ในโลกแมกมาภายในเทือกเขาหมอกเร้นลับ
จี้เทียนซิงเคยทดลองใช้พลังเต็มพิกัดของอัคคีสีชาดที่แขนซ้ายมาก่อน
จางเทียนเคยเตือนเขาไว้เมื่อตอนนั้น ถึงแม้กระบวนท่าหัตถ์ปราณผลาญฟ้าจะมีอำนาจสยบฟ้าดิน
แต่มันก็จะเผาผลาญเพลิงแท้จริงของเขาไปอย่างมหาศาล
ในระยะสั้น เขาสามารถใช้หัตถ์ปราณผลาญฟ้าในระดับนี้ได้แค่สามครั้งเท่านั้น
หลังจากนั้นเพลิงแท้จริงของอัคคีสีชาดก็จะหมดลง
และต้องฝึกฝนอีกเป็นเวลานานกว่าจะฟื้นฟู
ตอนนี้ก็คือการใช้หัตถ์ปราณผลาญฟ้าครั้งที่สองของจี้เทียนซิงแล้ว
ถึงแม้เขาจะสร้างปาฏิหาริย์
ตบฟาดเทียนเจี้ยนจงจนกระเด็นด้วยฝ่ามือเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม
เพลิงแท้จริงของเขาก็ถูกใช้ไปมากมายนักและสามารถใช้กระบวนท่านี้ได้อีกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
จากนั้นพลังของมันก็จะถูกเผาผลาญจนหมดไป
แม้ว่าพลังทำลายของมันจะยังไม่เพียงพอในการทำร้ายหรือสังหารเทียนเจี้ยนจง
แต่การที่มันสามารถซัดอีกฝ่ายจนปลิวออกไปได้ก็ทำให้จี้เทียนซิงพึงพอใจมากแล้ว
"ไป !"
หยุนเหยาฉุดลากชายหนุ่มทะยานออกจากห้องโถง
สาวเท้าเข้าสู่รัตติกาลอันมืดมิด
หลังจากหนีออกมา พวกเขาได้พบยอดฝีมือจำนวนมากที่ซุ่มอยู่ตามจตุรัสด้านนอกห้องโถง
ผู้พิทักษ์ในชุดขาวกว่ายี่สิบคนและผู้ดูแลในชุดดำห้าคนถือกระบี่คมกริบที่สะท้อนแสงวูบวาบบาดลูกตา
"ฆ่ามัน !"
"ท่านประมุขมีคำสั่ง
จับเป็นไม่ได้ก็ฆ่าไม่ให้เหลือ !"
"ฆ่าพวกเขาให้ได้ !"
เสียงร่ำร้องโหวกเหวกมากมายของนิกายกระบี่ฟ้าดังระงมไปทั่ว
สีหน้าของจี้เทียนซิงและหยุนเหยากลายเป็นเคร่งเครียด
ทางด้านหลังคือห้องโถงที่มีผู้เฒ่าและผู้พิทักษ์เกราะดำหลายคนกำลังไล่ล่าพวกเขาอย่างอุกอาจ
ส่วนด้านหน้ามีหน่วยซุ่มและผู้ดูแลอีกหลายคน
ทั้งสองตกอยู่ในสถานนะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นก็คือเทียนเจี้ยนจงได้พุ่งออกมาจากซากปรักหักพังของตำหนักแล้วอีกด้วย
!
ท้ายที่สุดมันก็เป็นหนึ่งในสุดยอดฝีมือของดินแดนนี้
ผู้มีพลังยุทธ์ในขอบเขตปราณฟ้า ถึงแม้มันจะประมาทและถูกทำร้ายโดยหัตถ์ปราณผลาญฟ้าของจี้เทียนซิง
แต่อย่างไรเสียมันก็มีพลังคุ้มกายที่แข็งแกร่งทรงพลังจนสามารถลดทอนพลังฝ่ามือของอีกฝ่ายได้โดยไม่เกิดอันตรายใดๆ
พลังฝ่ามือของจี้เทียนซิงได้กระตุ้นต่อมโทสะ ทำให้มันรู้สึกเสียหน้าจนกลายเป็นเกรี้ยวกราดเดือดดาล
"จี้เทียนซิง ข้าประมุขจะถลกหนังเจ้า !"
เทียนเจี้ยนจงคำรามกึกก้อง คนเปลี่ยนเป็นลำแสงสีแดงเพลิงทะยานออกมาจากซากปรักหักพัง
พุ่งเป็นริ้วลำแสงตรงเข้าหาจี้เทียนซิงและหยุนเหยา
สถานการณ์ของทั้งสองตกอยู่ในขั้นวิกฤติสุดขั้ว
หากพวกเขาไม่รีบหนีก็จะถูกกรุ้มรุมโจมตีจากเหล่ายอดฝีมือที่แข็งแกร่ง
เมื่อถึงตอนนั้นต่อให้มีปีกบินก็ยากที่จะหนีและต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย !
ในช่วงเวลานี้เองจี้เทียนซิงก็หยิบยันต์คาถาชิ้นที่สองที่ฉู่เทียนเซิงมอบให้ออกมาจากแหวนมิติ
พลังลมปราณมหาศาลถูกถ่ายเทลงบนฝ่ามือของเขา
ส่งผ่านไปยังยันต์คาถา คนกระซิบแผ่วเบาว่า “คาถาว่างเปล่า!"
ยันต์คาถาเกิดการเผาไหม้กลายเป็นสีดำในทันที มันส่องแสงเปล่งประกายแสงสีขาวและควบแน่นเป็นประตูแสงรูปไข่
เมื่อประตูแสงสีขาวก่อตัวขึ้น
จี้เทียนซิงก็ฉุดลากหยุนเหยามาที่ประตูแสง
"วูบ !"
เมื่อแสงสีขาวส่องประกาย
ทั้งสองก็หายวับไปกับตา
ประตูแสงสีขาวรูปไข่ทรุดตัวลงและสลายตัวกระจายออกไปทันที
กลายเป็นริ้วลำแสงสีขาวเบาบางที่กระจัดกระจายในยามราตรี
ในเวลาต่อมาผู้พิทักษ์และผู้ดูแลหลายต่อหลายคนที่จับดาบควงกระบี่
ตัดผ่าท้องฟ้าจู่โจมเข้าหาทั้งสองจนเกิดเสียงระเบิดและทำให้พื้นดินเกิดหลุมขนาดใหญ่
ตูม
!! ตูม
! ตูม
!!
เสียงกัมปนาทดังกึกก้องไปทั่วฟ้า
ฝุ่นละอองพัดพลิ้วกระจายไปทั่วบริเวณ
เมื่อฝุ่นควันบนท้องฟ้าหายไป
เทียนเจี้ยนจงและผู้เฒ่าหลายคนก็มุ่งหน้ามาถึงจุดที่ทั้งสองคน ‘เคย’ อยู่
ใต้ระเบียงด้านนอกประตู พื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยรอยปริแตก
หลงเหลือเพียงหลุมลึกขนาดใหญ่ แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของจี้เทียนซิงและหยุนเหยา ?
เมื่อเห็นภาพนี้ดวงตาของเทียนเจี้ยนจงก็เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย
คนคำรามด้วยโทสะ “ตามจับพวกมันให้ได้ !”
"ต่อให้พวกมันหนีไปสุดขอบโลก
พวกเจ้าก็ต้องฆ่ามันให้ได้ !!”
ทุกคนรอบๆสัมผัสได้ถึงความโกรธกริ้วของเทียนเจี้ยนจงและไม่กล้าเอ่ยปาก
ผู้ดูแลและผู้พิทักษ์เกราะดำจำนวนมากแยกย้ายกันออกตามหาร่องรอยของจี้เทียนซิงและหยุนเหยาเป็นพัลวัน
เดิมทีแผนการของเทียนเจี้ยนจงนับว่าสมบูรณ์แบบ
ทุกขั้นตอนล้วนดำเนินไปอย่างสะดวกราบรื่น
หากไม่มีเหตุสุดวิสัยอื่นใด
ป่านนี้มันคงได้หัวของทั้งสองคนไว้ประดับนิกายแล้ว
แต่มันคาดไม่ถึงว่าผลลัพธ์สุดท้ายกลับเป็นเช่นนี้
!
ตำหนักสองแห่งของเทียนเจี้ยนจงถูกทำลายยับ
ผู้พิทักษ์มากกว่าสิบและผู้ดูแลถูกทำร้ายสาหัสบางส่วนก็ตกตาย
แต่จี้เทียนซิงและหยุนเหยากลับหนีไปได้ !
สิ่งนี้จะไม่ทำให้เทียนเจี้ยนจงโกรธจนคลั่งได้อย่างไร
?
ในเวลาเดียวกัน, ผู้เฒ่าชุดม่วงคนหนึ่งก็เดินมากระซิบๆข้างมันพลางกล่าวว่า
“ท่านประมุขอย่าได้มีโทสะจนเสียกิริยา
แขกเหรื่อมากมายยังอยู่ที่นี่ ท่านจะทำอย่างไรต่อขอรับ ?”
เทียนเจี้ยนจงสูดหายใจเข้าลึกหลายครั้งก่อนที่จะค่อยๆข่มความโกรธลงได้
มันหันไปมองในห้องโถงและได้เห็นสีหน้าท่าทางที่ซับซ้อนของผู้คน
มันก้าวยาวๆเดินตรงเข้าไปพลางกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ว่า
“สหายทุกท่าน
เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นที่น่าโมโหขึ้นในวันเกิดของข้า
ข้าโกรธแค้นและทุกข์ใจยิ่งนัก”
"ความหยิ่งผยองและความโหดร้ายทารุณของนิกายพันธมิตรสวรรค์เมื่อครู่นี้
ข้าเชื่อว่าพวกท่านทุกคนคงได้ประจักษ์ต่อสายตาแล้ว”
“ข้ามีเรื่องที่ยังต้องทำจึงมิอาจสร้างความบันเทิงให้กับทุกท่านได้
ข้าหวังว่าทุกท่านจะเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ"
ด้วยอารมณ์ของเทียนเจี้ยนจงในตอนนี้
คำพูดมากมารยาทเหล่านี้นับว่าให้ความเกรงใจแขกเหรื่อมากพอแล้ว
ซึ่งก็แน่นอน ทุกคนจากต่างสถานที่ล้วนเป็นผู้เจนโลก
พวกมันเข้าใจคำหมายความในวาจาของเทียนเจี้ยนจงเป็นอย่างดีว่าเจ้าภาพกำลังส่งแขกแล้ว
ดังนั้นทุกคนจึงค่อยๆทยอยเดินลงจากเขาไปตามๆกัน
เทียนเจี้ยนจงขี้คร้านเกินกว่าจะเสียเวลาส่งแขก
มันไม่สนใจผู้มาร่วมงานอีกต่อไป หลังจากพูดจบก็หันหลังเดินจากไปพร้อมกับอาวุโสหลายคน
.............
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ทุกคนก็กลับเข้าไปในห้องโถงและเริ่มสนทนากัน
ผู้เฒ่าชุดม่วงคนหนึ่งที่คร่ากุมร่างไร้สติของเอี๋ยนเอ๋อร์ไว้พลันเอ่ยปากถามเทียนเจี้ยนจงว่า
“ท่านประมุข
จะเอาอย่างไรกับเจ้าเด็กน้อยนี่ดีขอรับ ? ฆ่ามันทิ้งเลยหรือไม่ ?"
เทียนเจี้ยนจงเหลือบมองไปที่เอี๋ยนเอ๋อร์ในมือของผู้เฒ่าชุดม่วงพลางตะโกนออกคำสั่งว่า
“เอามันไปขังไว้ในห้องลับและจับตาดูอย่างเข้มงวด
ห้ามให้หนีและอย่าให้ตายเด็ดขาด !”
"เจ้าเด็กคนนี้เป็นรัชทายาทแห่งเผ่าอัคคีแดนทักษิณ
หากมันเกิดตายในอาณาเขตเราขึ้นมา พวกเจ้าจะต้องถูกฝังไปพร้อมกับมัน !”
ผู้เฒ่าชุดม่วงผงกหัวลนลานรับคำสั่งในทันที
จากนั้นหันหลังเดินออกจากห้องโถงพร้อมกับเอี๋ยนเอ๋อร์ที่หมดสติ
เทียนเจี้ยนจงออกคำสั่งต่อไปกับผู้เฒ่าและผู้อาวุโสอีกหลายคน
“พวกเจ้าที่เหลือพาคนออกไปค้นหารอบๆ
หาตัวจี้เทียนซิงและหยุนเหยาให้ได้ !”
"พบเมื่อไหร่ให้ฆ่าได้ทันที !"
“ขอรับท่านประมุข
!”
ผู้เฒ่าหลายคนกำหมัดรับคำสั่งในทันที จากนั้นก็แยกย้ายกันออกจากห้องโถงอย่างรวดเร็วเพื่อไปปฏิบัติตามคำสั่ง
หลังจากทั้งหมดออกไปแล้ว
เทียนเจี้ยนจงก็พยักหน้าให้เทียนจี้เจิ้นเหรินพลางเดินตามกันเข้าไปในห้องลับที่เต็มไปด้วยความลึกลับห้องหนึ่ง
ภายในห้องลับอันมืดมิดนั้นมีคนอยู่สองคน
หนึ่งในนั้นคือซื่อเหวินหยูที่นอนอยู่บนเตียงหยกน้ำแข็ง
ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือหวงฟู่
หลังจากเทียนเจี้ยนจงนำเทียนจี้เจิ้นเหรินเข้ามาในห้องลับ
มันก็ไม่อาจอดใจรอได้อีกและกล่าวว่า “เจิ้นเหริน เร็วเข้าเถอะ
รีบช่วยเหวินหยูให้ฟื้นขึ้นมาเร็ว
ขืนชักช้าไปกว่านี้อาการบาดเจ็บของมันจะยิ่งกำเริบ"
เทียนจี้เจิ้นเหรินพยักหน้าพลางโบกมือร่ายเคล็ดวิชา
จี้สกัดจุดตามร่างกายของซื่อเหวินหยู
ต่อจากนั้นมันก็หยิบโอสถจากแหวนมิติและยัดเข้าไปในปากของอีกฝ่าย
ทั้งหมดรอคอยอย่างอดทนอยู่พักหนึ่ง
แต่ทว่า... ซื่อเหวินหยูก็ยังคงนิ่งเฉยและไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนอง
เมื่อได้เห็นสถานการณ์นี้
เทียนเจี้ยนจงพลันคิ้วกระตุกด้วยความสงสัย
มันเดินไปข้างๆซื่อเหวินหยูพลางเหยียดมือออกไปแตะหน้าผากของอีกฝ่ายและพบว่าอุณหภูมิร่างกายของมันเย็นเฉียบอย่างน่าประหลาด
คนหันควับไปมองเทียนจี้เจิ้นเหรินและถามว่า “เจิ้นเหริน นี่มันเรื่องอะไรกัน ? ทำไมเหวินหยูถึงยังไม่ฟื้น ?"
“ฟุ่บ !”
เทียนจี้เจิ้นเหรินถลาไปข้างหน้าและรีบตรวจดูชีพจรและการเต้นของหัวใจซื่อเหวินหยูอย่างถี่ถ้วน
จากนั้นคนกลายเป็นคิ้วขมวดมุ่น
สีหน้าหดหู่และกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักอึ้งว่า “ท่านประมุข เหวินหยู... เขา ไฮ้ ! เราช่วยเขาไม่ทันการเสียแล้ว"
"ว่าอะไร ? อะไรคือช่วยไม่ทันการ ??!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเทียนจี้เจิ้นเหริน เทียนเจี้ยนจงก็หน้าถอดสีจนซีดเผือด ดวงตาของมันเบิกกว้างและเผยสีหน้าไม่อยากเชื่อออกมา
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved