ตอนที่ 170

ความแตกต่างระหว่างอัจฉริยะกับคนทั่วไป

จี้เทียนซิงมองกระจุกผมที่งอม้วนและเสื้อคลุมที่ถูกเพลิงไหม้พลางขมวดคิ้ว

“ไม่น่าเป็นไปได้...  นี่เป็นเพียงแค่การทดสอบประจำเดือน

ครูฝึกฮั่นจะเล่นแรงถึงขั้นนี้เชียวหรือ ?”

“พลังทำลายของกับดักชั้นแรกนี้รุนแรงมาก

หากศิษย์ที่อ่อนแอคนอื่นๆพลั้งเผลอเข้า มิใช่ว่าบาดเจ็บตกตายหรอกหรือ ?”

จี้เทียนซิงรู้ดีว่าคลื่นกระบี่เพลิงที่สาดออกมาจากกำแพงทั้งสองข้างนั้นรุนแรงมาก

มันเทียบได้กับการโจมตีของยอดฝีมือขอบเขตปราณจิตขั้นที่สี่เลยทีเดียว

!

ด้วยระดับพลังการต่อสู้ของชายหนุ่มในปัจจุบันนี้  มันเพียงพอที่จะกำจัดยอดยุทธ์ขอบเขตปราณจิตขั้นที่สามได้อย่างง่ายดาย

แต่เขาก็ยังพลาดท่าให้กับคลื่นกระบี่เพลิงสายนี้จนเสื้อผ้าผมเผ้าเกิดรอยไหม้

เรื่องนี้ทำให้เขาสงสัยว่า

หากศิษย์คนอื่นๆเผลอไปกระตุ้นกับดักจนถูกคลื่นกระบี่เพลิงทั้งหกสายเข้าโจมตี

พวกเขาไม่กลายเป็นขี้เถ้าตกตายไปแล้วหรือ ?

จี้เทียนซิงยืนนิ่งพลางขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด

“ไม่น่าใช่ ! หากแม้แต่ข้ายังผ่านไปไม่ได้  แน่นอนว่าศิษย์ที่เหลืออีกแปดคนก็ย่อมไม่อาจใช้กำลังผ่านไปได้เช่นกัน

ครูฝึกฮั่นเพียงแค่ต้องการทดสอบพวกเรามิใช่เอาชีวิต

ดังนั้นเส้นทางนี้ต้องมีเบาะแสที่นำไปสู่การปลดล็อคกลไกการทำงานของกับดักพวกนี้แน่นอน”

“ข้าไม่เคยเข้าฟังบรรยายของครูฝึกฮั่นมาก่อน

ในขณะที่คนอื่นๆตั้งใจศึกษาอย่างหนักตลอดครึ่งเดือนและเป็นไปได้ว่าพวกมันย่อมรู้วิธีการปลดล็อคกลไกเหล่านี้

ครูฝึกฮั่นเพียงแค่ต้องการทดสอบว่าพวกมันร่ำเรียนกันอย่างหนักจริงหรือไม่...”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้จี้เทียนซิงก็เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของฮั่นเฉียวเซิงในที่สุด เขาเริ่มสังเกตเส้นทางหินสีน้ำเงินอย่างละเอียด

จากนั้นก็ศึกษาเส้นสายของอาคมและสัญลักษณ์ตามกำแพงเพื่อคิดไตร่ตรองถึงวิธีการทำลายข่ายอาคมกับดักนี้

เส้นทางหินสีน้ำเงินจมสู่ความเงียบงัน

เวลาผันผ่านไปอย่างเงียบๆ

จี้เทียนซิงมองดูมันเป็นเวลาครึ่งชั่วยาม

ในที่สุดเขาก็พบเบาะแส เขาไตร่ตรองเป็นเวลานานจนพบวิธีทำลายข่ายอาคมกับดักเบื้องหน้าได้แล้ว อีกทั้งยังค้นพบบางอย่างอีกด้วย

มองอย่างผิวเผินแล้วเขาจำเป็นต้องผ่านเส้นทางหินสีน้ำเงินโดยหลบเลี่ยงกับดักระหว่างทางและค่ายกล

เพื่อไปเปิดประตูหินสีดำที่อยู่อีกฝากตรงข้าม

แต่ในความเป็นจริงแล้วชายหนุ่มพบว่าหลังจากทำลายค่ายกลในช่องทางเดินหินสีน้ำเงินแล้ว

ช่องทางเล็กๆที่ซ่อนอยู่จะเปิดออกมาเอง

ผ่านทางเดินเล็กๆนั้นเขาก็จะสามารถเข้าถึงใจกลางของข่ายปราณแม่ลูกได้

มันเป็นที่ที่เก็บรักษาโทเค็นประจำตัวของศิษย์ทั้งสิบคนเอาไว้ !

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้

จี้เทียนซิงก็เผยรอยยิ้ม ดวงตาทอประกายเจิดจ้าอย่างสนอกสนใจ

“เหอๆ ครูฝึกฮั่นใจดีจริงๆ!”

“สมแล้วที่ได้ชื่อว่าข่ายปราณแม่ลูก

ภายในอาคมใหญ่กลับซ้อนทับไว้ด้วยอาคมเล็กที่เก็บซ่อนความลับเอาไว้ คนธรรมดาเท่านั้นที่จะลุยดะผ่านเส้นทางหินสีน้ำเงินจนกระทั่งไปเปิดประตูหินสีดำ”

“แต่อัจฉริยะที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องลุยไปข้างหน้าโต้งๆเช่นนั้น

ต่อให้ไม่เปิดประตูหินสีดำก็สามารถเข้าถึงใจกลางข่ายปราณใหญ่ได้โดยตรง !”

หลังจากกระซิบกระซาบกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งจี้เทียนซิงก็หุบรอยยิ้มและสีหน้ากลายเป็นจริงจังอย่างมีสมาธิ

เขาเหวี่ยงหมัดพลังปราณสีทองทุบกระแทกไปที่กำแพงหินสีน้ำเงินและเริ่มทำลายข่ายอาคม

......

ในเวลาเดียวกัน

บนเส้นทางหินสีน้ำเงินอันมืดมิดแห่งหนึ่ง

อี้โม่กำลังเคลื่อนไหวด้วยความมั่นอกมั่นใจผ่านเส้นทางหินสีน้ำเงินเพื่อพุ่งทะยานไปที่ประตูหินสีดำที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

มันมิใช่คนตาบอดและโง่เขลา

มันรู้ดีว่ามีกับดักอยู่ตามทางจึงไม่ดิ่งไปเบื้องหน้าเป็นเส้นตรง

บางครั้งก็เดินหน้าบางครั้งก็ถอยหลังและบางคราก็เคลื่อนไหวไปรอบๆด้วยท่าทางแปลกๆ

เท้าของมันเหยียบย่างลงบนพื้นอย่างมีนัยยะ

ปากก็พึมพำแผ่วเบาราวกับกำลังท่องอะไรบางอย่าง

“ถอยสาม ซ้ายหกไปถึงห้า  แบ่งสองเป็นสี่…”

เห็นได้ชัดว่าอี้โม่กำลังหาทางแก้กลไกกับดักเพื่อมุ่งหน้าไปตามทางหินสีน้ำเงิน

เพียงหนึ่งครึ่งชั่วยามมันก็ผ่านทางเดินหินสีน้ำเงินไปได้

แม้กระทั่งกับดักที่ซ่อนอยู่ก็ไม่ถูกกระตุ้นทำงานแม้แต่น้อย  ในที่สุดอี้โม่ก็มาถึงใต้ประตูหินสีดำ

ประสาทสัมผัสที่เคยตึงเครียดจากการหลบเลี่ยงอาคมกับดักเริ่มผ่อนคลายลง

ใบหน้าของมันเผยรอยยิ้มอย่างมั่นใจ

“ฮ่าๆๆ...

ข้าอี้โม่ช่างเป็นอัจฉริยะโดยแท้ ! ไม่เพียงแค่เต๋าแห่งโอสถเท่านั้น

แม้กระทั่งเต๋าแห่งข่ายอาคมของข้าก็ยังยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน !”

“ช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมาข้าเข้าฟังบรรยายของครูฝึกฮั่นแทบทุกวัน

กลับมาก็ยังศึกษาอย่างหนัก ดูเหมือนว่าความพยายามของข้าจะประสบผลสำเร็จ

ข้าสมควรได้ที่หนึ่ง !”

“กลเม็ดเจ็ดลี้ลับที่ครูฝึกฮั่นเคยสอนเอาไว้ว่ามันคือวิถีในการทำลายข่ายอาคมกับดักเบื้องต้นได้แทบทุกชนิดนั้นได้เป็นจริงอย่างที่เขาพูดจริงๆ

โชคดีที่ข้าสุขุมพอที่จะท่องจำกลเม็ดพวกนี้เอาไว้ในหัว”

“แล้วก็เป็นไปตามที่ข้าคาดไว้... ครูฝึกฮั่นจัดวางค่ายกลกับดักบนทางเดินหินนี้ด้วยกลเม็ดเจ็บลี้ลับจริงๆ”

“ข้าใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามในการทำลายค่ายกลบนทางเดินนี้ด้วยกลเม็ดเจ็ดลี้ลับขั้นที่สี่เท่านั้น

มิคาดว่ามันจะผ่านมาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้

โอ้ สวรรค์

สติปัญญาของข้านี่มันช่างสุดยอดยิ่งนัก ฮ่าๆๆๆ .....”

เมื่อคิดได้เช่นนี้อี้โม่ก็เริ่มทวีความมั่นใจขึ้น

ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ

จากนั้นมันก็เอื้อมมือไปสาละวนอยู่ทางด้านซ้ายของประตูหินสีดำจนกระทั่งพื้นที่สีดำบนกำแพงเปิดออกและได้พบกับวงล้อสีดำที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ

รูปร่างของวงล้อเป็นเหมือนคันโยก

มันสมควรเป็นตัวเปิดปิดกลไกของประตูหินสีดำตรงหน้า

อี้โม่ผลักคันโยกไปโดยมิลังเล

จากนั้นประตูหินสีดำที่ทั้งหนาและหนักก็เริ่มเคลื่อนที่และเปิดออกช้าๆดังครืดๆ...

“ฟุ่บ !”

มันไม่กล้าเสียเวลาอีกต่อไปและพุ่งดิ่งเข้าไปในประตูสีดำอย่างรวดเร็วดั่งระเบิด

ไม่กี่วินาทีต่อมามันก็วิ่งไปจนสุดทางและมาโผล่ที่ห้องโถงกว้างแห่งหนึ่ง

จากนั้นก็หยุดชะงักอย่างรวดเร็ว

มันกวาดสายตาไปรอบๆห้องโถงตรงหน้าและพบว่าภายในห้องนี้กว้างราวๆห้าสิบเมตรและรอบๆก็คือกำแพงหินสีน้ำเงิน

ยังมีประตูหินสีดำสิบบานอยู่บนกำแพงซึ่งล้อมเป็นวงกลม

นอกจากส่วนของมันแล้วยังมีประตูหินสีดำอีกสามบานที่เปิดออก

หน้าประตูยืนอยู่ด้วยศิษย์อีกสามคนด้วยสีหน้ามึนๆงงๆ  อี้โม่จดจำคนทั้งสามได้ทันทีและสีหน้าเปลี่ยนไป  ความมั่นอกมั่นใจและความภาคภูมิหายวับไปทันที

“ซื่อจิงเฉิง ? เนี่ยห่าว

? เว่ยจินหง ?”

“พวกเจ้าทั้งสามผ่านด่านแรกจนมาถึงที่นี่เป็นกลุ่มแรกเช่นนั้นหรือ

?!”

เดิมทีอี้โม่คิดว่ามันคือคนแรกที่ผ่านด่านแรกเข้ามาถึงห้องโถงได้

มิคาดว่ายังมีศิษย์อีกสามคนที่เร็วกว่ามัน !

ซื่อจิงเฉิง

เนี่ยห่าว เว่ยจินหงต่างก็หันไปมองอี้โม่และเผยรอยยิ้มขึ้น

“เหอๆ อี้โม่ เจ้าเชื่องช้านัก

เจ้าเป็นได้แค่ที่สี่นะรอบนี้”

“ด่านแรกไม่ได้ยากเย็นเลยตราบเท่าที่จดจำกลเม็ดเจ็ดลี้ลับที่ครูฝึกฮั่นเคยสอนได้  มันน่าประหลาดใจตรงไหนกัน ?”

“เฮ้ มองทางนั้นสิ มีคนผ่านด่านแรกอีกแล้ว”

แน่นอนว่าเมื่อประตูหินสีดำเปิดออกก็มีศิษย์คนอื่นๆเดินออกมาคนแล้วคนเล่าจนกระทั่งก็มารวมกันได้แปดคน

เหลือเพียงประตูอีกสองบานเท่านั้นที่ยังไม่เปิดออกซึ่งเป็นประตูของจี้เทียนซิงกับลู่หมิงหยาง

เมื่อได้เห็นเหตุการณ์นี้ศิษย์หลายคนก็เริ่มซุบซิบถกเถียงกัน

บ้างก็เย้ยหยัน บ้างก็ครุ่นคิด บ้างก็หัวเราะเยาะ

“ฮ่าๆๆ

ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าสารเลวจี้เทียนซิงก็มีวันตกต่ำเช่นนี้ได้ !”

"นั่นสิ

สมควรแล้วล่ะ

มันไม่เคยเจ้าฟังบรรยายเรื่องข่ายอาคมกับครูฝึกฮั่นแม้แต่วันเดียวตลอดครึ่งเดือน

มันจะรู้จักกลเม็ดเจ็ดลี้ลับที่ครูฝึกฮั่นสอนได้อย่างไร ?”

“เหอะ ! แสดงว่ามันหลงลืมตัวที่เคยได้อันดับหนึ่งในการทดสอบเดือนที่แล้วล่ะสิท่า  แม้กระทั่งด่านแรกยังผ่านไม่ได้  สงสัยวันนี้พวกเราจะได้ดูโชว์ดีๆเสียแล้ว !”

“เจ้าลู่หมิงหยางนั่นก็ยังไม่ได้ออกมาอีกคน  สงสัยมันกวาดพื้นมานานจนสมองกลับไปแล้วกระมัง

แม้แต่ด่านแรกง่ายๆมันก็ยังไม่ผ่าน ทั้งๆที่มันก็เข้าฟังบรรยายทุกวันไม่เคยขาด”

“ฮ่าๆๆ

....  นี่มันน่าขันสิ้นดี

เศษสวะไร้ค่าสองตัว, จี้เทียนซิงกับลู่หมิงหยางได้กลับบ้านเก่าแล้ววันนี้

!”