ตอนที่ 271

แผนที่ในกำมือ

ถึงแม้ว่าชายผู้องอาจผู้นี้กำลังเพลิดเพลินไปกับความอบอุ่นและกลิ่นกายอันเย้ายวนของสตรีสองนางในอ้อมกอด

อีกทั้งยังเคล้าคลอไปด้วยเสียงเพลงอันไพเราะและสุรารสเลิศ

อย่างไรก็ตาม

จี้เทียนซิงรับรู้ได้ชัดเจนว่าบุคคลผู้นี้ไร้ซึ่งอารมณ์เสพรับบรรยากาศอันสุนทรีย์ที่อยู่รอบๆ

เขามีกลิ่นอายและท่วงท่าราวกับราชสีห์จำศีล ดวงตาเฉียบคมประดุจนกอินทรี

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบุคคลนี้ก็คือเจ้าของตึกพนันเหยี่ยวเวหาที่ลึกลับ

!

เมื่อเห็นเหลยเฉียนจวินและจี้เทียนซิงเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่

เทียนอิงฟางจู้ก็ยกมือขึ้นเล็กน้อยเป็นสัญญาณ

เสียงเพลงในห้องโถงใหญ่หยุดลง

นักร้องนักเต้นต่างก็โค้งคำนับอย่างนอบน้อมและทยอยเดินออกจากห้องโถงใหญ่

แม้แต่สาวงามทั้งสองนางที่แอบอิงอยู่ใต้อ้อมแขนของเทียนอิงฟางจู้ก็กระซิบข้างหูแผ่วเบา

จากนั้นก็ล่าถอยออกไป

ภายในพริบตาก็มีเพียงเทียนอิงฟางจู้, เหลยเฉียนจวินและจี้เทียนซิงเท่านั้นที่เหลืออยู่ในห้องโถงใหญ่

เหลยเฉียนจวินเดินเข้าใกล้และประสานมือคารวะอย่างนอบน้อมพลางกล่าวรายงานว่า

“ฟางจู้

ข้าน้อยนำจี้เทียนซิงมาแล้ว เด็กหนุ่มผู้นี้เอาชนะมนุษย์หมาป่าอันหยิงได้ขอรับ”

เทียนอิงฟางจู้เทสุราใส่จอกและค่อยๆลิ้มรสมัน ใบหน้าของเขาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ดวงตาของเขาดูเหมือนนกอินทรี

หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็พยักหน้าและกล่าวว่า

“ยอดเยี่ยมมาก

ข้าไม่ได้พบเจอรุ่นเยาว์ที่น่าสนใจเช่นนี้มานานหลายปีแล้ว !

ด้วยวัยเพียงเท่านี้และด้วยพลังยุทธ์ในขอบเขตปราณจิตขั้นที่สามกลับสามารถเอาชนะอันหยิงที่เหนือกว่าถึงสองขั้นย่อยได้

!”

“เด็กน้อย

หากข้าเดาไม่ผิดเจ้าสมควรเป็นหนึ่งในศิษย์หัวกะทิของนิกายพันธมิตรสวรรค์แล้วกระมัง

?”

จี้เทียนซิงสวมเสื้อคลุมสีขาวซึ่งเป็นเครื่องแบบของนิกายพันธมิตรสวรรค์

ด้วยประสบการณ์ของเทียนอิงฟางจู้ แน่นอนว่าเขาย่อมรับรู้ได้อย่างรวดเร็วเพียงกวาดสายตาวูบเดียว

ชายหนุ่มไม่เข้าใจความหมายและเจตนาที่แน่ชัดของอีกฝ่าย

เขาจึงไม่ตอบคำถามในทันทีแต่กำหมัดคารวะด้วยความเคารพและกล่าวว่า “ผู้เยาว์จี้เทียนซิง คารวะเทียนอิงฟางจู้ !”

เทียนเอิงฟางจู้เป็นบุคลระดับไหนแล้ว

?

เขามองออกถึงความคิดระแวดระวังของจี้เทียนซิงเป็นอย่างดี

ดังนั้นเขาจึงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยและไม่เจาะลึกในเรื่องนี้

เขาหยิบจอกสุราขึ้นมาอีกครั้งพลางจิบช้าๆกล่าวต่อไปว่า

“เด็กน้อย ในเมื่อเจ้าผ่านการประลองตามกติกาของข้าแล้ว

เช่นนั้นก็จงบอกความปรารถนาของเจ้ามา ตราบใดที่มันไม่เกินความสามารถของฟางจู้ผู้นี้

จงแน่ใจได้เลยว่าข้าสามารถสนองความต้องการของเจ้าได้ !”

จี้เทียนซิงพยักหน้าและไม่พูดจาไร้สาระ

เขากล่าวเข้าเรื่องทันทีว่า “เรียนฟางจู้ ผู้เยาว์ต้องการแผนที่รายละเอียดของเทือกเขาหมอกเร้นลับขอรับ”

เมื่อได้ยินประโยคนี้เทียนอิงฟางจู้ขมวดคิ้วโดยพลัน

ดวงตาคู่นั้นหรี่ลงและมองอีกฝ่ายอย่างตั้งอกตั้งใจก่อนที่จะเอ่ยปากถามว่า “เจ้าหนู

เทือกเขาหมอกเร้นลับเป็นดินแดนที่ป่าเถื่อนดุร้ายนับตั้งแต่สมัยโบราณ

เจ้าต้องการแผนที่ไปเพื่ออะไร ?”

“เจ้าเป็นรุ่นเยาว์ที่เปี่ยมไปด้วยอัจฉริยะภาพ

ขืนบุกเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นก็เหมือนเอาชีวิตไปทิ้งเสียเปล่าๆ”

ในความเป็นจริง

เทียนอิงฟางจู้มิได้สนใจว่าจี้เทียนซิงคิดจะทำอะไรอีกทั้งยังไม่สนใจว่าเขาจะสามารถเข้าสู่เทือกเขาหมอกเร้นลับและมีชีวิตรอดได้หรือไม่

การที่เขาพูดเช่นนั้นก็เพียงเพื่อต้องการโน้มน้าวให้อีกฝ่ายล้มเลิกความตั้งใจ

เหตุผลก็สืบเนื่องมาจากว่าแผนที่รายละเอียดของเทือกเขาหมอกเร้นลับนั้น

ทั่วทั้งเมืองวิญญาณเพลิงมีสำเนาเพียงหนึ่งเดียวก็คือในมือของเขา

แผนที่นี้เลอค่ายิ่ง

มันเป็นสมบัติที่ประเมินค่ามิได้ !

เขาชั่งน้ำหนักในใจว่าจะมอบมันให้อีกฝ่ายดีหรือไม่

จี้เทียนซิงคำนับและกล่าวต่อไปอย่างนิ่งเฉยว่า

“ขอบคุณฟางจู้ที่กระตุ้นเตือน แต่ผู้เยาว์ต้องการเพียงแค่แผนที่

หวังว่าฟางจู้จะเติมเต็มความปรารถนาให้ผู้เยาว์ได้”

เมื่อได้เห็นทัศนคติของจี้เทียนซิงที่ไม่อ่อนไม่แข็ง

เพียงแค่มุ่งมั่นที่จะนำแผนที่มาให้ได้

เทียนอิงฟางจู้ก็หันไปมองเหลยเฉียนจวินและเอ่ยปากถามว่า

“พ่อบ้านเหลย คืนนี้เราได้มาเท่าไหร่ ?”

เหลยเฉียนจวินเหลียวมองจี้เทียนซิงด้วยความลังเลอยู่ครู่หนึ่งและไม่กล้าพูดอะไรออกมา

การที่มีบุคคลภายนอกอย่างจี้เทียนซิงอยู่ใกล้ๆทำให้พ่อบ้านอย่างเขาไม่กล้าเปิดเผยจำนวนเงินที่เฉพาะเจาะจง

อย่างไรก็ตาม

การที่เทียนอิงฟางจู้ถามเช่นนี้ย่อมมีจุดประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงคำขอของจี้เทียนซิงซึ่งมันเป็นสิ่งที่พ่อบ้านเหลยพอจะเดาได้

ดังนั้นเขาจึงต้องตอบไปตามความจริงว่า “เรียนฟางจู้

ค่ำคืนนี้มีนักพนันที่แทงเสียเกือบหนึ่งพันคน

มีรายงานจากส่วนกลางมาว่าคืนนี้เราได้หินวิญญาณมากกว่า 3,000 ก้อน เหรียญเงินมากกว่า 500

ล้านอีกทั้งยังมีของเดิมพันอย่างอื่นอีกด้วย

เช่น คัมภีร์และโอสถล้ำค่า

ถึงแม้ว่าจี้เทียนซิงจะเตรียมใจมาแล้วว่าคืนนี้ตึกพนันเหยี่ยวเวหาย่อมได้รับทรัพย์ก้อนโต

แต่เขาก็อดเบิกตากว้างไม่ได้เมื่อได้ยินมูลค่าที่แท้จริง

เขาเคยได้ยินมาว่านิกายใหญ่เช่นนิกายพันธมิตรสวรรค์และนิกายกระบี่ฟ้า

มีหินวิญญาณในครอบครองมากกว่าหนึ่งพันก้อน

แต่ค่ำคืนนี้เขาเพียงแค่เอาชนะมนุษย์หมาป่าอันหยิงกลับทำให้ตึกพนันเหยี่ยวเวหาได้รับหินวิญญาณมากกว่า

3,000 ก้อน !

นี่เป็นมูลค่ามหาศาลที่น่าอัศจรรย์อย่างแน่นอน

!

นอกจากหินวิญญาณแล้วยังมีเหรียญเงินอีกกว่า

500 ล้านเหรียญ รวมไปถึงเม็ดยาและโอสถจำนวนมาก

นี่นับเป็นโชคก้อนใหญ่

แต่แน่นอนว่าตึกพนันเหยี่ยวเวหาเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่

ซึ่งความมั่งคั่งที่ได้รับมาในวันนี้ย่อมถูกใช้หมดไปในเวลาไม่นานและเป็นการยากที่จะเก็บหอมรอมริบไว้ได้ทั้งหมด

เทียนอิงฟางจู้ได้ยินรายงานจากเหลยเฉียนจวินก็ยังอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ

เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ยังคาดไม่ถึงว่าจี้เทียนซิงจะนำความมั่งคั่งและทรัพย์สินมหาศาลมาให้เขามากมายเช่นนี้

สีหน้าของเขาดูผ่อนคลายลงและแววตาที่มองจี้เทียนซิงก็ดูกลมกลืนกันมากขึ้น

หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็พยักหน้าพลางกล่าว่า “กฎย่อมเป็นกฎ ในเมื่อเจ้าชนะข้าก็ต้องทำตามสัญญา ไอ้หนู ข้าจะตอบสนองความต้องการของเจ้า”

ในที่สุดเขาก็หยิบม้วนตำราโบราณสีเหลืองคู่หนึ่งออกมาจากวงแหวนมิติ

พลันสะบัดมันออกไปเป็นลำแสงสีฟ้าอ่อนไปถึงเบื้องหน้าจี้เทียนซิง

“ไอ้หนู นี่คือแผนที่ของเทือกเขาหมอกเร้นลับ

ทั่วทั้งเมืองวิญญาณเพลิงมีเพียงชิ้นเดียว ข้าฟางจู้มอบให้เจ้าไว้ใช้งาน

เจ้าต้องรักษามันด้วยชีวิต !  และแน่นอน

ข้าก็หวังว่าเจ้าจะมีชีวิตรอดกลับมาครบสามสิบสอง อย่าได้ตายเสียแต่ยังหนุ่มยังแน่น”

“อย่างไรก็ตาม คนหนุ่มที่น่าสนใจเยี่ยงเจ้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะได้ทำงานให้กับข้าฟางจู้

! ฮ่า ๆ ๆ ๆ ...”

เทียนอิงฟางจู้ยิ้มและหัวเราะเสียงดัง

จี้เทียนซิงรับแผนที่มาและกำหมัดขอบคุณอีกฝ่ายพลางกล่าวว่า

“ขอบคุณฟ้างจู้ที่เต็มเติมความปรารถนาของข้า

เช่นนั้นผู้เยาว์ไม่รบกวนท่านแล้ว ขออำลา !”

เทียนอิงฟางจู้พยักหน้าเล็กน้อยพลันโบกมือไปทางเหลยเฉียนจวิน

“พ่อบ้านเหลย ส่งแขก”

เหลยเฉียนจวินพยักหน้าและเดินนำหน้าจี้เทียนซิงออกไปจากโถงหลัก ทั้งสองเดินผ่านตำหนักหลายหลัง

ผ่านทางเดินคดเคี้ยวเพื่อมุ่งหน้าไปยังประตูทางออกของหมู่ตึก

ระหว่างทางเหลยเฉียนจวินเบือนหน้ามามองด้วยรอยยิ้ม

พลันกล่าวคำพูดอย่างมีความหมายต่อจี้เทียนซิง “น้องชาย

ในบรรดาแขกเหรื่อนับไม่ถ้วนที่เคยเข้ามา มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าตาท่าน

นายท่านชื่นชมในตัวเจ้า นี่เป็นเรื่องที่หาได้ยาก ดูเหมือนว่าท่านจะสนใจเจ้ามาก !”

จี้เทียนซิงเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายคิดจะสื่อเป็นอย่างดี

เขามองกลับอีกฝ่ายและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้ารู้สึกขอบคุณและโชคดีนักที่เทียนอิงฟางจู้มอบแผนที่ให้

ส่วนเรื่องอื่นๆข้ายังไม่กล้านึกถึง ท้ายที่สุดแล้ว ในฐานะของศิษย์ของนิกายหนึ่ง ข้าต้องมีความรับผิดชอบต่อผู้ที่ข้ากราบเป็นอาจารย์....”

หลังจากฟังคำอธิบายของเขา

เหลยเฉียนจวินก็เข้าใจได้ทันทีว่าชายหนุ่มผู้นี้ย่อมเป็นศิษย์โปรดของประมุขนิกายแน่นอน

เขาถอนหายใจด้วยความเสียดาย

จากนั้นก็เผยรอยยิ้มและกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้วน้องชาย เจ้ามีพรสวรรค์ในเชิงยุทธ์

นิกายของเจ้าต้องปลูกฝังดูแลเป็นอย่างดี อนาคตของเจ้าจะไร้ที่สิ้นสุด”

หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็มาถึงประตูตึกพนัน

เหลยเฉียนจวินกล่าวว่า “เอาล่ะ ข้าขอส่งเจ้าที่นี่ก็แล้วกัน น้องชายถนอมตัวด้วย

วันหน้าพบกันใหม่ !”

จี้เทียนซิงกำหมัดคารวะและกล่าวคำอำลา

จากนั้นก็เดินจากไป

หลังออกจากตึกพนันเหยี่ยวเวหา

เขาก็เดินไปยังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งภายในเมือง

ขั้นต่อไปเขาต้องการศึกษาแผนที่โดยละเอียดและเตรียมการให้พร้อมสรรพ

จากนั้นก็ออกเดินทางสู่เทือกเขาหมอกเร้นลับ

ในระหว่างนี้เอง

ที่มุมมืดมุมหนึ่งนอกประตูตึกพนันได้มีดวงตามืดมนคู่หนึ่งจับจ้องไปที่ร่างของเขาอย่างไม่ละสายตา