ข่ายปราณลึกลับ
เมื่อได้ยินคำพูดของฮั่นเฉียวเซิง
สีหน้าของศิษย์หลายๆคนเริ่มเปลี่ยนไป
เดิมทีพวกมันคิดว่าครูฝึกฮั่นจะถามตอบเช่นเดียวกับการทดสอบครั้งที่ผ่านๆมา
ด้วยเหตุนี้ในช่วงที่ผ่านมาพวกมันทุกคนจึงเข้าฟังบรรยายอย่างขมักขะเม้นทุกวันและจดจำตำราข่ายอาคมหนาเตอะสองเล่มได้..
พวกมันคิดว่าเตรียมการไว้เป็นอย่างดีแล้วจนมั่นใจว่าการประเมินวันนี้จะผ่านได้อย่างไม่ยากเย็น แต่สุดท้ายกลับคาดไม่ถึง
ฮั่นเฉียวเซิงไม่ใช้ระบบถามตอบแต่ใช้ข่ายอาคมประเมินกันตรงๆ !
จากนั้นฮั่นเฉียวเซิงก็กล่าวต่อไปว่า
“พวกเจ้าไม่ต้องกังวลมากนัก ตราบเท่าที่พวกเจ้าตั้งใจศึกษาสิ่งที่ข้าพูดไปตลอดครึ่งเดือน
พวกเจ้าก็สามารถผ่านการประเมินได้อย่างแน่นอน”
“ข่ายอาคมที่จะใช้ประเมินครั้งนี้คืออาคมกับดักระดับล้ำลึกที่ชื่อว่าค่ายกลแม่ลูก
มันคือค่ายกลเล็กทับซ้อนค่ายกลใหญ่ซึ่งต้องอาศัยความสามารถของพวกเจ้าในการวิเคราะห์”
“ภายในค่ายกลแม่ลูกจะมีโทเค็นอยู่สิบอัน
แต่ละอันจะสลักชื่อของพวกเจ้าทุกคนเอาไว้ สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำหลังเข้าไปก็คือต้องตามหาโทเค็นแทนตัวตนของพวกเจ้าและออกมาให้ได้”
หลังจากศิษย์ทุกคนฟังคำอธิบายของฮั่นเฉียวเซิงก็รู้สึกว่านี่เป็นการทดสอบที่ดูเหมือนจะไม่ยากเย็นนัก...
ต่อมาฮั่นเฉียวเซิงและตู้หวู่ก็เดินออกจากห้องโถงใหญ่ไปพร้อมกับศิษย์ทุกคนและเข้าไปที่สวนด้านหลังหอยุทธ์ฟงอวิ๋น
ที่สวนด้านหลังมีพื้นที่โล่งกว้างหลายสิบเมตร
พื้นดินปกคลุมไปด้วยหินชนวนสีดำเงิน
ทันทีที่จี้เทียนซิงมองเห็นมันก็รับรู้ได้ทันทีว่าพื้นที่นี้คือค่ายกลแม่ลูกซึ่งเป็นข่ายปราณที่ฮั่นเฉียวเซิงวางไว้
ฮั่นเฉียวเซิงกวาดมือด้วยพลังลมปราณจนทำให้หินชนวนที่อยู่บนพื้นก่อรูปแบบของค่ายกลแม่ลูก
“วู้ม !”
หินชนวนเปล่งพลังปราณสีขาวที่ส่องแสงพร่างพราวออกมาเป็นม่านแสงสีขาวที่กินรัศมีสิบเมตร
ทุกคนจับจ้องไปที่ม่านแสงสีขาวบาดตาที่อยู่เบื้องหน้า
พวกเขาไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในค่ายกลได้เลย พวกเขาไม่รู้ว่าการทดสอบอะไรที่กำลังรอพวกเขาอยู่
“มีกำหนดเวลาหนึ่งชั่วโมง
พวกเจ้าต้องหาโทเค็นแทนตัวเองให้เจอ จากนั้นก็ออกมาให้ได้ก่อนหมดเวลา”
หลังจากนั้นฮั่นเฉียวเซิงก็ปล่อยให้ศิษย์ทั้งสิบคนกระจายกันเข้าไปในค่ายกลแม่ลูกจากทิศทางที่แตกต่างกัน
“ฟุ่บ
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ !”
หลังจากแสงไฟสีขาวส่องสว่าง
ลูกศิษย์ทั้งสิบคนก็ผ่านม่านแสงสีขาวเข้าไปข้างในค่ายกลได้สำเร็จ
ทั่วทั้งหอยุทธ์กลายเป็นเงียบสงัด
เหลือเพียงฮั่นเฉียวเซิงกับตู้หวู่สองคน
ตู้หวู่ขมวดคิ้วและกระซิบกระซาบกับฮั่นเฉียวเซิงว่า
“ท่านพี่ฮั่น ท่านคิดว่าการประเมินในครั้งนี้ผู้ใดจะได้ออกมาเป็นคนแรก
?”
มุมปากของฮั่นเฉียวเซิงกระตุกด้วยรอยยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“ข้าคิดว่าคงเป็นลู่หมิงหยาง”
“แม้ว่าครึ่งเดือนที่ผ่านมาเจ้าเด็กคนนี้จะถูกบดบังรัศมีและไม่แสดงความสามารถใดๆออกมา แต่ความจริงแล้วมันมีความสามารถทางด้านข่ายอาคมสูงล้ำมาตั้งแต่ก่อนเข้านิกายแล้ว”
“มันถูกข้าลงโทษให้ทำงานต่ำต้อยร่วมเดือน
ในใจของมันย่อมเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความเกลียดชัง มันมุ่งมั่นอย่างมากที่จะคว้าอันดับหนึ่งเพื่อล้างความอัปยศ”
เห็นได้ชัดว่าตู้หวู่ก็รู้เรื่องนี้และพยักหน้าทันที
“อืม ข้าก็คิดแบบเดียวกับท่านพี่ฮั่น
ลู่หมิงหยางมีพลังในขอบเขตปราณจิตและเชี่ยวชาญข่ายอาคม อันดับหนึ่งในการทดสอบวันนี้คงไม่ใช่ใครนอกจากมัน”
“จะว่าไป...
เจ้าหนูจี้เทียนซิงนั่นก็โอหังเย่อหยิ่งนัก
มันไม่เคยเข้าฟังบรรยายเรื่องข่ายอาคมสักครั้งเดียว”
ฮั่นเฉียวเซิงเลิกคิ้วขึ้นและแสดงสีหน้าหยอกเย้าพลางกล่าวว่า
“โอหัง
? เย่อหยิ่ง ? เหอๆ เปล่าเลยน้องตู้ ถึงแม้เจ้าหนูนั่นจะดูคลุมเครือ
แต่จริงๆแล้วมันเป็นเด็กหนุ่มที่สงบเยือกเย็นยิ่งนัก มันมิใช่เด็กเย่อหยิ่งจองหองอย่างที่ทุกคนเข้าใจ”
“เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าได้สอบถามเหล่าผู้อาวุโสชั้นสูง
ที่เจ้าหนูนั่นไม่ได้เข้าฟังบรรยายก็เพราะมันไปช่วยหยุนเหยาทำภารกิจพิเศษข้างนอกต่างหาก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ตู้หวู่ก็เผยสีหน้าประหลาดใจและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เหอๆ ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง
ข้ามองเจ้าหนูนั่นผิดไป
ท่านพี่ฮั่นเหมือนจะสนใจมันมากนัก
ถึงขนาดติดตามข่าวคราวการเคลื่อนไหวของมัน”
“อย่างไรก็ตาม เจ้าหนูนี้ก็เสียเวลาไปครึ่งเดือน
ข้าเกรงว่าวันนี้มันคงได้ที่โหล่เป็นแน่นอน"
ฮั่นเฉียวเซิงส่ายหัวและกล่าวว่า
“มันก็ไม่แน่
เจ้าหนูนั่นสนิทสนมกับตาเฒ่าเซี่ยงแห่งตำหนักไท่อันแล้ว น้องตู้คิดว่าตาเฒ่าเซี่ยงเป็นคนอย่างไรเล่า ? เพียงแค่ชี้แนะให้เจ้าหนูเทียนซิงเล็กน้อยก็อาจจะผ่านการทดสอบได้แล้ว”
ตู้หวู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้
เพราะก่อนหน้านี้ตอนทดสอบปรุงยา จี้เทียนซิงก็เคยทำได้มาก่อนแล้ว
......
จี้เทียนซิงมองไปที่ภาพเบื้องหน้าอย่างไม่ร้อนรีบหุนหัน
ดวงตาของมันจับจ้องและลอบสังเกตสภาพแวดล้อมอย่างละเอียด
หลังจากเข้าสู่ข่ายปราณแม่ลูก
เขาก็โผล่มาปรากฏตัวบนแท่นหินแห่งหนึ่ง
แท่นหินนี้มีบันไดสำหรับเดินลงไปอยู่เก้าขั้น
ที่ขั้นสุดท้ายเป็นทางเดินหินสีน้ำเงินกว้างสิบเมตร
ทางเดินทำจากหินสีน้ำเงินขนาดใหญ่และปลดปล่อยกลิ่นอายอันผันผวนของความเก่าแก่โบราณออกมา
เส้นทางนี้ทอดยาวประมาณ
100 เมตร ท้ายที่สุดเป็นประตูหินสีดำสูงสิบเมตร
ตลอดทางเดินไม่มืดมากนักเพราะที่ผนังซ้ายขวามีหลอดไฟหินพลังปราณแขวนอยู่ทุกๆสิบเมตรและมีแสงไฟสลัวคอยนำทาง
จี้เทียนซิงสังเกตครู่หนึ่งและพบว่ากำแพงหินสีน้ำเงินจารึกไว้ด้วยเส้นสายและสัญลักษณ์ของข่ายอาคมชนิดหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าเส้นทางที่เงียบสงบนี้ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยค่ายกลและอาคมที่มีอาวุธซ่อนเร้นอยู่
หากต้องการผ่านทางเดินยาว
100 เมตรไปที่ประตูหินสีดำที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
มันต้องผ่านการทดสอบบางอย่าง
“ในเส้นทางนี้มีข้าอยู่เพียงผู้เดียว
ดูเหมือนว่าศิษย์ทั้งสิบคนจะต้องผ่านเส้นทางหินสีน้ำเงินและไปเปิดประตูสีดำเพียงอย่างเดียวเท่านั้น....”
“ข่ายปราณแม่ลูกของครูฝึกฮั่นนี้ใช้เพื่อทดสอบศิษย์ทั้งสิบคน
มันสมควรไม่ยากและไม่ง่ายจนเกินไป”
จี้เทียนซิงกระซิบกระซาบกับตัวเองอยู่สองสามคำ
จากนั้นก็เหยียบบนบันไดหินและเดินลงบันไดไปตามทาง
เมื่อเท้าของมันเหยียบย่างลงบนพื้นหินสีฟ้าก้าวที่สอง
การทดสอบก็เริ่มต้นขึ้น
พื้นหินสีน้ำเงินใต้ฝ่าเท้าของมันและกำแพงทั้งสองฝากข้างสั่นสะเทือนไปด้วยเสียง
ครืนนนน ! จนดูเหมือนมีกลไกบางอย่างเปิดออก
ชายหนุ่มสาวเท้าเดินไปอย่างระมัดระวังและเดินไปได้สามเมตรภายในพริบตา
แต่ในเวลานี้เอง
ความรู้สึกผิดแผกก็เริ่มคืบคลานเข้ามาเมื่อจี้เทียนซิงเหยียบเท้าขวาลงบนแผ่นหินสีน้ำเงิน
มันก็จมลงทันทีเผยให้เห็นหลุมดำเบื้องหน้า
ภายใต้สถานการณ์นั้น
เท้าขวาของมันก็จมลงไปในพื้นหินสีน้ำเงิน ร่างกายของมันเอนไปข้างหน้าและกำลังจะล้มลงกับพื้น
เมื่อถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ
ช่วงเอวของชายหนุ่มก็เกิดพลังสายหนึ่งขึ้นและดีดปราดกลางอากาศก่อนที่ตกลงไปในหลุม
ฟุ่บ
ฟุ่บ ฟุ่บ !!
ในขณะเดียวกันกับที่จี้เทียนซิงกระโดดหนี
ใต้หลุมนั้นก็มีหอกแหลมอันคมกริบสามเล่มโผล่ขึ้นมาจากพื้นอย่างน่าหวาดเสียว
“ฟู่ว.... เกือบไป
หากข้าช้ากว่านี้อีกนิดคงถูกหอกพวกนั้นเสียบเท้าทะลุไปแล้ว !”
จี้เทียนซิงส่ายหัวและเดินเลี่ยงหอกที่พุ่งจากพื้นทั้งสามเล่ม
หลังจากเดินไปได้อีกห้าก้าว
แผ่นหินของหินสีน้ำเงินที่อยู่ใต้เท้าซ้ายของเขาก็ทรุดตัวลงอีกครั้ง
คราวนี้เขาพร้อมกว่าเดิมและชักเท้ากลับอย่างรวดเร็วเพื่อยืนหยัดอย่างมั่นคงที่จุดเดิม อย่างไรก็ตาม กำแพงหินทางด้านซ้ายและด้านขวาก็เลื่อนออกเป็นหลุมดำหลายหลุมและมีลูกธนูอันแหลมคมหลายสิบดอกยิงออกมา
!
“ฟิ่ว ฟิ่ว ฟิ้ว !!”
ลูกศรหลายสิบดอกส่งเสียงคำรามดั่งห่าฝนและพุ่งเข้าหาชายหนุ่มด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า
จี้เทียนซิงกระโดดถอยไปห้าก้าวอย่างไม่ลังเลและหลบหนีการฆ่าของลูกศรอันแหลมคมเหล่านั้นได้ทันท่วงที
พวกมันพุ่งผ่านไปและแทงทะลุฝังลึกเข้าหากำแพง
อย่างไรก็ตาม
ในขณะที่เขาถอยหลังหนีอย่างเร่งร้อนกลับไปสัมผัสโดนข่ายอาคมเข้า
ค่ายกลบนกำแพงทั้งสองข้างถูกเปิดใช้งานและมีคลื่นกระบี่สีแดงหกสายที่เปล่งประกายดั่งเปลวเพลิงอันดุร้าย
พุ่งเข้าหาชายหนุ่มด้วยความเร็วยิ่ง
คลื่นกระบี่เพลิงแต่ละสายมีความยาวมากกว่าหนึ่งเมตรและดูราวกับกระบี่เพลิงของจริง มันโอบหุ้มไปด้วยกลิ่นไอพลังกระบี่อันดุร้ายเฉกเช่นไอพลังกระบี่ของยอดฝีมือขอบเขตปราณจิต
!
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
จี้เทียนซิงรีบพุ่งตัวไปข้างหน้าเพื่อพยายามที่จะหลีกเลี่ยงคลื่นกระบี่เพลิงทั้งหกสาย
“ฉัวะ
ฉัวะ ฉัวะ !! ”
คลื่นกระบี่หกสายสาดซัดจากด้านข้างจนทำให้เส้นผมและเสื้อคลุมของจี้เทียนซิงเกิดเพลิงไหม้อย่างรวดเร็ว
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved