ความในใจ
ทุกคนล้วนให้เคารพต่อจักรพรรดิจ้งโจวและโอรสสวรรค์เป็นอย่างมาก
โอรสสวรรค์ไม่เพียงแค่มีความโดดเด่นเหนือผู้ใดในใต้หล้า
แต่ยังเต็มไปด้วยพลังและความศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย
ถึงแม้ว่าเหล่าหัวหน้าศิษย์จะเป็นยอดฝีมืออัจฉริยะของรุ่นเยาว์
แต่หากนำมาเทียบกับโอรสสวรรค์แล้วก็เหมือนกับดินโคลนที่ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง !
เมื่อได้ฟังว่าโอรสสวรรค์กำลังเลือกเฟ้นนางสนม
และหยุนเหยาก็คือหนึ่งในตัวเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุดที่จะได้เป็นนางสนม
หัวหน้าศิษย์ทั้งหลายก็เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
แม้กระทั่งหัวหน้าศิษย์ที่เป็นบุรุษเพศบางคนก็ยังอดคิดมิได้ว่าหากมันเองเป็นสตรีจะต้องต่อสู้กับหยุนเหยาเพื่อแย่งตำแหน่งนางสนม
ประมุขนิกายกระบี่ฟ้ามองหยุนเหยาและกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า
“ทุกท่านต่างทราบกันดีว่าหลังจากองค์จักรพรรดิสละราชบัลลังก์
โอรสสวรรค์ก็จะขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไปและนางสนมของพระองค์ก็จะเป็นราชินีของเผ่าพันธุ์มนุษย์
มีศักดิ์เป็นมารดาของโลกมนุษย์และมีตำแหน่งสูงสุดบนโลก !”
“หากหยุนเหยาสามารถกลายเป็นนางสนมของโอรสสวรรค์ได้
ไม่เพียงแค่อาจมีสิทธิ์ขึ้นเป็นราชินีในอนาคตเท่านั้น แต่อาณาจักรเทียนเฉินของพวกเราก็ย่อมถูกยกย่องให้เป็นดินแดนที่ทรงอำนาจที่สุดในเก้าอาณาจักร
!”
เหล่าประมุขทั้งหลายพยักหน้าด้วยสีหน้าคาดหวัง
จากนั้นประมุขของนิกายเจิ้นอู๋ที่สวมเสื้อคลุมสีม่วงและถือพัดด้ามหยกขาวในมือก็ผุดลุกขึ้น
เขาคลี่พัดออกด้วยท่วงท่าราวกับบัณฑิตผู้คงแก่เรียนและโบกสะบัดเบาๆพลางจ้องมองหยุนเหยา
“คำสั่งขององค์จักรพรรดิตราตรึงในดวงใจและจิตวิญญาณของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทุกคน
ไม่มีผู้ใดสามารถปฏิเสธได้ หยุนเหยา, หากโอรสสวรรค์จะเลือกนางสนมก็ย่อมเลือกเฟ้นจากเจ้าและสตรีอัจฉริยะอีกสองนาง”
“เราประมุขเคยได้ยินกิติศักดิ์ของสตรีสองนางนั้นมาก่อน
พวกนางเป็นจอมยุทธ์หญิงที่มากความสามารถและพรสวรรค์ คุณสมบัติไม่ยิ่งหย่อนไม่กล้าเจ้าแม้แต่น้อย
หากเจ้าต้องการเป็นนางสนม
เจ้าก็ต้องพยายามให้มากและประพฤติตนให้ดีเพื่อที่จะได้รับความโปรดปรานจากโอรสสวรรค์”
ดวงหน้างามหมดจดของหยุนเหยายังคงดูไร้อารมณ์
ดวงตาคู่งามช้อนขึ้นอย่างสงบเยือกเย็นและกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องให้พวกท่านกระตุ้นเตือน
ประกาศิตองค์จักรพรรดิหยุนเหยาย่อมมิกล้าฝ่าฝืน อย่างไรก็ตาม หยุนเหยาเพียงมุ่งมั่นต่อมรรคายุทธ์และไม่เคยคิดถึงเรื่องรักๆใคร่ๆตามประสาเด็กแม้แต่น้อย”
ความหมายของนางชัดเจนมาก
นางไม่อาจต่อต้านเจตจำนงของจักรพรรดิแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ นางทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับการคัดเลือกเข้าเป็นนางสนมของโอรสสวรรค์พร้อมกับสตรีจากอีกสองอาณาจักรเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม
ชั่วชีวิตนางเพียงมุ่งมั่นไขว่คว้าตามหาจุดสูงสุดของวิทยายุทธ์เท่านั้น นางไม่เคยมีความคิดริเริ่มที่จะเข้าไปออดอ้อนเพื่อได้รับความโปรดปรานจากโอรสสวรรค์
และที่สำคัญนางไม่ต้องการเป็นนางสนม
ประมุขนิกายเจิ้นอู๋และอีกหลายๆท่านสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที
แววตากระพริบด้วยสีสันแปลกๆ
ในขณะนี้เอง
ประมุขนิกายวายุอัคคีก็ยืนขึ้น
บุคคลผู้นี้รูปร่างผอมและมีใบหน้าดำคล้ำ
ทั่วร่างเต็มไปด้วยบรรยากาศอันสูงส่งและสง่างาม เขาขมวดคิ้วมองหยุนเหยาพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า
“หยุนเหยา โอรสสวรรค์เป็นมังกรแห่งมวลมนุษย์
หากเจ้าได้เป็นนางสนมของพระองค์ก็นับเป็นมหากรุณาและบุญวาสนาอันล้นพ้นแล้ว
นี่คือสิ่งที่อิสตรีทุกคนใฝ่ฝัน เจ้ากลับทำท่าไม่รู้สึกรู้สาได้อย่างไร ?”
ประมุขนิกายตันติงก็กล่าวอย่างเคร่งขรึมเช่นกันว่า
“หยุนเหยา ! เจ้าคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งของอาณาจักรเทียนเฉินเรา
หลายปีที่ผ่านมาเจ้าได้รับการชื่นชมและยกย่องจากผู้ฝึกยุทธ์ของทั้งสิบประเทศ ตอนนี้เจ้าควรจะสร้างคุณงามความดีให้แก่อาณาจักรเรา
ตราบใดที่เจ้ากลายเป็นนางสนมของโอรสสวรรค์
อาณาจักรแห่งนี้ก็จะขึ้นเป็นผู้นำของทุกอาณาจักร !”
“นอกจากนี้ หากเจ้าขึ้นเป็นนางสนมมันก็จะมีส่วนช่วยเสริมบารมีให้แก่ดินแดนดาราบรรพกาลและนิกายพันธมิตรสวรรค์”
จากนั้น
ประมุขนิกายพันใบไม้ร่วงก็ช่วยโน้มน้าวแกมบังคับหยุนเหยาให้นางมุ่งมั่นในการขึ้นเป็นนางสนม
เมื่อเผชิญหน้ากับการโน้มน้าวและแรงกดดันจากยอดฝีมือระดับประมุขนิกายหลายคน
หยุนเหยาก็ขมวดคิ้วเรียวงามขึ้นและรู้สึกรำคาญเล็กน้อย
แต่ทว่าประมุขของนิกายทั้งหลายกลับมองว่าเรื่องนี้เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ศักดิ์สิทธิ์และเกี่ยวพันถึงชะตากรรมของอาณาจักรเทียนเฉิน
มันทำให้นางอึดอัดและยากที่จะบอกปัดปฏิเสธได้เต็มปาก
ด้วยความหดหู่แกมรำคาญ
นางทำได้เพียงหาข้ออ้างจึงกล่าวขึ้นว่า “ท่านประมุขทุกท่าน
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ หยุนเหยามิอาจตัดสินใจเพียงลำพังได้
จำเป็นต้องกลับไปปรึกษาท่านอาจารย์ด้วย”
เมื่อเห็นภาพนี้จี้เทียนซิงก็ขมวดคิ้วและขบคิดในใจลับว่า
“ข้าเข้าใจแล้ว
มิน่าเล่าท่านอาจารย์ถึงหาข้ออ้างบ่ายเบี่ยงไม่มาเข้าร่วมประชุมสภาแปดนิกายในวันนี้
ที่แท้ท่านทราบเรื่องการคัดเลือกนางสนมของโอรสสวรรค์มาก่อนและรู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่จะต้องไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน
ท่านไม่อาจแสดงอาการออกมาได้เนื่องจากมีฐานะและตำแหน่งค้ำคอ นอกจากนี้ก็ยังไม่สามารถบีบบังคับศิษย์พี่ใหญ่ในเรื่องนี้ได้เช่นกัน
ดังนั้นหากท่านมาเข้าร่วมประชุมสภาก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก”
ก่อนหน้านี้เขาขบคิดเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมฉู่เทียนเซิงถึงได้ปล่อยให้เขากับหยุนเหยามาร่วมประชุมสภาแปดนิกาย
บัดนี้เขาเข้าใจแล้ว ทั้งหมดก็เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ตอนนี้นั่นเอง
ถึงแม้ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าจะเห็นว่าหยุนเหยามีข้ออ้างเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องนี้อย่างชอบธรรมก็ตาม
แต่เขาก็ยังไม่เห็นด้วย
เขาเลิกคิ้วขึ้นและมองนางด้วยท่วงท่าสง่างามพลางกล่าวว่า
“หยุนเหยา พลังอำนาจที่สูงส่งย่อมตามมาด้วยความรับผิดชอบที่มากขึ้นเป็นเงาตามตัว
ตอนนี้เจ้าคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งของอาณาจักรเทียนเฉิน เจ้าควรที่จะต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งนางสนมแก่อาณาจักรเรา
มันเป็นความรับผิดชอบและภาระผูกพันของเจ้า !”
“นิกายพันธมิตรสวรรค์ใช้ความพยายามอย่างมากและฝึกฝนเจ้าให้เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่ง เจ้าไม่คิดจะตอบแทนนิกายบ้างหรือ ? ตราบใดที่เจ้าได้เป็นนางสนมของโอรสสวรรค์
นิกายของเจ้าก็เหมือนติดปีกโบยบินสู่เก้าสวรรค์ ! เพื่อนิกาย เพื่อผู้คนนับล้านในดินแดนดาราบรรพกาล
ตลอดจนอาณาจักรเทียนเฉิน เจ้าจะต้องเป็นนางสนมของโอรสสวรรค์ !”
จี้เทียนซิงมองหน้าประมุขนิกายกระบี่ฟ้า
อีกฝ่ายยกนิกายและอาณาจักรมาข่มขู่ให้หยุนเหยารับปากช่วงชิงตำแหน่งนางสนม
เรื่องนี้ทำให้โทสะในใจของเขาเริ่มคุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งนิกายอื่นๆกล่าวเสริมอย่างกระตือรือร้นเพื่อโน้มน้าวหยุนเหยา
จี้เทียนซิงก็เหลืออดและยืนขึ้นตะโกนว่า
“น่าขัน
เรื่องนี้มันช่างน่าขันยิ่งนัก !”
ชายหนุ่มสบถและแค่นเสียงเย้ยหยันออกมา
ทันใดนั้นบรรยากาศภายในเวทีแห่งดวงดาราก็กลายเป็นเงียบกริบ
เหล่าประมุขและหัวหน้าศิษย์หลายคนหันมามองเขาทันที
เขาเพิกเฉยต่อแววตาแปลกแปร่งของทุกคน
สายตาเพ่งมองไปยังประมุขนิกายกระบี่ฟ้าเพียงผู้เดียวและหัวเราะเยาะ “ท่านนี่ช่างเลอะเลือนไร้เหตุผลสิ้นดี
ศิษย์พี่หยุนเหยาประกาศอย่างชัดเจนแล้วว่านางต้องการไล่ตามวิถีแห่งมรรคายุทธ์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด
นางไม่ต้องการเป็นนางสนมของโอรสสวรรค์และไม่คิดขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยวิธีลัดเช่นนี้”
“แต่แล้วดูกิริยาของพวกท่านซี่
เป็นถึงประมุขนิกายเสียเปล่าแต่กลับพยายามชักจูงโน้มน้าวบีบบังคับให้นางยอมเป็นนางสนมสวรรค์
ปากก็พร่ำบอกว่าเพื่อนิกาย เพื่ออาณาจักร เหลวไหล ! พวกท่านคิดถึงแต่อนาคตตัวเองต่างหาก
!”
“ท่านต้องการกระโจนก้าวใหญ่เพื่อทำให้นิกายรุ่งเรือง
แต่ท่านกลับข่มขู่ให้ศิษย์พี่ของข้าเสียสละตัวเองและบีบบังคับให้นางทำสิ่งที่ไม่อยากทำเช่นนี้
เพื่ออะไร ?!”
“พวกท่านมีคุณสมบัติพอที่จะตำหนินางงั้นหรือ ? เป็นอาจารย์นางรึเปล่า ก็เปล่า
หากพวกท่านอยากได้ตำแหน่งนางสนมนักทำไมไม่ทำเองเล่า ?”
จี้เทียนซิงกล่าวคำพูดมากมายที่อัดแน่นอยู่ในใจออกมาหมดสิ้นและทำให้ทุกคนเงียบไปทันที
คำพูดของเขาชัดเจนและเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของประมุขหลายคนอย่างหมดเปลือก
ตลอดจนจี้ใจดำถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของพวกเขาอีกด้วย
ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าและอีกหลายคนที่สนับสนุนในเรื่องนี้ต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
ดวงตาก็เปล่งประกายอันเยือกเย็น
ผ่านไปครู่หนึ่งประมุขนิกายกระบี่ฟ้าก็มีสีหน้ามืดครึ้ม
ดวงตาสาดแสงเย็นชาและมองจี้เทียนซิงพลางตะโกนออกมาว่า “ไอ้หนู เจ้ามีฐานะอะไร ? อย่างเจ้ายังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเปิดปากเสนอหน้าพูดที่นี่
!”
“เรื่องการเลือกสนมของโอรสสวรรค์เป็นประกาศิตขององค์จักรพรรดิ
ไม่มีผู้ใดกล้าฝ่าฝืนท้าทาย นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าแและหยุนเหยาจะตัดสินใจเองได้
!”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved