ตอนที่ 56

ความอลหม่าน

สมาชิกตระกูลจี้เผยสีหน้าตกตะลึงเป็นเวลานานและยังไม่ได้สติกลับมา

16 ปราณกระบี่อันแยบยลปรากฏให้เห็นต่อหน้าพวกเขาจนทำให้เบิกตากว้างและมิอาจกระพริบลง

!

แม้แต่จี้หรูเฟิ่งและยอดฝีมือทั้งหลายในวันนี้ต่างก็ตะลึง

พวกมันเพิ่งค้นพบว่าในโลกนี้ยังมีศาสตร์กระบี่อันลี้ลับเช่นนี้ดำรงอยู่ด้วย

!

แต่นอกเหนือไปจากความตกตะลึงและตกใจ

จี้หรูเฟิ่งยังเต็มไปด้วยความโกรธกริ้วและริษยามากล้น

ทำไมศาสตร์กระบี่อันลี้ลับที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

ถึงตกอยู่ในมือของจี้เทียนซิง ?!

มันเป็นบุรุษที่พลังฝีมือถูกทำลายไปแท้ๆ  แต่นี่มันโอกาสอันใด ?  เหตุใดมันถึงได้ครอบครองพลังอันน่าอัศจรรย์เช่นนี้

?

จี้หรูเฟิ่งไม่เข้าใจ  ใบหน้าของมันเขียวคล้ำอย่างขุ่นแค้น

จี้ห่าวก็จ้องมองไปยังจี้เทียนซิงด้วยดวงตาที่แดงก่ำอย่างริษยาเช่นกัน  เสียง ‘กร๊อบ

กร๊อบ’ ที่กำปั้นทั้งสองข้างของมันดังขึ้นจากการกำอย่างแนบแน่น  มันแค้นจนแทบอยากจะกระอักโลหิต

ในเวลานี้เองจี้เทียนซิงรู้สึกผ่อนคลายได้ในที่สุด

ในโอกาสที่ฝูงชนกำลังงุนงง

เขารีบชักนำ 16 ปราณกระบี่กลับเข้าร่างอย่างรวดเร็ว

นับตั้งแต่ที่เขาควบแน่นตัวอ่อนของกระบี่สำเร็จและตัดผ่านมายังเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริง  นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ไพ่ตายนี้ในการต่อสู้

แยกปราณกระบี่และใช้ปราณกระบี่ก่อรูปเป็นกระบี่

นี่คือทักษะเฉพาะของวิถีดวงใจกระบี่

เคล็ดวิชาอันลี้ลับของเต๋ากระบี่ที่ไม่เคยมีมาก่อนและไร้เทียมทาน !

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้วิถีลับในการสังหารยอดฝีมือในเขตแดนเชื่อมลมปราณจนตายคาที่  อารมณ์ของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน

ถึงแม้ว่ายอดฝีมือที่ตกตายไปนั้นจะแขนขาดและได้รับบาดเจ็บสาหัส

แต่ความแข็งแกร่งของมันก็ยังมีเกือบถึงครึ่งหนึ่งในยามสมบูรณ์พร้อม

นอกจากนี้ตัวเขาเองก็มีระดับพลังเพียงแค่ต้นกำเนิดแท้จริงเท่านั้น

สิ่งนี้คือข้อพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของวิถีดวงใจกระบี่อันน่าทึ่ง !

อย่างไรก็ตาม

การต่อสู้นองเลือดภายในตระกูลยังไม่สิ้นสุด จี้เทียนซิงจึงยังไม่อาจวางใจได้

เขาหันไปมองผู้คนรอบๆและตระหนักสถานการณ์โดยรวมได้ในทันที

ผู้พิทักษ์ตระกูลจี้ทั้งหมด

12 คนได้ล้มลงไป 8 คน

2 ในนั้นได้รับบาดเจ็บรุนแรงคุกเข่าอยู่กับพื้น แต่อีก

6 คนจมลงในกองเลือดตกตายไปเสียแล้ว

ผู้เหลือรอดทั้งหมด

6 คนต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกห้อมล้อมจากหลิงซือไห่และยอดฝีมือที่เหลือของมัน

เดิมทีหลิงซือไห่มียอดฝีมือ

5 คนรวมตัวมันเองที่ยังสู้รบได้

แต่ตอนนี้เหลือเพียง 3 คนเท่านั้น

หนึ่งคนที่แขนขาดถูกจี้เทียนซิงสังหาร  อีกหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ตกตายลงด้วยการร่วมมือของเหล่าทหารผู้พิทักษ์ตระกูลจี้

ดังนั้นตอนนี้มีเพียงหลิงซือไห่และยอดฝีมือเชื่อมลมปราณอีกสองคนเท่านั้นที่เหลือรอด

พวกเขาทั้งหมดต่างก็ยังคงต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งรุนแรง

หลังจากนั้นภายในพริบตา

ยามตระกูลจี้อีกสองคนก็ถูกแทงด้วยน้ำมือหลิงซือไห่จนล้มลงกับพื้นและไม่ขยับตัวอีกต่อไป

จี้เทียนซินกัดฟันแน่นแล้วพุ่งเข้าหาหลิงซือไห่และยอดฝีมือที่เหลือทันที

ในเวลานี้เอง

จี้ชางคงฝืนใช้พลังซัดคลื่นกระบี่อันพร่างพราวนับสิบสายออกไป

“ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ  !”

ยอดฝีมือเชื่อมลมปราณสองคนถูกคลื่นกระบี่บีบให้ต้องถอยจนได้รับบาดแผลอีกหลายแห่ง

หลิงซือไห่ก็มิได้ดีไปกว่ากันเท่าไรนัก

มันถูกทิ่มแทงด้วยคลื่นกระบี่จนเกิดแผลเหวอะหวะยาวเท่าตะเกียบขึ้นอีกหลายแผล

มันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและยกมือกุมเอวที่เป็นแผลยาว

จากนั้นก็ถอยร่นไปที่ประตู

ดวงตาของมันจับจ้องไปที่จี้ชางคงอย่างขุ่นแค้นแสนสาหัส

“จี้ชางคง !

ความแค้นของตระกูลหลิงจักขอฝากไว้ก่อน

วันหน้าข้าจะตอบแทนเจ้ากลับคืนเป็น 10

เท่า

!”

"พวกเรา ถอย !"

หลังจากตะโกนอย่างขุ่นแค้นดุเดือด

หลิงซือไห่ก็หันหลังไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

ตามหลังมาด้วยยอดฝีมือที่เหลืออีกสองคนทะยานหนีไป

ถึงแม้ว่ามันจะรู้ว่าจี้ชางคงถูกพิษจนพลังฝีมือถดถอยใกล้ตายอยู่รอมร่อ

แต่จะอย่างไรเสีย เขาก็เป็นถึงยอดฝีมือเขตแดนเชื่อมลมปราณขั้นที่ 6 ที่น่าชัง ยากที่จะสังหารได้ในเวลาอันสั้น

ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและยอดฝีมือที่นำมาด้วยถึง

8 คนก็ตกตายไปแล้ว 6   ตอนนี้เหลือเพียง 2 คนเท่านั้น

ฝ่ายเขาเป็นเหมือนลูกศรที่ยิงไปสุดหล้าแล้ว

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้

เขาคิดอ่านได้เพียงต้องถอยไปตั้งหลักใหม่เสียก่อน

ที่สำคัญที่สุด

หากพัวพันนานเข้า เมื่อใดที่หอเงากระบี่ตระกูลจี้มาสมทบ พวกเขาจะต้องตายแน่นอน !

สมาชิกตระกูลจี้ทุกคนเห็นว่าหลิงซือไห่หนีไป

แต่ไม่มีผู้ใดคิดจะไล่ตาม

สภาพของจี้ชางกงในตอนนี้เป็นดั่งหมาป่าที่บาดเจ็บรุนแรง

โลหิตชโลมกายและไหลไม่หยุด ร่างกายของเขาสั่นโงนเงนราวกับจะล้มลงได้ทุกวินาที

“ท่านพ่อ !”

จี้เทียนซิงร้องคำหนึ่งและรีบวิ่งไปหาบิดาพลางกล่าวด้วยความเป็นห่วงว่า

“ท่านพ่อ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ? ข้าจะพาท่านไปรักษาตัวเดี๋ยวนี้ !”

จี้ชางคงข่มอาการบาดเจ็บเพื่อขู่อีกฝ่ายมาโดยตลอด  ในเมื่อยามนี้พวกมันหนีไปหมดแล้ว  วิกฤตร้ายแรงก็นับว่าผ่านพ้นไป

เขาไม่สามารถประคองร่างให้ยืนหยัดได้อีกจึงฟุบลงกับพื้น

มือซ้ายที่เปื้อนเลือดของเขาค่อยๆล้วงไปหยิบแผ่นป้ายสีน้ำตาลเข้มอันหนึ่งยัดเข้าไปในมือของจี้เทียนซิง

“นับแต่นี้ไป....  เทียนซิงจะเป็นผู้สั่งการตระกูลจี้แทนข้า

ในตำแหน่งหัวหน้าตระกูลจี้ !”

“สมาชิกตระกูลจี้ทุกคนจักต้องปฏิบัติตามคำสั่งของมัน

มิฉะนั้นจะต้องรับโทษตามกฏของตระกูล !”

จี้ชางคงตะโกนออกมาด้วยแรงเฮือกสุดท้าย

จากนั้นก็พ่นศรโลหิตแดงฉาดออกมากลางอากาศและหมดสติไป

ทุกคนที่อยู่ในลานกว้างต่างก็ตกใจ

!

ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจี้ชางคงจะมอบตำแหน่งหัวหน้าตระกูลให้จี้เทียนซิงในยามนี้

!

เขามอบตำแหน่งหัวหน้าตระกูลชั่วคราวให้บุตรชายสั่งการแทนจริงๆ

!

รุ่นเยาว์ตระกูลจี้หลายคนเต็มไปด้วยสีหน้าหนักอึ้งและยังไม่ได้สติกลับคืนมา

จี้หรูเฟิ่งและอาวุโสหลายต่อหลายคนสีหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลาย

ดวงตาของพวกเขาทอประกายเย็นยะเยือก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจี้หรูเฟิ่งที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในแผนการและมันสมองของตนเอง

มันคิดคำนวณไว้แล้วว่าวันนี้ทุกอย่างจะต้องราบรื่น  จี้ชางคงและจี้เทียนซิงจะต้องตายแน่นอน

แต่ผลที่ตามมาก็คือไม่เพียงแค่หลิงซือไห่จะทำไม่สำเร็จจนต้องหนีไป

ยอดฝีมือเขตแดนเชื่อมลมปราณอีกหลายคนต่างก็ตกตายสิ้น

แผนการของเขาล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

!

อีกทั้งเหตุการณ์นี้กลับกลายเป็นชนวนให้จี้ชางคงส่งมอบตำแหน่งหัวหน้าตระกูลจี้ให้จี้เทียนซิงก่อนเวลาอันควรอีกด้วย

!

ท้ายที่สุดจี้ชางคงก็อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าตระกูลมาเป็นเวลาหลายปี

อย่างไรก็ตาม

เขาตระหนักถึงปัญหาอย่างรวดเร็วและมุมปากยกโค้งขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ เนื่องจากเขาขบคิดในใจได้ความว่า การที่จี้ชางคงมอบตำแหน่งหัวหน้าตระกูลให้จี้เทียนซิงอย่างฉุกละหุกเช่นนี้ก็แสดงว่าเวลาของมันกำลังจะหมดลง  มันใกล้ตายแล้วใช่หรือไม่ ?

เมื่อนึกขึ้นได้

ความโกรธภายในใจของเขาก็สลายไปเกือบหมดและลอบกำหมัดอย่างเงียบๆ

ในตอนนี้จี้เทียนซิงเพียงกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของบิดา

หัวสมองปั่นป่วนและหน้าอกพองขึ้นอย่างเคร่งเครียดเต็มไปด้วยอาการร้อนรน

เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องตำแหน่งหัวหน้าตระกูลมากนัก

แต่เขารีบออกคำสั่งในนามหัวหน้าตระกูลจี้ให้เก็บกวาดสถานที่และพาบิดากลับไปที่ห้องอย่างรวดเร็ว

หลังจากพาบิดากลับมาที่ห้อง

เขารีบสั่งให้ทหารตามหมอมาดูอาการและทำแผลให้บิดาทันที

ในเวลานี้เองข่าวที่หัวหน้าตระกูลจี้, จี้ชางคงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากตระกูลหลิงได้แพร่กระจายไปในเขตปกครองตระกูลจี้ทั้งหมดทันที

ทุกคนในตระกูลต่างก็สับสนอลหม่าน

หลายๆคนอยู่ไม่สุขและไม่สบายใจ

อีกทั้งในช่วงเวลาที่หลิงซือไห่ขนยอดฝีมือเข้ามาในตระกูลจี้

มีชาวบ้านหลายคนเห็นเหตุการณ์นี้ จึงกลายเป็นข่าวแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองจักรวรรดิอย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง

เรื่องราวใหญ่โตนี้ทำให้ประชาชนพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด

และข่าวลือเริ่มกระจายไปทั่ว

......

สามกิโลเมตรไกลออกไปจากเคหะตระกูลจี้

มีสวนป่าสวรรค์ตั้งอยู่

คฤหาสน์สุดหรูแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่เกือบ

100 เอเคอร์และเป็นลานกว้างภายใต้การครอบครองของราชวงศ์ สภาพแวดล้อมนั้นงดงามและหรูหราอย่างยิ่ง

โดยปกติแล้วพื้นที่แห่งนี้จะไม่มีคนอาศัยอยู่

มีเพียงเฉพาะเวลาที่มีแขกของราชวงศ์หรือตระกูลจักรพรรดิมาเยือเท่านั้นจึงจะเปิดใช้งาน

มีเพียงผู้ที่มีคุณสมบัติและอำนาจสูงส่งเท่านั้นถึงจะพักอาศัยที่นี่ได้

ในลานกว้างมีเจดีย์สูงกว่ายี่สิบชั้นตั้งอยู่  บนยอดเจดีย์ยืนอยู่ด้วยบุคล 3 คน เป็นบุรุษ 2 สตรี 1

สตรีงดงามที่ยืนอยู่ตรงกลางสวมอาภรณ์สีขาวพิสุทธิ์

นางก็คือหยุนเหยา

ส่วนบุรุษหนุ่มรุ่นเยาว์ทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆนางก็คือห่าวเมิ่งและไป๋หวู่เชิน

คนทั้งสามทักทายท้องนภาและสายลม

โดยยืนอย่างงามสง่าอยู่ด้านบนสุดของเจดีย์ อีกทั้งยังมองเห็นเคหะตระกูลจี้อีกด้วย

เหตุการณ์นองเลือดที่เกิดขึ้นในตระกูลจี้

พวกเขาทั้งสามล้วนเห็นอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม

ทั้งสามเพียงดูอย่างเงียบๆตั้งแต่ต้นจนจบ