เวลาผ่านไปเนิ่นนาน
จี้เทียนซิงก็ยังคงจมอยู่กับรสจูบอันวาบหวามน่าหลงใหล
หยุนเหยาได้สติกลับมาและรีบเหยียดมือออก
ผลักอีกฝายอย่างรวดเร็ว
"ศิษย์น้องเทียนซิง เจ้า......"
หยุนเหยามองจี้เทียนซิงอย่างเหลือเชื่อ
สีหน้าและแววตาของนางกลายเป็นซับซ้อน นางรู้สึกเขินอายจนแทบหายใจไม่ออก
จี้เทียนซิงมองตานางอย่างอ่อนโยน
คนสูดหายใจลึกรวบรวมความกล้าและกล่าวอย่างจริงจังว่า “ศิษย์พี่ ข้า...."
อย่างไรก็ตาม
ก่อนที่จะได้เอ่ยปากพูดบางสิ่งที่เก็บซ่อนไว้ในใจมาเนิ่นนาน, หยุนเหยาพลันเหยียดมือออก แตะริมฝีปากอีกฝ่าย ขัดจังหวะไม่ให้เขาได้เปล่งวาจา
"ศิษย์น้องเทียนซิง เจ้าควรกลับไป”
สิ้นคำ
นางก็เหินร่างขึ้นจากบ่อน้ำพุร้อน เท้าแตะที่ขอบบ่ออย่างอ่อนช้อย
นางก็กระโดดออกจากน้ำพุร้อนและตกลงไปเบา ๆ
ข้างน้ำพุร้อน
ยามอยู่กลางอากาศ
นางก็หยิบชุดกระโปรงยาวออกมาพันรอบกายเพื่อปกคลุมเรือนร่างหยกขาวไร้ที่ติของนาง
"ฟุ่บ !"
นางทะยานไปหลังฉากกั้น
เข้าไปในทางเดินยาวและซ่อนตัวอยู่ในห้องลับที่นางบ่มเพาะเป็นประจำในทันที
จี้เทียนซิงยังคงยืนอยู่กลางบ่อน้ำพุร้อน
เพ่งมองเงาหลังอันงดงามของหยุนเหยาที่ลับตาไป
รอยยิ้มเปี่ยมสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
"ศิษย์พี่..... มีใจให้ข้าจริงๆด้วย "
ชายหนุ่มกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้นดีใจ หัวใจเต็มไปด้วยโลหิตสูบฉีด
หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็กระโดดออกจากบ่อน้ำพุร้อน
โคจรปราณยุทธ์ไล่น้ำให้เสื้อคลุมแห้ง จากนั้นก็ออกจากตำหนักเมฆขาว
จนกระทั่งกลับไปถึงลานเทียนซิง
หัวใจของเขาก็ยังคงอื้ออึงรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ่อน้ำพุร้อน
ณ จุดนี้หัวใจของเขาสับสนวุ่นวาย
ในใจเต็มไปด้วยใบหน้าและเงาร่างของหยุนเหยาประทับแน่นจนมิอาจบ่มเพาะฝึกสมาธิได้แม้แต่น้อย
หลังจากคิดฟุ้งซ่านอยู่นาน
เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือแตะริมฝีปากตัวเองเพื่อจดจำรสจูบอันวาบหวามนั้น
...........
หลังจากกลับไปถึงที่พัก
หลงหยุนเซียวก็ทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะข้างหน้าต่าง
สายตาเหม่อมองความมืดในรัตติกาลนอกหน้าต่าง
ใบหน้าของมันมืดมนหดหู่เล็กน้อย คิ้วขมวดแน่น
แววตาดูเย็นชา
ก่อนที่มันจะบุกเข้าสู่บ่อน้ำพุร้อน หยุนเหยาได้ตะคอกเสียงเย็นใส่มัน
ซึ่งสถานการณ์ในตอนนั้นค่อนข้างผิดปกติอย่างเหนือความคาดหมายโดยสิ้นเชิง
ทำให้มันมิได้ตระหนักถึงเบาะแสบางอย่าง
ตอนนี้มันสงบใจลงแล้วจึงนึกถึงฉากเหตุการณ์ในตอนนั้น
และเริ่มรู้สึกแปลกๆ
มันรู้จักหยุนเหยาเป็นอย่างดีและเข้าใจถึงนิสัยและอารมณ์ของนาง
สำหรับมันแล้วพฤติกรรมของหยุนเหยาในเวลานั้นดูแปลกๆไปเล็กน้อย
ราวกับว่านางพยายามซ่อนบางสิ่งบางอย่างก่อนที่พยายามจะไล่มันให้ออกไป
ไม่เพียงเท่านั้น มันยังรู้สึกได้ว่ามีใครอีกคนอยู่ในสวนหลังตำหนัก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วอารมณ์ของหลงหยุนเซียวก็ยิ่งหนักอึ้ง
คนกระซิบพึมพำกับตัวเอง
“เหยาเหยา เจ้าซ่อนใครไว้กันแน่.....?”
ในเวลานี้เองนายพลหยูหลินในชุดเกราะก็เดินเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว
คนโค้งคารวะและรายงานว่า “เทียนจือ หลังจากบัญชาของพระองค์ที่ให้กระหม่อมเฝ้าจับตามองตำหนักเมฆขาว
กระหม่อมพบบางอย่างขอรับ"
หลงหยุนเซียวรั้งสติกลับมาและช้อนตาขึ้นมองนายพลหยูหลิน
ถามว่า
“ท่านว่ามา
นายพลหยู"
นายพลหยูหลินตอบไปตามความจริง "เทียนจือ ไม่นานหลังจากพระองค์ออกไป กระหม่อมเห็นบุรุษหนุ่มชุดขาวผู้หนึ่งออกมาจากตำหนักเมฆขาวอย่างเงียบงันขอรับ"
“ซึ่งบุรุษผู้นั้นก็คือศิษย์สายตรงของฉู่เทียนเซิง
จี้เทียนซิง !”
"จี้เทียนซิง........ เป็นมันจริงๆ !”
หลงหยุนเซียวขมวดคิ้ว
แสงเย็นวาบผ่านในดวงตาของมัน
วันนี้ที่มันได้ออกท่องเที่ยวกับหยุนเหยา
มันเห็นชัดตาว่าทั้งสองคนนี้สนิทสนมและเป็นกันเองมาก
แต่เดิมมันเคยคิดว่าหยุนเหยาย่อมไม่สนใจคนธรรมดาอย่างจี้เทียนซิง
เพียงใกล้ชิดอีกฝ่ายเพื่อเล่นละคร หวังใช้เป็นไม้กันหมา
กีดกัดมันให้ล้มเลิกความตั้งใจ
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกสิ่งจะเกินความคาดหมายของมันไม่น้อย
การที่หยุนเหยาและจี้เทียนซิงใกล้ชิดสนิทสนมกัน เกรงว่ามิใช่การแสดง
แต่เป็นธรรมชาติของทั้งสองจริงๆ !
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้สีหน้าของหลงหยุนเซียวก็ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้น
ความคิดที่ซับซ้อนมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวของมัน
นายพลหยูหลินยังมิได้ล่าถอย คนรายงานต่อไปว่า
“เทียนจือ
ตอนที่กระหม่อมกลับมา ได้พบชายหนุ่มสวมชุดสีเทา ซึ่งเป็นเครื่องแบบศิษย์รับใช้
มันกล่าวอ้างว่าตนเองเป็นศิษย์หัวกะทิของฉู่เทียนเซิงและมีเรื่องด่วนคิดจะรายงานต่อพระองค์ขอรับ”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ หลงหยุนเซียวก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
หลังจากพิจารณาดูแล้วมันจึงพยักหน้ากล่าวว่า “ให้มันเข้ามา”
"ขอรับ"
................
จากนั้นไม่นาน
นายพลหยูหลินกลับเข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มในชุดเทาคนหนึ่ง
ชายผู้นี้หน้าตาหล่อเหลามีเสน่ห์
เพียงแต่มีสีหน้าหดหู่ซีดเซียวไปเล็กน้อย
มันรีบเดินเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
ประสานมือคารวะต่อหลงหยุนเซียวด้วยความเคารพพลางกล่าวว่า
"คารวะเทียนจือ
ข้าน้อยมีนามว่าไป๋หวู่เชินขอรับ !”
"ใต้เท้า
ข้าน้อยมีเรื่องสำคัญมากคิดรายงานต่อพระองค์เป็นการส่วนตัว !"
หลงหยุนเซียวจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่แยแส
จุดประสงค์ก็เพื่อมองทะลุเจตนาของผู้มาเยือนคนนี้ จากนั้นเอ่ยปากถามว่า
"ไป๋หวู่เชิน
เจ้ากล่าวว่าตนเองเป็นหนึ่งในศิษย์หัวกะทิ ไฉนถึงได้กลายเป็นศิษย์รับใช้ไปได้เล่า ?”
พูดถึงเรื่องนี้
สีหน้าของไป๋หวู่เชินก็ยิ่งหดหู่โศกเศร้าในบันดล
คนแค่นเสียงเย็นและกล่าวด้วยน้ำเสียงอึมครึมว่า "เทียนจือ
เรื่องนี้เป็นฝีมือของจี้เทียนซิงขอรับ !”
"ชายหนุ่มผู้นี้ร้ายกาจและชั่วช้านัก
มองผิวเผินเหมือนเป็นบุรุษรูปงามที่ดูหนักแน่นมั่นคงและมีจิตใจดีงาม
แต่ที่จริงแล้วมันเสแสร้งแกล้งดัด หลอกลวงผู้คน ข้าน้อยจำต้องรายงานต่อท่าน....”
เมื่อเห็นความไม่พอใจของไป๋หวู่เชินและการอ้างถึงความชั่วของจี้เทียนซิง
หลงหยุนเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวต่อไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า
“แสดงว่า
เรื่องด่วนที่เจ้าหมายถึงก็คือเรื่องของบุรุษที่ชื่อจี้เทียนซิง ?”
"ถูกต้องขอรับ !”
ไป๋หวู่เชินพยักหน้าอย่างหนักแน่น
ชำเลืองตามองดูการตอบสนองของหลงหยุนเซียว
กล่าวต่อไปว่า
“นอกจากนี้...
ยังเกี่ยวข้องกับศิษย์พี่ใหญ่หยุนเหยาด้วยขอรับ"
หลงหยุนเซียวจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าว่างเปล่า
กล่าวว่า
“พูดต่อสิ”
ไป๋หวู่เชินลอบยินดีในใจ
จากนั้นเสริมอารมณ์หึงหวงริษยาเข้าไปอีก กล่าวว่า
“เทียนจือ
ศักดิ์ฐานะของจี้เทียนซิงแต่เดิมก็เป็นเพียงตระกูลขุนนาง
พ่อค้าอาวุธในเมืองเล็กๆ
เป็นศิษย์พี่ใหญ่มีจิตใจที่ดีงาม ชอบช่วยเหลือผู้อื่น
นางได้ช่วยชีวิตมันไว้โดยบังเอิญระหว่างเดินทาง
นับจากนั้นมาจี้เทียนซิงจึงหาทางเข้าใกล้ศิษย์พี่ ฝากตัวเป็นศิษย์นิกายพันธมิตรสวรรค์
ไต่เต้าจนขึ้นมาเป็นศิษย์สายตรงของท่านประมุข”
"นับตั้งแต่เข้านิกายมา
จี้เทียนซิงพัวพันศิษย์พี่ใหญ่ หลอกลวงนางและไม่แยแสศิษย์คนอื่นๆ
วางท่าเขื่องโขก้าวร้าว นอกจากนี้มันยังตามตื๊อศิษย์พี่ใหญ่อย่างไม่จบไม่สิ้น”
“มองภายนอกมันดูเป็นคนซื่อสัตย์จริงใจ
แต่ที่จริงแล้วชั่วช้าสามานย์
ศิษย์พี่เป็นคนที่ใจดีและจิตใจบริสุทธิ์
นางอาจจะหลงเชื่อต่อคำพูดหวานหูของจี้เทียนซิง”
“ข้าน้อยเคยเตือนจี้เทียนซิงและศิษย์พี่ไปหลายครั้ง
สุดท้ายกลับถูกมันเกลียดชัง”
“เพื่อให้ได้ใกล้ชิดศิษย์พี่ใหญ่
เพื่อกำจัดคนขวางหูขวางตา มันไม่ลังเลที่จะใช้วิธีการอันน่ารังเกียจ
บีบบังคับให้ข้าน้อยต้องตกเป็นศิษย์รับใช้
ส่วนตัวมันเองกลายเป็นมีชื่อเสียงโด่งดัง
เป็นอัจฉริยะที่นับหน้าถือตาในสายตาของทุกคน”
“เมื่อไม่มีข้าน้อยคอยกีดกัน
ก็ไม่มีผู้ใดคอยเตือนสติศิษย์พี่ใหญ่ นางจึงตกอยู่ในกำมือของจี้เทียนซิง
ตอนนี้ผู้คนต่างก็มองว่าทั้งสองเป็นคู่รักที่เหมาะสมราวกับสวรรค์บรรจงสร้าง..."
ไป๋หวู่เชินก้นด่าสาปแช่งจี้เทียนซิงอย่างสาดเสียเทเสีย
ไม่เพียงแค่เติมเชื้อไฟจากความหึงหวงส่วนตัว แต่มันยังโกหกบิดเบือนข้อเท็จจริง
ผสมปนเปเรื่องถูกผิดจนมั่วซั่วไปหมด
หลงหยุนเซียวยังคงมีท่าทีเรียบเฉย รอจนกระทั่งไป๋หวู่เชินพล่ามจบ
คนคำรามเสียงดังว่า
“สามหาว
! ผู้ใดมอบความกล้าให้เจ้ามาทำลายชื่อเสียงชายาในอนาคตของเรา
?!”
"ในฐานะศิษย์ของนิกายพันธมิตรสวรรค์
เจ้าไม่กล้าทำอะไรซึ่งหน้าแต่กลับมานินทาสาปแช่งศิษย์พี่ศิษย์น้องลับหลังให้คนนอกฟัง
เจ้านี่มันชั่วช้าบัดซบเหลือจะทนจริงๆ !”
“กับคนชั่วร้ายที่ลอบกัดผู้อื่นอย่างเจ้า
ควรค่ากับฉายาศิษย์หัวกะทิของนิกายจริงหรือ ?
อย่างเจ้าสมควรใช้ชีวิตต่ำๆต่อไป เป็นศิษย์รับใช้ไปชั่วชีวิตเสียมากว่า !”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved