ตอนที่ 367 ผสานสายโลหิตเทพกระบี่ !

เมื่อลูกปัดสีเงินลึกลับปรากฏขึ้น

จี้เทียนซิงก็จ้องมองมันอย่างมิอาจละสายตาได้

ตึก

! ตัก !

เขาไม่รู้ว่าทำไมแต่การเต้นของหัวใจเขาปั่นป่วนรุนแรงอย่างบ้าคลั่ง

โลหิตในกายสูบฉีดเดือดพล่าน ความปรารถนาอันแรงกล้าปะทุขึ้นภายในจิตใจ

มีเสียงดังขึ้นภายในใจ ที่กำลังกระตุ้นเตือนให้เขาเข้าไปใกล้ๆลูกปัดสีเงินอันลึกลับเม็ดนี้

"วิ้ง....!   วิ้ง......!"

ดอกบัวสีทองที่บานสะพรั่งค่อยๆพัดกลีบของมันและลอยไปที่ด้านหน้าของจี้เทียนซิง

ลูกปัดสีเงินลึกลับในแกนกลางของดอกบัวเปล่งประกายแสงสีแห่งดวงดารา

ก่อให้เกิดบรรยากาศอันน่าเกรงขามขึ้น

ชายหนุ่มจ้องมองเม็ดลูกปัดสีเงินอย่างใกล้ชิดและพบว่ามันช่างกระจ่างสดใส

มีหยดของเหลวสีทองหยดหนึ่งอยู่ภายในนั้น

ของเหลวสีทองหยดนี้แม้จะอยู่ในสภาพของเหลวแต่มันกลับมีความแข็งจากการควบแน่นและขึ้นรูป

จี้เทียนซิงสัมผัสชัดแจ้งว่าหยดน้ำสีทองนี้ได้เปล่งประกายอันน่าเกรงขามและร้องเรียกไปถึงวิญญาณของเขา

ในช่วงเวลานั้น

คำหกคำพลันปรากฏขึ้นในใจของเขา

"ลูกปัดแห่งดวงดารา !  โลหิตเทพกระบี่ !”

ในวินาทีนั้น เขาทะลึ่งกายไปเบื้องหน้าด้วยโลหิตที่เดือดพล่าน

ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ ร่างกายสั่นสะท้านเล็กน้อย

"ลูกปัดแห่งดวงดารา  มันต้องเป็นลูกปัดแห่งดวงดาราแน่นอน !”

"ข้ารอคอยมาเนิ่นนาน

ในที่สุดข้าก็พบเจ้า !”

เสียงของจี้เทียนซิงกลายแหบพร่า

ร่างกายและจิตใจตลอดจนจิตวิญญาณของเขาได้รวมเข้ากับลูกปัดสีเงินลึกลับเบื้องหน้า  เขาลืมเลือนทุกสิ่งรอบกายไปหมดสิ้น

หยุนเหยารั้งสติกลับมาและรู้สึกได้ถึงขุมพลังอัดแน่นและกลิ่นอายอันลี้ลับครอบงำปฐพี

นางอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจ

เมื่อนางเหลือบไปเห็นการแสดงออกที่ผิดปกติของจี้เทียนซิง, ร่างกายที่ปั่นป่วนและสั่นสะท้านของเขา

นางก็สามารถคาดเดาสาเหตุได้ทันที

"ดูเหมือนว่าลูกปัดลึกลับเม็ดนี้จะเป็นสมบัติตกทอดของเทพกระบี่ที่เทียนซิงกำลังตามหา  สิ่งนี้มีความสำคัญต่อเขามาก !"

"อาภรณ์เทพกระบี่ยอมรับเขาด้วยตัวของมันเองและลูกปัดสีเงินที่เป็นสมบัติตกทอดของเทพกระบี่ก็ดูเหมือนจะยอมปรากฏกายขึ้นบนโลกเองเพื่อขานรับเขา......

......จี้เทียนซิงเอ๋ยจี้เทียนซิง......

เจ้าเป็นใครกันแน่

?

เจ้ามีสัมพันธ์ใดกับเทพกระบี่ในตำนานผู้นั้น......

?

ยิ่งข้าได้ใกล้ชิดกับเจ้ามากเท่าไหร่ข้าก็ยิ่งรู้สึกว่าเจ้านั้นเต็มไปด้วยความลึกลับมากขึ้นเท่านั้น  เจ้าทำให้ข้ามองเจ้าแทบไม่ออกแล้ว"

ดวงตาคู่งามของหยุนเหยาจ้องมองไปที่จี้เทียนซิงอย่างลึกล้ำ

นางยืนอยู่ใกล้ๆเขาอย่างเงียบๆและไม่ส่งเสียงรบกวนใดๆ

..........

ในเวลานี้เองจี้เทียนซิงค่อยๆเหยียดมือออกไปคว้าจับลูกปัดสีเงินจากแกนดอกบัวสีทอง

ฟู่......ฟู่

ด้วยเสียงที่ดังออกมาเพียงเล็กน้อย  ดอกบัวสีทองที่เคยบานสะพรั่งอย่างสมบูรณ์ก็พังทลายลง

กลายเป็นลำแสงสีทองนับไม่ถ้วน จากนั้นก็สลายหายไป

ลูกปัดดวงดาราในฝ่ามือของจี้เทียนซิงก็ดูเหมือนจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

มันกระตุ้นเต้นเป็นจังหวะตามลมหายใจของเขา

เปล่งแสงสีเงินของดวงดาวบนท้องฟ้าอย่างเจิดจ้า

จิตสำนึกและจิตวิญญาณของเขาถูกแช่ตรึงอยู่กับลูกปัดดวงดาราและเข้าสู่สภาวะอันสุดแสนจะลี้ลับสายหนึ่ง

เขาผล็อยหลับไป  สองตาปิดสนิทอย่างสงบ นั่งขัดสมาธิลงกับพื้น

ทันใดนั้นลูกปัดดวงดาราก็ค่อยๆลอยจากฝ่ามือของเขา

ทะลวงเข้าสู่หน้าผากและหว่างคิ้ว

วินาทีต่อมา ลูกปัดดวงดาราก็ยุบตัวลงและกลายเป็นจุดแสงสีเงินนับล้านจุดที่กระจายสู่ภายในร่าง

ไหลตามเส้นโลหิตไปที่แขนและขา

"คว้าง !"

พลังอันยิ่งใหญ่แห่งดวงดารากระจายออกไปในตัวเขาทันที

มันผสานกับโลหิตทุกหยด เส้นชีพจรทุกตารางนิ้ว เลือดเนื้อและกระดูก !

ร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยชั้นแสงสีเงินของดวงดาว

กลายเป็นพร่ามัวราวกับอยู่ในห้วงฝัน

ยามที่ลูกปัดแหลกละเอียด

หยดของเหลวสีทองซึ่งก็คือหยาดโลหิตแห่งเทพกระบี่พลันไหลเข้าสู่หัวใจของเขา

ในทุกจังหวะการเต้นของหัวใจที่สูบฉีดเลือด  โลหิตเทพกระบี่จะปลดปล่อยชีพจรโลหิตสีทองจางๆออกมาและรวมเข้ากับโลหิตเดิมของเขา

ทันใดนั้นเองร่างกายของจี้เทียนซิงก็เปล่งประกายแวววาวด้วยแสงสีทอง

ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์และสง่างามออกไปทั่ว !

พลังอันไร้สิ้นสุดแห่งดวงดาราทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

กล้ามเนื้อและกระดูกของเขากำลังบิดตัวอย่างช้าๆและหลอมรวมกับคลื่นแสงสีเงินเล็กๆซึ่งเป็นพลังแห่งดวงดาว

ทุกครั้งที่กล้ามเนื้อ

ผิวหนังและกระดูกของเขาทำปฏิกิริยา

ความแข็งแกร่งของเขาจะเปลี่ยนแปลงในอัตราเร่งที่เหลือเชื่อ

ในเวลาเดียวกัน

โลหิตแห่งเทพกระบี่ก็เข้าไปพัวพันอยู่ในหัวใจของเขา ปลดปล่อยพลังของเส้นชีพจรสีทองออกมาหลอมรวมกับเส้นชีพจรดั้งเดิม

ทั้งหมดนี้คือการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายของจี้เทียนซิง

เขานั่งนิ่งๆอยู่บนพื้นในสภาวะของการบ่มเพาะอย่างมั่นคงและแน่วแน่ประดุจหินผา

ถึงแม้ร่างกายของเขาจะบิดไปบิดมาอย่างต่อเนื่อง

กระดูกและกล้ามเนื้อทุกส่วนกำลังถูกจัดโครงสร้างใหม่หมด แต่เขาก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดและทรมานแต่อย่างใด

สืบเนื่องจากวิญญาณและกายหยาบของเขาถูกแยกออกจากกันโดยพลังของลูกปัดแห่งดวงดาราและโลหิตทองเทพกระบี่

วิญญาณของเขากำลังอยู่ในสภาวะหลับไหลและกำลังอยู่ในห้วงความฝัน

หยุนเหยายังคงยืนอยู่เคียงข้างและมองเขาด้วยสายตาที่เป็นห่วงกังวล

ในสองชั่วยามแรก

นางวิตกกังวลไม่น้อยเพราะเกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันที่ไม่อาจควบคุมได้

จากนั้น ลูกปัดลึกลับสีเงินก็พุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขา

ปรากฏเป็นแสงสีเงินสลับทองเป็นระยะอย่างงดงามน่าทึ่ง

แต่หลังจากสองชั่วยามผ่านไป เมื่อนางได้เห็นสีหน้าและลมหายใจของเขาที่เสถียรและมั่นคงมาก

อีกทั้งก็ยังไม่มีความผิดปกติใดๆ นางจึงรู้สึกโล่งใจได้ในที่สุด

จากนั้นก็นั่งลงกับพื้นห่างอีกฝ่ายไปห้าก้าว

คอยปกป้องเขาอย่างเงียบๆ

หยุนเหยาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าร่างกายของจี้เทียนซิงกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างพลิกฟ้าคว่ำพสุธา

พลังกายและกำลังของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีกด้วย

นางขบคิดในใจว่า “เทียนซิงได้ผสานสมบัติสืบทอดของเทพกระบี่

เขาต้องได้รับผลประโยชน์มหาศาลเป็นแน่

ในอนาคต คุณสมบัติเชิงยุทธ์และพรสวรรค์ของเขาจะต้องเหนือล้ำข้าไปแน่นอน"

"ข้าหวังว่าหลังจากเขาสิ้นสุดการบ่มเพาะในครั้งนี้

ความแข็งแกร่งของเขาจะก้าวกระโดด"

ถึงแม้นางจะรู้ว่าหลังจากจี้เทียนซิงหลอมรวมสมบัติตกทอดของเทพกระบี่จนสามารถทะยานสู่ฟ้าได้ในก้าวเดียว

และนับจากนี้ไปเขาจะมีคุณสมบัติเพียงพอในการท้าทายสวรรค์

แต่นางก็มิได้รู้สึกอิจฉาริษยาเขาแม้แต่น้อย

นางรู้สึกดีใจกับอีกฝ่ายด้วยความจริงใจ

และยังมีความสุขที่ได้เป็นส่วนหนึ่งต่อเหตุการณ์ในวันนี้

ลึกๆในใจแล้วนางต้องการเห็นเขาเติบโตก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและกลายเป็นยอดยุทธ์โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

...........

ภายในห้องโถงที่ว่างเปล่าและมืดมิด

เวลาได้ผ่านไปอย่างเงียบๆ

หนึ่งวันผ่านไปโดยไม่รู้ตัว

พลังของดวงดาวที่เข้าไปในร่างกายของจี้เทียนซิง

ได้ถูกขัดเกลาไปหนึ่งส่วนสิบแล้วและโลหิตเทพกระบี่ก็ถูกดูดซับไปได้หนึ่งส่วน

ตัวอ่อนกระบี่, เส้นชีพจรกระบี่ทั้งเก้าและจุดฝังเข็มทั้งเจ็ดสิบสองจุดของเขาได้เปลี่ยนตำแหน่งไปอย่างเงียบเชียบภายใต้การเปลี่ยนแปลงของโลหิตเทพกระบี่

มันก่อตัวขึ้นเป็นเจี้ยนกง   *(เจี้ยนกง = ตำหนักกระบี่)

โลหิตเทพกระบี่ช่วยให้เขาทำการฝึกฝนวิถีใจกระบี่ขั้นที่ห้าได้สำเร็จ

มันทำให้เขาทะลุทะลวงผ่านขอบเขตลี้ลับและเหยียบย่างไปถึงระดับปราณโอสถ !

จากช่วงเวลานี้ไป

เขาได้ทะลวงผ่านคุณสมบัติและพรสวรรค์ที่เคยถูกจำกัดเอาไว้และก้าวเข้าสู่ขอบเขตวิถียุทธ์ครั้งใหม่

!

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับปราณโอสถคนอื่นๆจะกักเก็บปราณแท้ไว้ในตันเถียนและโคจรควบแน่นพวกมันออกมาเป็นพลังลมปราณไว้ใช้งาน

ส่วนครรภ์กระบี่ของจี้เทียนซิงนั้นมีกายหยาบมานานแล้วและมิได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก

ต่อมา เมื่อเขามาถึงขอบเขตปราณโอสถ

เขาจะต้องบ่มเพาะวิถีใจกระบี่ขั้นที่หกเพื่อเปิดสิบแปดเส้นชีพจรกระบี่ภายในร่างกาย

!

ผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาจะมีเส้นชีพจรลมปราณเพียงเก้าเส้นเท่านั้นและเป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดเส้นชีพจรใหม่อีกเก้าเส้น

อย่างไรก็ตาม พลังแห่งดวงดาราในร่างกายของจี้เทียนซิงได้ช่วยให้เขาได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างร่างกายและสร้างเส้นชีพจรลมปราณขึ้นมาใหม่

เมื่อเวลาผ่านไป เส้นชีพจรลมปราณเส้นใหม่พลันปรากฏขึ้นในร่างเขา

เส้นที่

10.....

11......

12.....

มิหนำซ้ำ

เส้นชีพจรใหม่แต่ละเส้นก็ยังถูกบรรเทาให้กลายเป็นเส้นชีพจรกระบี่อย่างเสร็จสรรพด้วยพลังแห่งดวงดาราอีกด้วย