ผู้คนของนิกายกระบี่ฟ้าต่างก็ปรีดาจนเนื้อเต้น รอคอยที่จะเพลิดเพลินไปกับฉากอันน่าตื่นตาของจี้เทียนซิงที่ตกตายอย่างไม่มีชิ้นดี
ส่วนคนของนิกายพันธมิตรสวรรค์ต่างก็กำหมัดแน่นด้วยความโศกเศร้าและคับแค้นใจ
ดวงตาของพวกมันเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยจนแดงก่ำ
ทันใดนั้นเทียนเจี้ยนจงแค่นเสียงเย็นด้วยความโกรธเกรี้ยว
ยกฝ่ามือขวาขึ้นฟ้า ฟาดซัดเข้าหาจี้เทียนซิงที่อยู่ห่างออกไปเพียงยี่สิบก้าว
"หัตถ์ฟ้าทลาย !!"
"เดรัจฉานน้อย มอบชีวิตมา !”
สิ้นเสียง ฝ่ามือหลากสีสันขนาดมหึมาที่มาพร้อมกับพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ทำลายแผ่นฟ้า
ปรากฏภาพเบื้องหน้าจี้เทียนซิงในทันที
ชายหนุ่มยังคงสีหน้าหนักแน่นมั่นคงไร้ซึ่งความกลัวและไม่หวั่นไหว
ดวงตาของเขา เพ่งมองจับจ้องไปที่ฝ่ามือหลากสี
เส้นประสาทรับรู้ทุกเส้นตึงแน่นจนถึงขีดสุด
วินาทีที่หัตถ์ฟ้าทลายกระทบร่าง
เงาดำขนาดใหญ่พลันระเบิดขึ้นสู่ท้องฟ้าในทันที ทันที
"วิ้ง
!"
ท่ามกล่างเสียงดังสะเทือนนภา อนุสาวรีย์กระบี่ยักษ์ที่ตั้งตะหง่านสูงกว่าพันฟุตพลันปรากฏขึ้น
อนุสาวรีย์กระบี่เล่มนี้ประดุจดั่งขุนเขาที่โดดเดี่ยว
โผล่ตั้งขึ้นกลางจัตุรัส ปกคลุมแผ่นฟ้าอย่างสมบูรณ์
ทั่วทั้งจัตุรัสตกอยู่ในรัตติกาลทมิฬ
ไอมรณะปกคลุมไปทุกหย่อมหญ้าโดยไร้ซึ่งขอบเขต
กลิ่นไอแห่งความตายทำให้ทั้งจัตุรัสเสมือนตกอยู่ในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ
อุณหภูมิลดลงจนสุดขั้ว ทุกคนรู้สึกเย็นสันหลังวูบและตัวสั่น
เงาร่างของจี้เทียนซิงหายไป
ถูกปกคลุมถมทับไว้ด้วยอนุสาวรีย์กระบี่อันตระการตา
เต็มไปด้วยแรงกดทับราวกับทัณฑ์เทวาและความตาย
เขาได้รับการปกป้องจากอนุสาวรีย์กระบี่ดำที่พุ่งทะลุท้องฟ้า
ทอดตามองดูหัตถ์ปราณหลากสีสันที่กระแทกเข้าใส่จังเบอร์
"ตูมมมมม
!!!"
เสียงดังสนั่นสั่นสะเทือนโลกาพลันระเบิดขึ้น
เสียงดังกระจายไปทั่วรัศมีนับร้อยไมล์ และยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดนั้นกลายเป็นสั่นสะเทือนราวกับจะพังพินาศมาทั้งลูก
พลังอันน่าสะพรึงกลัวจากการยุบตัวลงของท้องฟ้าพลันปะทุขึ้นอย่างสมบูรณ์
ปลดปล่อยเปลวเพลิงสีสันสดใสปกคลุมไปทั่วเวหา
“เปิดม่านคุ้มกาย
! เร็ว !”
ผู้ฝึกยุทธ์แทบทุกคนบนยอดเขาต่างก็ถอยรูดไปจนถึงชายขอบจัตุรัสและตะโกนร่ำร้องให้พรรคพวกโคจรพลังปราณใช้ม่านพลังคุ้มกาย
ฝ่ามือลากสีสันกระแทกใส่กระบี่ทมิฬ
ก่อให้เกิดคลื่นกระแทกที่รุนแรง สรรพแสงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายไปทุกทิศทุกทางกวาดต้อนไปทั่วทั้งภูเขา
พื้นดินของจัตุรัสถูกระเบิดจากแผ่นดินไหว
อีกทั้งยังมีหุบเหวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นพร้อมกับรอยร้าวปริแตกที่หนาแน่น
ตำหนักและบ้านเรือนที่อยู่ใกล้เคียงหลายสิบแห่งถูกคลื่นแรงสั่นสะเทือนจนทำให้ผนังเกิดรอยร้าวนับไม่ถ้วน
หลังคาโรยด้วยกองหินดินทรายไม่หมดไม่สิ้น
แม้แต่ต้นไม้บนภูเขาก็ยังถูกพัดพาไปด้วยคลื่นกระแทกสรรพสีกลายเป็นเละเทะยุ่งเหยิง
ต้นไม้เล็กๆและวัชพืชถูกถอนรากถอนโคนจนเหี้ยน
ต้นไม้สูงตระหง่านอายุหลายร้อยปีต่างก็หักโค่นลง
ยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยริ้วรอยของความพินาศ
ราวกับมันเป็นหายนะจากวันสิ้นโลก
ศิษย์สาวกนับไม่ถ้วนของนิกายกระบี่ฟ้าตัวสั่นเทา หัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
บ้างก็วิ่งแจ้นหลบหนีไปไกล
เหล่ายอดฝีมือและผู้เข้มแข็งหลายคนในจตุรัสต่างก็มองดูฉากนี้ด้วยอาการตกตะลึง
ฝูงชนมิได้เพียงแค่ตกตะลึงจากพลังทำลายอันน่าสะพรึงของหัตถ์ฟ้าทลายเท่านั้น
แต่ยังมาจากอนุสาวรีย์กระบี่ยักษ์อันลึกลับที่ปรากฏออกมาจากอากาศที่เบาบาง
เทียนจี้เจิ้นเหรินท่ามกลางฝูงชนแหงนหน้าขึ้นมองกระบี่ทมิฬ
ใบหน้าของมันเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ดวงตาสั่นระริกไปด้วยความสยดสยองและเหลือเชื่อ
"จะ.. จิตวิญญาณกระบี่ ! ที่แท้ก็เป็นเทวาจิตกระบี่ !"
"สิ่งนี้ยังคงอยู่ในโลก... มันยัง...คงอยู่ ในร่างของจี้เทียนซิงงั้นหรือ ?”
ในตอนนี้มวลอารมณ์ของเทียนจี้เจิ้นเหรินกลายเป็นซับซ้อนยิ่ง
มันพลันตระหนักทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมาได้ในทันทีและเข้าใจเรื่องราวต่างๆมากมาย
ความรู้สึกของมันยิ่งกลายเป็นตื่นเต้นยินดีเป็นล้นพ้น
แม้แต่เทียนเจี้ยนจงก็ยังมองดูอนุสาวรีย์กระบี่ทมิฬด้วยความประหลาดใจและหลงลืมความโกรธแค้นไปชั่วครู่เลยทีเดียว คนพึมพำเสียงสั่นออกมาว่า
“สิ่งนี้.... คืออะไรกัน ?”
มันเป็นเวลาเนิ่นนานกว่าที่เปลวเพลิงสรรสีที่ปกคลุมแผ่นฟ้าจะสลายหายไป
เสียงดังก้องกังวานระหว่างพสุธาและเวหาค่อยๆเลือนหาย
ฝูงชนได้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
สิ่งที่พวกมันได้เห็นคืออนุสาวรีย์กระบี่ทมิฬที่สูงตระหง่านได้หายไปแล้ว
ทั่วทั้งจัตุรัสเต็มไปด้วยรอยปริแตกเป็นเส้นริ้วลำธาร
แต่จี้เทียนซิงในชุดคลุมสีขาวกลับยืนตัวตรงอยู่ที่จุดนั้น
ร่างกายของมันดูไม่พบร่องรอยบุบสลาย ไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บที่เห็นได้ชัดราวกับว่ามันไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างที่ควรจะเป็น
แต่ใบหน้าของเขากลับซีดเหมือนกระดาษ
โลหิตไหลทะลักออกมาปกคลุมปากจมูก ชโลมเสื้อคลุมสีขาวจนเป็นรอยแดง
เขาพยายามประคองสติให้ตื่นตัวอยู่ตลอด
ร่างกายของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไรออกมา
ดวงตาเพียงจ้องมองไปที่เทียนเจี้ยนจงอย่างเยือกเย็น
แท้จริงแล้วเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสภายในอย่างมาก
อวัยวะภายในแทบทุกส่วนบีบรัดและเจ็บปวดไปทั่วร่าง
ในเวลาเดียวกันเสียงของจิตวิญญาณกระบี่จางเทียนก็ก้องขึ้นในใจ
"ไอ้หนู
พลังของข้ายังไม่ฟื้นฟูเท่าใดนัก
ข้าทำได้เพียงช่วยเจ้าลดทอนพลังของหัตถ์ฟ้าทลายไปได้เจ็ดส่วนเท่านั้น
นี่คือที่สุดของข้าในยามนี้ "
เสียงของจางเทียนกลายเป็นแหบพร่าและฟังดูอ่อนแรง
มันไม่ลึกลับและกดขี่ผู้คนเหมือนกาลก่อน
เห็นได้ชัดว่าเพื่อช่วยชีวิตของจี้เทียนซิงและต้านพลังฝ่ามือของเทียนเจี้ยนจง
มันได้ใช้พลังไปทั้งหมดและต้องรับแรงสะท้อนกลับไม่น้อย
จี้เทียนซิงตอบกลับจางเทียนในใจ “ผู้อาวุโส ขอบคุณท่านมากแล้ว”
"หลังจากแก้ปัญหาความบาดหมางในวันนี้
เทียนเจี้ยนจงจะไม่สามารถลงมือกับนิกายพันธมิตรสวรรค์ได้อีกระยะหนึ่ง มันจะทำให้ข้าพอมีเวลาเตรียมตัว..”
“ข้าจะต้องพัฒนาพลังฝีมือและตามหาลูกปัดแห่งดวงดาราให้ได้โดยเร็วที่สุด
!”
"เฮอะ !"
จางเทียนแค่นเสียงตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า
จากนั้นก็เงียบไปและนอนหลับสนิทเหมือนกาลก่อน
จี้เทียนซิงช้อนตามองเทียนเจี้ยนจงอย่างเย็นชา
พลางร้องตะโกนในใจด้วยความคั่งแค้นว่า “ประมุขนิกายกระบี่ฟ้า....เกาอวี่ ข้า
จี้เทียนซิงจะจดจำฝ่ามือนี้ไว้ในใจ”
“หลังจากข้าหลอมรวมโลหิตเทพกระบี่
ข้าจะตอบแทนเจ้ากลับคืนเป็นสิบเท่า !”
ในเวลานี้เองทุกคนในจัตุรัสก็เห็นเงาร่างของจี้เทียนซิงชัดตา
พวกมันนับไม่ถ้วนต่างก็แสดงสีหน้าประหลาดใจและอุทานอย่างไม่น่าเชื่อ
"สะ... สวรรค์ ! เป็นไปได้อย่างไร ?!"
"จี้เทียนซิงยังไม่ตาย ? แม้แต่ร่างกายก็ดูเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก
!”
"เหลือเชื่อ ! จี้เทียนซิงมันครอบครองสมบัติบ้าอันใดถึงสามารถหยุดพลังอันแข็งแกร่งในระดับปราณฟ้าได้
?”
"แล้วหอคอยสูงตระหง่านรูปกระบี่ยักษ์นั่นคืออะไรกัน...
?"
"ต่อให้มันเป็นศาสตราวุธวิเศษระดับปราณฟ้าก็ใช่ว่าจะสามารถปลดปล่อยกลิ่นอายยโสโอหังครอบงำสรรพสิ่งได้เยี่ยงนี้
!"
"ไม่น่าแปลกใจเลยที่จี้เทียนซิงกล้ารับฝ่ามือของประมุขเกาตรงๆ
ที่แท้มันครอบครองสมบัติวิเศษที่น่ากลัวเช่นนี้นี่เองมันถึงได้ไร้ความกลัว !”
ทุกคนตกตะลึงและพูดไม่ออก
ภาพที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ยากที่จะปักใจเชื่อหรือทำความเข้าใจได้
เทียนเจี้ยนจงเบิกตากว้างและกัดแฟนแน่น มันไม่สามารถยอมรับผลลัพธ์นี้ได้
ใบหน้าของมันกลายเป็นบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ ในใจเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเจตนาฆ่าฟัน
มันจ้องมองจี้เทียนซิงอย่างไม่พอใจและคำรามอย่างบ้าคลั่ง
“จี้เทียนซิง
! ทำไมเจ้าถึงไม่ตาย
?!"
"วันนี้เป็นเพราะเจ้ามีสมบัติวิเศษคุ้มกาย
แต่สักวันหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว ข้าประมุขจะฆ่าเจ้าให้จงได้ !"
“…..”
จี้เทียนซิงจ้องมองอีกฝ่ายด้วยแววตาว่างเปล่าและไม่ได้พูดตอบโต้อะไร
วูบ !
ในวินาทีต่อมา หยุนเหยาทะลึ่งกายไปเบื้องหน้าเป็นคนแรก
พุ่งเป็นรุ้งลำแสงไปหาเขาด้วยความเร็วสูงสุด
จ้องมองอีกฝ่ายด้วยความกังวล จากนั้นก็ร้องไห้ระคนดีใจกล่าวว่า “ศิษย์น้องเทียนซิง เจ้ายังไม่ตาย !”
ไม่มีผู้ใดคาดคิด
หยุนเหยาผู้เย่อหยิ่งถือดีและเย็นชาสุดขั้วราวกับนางฟ้าบนสวรรค์กลับออกอาการถึงขนาดนี้
ดวงตาคู่งามที่กระจ่างใสของนางเกิดชั้นหมอกของสายน้ำ
เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี
หลังจากนั้นแทบจะในทันที ฉู่เทียนเซิงและผู้อาวุโสหลายคนก็มารวมตัวกันเพื่อดูอาการบาดเจ็บของจี้เทียนซิงด้วยความกังวล
จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายพันธมิตรสวรรค์ก็เดินแทรกฝูงชนเข้าไปทางฝั่งนิกายกระบี่ฟ้า
นำตัวเอี๋ยนเอ๋อร์ที่หมดสติกลับคืนมาจากผู้เฒ่านิกายกระบี่ฟ้า
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved