวลงต่ำเผยให้เห็นถึงความไม่พอใจ

“ไอ้ระยำ !

เจ้ามันไร้เกียรติ !  หรือเผ่าพันธุ์มนุษย์ล้วนเป็นเช่นนี้กันหมด

คนทรยศ”

“ไร้เกียรติ ทรยศ เจ้าพูดเรื่องอะไร ?”

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วแน่นและกล่าวว่า

“ข้าแค่สัญญาว่าจะไม่ฆ่าเจ้า

แต่ไม่ได้บอกว่าจะพาเจ้าไปด้วย !”

“ไม่รู้โว้ย ข้าไม่สน ข้าไม่แคร์  ไม่เพียงแค่เจ้าต้องพาข้าไปเท่านั้น

แต่เจ้าต้องปกป้องคุ้มครอง รับผิดชอบชีวิตข้าด้วย !”

จิ้งจอกน้อยกล่าวเสริมอย่างหดหู่ว่า

“เจ้าเป็นคนทำให้ข้าเป็นแบบนี้แต่ยังคิดจะทิ้งข้าไว้ที่นี่  เจ้าอยากฆ่าข้าสินะ !”

จี้เทียนซิงคิ้วชนกันและตะโกนอย่างดุร้ายว่า

“ถ้าเป็นเช่นนั้น งั้นข้าจะใช้กระบี่สังหารเจ้าซะ

เจ้าจะได้ไม่ต้องมาพัวพันกับข้าอีก !”

ในขณะที่กล่าวจบ

จี้เทียนซิงก็ชักกระบี่มังกรโลหิตออกมาทันที

จิ้งจอกตัวน้อยฟุ่บตัวลงนอนหงายท้องกับพื้นและกางแขนกางขาออกมา  มันร่ำร้องและตะโกนอย่างหดหู่ว่า “เอาเซ่ ถ้าเจ้าคิดจะฆ่าข้าจริงๆงั้นก็ลงมือเลย !”

“ถึงอย่างไรหากข้าอยู่ที่นี่คนเดียวย่อมต้องถูกสัตว์อสูรตัวอื่นๆมาแก้แค้นฉีกร่างเป็นชิ้นๆแน่  ข้าตายด้วยคมกระบี่ในมือเจ้ายังดีเสียกว่า อย่างน้อยข้าก็จะได้กลายเป็นผีตายโหงที่คอยพัวพันเจ้าไปชั่วชีวิต

!”