ท้าประลองหยุนเหยา
?
เฉินซู่ทำได้เพียงพยายามต่อต้านการจู่โจมของพลังกระบี่จากกระบวนท่าคมมีดขนนกพันเล่มจึงไม่เห็นการเคลื่อนไหวของจี้เทียนซิง
ดังนั้นมันจึงไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายลอบใช้กระบี่หรือไม่
แต่สามัญสำนึกบอกแก่มันว่า
หากจี้เทียนซิงสามารถสำแดงเพลงกระบี่ที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้
มีวิธีเดียวคือต้องใช้กระบี่
เมื่อได้เฉินซู่ทำหน้าตาเหรอหราและซีดเป็นไก่ต้ม
ในที่สุดอาวุโสผู้ควบคุมการประลองก็อดไม่ได้ที่จะต้องพูดแทรก
“เฉินซู่ ! เพลงกระบี่ใช่ว่าต้องใช้กระบี่เสมอไป
!”
น้ำเสียงของเย่หงดังกังวานเหมือนเป็นเครื่องเตือนสติให้เฉินซู่ตื่นจากภวังค์
เฉินซู่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นและได้เข้าใจในสิ่งที่ตนเองยังไม่ชัดเจนจากคำพูดของเย่หง
เมื่อมันจ้องมองจี้เทียนซิงอีกครั้ง
โทสะที่เคยคุกรุ่นก็ลดทอนลงเหลือเพียงความร้อนรนและความสับสนวุ่นวาย
เห็นได้ชัดว่ามันเพิ่งจะทำตัวเองให้ขายหน้าต่อหน้าเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสทั้งหมด
จี้เทียนซิงขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางถามอย่างเฉยเมยว่า
“เฉินซู่
ยังไม่คิดลงมืออีกหรือ ? อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย”
ทันใดนั้นเฉินซู่ก็ฟื้นสติกลับมา
นัยน์ตาของมันจ้องมองจี้เทียนซิงด้วยความโกรธกริ้ว
“ฮึ่ม ! ศิษย์น้องจี้
เจ้ามันบ้าไปแล้ว รับกระบวนท่า !”
มันตะโกนอย่างเยือกเย็น
ร่างกายกลายเป็นริ้วลำแสงสีฟ้าที่พุ่งเข้าจู่โจมจี้เทียนซิงอย่างรวดเร็ว
“มังกรทรราชย์ฟาดฟันสวรรค์ !”
ในขณะนั้นเฉินซู่ระเบิดพลังปราณสีฟ้าอันพร่างพราวออกมา
คนทั้งร่างเปลี่ยนเป็นกระบี่ยักษ์สีฟ้า
มันทะยานขึ้นฟ้าด้วยความสูงกว่าสิบเมตรและระเบิดพลังชีวิตทั้งปวงออกมา
จากนั้นดิ่งจากฟ้าเข้าหาจี้เทียนซิง
นี่เคล็ดวิชามังกรทรราชย์ฟาดฟันสวรรค์
มันมิใช่เป็นเพียงแค่วิชากระบี่คู่กายของเฉินซู่เท่านั้น
แต่เขายังใช้ร่างตัวเองแทนกระบี่อีกด้วย !
เหล่าศิษย์จำนวนมากที่ได้เห็นกระบวนท่านี้ของเฉินซู่ล้วนเผยสีหน้าตกใจออกมา
ตามมาด้วยเสียงอุทานอย่างไม่น่าเชื่อ
“โอ้ววว
สวรรค์ ! ศิษย์พี่เฉินฝึกฝนกระบวนท่านี้สำเร็จแล้วจริงๆ ?”
“นี่เป็นกระบวนท่าสุดท้ายของเพลงกระบี่มังกรสวรรค์
เขาเปลี่ยนตัวเองเป็นกระบี่เลยหรือ ?”
“อัจฉริยะ ! ศิษย์พี่เฉินสมแล้วที่เป็นอัจฉริยะอันดับต้นๆของนิกาย
เต๋ากระบี่ของเขานั้นน่าทึ่งยิ่งนัก !”
ไม่ได้มีเพียงแค่เหล่าศิษย์เท่านั้น
แต่ยังรวมถึงผู้อาวุโสและผู้ดูแลอีกหลายคนที่พยักหน้าเผยรอยยิ้มอย่างชื่นชมยินดี
เมื่อได้เห็นคนกระบี่แสงสีฟ้าอันยิ่งใหญ่ที่กำลังแหวกอากาศเข้าหาจี้เทียนซิงนี้
พวกเขาทั้งหมดก็อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะต้านรับอย่างไร
ทว่า
แม้จะอยู่ในช่วงเวลาคับขันเยี่ยงนี้ จี้เทียนซิงก็ยังคงสงบเยือกเย็น
คนกระตุ้นตัวอ่อนกระบี่ให้ตื่นจากการหลับไหล
โผบินออกจากร่างกายและกลายเป็นกระบี่ยักษ์สีทองเข้มเล่มหนึ่ง
“ฟุ่บ !”
กระบี่ยักษ์สีทองจากตัวอ่อนกระบี่เติบโตขึ้นถึงสี่เมตร
มันเปล่งประกายระยิบระยับไปด้วยเปลวเพลิงสีแดงจากฟากฟ้า
เปลวเพลิงสีแดงส่ายไปส่ายมาทำให้กระบี่ยักษ์เล่มนี้ดูราวกับมังกรเพลิง
"ไปเลย !"
จี้เทียนซิงแค่นเสียงเย็นพลันผลักกระบี่ยักษ์ไปข้างหน้าด้วยสองมือ
จากนั้นจัดการมันให้มุ่งหน้าเข้าปะทะกับกระบี่ยักษ์สีฟ้าที่อยู่กลางอากาศ
ผ่านไปครู่เดียวมังกรเพลิงก็ได้พุ่งชนเข้าใส่กระบี่ยักษ์สีฟ้า
ตามมาด้วยเสียงระเบิดกัมปนาทดังกึกก้องไปทั่ว
“บรึ้มมมม !!”
เสียงดังกระจายไปทั่วภูเขาและจัตุรัสก็สั่นสะเทือน
กระบี่ยักษ์สีฟ้าถูกทำลายและแตกเป็นเสี่ยงๆ
ตามมาด้วยสะเก็ดแสงสีฟ้าอันพร่างพราวเต็มท้องฟ้าอย่างน่าประทับใจ
ตัวอ่อนกระบี่ของจี้เทียนซิงนั้นกลับยังคงลุกโหมไปด้วยเปลวเพลิงสีแดงฉาดอันท้วมท้น
ในเวลานี้เองทั่วทั้งเวทีกลับกลายเป็นทะเลเพลิงจนไม่อาจมองเห็นภาพที่อยู่ข้างในได้
คลื่นทะเลเพลิงอันบ้าคลั่งทำให้เกิดกองไฟที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง
แต่โชคยังดีที่มันถูกสกัดเอาไว้ด้วยม่านปราการของข่ายปราณที่เย่หงวางทิ้งไว้
ถึงกระนั้นเหล่าศิษย์ที่อยู่ใกล้เวทีล้วนรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่สูงยิ่ง
ตามมาด้วยคลื่นลมร้อนที่น่าเกรงขาม
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะคิดด้วยความสยดสยองว่า
ถ้าหากตนเองเป็นผู้ที่อยู่ในเวทีนั้น
มิใช่ว่าป่านนี้คงถูกคลอกตายเป็นเถ้าถ่านด้วยเปลวเพลิงสีแดงอันร้อนแรงนี้หรอกหรือ ?”
ฮ่าวเมิ่งยืนกอดอกอยู่ท่ามกลางฝูงชน
สีหน้าของมันเต็มไปด้วยความตกใจและอารมณ์อันซับซ้อน “จี้เทียนซิง
เจ้าหมอนี่เปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าเกรงขามจริงๆ !”
“เฉินซู่นับว่าคำนวณผิดพลาดยิ่งนัก
เดินตามเกมของจี้เทียนซิงโดยสมบูรณ์ ต่อให้จี้เทียนซิงรับปากว่าจะไม่ใช่ฝ่ามือเพลิงและกระบี่
แต่มันก็คาดไม่ถึงว่าแม้จะเหลือเพียงสองมือเปล่า
จี้เทียนซิงก็ยังสามารถใช้เพลงกระบี่อันน่าทึ่งออกมาได้ !”
ในจุดนี้นับว่าฮ่าวเมิ่งเข้าใจจี้เทียนซิงดีกว่าคนอื่น
เมื่อตอนที่เขาได้ร่วมมือกับอีกฝ่ายในการปิดล้อมถ้ำปีศาจ
ตอนนั้นเขาเคยเห็นจี้เทียนซิงแสดงฝีมือมาก่อนแล้ว
ดังนั้น
เมื่อยามที่จี้เทียนซิงสัญญากับเฉินซู่ว่าจะไม่ใช้ทั้งฝ่ามือและกระบี่
ฮ่าวเมิ่งก็คาดเดาถึงผลลัพธ์นี้ได้แล้ว
หลังจากนั้นไม่นานทะเลเพลิงที่ลุกโหมไปทั่วเวทีก็ค่อยๆมอดดับและสลายไป
ฟุ่บ
!
กระบี่ยักษ์สีทองย่อส่วนลงเหลือเพียงขนาดเท่านิ้วโป้งและบินกลับเข้าร่างของจี้เทียนซิง
ความหายนะกลับคืนสู่ความสงบและทัศนวิสัยของทุกคนกำลังมาชัดแจ้งอีกครั้ง
สายตาของทุกคนรวมกันไปที่กลางเวทีเพื่อค้นหาเงาร่างของจี้เทียนซิงและเฉินซู่
ภาพที่ทุกคนเห็นคือ
จี้เทียนซิงยังคงยืนอยู่กลางเวทีโดยไร้ซึ่งอันตราย
มีเพียงสีหน้าที่เริ่มซีดลงและลมหายใจที่เริ่มอ่อนล้าปั่นป่วน
ท้ายที่สุดแล้วเฉินซู่ในสภาพจนตรอกก็นับว่าน่ากลัวมิใช่น้อย
ไม่ว่าจะอย่างไรมันก็เป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตปราณจิตขั้นที่เก้าและยังเป็นอันดับสองของนิกาย
ดังนั้นเพื่อรับมือกับกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดของอีกฝ่าย
จี้เทียนซิงก็จำเป็นที่จะต้องใช้ไพ่ที่แข็งแกร่งที่สุด.... ตัวอ่อนกระบี่ในสภาพกายหยาบ
อย่างน้อยๆเคล็ดวิชานี้ก็สูญกลืนพลังลมปราณของเขาไปถึงเจ็ดส่วน
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆแต่ก็จำเป็นต้องพักผ่อนอีกหลายวันเพื่อฟื้นฟูพลังกลับมา
จุดจบของเฉินซู่นั้นนับว่าน่าสังเวชยิ่ง
ร่างดำเป็นเถ้าถ่านนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น คนแค่นเสียงโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
จมูก
ปากและศีรษะของมันมีควันพวยพุ่งออกมาอยู่ตลอดเวลาเหมือนเศษถ่านที่ยังไม่มอดดับ
ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้เห็นได้ชัดว่ามันสูญเสียความสามารถในการต่อสู้หมดสิ้น แม้จะพยายามหลายครั้งก็ยังไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้
โชคดีที่มันเป็นยอดฝีมือระดับปราณจิตขั้นเก้าซึ่งความสามารถโดยรวมเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับปราณโอสถขั้นต้น
ทำให้ไม่ถึงกับสิ้นใจตายด้วยพิษบาดแผล
หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับปราณจิตทั่วไปที่รับพลังกระบี่อันรุนแรงเยี่ยงนี้
เกรงไม่ตายก็คงพิการ
เมื่อทุกคนได้เห็นรูปลักษณ์ที่ปรากฏขึ้นของเฉินซู่
พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างด้วยความสยดสยองอย่างสุดซึ้ง
ศิษย์สาวกหลายร้อยคนมองจี้เทียนซิงด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป
เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความริษยา
ไม่มีผู้ใดสามารถปักใจเชื่อได้ว่าอัจฉริยะอันดับสองของนิกายพันธมิตรสวรรค์อย่างเฉินซู่, ผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตปราณจิตขั้นที่เก้าจะถูกสยบสิ้นด้วยสภาพที่น่าเวทนาเยี่ยงนี้
!
แม้แต่ผู้อาวุโสและผู้ดูแลทั้งหลายที่ได้เห็นก็ยังรู้สึกตกใจและตื่นตระหนกต่อผลลัพธ์นี้
อาวุโสเย่หงชะงักงันอย่างสะทกสะท้อนใจ
จากนั้นเมื่อได้สติกลับมาก็ประกาศผลด้วยเสียงอันดังว่า “การต่อสู้ครั้งที่สอง จี้เทียนซิงเป็นผู้ชนะ!”
“จี้เทียนซิงได้ขึ้นเป็นอันดับสองในรายชื่อขั้นสวรรค์
ส่วนเฉินซู่ตกลงไปอยู่ที่อันดับสาม !”
เมื่อเสียงอันดังของเย่หงแผ่กระจายไปทั่วจัตุรัส
เสียงอึกทึกก็ดังขึ้น
จี้เทียนซิงได้สร้างสถิติที่ยอดเยี่ยมและทำให้ทุกคนตกใจครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาประลองชนะสามรอบติดต่อกันโดยมิได้หยุดพัก
ซึ่งทั้งสามรอบนี้ล้วนเป็นการเอาชนะอย่างใสสะอาด !
ตลอดประวัติศาสตร์หลายร้อยปีของนิกายพันธมิตรสวรรค์
ไม่เคยปรากฏอัจฉริยะที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถเช่นนี้มาก่อน !
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจี้เทียนซิงผู้นี้เพิ่งเข้ามาเป็นศิษย์ฝ่ายในได้ไม่ถึงสองเดือนด้วยซ้ำ
!
ความรวดเร็วในการไต่อันดับขั้นสวรรค์ของเขานั้นเหนือกว่าหยุนเหยาในปีเดียวกันอย่างทาบกันไม่ติด
!
ศิษย์สาวกนับไม่ถ้วนต่างก็ไม่อาจทำความเข้าใจได้
ชายหนุ่มที่น่ากลัวผู้นี้เป็นใครกันแน่ ?
ในขณะเดียวกัน
เย่หงก็โบกมือและส่งสัญญาณให้คนพาตัวเฉินซู่ไปรักษาอาการบาดเจ็บ
หลังจากที่เฉินซู่ถูกหามลงจากเวทีเรียบร้อยแล้ว
เย่หงก็เดินไปหาจี้เทียนซิงด้วยสีหน้าลังเล พลางกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “จี้เทียนซิง เจ้า..... ยังคิดจะท้าประลองอันดับต่อไปหรือไม่ ?”
น้ำเสียงของเย่หงเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดจริงจัง
อีกทั้งยังแฝงไว้ด้วยความคาดหวังอยู่บ้างเล็กน้อย
ท้ายที่สุดแล้ว
บัดนี้จี้เทียนซิงก็เป็นอันดับสองในรายชื่อขั้นสวรรค์
หากเขาต้องการท้าประลองต่อไป
เขาทำได้เพียงต้องท้าทายอันดับหนึ่งในรายชื่อขั้นสวรรค์ อัจฉริยะอันดับหนึ่งของอาณาจักรเทียนเฉิน
หยุนเหยา !
เงียบ
ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งจัตุรัสจนแม้แต่เข็มตกก็ยังได้ยิน
ทุกคนเพ่งมองจี้เทียนซิงด้วยสองตาเบิกกว้างและตั้งตารอดูว่าชายหนุ่มผู้นี้จะเลือกอย่างไร
!
“หึๆ....”
ฉู่เทียนเซิงผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์จ้องมองจี้เทียนซิงพลางหัวเราะในลำคอด้วยรอยยิ้ม
ส่วนหยุนเหยาก็มิได้มองจี้เทียนซิงแม้แต่น้อย
นางทอดสายตาคู่งามเหม่อมองไปยังทิวทัศน์ที่ห่างไกล
สีหน้าท่าทางและแววตาของนางเต็มไปด้วยความสงบเยือกเย็น
ดูเหมือนว่านางจะรู้คำตอบอยู่ก่อนแล้ว
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved