ตอนที่ 252

ความในใจ

ทุกคนล้วนให้เคารพต่อจักรพรรดิจ้งโจวและโอรสสวรรค์เป็นอย่างมาก

โอรสสวรรค์ไม่เพียงแค่มีความโดดเด่นเหนือผู้ใดในใต้หล้า

แต่ยังเต็มไปด้วยพลังและความศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย

ถึงแม้ว่าเหล่าหัวหน้าศิษย์จะเป็นยอดฝีมืออัจฉริยะของรุ่นเยาว์

แต่หากนำมาเทียบกับโอรสสวรรค์แล้วก็เหมือนกับดินโคลนที่ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง !

เมื่อได้ฟังว่าโอรสสวรรค์กำลังเลือกเฟ้นนางสนม

และหยุนเหยาก็คือหนึ่งในตัวเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุดที่จะได้เป็นนางสนม

หัวหน้าศิษย์ทั้งหลายก็เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา

แม้กระทั่งหัวหน้าศิษย์ที่เป็นบุรุษเพศบางคนก็ยังอดคิดมิได้ว่าหากมันเองเป็นสตรีจะต้องต่อสู้กับหยุนเหยาเพื่อแย่งตำแหน่งนางสนม

ประมุขนิกายกระบี่ฟ้ามองหยุนเหยาและกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า

“ทุกท่านต่างทราบกันดีว่าหลังจากองค์จักรพรรดิสละราชบัลลังก์

โอรสสวรรค์ก็จะขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไปและนางสนมของพระองค์ก็จะเป็นราชินีของเผ่าพันธุ์มนุษย์

มีศักดิ์เป็นมารดาของโลกมนุษย์และมีตำแหน่งสูงสุดบนโลก !”

“หากหยุนเหยาสามารถกลายเป็นนางสนมของโอรสสวรรค์ได้

ไม่เพียงแค่อาจมีสิทธิ์ขึ้นเป็นราชินีในอนาคตเท่านั้น แต่อาณาจักรเทียนเฉินของพวกเราก็ย่อมถูกยกย่องให้เป็นดินแดนที่ทรงอำนาจที่สุดในเก้าอาณาจักร

!”

เหล่าประมุขทั้งหลายพยักหน้าด้วยสีหน้าคาดหวัง

จากนั้นประมุขของนิกายเจิ้นอู๋ที่สวมเสื้อคลุมสีม่วงและถือพัดด้ามหยกขาวในมือก็ผุดลุกขึ้น

เขาคลี่พัดออกด้วยท่วงท่าราวกับบัณฑิตผู้คงแก่เรียนและโบกสะบัดเบาๆพลางจ้องมองหยุนเหยา

“คำสั่งขององค์จักรพรรดิตราตรึงในดวงใจและจิตวิญญาณของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทุกคน

ไม่มีผู้ใดสามารถปฏิเสธได้ หยุนเหยา, หากโอรสสวรรค์จะเลือกนางสนมก็ย่อมเลือกเฟ้นจากเจ้าและสตรีอัจฉริยะอีกสองนาง”

“เราประมุขเคยได้ยินกิติศักดิ์ของสตรีสองนางนั้นมาก่อน

พวกนางเป็นจอมยุทธ์หญิงที่มากความสามารถและพรสวรรค์ คุณสมบัติไม่ยิ่งหย่อนไม่กล้าเจ้าแม้แต่น้อย

หากเจ้าต้องการเป็นนางสนม

เจ้าก็ต้องพยายามให้มากและประพฤติตนให้ดีเพื่อที่จะได้รับความโปรดปรานจากโอรสสวรรค์”

ดวงหน้างามหมดจดของหยุนเหยายังคงดูไร้อารมณ์

ดวงตาคู่งามช้อนขึ้นอย่างสงบเยือกเย็นและกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องให้พวกท่านกระตุ้นเตือน

ประกาศิตองค์จักรพรรดิหยุนเหยาย่อมมิกล้าฝ่าฝืน อย่างไรก็ตาม หยุนเหยาเพียงมุ่งมั่นต่อมรรคายุทธ์และไม่เคยคิดถึงเรื่องรักๆใคร่ๆตามประสาเด็กแม้แต่น้อย”

ความหมายของนางชัดเจนมาก

นางไม่อาจต่อต้านเจตจำนงของจักรพรรดิแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ นางทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับการคัดเลือกเข้าเป็นนางสนมของโอรสสวรรค์พร้อมกับสตรีจากอีกสองอาณาจักรเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม

ชั่วชีวิตนางเพียงมุ่งมั่นไขว่คว้าตามหาจุดสูงสุดของวิทยายุทธ์เท่านั้น นางไม่เคยมีความคิดริเริ่มที่จะเข้าไปออดอ้อนเพื่อได้รับความโปรดปรานจากโอรสสวรรค์

และที่สำคัญนางไม่ต้องการเป็นนางสนม

ประมุขนิกายเจิ้นอู๋และอีกหลายๆท่านสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที

แววตากระพริบด้วยสีสันแปลกๆ

ในขณะนี้เอง

ประมุขนิกายวายุอัคคีก็ยืนขึ้น

บุคคลผู้นี้รูปร่างผอมและมีใบหน้าดำคล้ำ

ทั่วร่างเต็มไปด้วยบรรยากาศอันสูงส่งและสง่างาม เขาขมวดคิ้วมองหยุนเหยาพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า

“หยุนเหยา โอรสสวรรค์เป็นมังกรแห่งมวลมนุษย์

หากเจ้าได้เป็นนางสนมของพระองค์ก็นับเป็นมหากรุณาและบุญวาสนาอันล้นพ้นแล้ว

นี่คือสิ่งที่อิสตรีทุกคนใฝ่ฝัน เจ้ากลับทำท่าไม่รู้สึกรู้สาได้อย่างไร ?”

ประมุขนิกายตันติงก็กล่าวอย่างเคร่งขรึมเช่นกันว่า

“หยุนเหยา ! เจ้าคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งของอาณาจักรเทียนเฉินเรา

หลายปีที่ผ่านมาเจ้าได้รับการชื่นชมและยกย่องจากผู้ฝึกยุทธ์ของทั้งสิบประเทศ  ตอนนี้เจ้าควรจะสร้างคุณงามความดีให้แก่อาณาจักรเรา

ตราบใดที่เจ้ากลายเป็นนางสนมของโอรสสวรรค์

อาณาจักรแห่งนี้ก็จะขึ้นเป็นผู้นำของทุกอาณาจักร !”

“นอกจากนี้ หากเจ้าขึ้นเป็นนางสนมมันก็จะมีส่วนช่วยเสริมบารมีให้แก่ดินแดนดาราบรรพกาลและนิกายพันธมิตรสวรรค์”

จากนั้น

ประมุขนิกายพันใบไม้ร่วงก็ช่วยโน้มน้าวแกมบังคับหยุนเหยาให้นางมุ่งมั่นในการขึ้นเป็นนางสนม

เมื่อเผชิญหน้ากับการโน้มน้าวและแรงกดดันจากยอดฝีมือระดับประมุขนิกายหลายคน

หยุนเหยาก็ขมวดคิ้วเรียวงามขึ้นและรู้สึกรำคาญเล็กน้อย

แต่ทว่าประมุขของนิกายทั้งหลายกลับมองว่าเรื่องนี้เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ศักดิ์สิทธิ์และเกี่ยวพันถึงชะตากรรมของอาณาจักรเทียนเฉิน

มันทำให้นางอึดอัดและยากที่จะบอกปัดปฏิเสธได้เต็มปาก

ด้วยความหดหู่แกมรำคาญ

นางทำได้เพียงหาข้ออ้างจึงกล่าวขึ้นว่า “ท่านประมุขทุกท่าน

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ หยุนเหยามิอาจตัดสินใจเพียงลำพังได้

จำเป็นต้องกลับไปปรึกษาท่านอาจารย์ด้วย”

เมื่อเห็นภาพนี้จี้เทียนซิงก็ขมวดคิ้วและขบคิดในใจลับว่า

“ข้าเข้าใจแล้ว

มิน่าเล่าท่านอาจารย์ถึงหาข้ออ้างบ่ายเบี่ยงไม่มาเข้าร่วมประชุมสภาแปดนิกายในวันนี้

ที่แท้ท่านทราบเรื่องการคัดเลือกนางสนมของโอรสสวรรค์มาก่อนและรู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่จะต้องไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน

ท่านไม่อาจแสดงอาการออกมาได้เนื่องจากมีฐานะและตำแหน่งค้ำคอ นอกจากนี้ก็ยังไม่สามารถบีบบังคับศิษย์พี่ใหญ่ในเรื่องนี้ได้เช่นกัน

ดังนั้นหากท่านมาเข้าร่วมประชุมสภาก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก”

ก่อนหน้านี้เขาขบคิดเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมฉู่เทียนเซิงถึงได้ปล่อยให้เขากับหยุนเหยามาร่วมประชุมสภาแปดนิกาย

บัดนี้เขาเข้าใจแล้ว ทั้งหมดก็เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ตอนนี้นั่นเอง

ถึงแม้ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าจะเห็นว่าหยุนเหยามีข้ออ้างเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องนี้อย่างชอบธรรมก็ตาม

แต่เขาก็ยังไม่เห็นด้วย

เขาเลิกคิ้วขึ้นและมองนางด้วยท่วงท่าสง่างามพลางกล่าวว่า

“หยุนเหยา พลังอำนาจที่สูงส่งย่อมตามมาด้วยความรับผิดชอบที่มากขึ้นเป็นเงาตามตัว

ตอนนี้เจ้าคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งของอาณาจักรเทียนเฉิน เจ้าควรที่จะต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งนางสนมแก่อาณาจักรเรา

มันเป็นความรับผิดชอบและภาระผูกพันของเจ้า !”

“นิกายพันธมิตรสวรรค์ใช้ความพยายามอย่างมากและฝึกฝนเจ้าให้เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่ง เจ้าไม่คิดจะตอบแทนนิกายบ้างหรือ ? ตราบใดที่เจ้าได้เป็นนางสนมของโอรสสวรรค์

นิกายของเจ้าก็เหมือนติดปีกโบยบินสู่เก้าสวรรค์ ! เพื่อนิกาย เพื่อผู้คนนับล้านในดินแดนดาราบรรพกาล

ตลอดจนอาณาจักรเทียนเฉิน เจ้าจะต้องเป็นนางสนมของโอรสสวรรค์ !”

จี้เทียนซิงมองหน้าประมุขนิกายกระบี่ฟ้า

อีกฝ่ายยกนิกายและอาณาจักรมาข่มขู่ให้หยุนเหยารับปากช่วงชิงตำแหน่งนางสนม

เรื่องนี้ทำให้โทสะในใจของเขาเริ่มคุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ

ยิ่งนิกายอื่นๆกล่าวเสริมอย่างกระตือรือร้นเพื่อโน้มน้าวหยุนเหยา

จี้เทียนซิงก็เหลืออดและยืนขึ้นตะโกนว่า

“น่าขัน

เรื่องนี้มันช่างน่าขันยิ่งนัก !”

ชายหนุ่มสบถและแค่นเสียงเย้ยหยันออกมา

ทันใดนั้นบรรยากาศภายในเวทีแห่งดวงดาราก็กลายเป็นเงียบกริบ

เหล่าประมุขและหัวหน้าศิษย์หลายคนหันมามองเขาทันที

เขาเพิกเฉยต่อแววตาแปลกแปร่งของทุกคน

สายตาเพ่งมองไปยังประมุขนิกายกระบี่ฟ้าเพียงผู้เดียวและหัวเราะเยาะ “ท่านนี่ช่างเลอะเลือนไร้เหตุผลสิ้นดี

ศิษย์พี่หยุนเหยาประกาศอย่างชัดเจนแล้วว่านางต้องการไล่ตามวิถีแห่งมรรคายุทธ์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด

นางไม่ต้องการเป็นนางสนมของโอรสสวรรค์และไม่คิดขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยวิธีลัดเช่นนี้”

“แต่แล้วดูกิริยาของพวกท่านซี่

เป็นถึงประมุขนิกายเสียเปล่าแต่กลับพยายามชักจูงโน้มน้าวบีบบังคับให้นางยอมเป็นนางสนมสวรรค์

ปากก็พร่ำบอกว่าเพื่อนิกาย เพื่ออาณาจักร เหลวไหล ! พวกท่านคิดถึงแต่อนาคตตัวเองต่างหาก

!”

“ท่านต้องการกระโจนก้าวใหญ่เพื่อทำให้นิกายรุ่งเรือง

แต่ท่านกลับข่มขู่ให้ศิษย์พี่ของข้าเสียสละตัวเองและบีบบังคับให้นางทำสิ่งที่ไม่อยากทำเช่นนี้

เพื่ออะไร ?!”

“พวกท่านมีคุณสมบัติพอที่จะตำหนินางงั้นหรือ ? เป็นอาจารย์นางรึเปล่า ก็เปล่า

หากพวกท่านอยากได้ตำแหน่งนางสนมนักทำไมไม่ทำเองเล่า ?”

จี้เทียนซิงกล่าวคำพูดมากมายที่อัดแน่นอยู่ในใจออกมาหมดสิ้นและทำให้ทุกคนเงียบไปทันที

คำพูดของเขาชัดเจนและเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของประมุขหลายคนอย่างหมดเปลือก

ตลอดจนจี้ใจดำถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของพวกเขาอีกด้วย

ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าและอีกหลายคนที่สนับสนุนในเรื่องนี้ต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป

ดวงตาก็เปล่งประกายอันเยือกเย็น

ผ่านไปครู่หนึ่งประมุขนิกายกระบี่ฟ้าก็มีสีหน้ามืดครึ้ม

ดวงตาสาดแสงเย็นชาและมองจี้เทียนซิงพลางตะโกนออกมาว่า “ไอ้หนู เจ้ามีฐานะอะไร ? อย่างเจ้ายังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเปิดปากเสนอหน้าพูดที่นี่

!”

“เรื่องการเลือกสนมของโอรสสวรรค์เป็นประกาศิตขององค์จักรพรรดิ

ไม่มีผู้ใดกล้าฝ่าฝืนท้าทาย  นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าแและหยุนเหยาจะตัดสินใจเองได้

!”