แผนที่ในกำมือ
ถึงแม้ว่าชายผู้องอาจผู้นี้กำลังเพลิดเพลินไปกับความอบอุ่นและกลิ่นกายอันเย้ายวนของสตรีสองนางในอ้อมกอด
อีกทั้งยังเคล้าคลอไปด้วยเสียงเพลงอันไพเราะและสุรารสเลิศ
อย่างไรก็ตาม
จี้เทียนซิงรับรู้ได้ชัดเจนว่าบุคคลผู้นี้ไร้ซึ่งอารมณ์เสพรับบรรยากาศอันสุนทรีย์ที่อยู่รอบๆ
เขามีกลิ่นอายและท่วงท่าราวกับราชสีห์จำศีล ดวงตาเฉียบคมประดุจนกอินทรี
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบุคคลนี้ก็คือเจ้าของตึกพนันเหยี่ยวเวหาที่ลึกลับ
!
เมื่อเห็นเหลยเฉียนจวินและจี้เทียนซิงเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่
เทียนอิงฟางจู้ก็ยกมือขึ้นเล็กน้อยเป็นสัญญาณ
เสียงเพลงในห้องโถงใหญ่หยุดลง
นักร้องนักเต้นต่างก็โค้งคำนับอย่างนอบน้อมและทยอยเดินออกจากห้องโถงใหญ่
แม้แต่สาวงามทั้งสองนางที่แอบอิงอยู่ใต้อ้อมแขนของเทียนอิงฟางจู้ก็กระซิบข้างหูแผ่วเบา
จากนั้นก็ล่าถอยออกไป
ภายในพริบตาก็มีเพียงเทียนอิงฟางจู้, เหลยเฉียนจวินและจี้เทียนซิงเท่านั้นที่เหลืออยู่ในห้องโถงใหญ่
เหลยเฉียนจวินเดินเข้าใกล้และประสานมือคารวะอย่างนอบน้อมพลางกล่าวรายงานว่า
“ฟางจู้
ข้าน้อยนำจี้เทียนซิงมาแล้ว เด็กหนุ่มผู้นี้เอาชนะมนุษย์หมาป่าอันหยิงได้ขอรับ”
เทียนอิงฟางจู้เทสุราใส่จอกและค่อยๆลิ้มรสมัน ใบหน้าของเขาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ดวงตาของเขาดูเหมือนนกอินทรี
หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็พยักหน้าและกล่าวว่า
“ยอดเยี่ยมมาก
ข้าไม่ได้พบเจอรุ่นเยาว์ที่น่าสนใจเช่นนี้มานานหลายปีแล้ว !
ด้วยวัยเพียงเท่านี้และด้วยพลังยุทธ์ในขอบเขตปราณจิตขั้นที่สามกลับสามารถเอาชนะอันหยิงที่เหนือกว่าถึงสองขั้นย่อยได้
!”
“เด็กน้อย
หากข้าเดาไม่ผิดเจ้าสมควรเป็นหนึ่งในศิษย์หัวกะทิของนิกายพันธมิตรสวรรค์แล้วกระมัง
?”
จี้เทียนซิงสวมเสื้อคลุมสีขาวซึ่งเป็นเครื่องแบบของนิกายพันธมิตรสวรรค์
ด้วยประสบการณ์ของเทียนอิงฟางจู้ แน่นอนว่าเขาย่อมรับรู้ได้อย่างรวดเร็วเพียงกวาดสายตาวูบเดียว
ชายหนุ่มไม่เข้าใจความหมายและเจตนาที่แน่ชัดของอีกฝ่าย
เขาจึงไม่ตอบคำถามในทันทีแต่กำหมัดคารวะด้วยความเคารพและกล่าวว่า “ผู้เยาว์จี้เทียนซิง คารวะเทียนอิงฟางจู้ !”
เทียนเอิงฟางจู้เป็นบุคลระดับไหนแล้ว
?
เขามองออกถึงความคิดระแวดระวังของจี้เทียนซิงเป็นอย่างดี
ดังนั้นเขาจึงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยและไม่เจาะลึกในเรื่องนี้
เขาหยิบจอกสุราขึ้นมาอีกครั้งพลางจิบช้าๆกล่าวต่อไปว่า
“เด็กน้อย ในเมื่อเจ้าผ่านการประลองตามกติกาของข้าแล้ว
เช่นนั้นก็จงบอกความปรารถนาของเจ้ามา ตราบใดที่มันไม่เกินความสามารถของฟางจู้ผู้นี้
จงแน่ใจได้เลยว่าข้าสามารถสนองความต้องการของเจ้าได้ !”
จี้เทียนซิงพยักหน้าและไม่พูดจาไร้สาระ
เขากล่าวเข้าเรื่องทันทีว่า “เรียนฟางจู้ ผู้เยาว์ต้องการแผนที่รายละเอียดของเทือกเขาหมอกเร้นลับขอรับ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้เทียนอิงฟางจู้ขมวดคิ้วโดยพลัน
ดวงตาคู่นั้นหรี่ลงและมองอีกฝ่ายอย่างตั้งอกตั้งใจก่อนที่จะเอ่ยปากถามว่า “เจ้าหนู
เทือกเขาหมอกเร้นลับเป็นดินแดนที่ป่าเถื่อนดุร้ายนับตั้งแต่สมัยโบราณ
เจ้าต้องการแผนที่ไปเพื่ออะไร ?”
“เจ้าเป็นรุ่นเยาว์ที่เปี่ยมไปด้วยอัจฉริยะภาพ
ขืนบุกเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นก็เหมือนเอาชีวิตไปทิ้งเสียเปล่าๆ”
ในความเป็นจริง
เทียนอิงฟางจู้มิได้สนใจว่าจี้เทียนซิงคิดจะทำอะไรอีกทั้งยังไม่สนใจว่าเขาจะสามารถเข้าสู่เทือกเขาหมอกเร้นลับและมีชีวิตรอดได้หรือไม่
การที่เขาพูดเช่นนั้นก็เพียงเพื่อต้องการโน้มน้าวให้อีกฝ่ายล้มเลิกความตั้งใจ
เหตุผลก็สืบเนื่องมาจากว่าแผนที่รายละเอียดของเทือกเขาหมอกเร้นลับนั้น
ทั่วทั้งเมืองวิญญาณเพลิงมีสำเนาเพียงหนึ่งเดียวก็คือในมือของเขา
แผนที่นี้เลอค่ายิ่ง
มันเป็นสมบัติที่ประเมินค่ามิได้ !
เขาชั่งน้ำหนักในใจว่าจะมอบมันให้อีกฝ่ายดีหรือไม่
จี้เทียนซิงคำนับและกล่าวต่อไปอย่างนิ่งเฉยว่า
“ขอบคุณฟางจู้ที่กระตุ้นเตือน แต่ผู้เยาว์ต้องการเพียงแค่แผนที่
หวังว่าฟางจู้จะเติมเต็มความปรารถนาให้ผู้เยาว์ได้”
เมื่อได้เห็นทัศนคติของจี้เทียนซิงที่ไม่อ่อนไม่แข็ง
เพียงแค่มุ่งมั่นที่จะนำแผนที่มาให้ได้
เทียนอิงฟางจู้ก็หันไปมองเหลยเฉียนจวินและเอ่ยปากถามว่า
“พ่อบ้านเหลย คืนนี้เราได้มาเท่าไหร่ ?”
เหลยเฉียนจวินเหลียวมองจี้เทียนซิงด้วยความลังเลอยู่ครู่หนึ่งและไม่กล้าพูดอะไรออกมา
การที่มีบุคคลภายนอกอย่างจี้เทียนซิงอยู่ใกล้ๆทำให้พ่อบ้านอย่างเขาไม่กล้าเปิดเผยจำนวนเงินที่เฉพาะเจาะจง
อย่างไรก็ตาม
การที่เทียนอิงฟางจู้ถามเช่นนี้ย่อมมีจุดประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงคำขอของจี้เทียนซิงซึ่งมันเป็นสิ่งที่พ่อบ้านเหลยพอจะเดาได้
ดังนั้นเขาจึงต้องตอบไปตามความจริงว่า “เรียนฟางจู้
ค่ำคืนนี้มีนักพนันที่แทงเสียเกือบหนึ่งพันคน
มีรายงานจากส่วนกลางมาว่าคืนนี้เราได้หินวิญญาณมากกว่า 3,000 ก้อน เหรียญเงินมากกว่า 500
ล้านอีกทั้งยังมีของเดิมพันอย่างอื่นอีกด้วย
เช่น คัมภีร์และโอสถล้ำค่า
ถึงแม้ว่าจี้เทียนซิงจะเตรียมใจมาแล้วว่าคืนนี้ตึกพนันเหยี่ยวเวหาย่อมได้รับทรัพย์ก้อนโต
แต่เขาก็อดเบิกตากว้างไม่ได้เมื่อได้ยินมูลค่าที่แท้จริง
เขาเคยได้ยินมาว่านิกายใหญ่เช่นนิกายพันธมิตรสวรรค์และนิกายกระบี่ฟ้า
มีหินวิญญาณในครอบครองมากกว่าหนึ่งพันก้อน
แต่ค่ำคืนนี้เขาเพียงแค่เอาชนะมนุษย์หมาป่าอันหยิงกลับทำให้ตึกพนันเหยี่ยวเวหาได้รับหินวิญญาณมากกว่า
3,000 ก้อน !
นี่เป็นมูลค่ามหาศาลที่น่าอัศจรรย์อย่างแน่นอน
!
นอกจากหินวิญญาณแล้วยังมีเหรียญเงินอีกกว่า
500 ล้านเหรียญ รวมไปถึงเม็ดยาและโอสถจำนวนมาก
นี่นับเป็นโชคก้อนใหญ่
แต่แน่นอนว่าตึกพนันเหยี่ยวเวหาเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่
ซึ่งความมั่งคั่งที่ได้รับมาในวันนี้ย่อมถูกใช้หมดไปในเวลาไม่นานและเป็นการยากที่จะเก็บหอมรอมริบไว้ได้ทั้งหมด
เทียนอิงฟางจู้ได้ยินรายงานจากเหลยเฉียนจวินก็ยังอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ยังคาดไม่ถึงว่าจี้เทียนซิงจะนำความมั่งคั่งและทรัพย์สินมหาศาลมาให้เขามากมายเช่นนี้
สีหน้าของเขาดูผ่อนคลายลงและแววตาที่มองจี้เทียนซิงก็ดูกลมกลืนกันมากขึ้น
หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็พยักหน้าพลางกล่าว่า “กฎย่อมเป็นกฎ ในเมื่อเจ้าชนะข้าก็ต้องทำตามสัญญา ไอ้หนู ข้าจะตอบสนองความต้องการของเจ้า”
ในที่สุดเขาก็หยิบม้วนตำราโบราณสีเหลืองคู่หนึ่งออกมาจากวงแหวนมิติ
พลันสะบัดมันออกไปเป็นลำแสงสีฟ้าอ่อนไปถึงเบื้องหน้าจี้เทียนซิง
“ไอ้หนู นี่คือแผนที่ของเทือกเขาหมอกเร้นลับ
ทั่วทั้งเมืองวิญญาณเพลิงมีเพียงชิ้นเดียว ข้าฟางจู้มอบให้เจ้าไว้ใช้งาน
เจ้าต้องรักษามันด้วยชีวิต ! และแน่นอน
ข้าก็หวังว่าเจ้าจะมีชีวิตรอดกลับมาครบสามสิบสอง อย่าได้ตายเสียแต่ยังหนุ่มยังแน่น”
“อย่างไรก็ตาม คนหนุ่มที่น่าสนใจเยี่ยงเจ้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะได้ทำงานให้กับข้าฟางจู้
! ฮ่า ๆ ๆ ๆ ...”
เทียนอิงฟางจู้ยิ้มและหัวเราะเสียงดัง
จี้เทียนซิงรับแผนที่มาและกำหมัดขอบคุณอีกฝ่ายพลางกล่าวว่า
“ขอบคุณฟ้างจู้ที่เต็มเติมความปรารถนาของข้า
เช่นนั้นผู้เยาว์ไม่รบกวนท่านแล้ว ขออำลา !”
เทียนอิงฟางจู้พยักหน้าเล็กน้อยพลันโบกมือไปทางเหลยเฉียนจวิน
“พ่อบ้านเหลย ส่งแขก”
เหลยเฉียนจวินพยักหน้าและเดินนำหน้าจี้เทียนซิงออกไปจากโถงหลัก ทั้งสองเดินผ่านตำหนักหลายหลัง
ผ่านทางเดินคดเคี้ยวเพื่อมุ่งหน้าไปยังประตูทางออกของหมู่ตึก
ระหว่างทางเหลยเฉียนจวินเบือนหน้ามามองด้วยรอยยิ้ม
พลันกล่าวคำพูดอย่างมีความหมายต่อจี้เทียนซิง “น้องชาย
ในบรรดาแขกเหรื่อนับไม่ถ้วนที่เคยเข้ามา มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าตาท่าน
นายท่านชื่นชมในตัวเจ้า นี่เป็นเรื่องที่หาได้ยาก ดูเหมือนว่าท่านจะสนใจเจ้ามาก !”
จี้เทียนซิงเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายคิดจะสื่อเป็นอย่างดี
เขามองกลับอีกฝ่ายและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้ารู้สึกขอบคุณและโชคดีนักที่เทียนอิงฟางจู้มอบแผนที่ให้
ส่วนเรื่องอื่นๆข้ายังไม่กล้านึกถึง ท้ายที่สุดแล้ว ในฐานะของศิษย์ของนิกายหนึ่ง ข้าต้องมีความรับผิดชอบต่อผู้ที่ข้ากราบเป็นอาจารย์....”
หลังจากฟังคำอธิบายของเขา
เหลยเฉียนจวินก็เข้าใจได้ทันทีว่าชายหนุ่มผู้นี้ย่อมเป็นศิษย์โปรดของประมุขนิกายแน่นอน
เขาถอนหายใจด้วยความเสียดาย
จากนั้นก็เผยรอยยิ้มและกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้วน้องชาย เจ้ามีพรสวรรค์ในเชิงยุทธ์
นิกายของเจ้าต้องปลูกฝังดูแลเป็นอย่างดี อนาคตของเจ้าจะไร้ที่สิ้นสุด”
หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็มาถึงประตูตึกพนัน
เหลยเฉียนจวินกล่าวว่า “เอาล่ะ ข้าขอส่งเจ้าที่นี่ก็แล้วกัน น้องชายถนอมตัวด้วย
วันหน้าพบกันใหม่ !”
จี้เทียนซิงกำหมัดคารวะและกล่าวคำอำลา
จากนั้นก็เดินจากไป
หลังออกจากตึกพนันเหยี่ยวเวหา
เขาก็เดินไปยังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งภายในเมือง
ขั้นต่อไปเขาต้องการศึกษาแผนที่โดยละเอียดและเตรียมการให้พร้อมสรรพ
จากนั้นก็ออกเดินทางสู่เทือกเขาหมอกเร้นลับ
ในระหว่างนี้เอง
ที่มุมมืดมุมหนึ่งนอกประตูตึกพนันได้มีดวงตามืดมนคู่หนึ่งจับจ้องไปที่ร่างของเขาอย่างไม่ละสายตา
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved