ตอนที่ 350

ตอนที่

350 ปราณฉีห้าธาตุ, หัตถ์ฟ้าทลาย

!

ฉู่เทียนเซิงเพ่งสายตามองจี้เทียนซิงอย่างเคร่งขรึม

คนเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนยิ่ง

มันรู้สึกทั้งโล่งอกและพึงพอใจต่อบุคลิกนิสัยของศิษย์ผู้นี้

แต่ในใจก็คิดเป็นห่วงกระวนกระวาย  พลางทอดถอนหายใจขบคิดในใจลับๆว่า

“เฮ้อ..... เทียนซิงหนอเทียนซิง

เจ้าเพิ่งมีอายุได้สิบเจ็ดปีเท่านั้น เหตุใดถึงได้ดีขนาดนี้ ?”

“เจ้าเปี่ยมล้นทั้งพรสวรรค์

ความเข้าใจในวิถียุทธ์ลึกซึ้ง สงบเยือกเย็นเฉลียวฉลาดแถมยังเต็มไปด้วยความกล้าหาญ

“เจ้าเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ยังไม่โตเต็มที่

เหตุใดถึงได้ยอมแบกรับความรับผิดชอบอันหน่วงหน่วงเช่นนี้ด้วย ?”

“เจ้าเพิ่งเข้าเป็นศิษย์นิกายไม่ถึงครึ่งปี

แต่เจ้ากลับเต็มไปด้วยความกล้าหาญและรู้รับผิดชอบเฉกเช่นเดียวกับหยุนเหยา

เช่นนี้แล้วในฐานะอาจารย์ จะไม่ให้ข้ากลัดกลุ้มกังวลได้อย่างไร ?”

ฉู่เทียนเซิงอยู่มานานกว่าร้อยปี

ไม่ทราบว่ามันได้พบจอมยุทธ์รุ่นเยาว์มากความสามารถและพรสวรรค์มากน้อยเพียงใด

แต่สุดท้ายก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าตามัน  จี้เทียนซิงนับเป็นหนึ่งในนั้น

การที่มันให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อชายหนุ่ม

ไม่เพียงแค่เพราะพรสวรรค์ที่โดดเด่นเท่านั้น

แต่ยังเป็นเพราะหัวจิตหัวใจที่ซื่อตรงเปี่ยมด้วยคุณธรรมของมันอีกด้วย

ช่วงระยะเวลาสั้นๆที่ได้มีปฏิสัมพันธ์กัน

สิ่งที่มันได้เห็นจากตัวของจี้เทียนซิงนั้นมีมากมายเหลือคณา ชายหนุ่มผู้นี้นอกจากคุณสมบัติที่โดดเด่นแล้วก็ยังมีจิตใจที่มั่นคง

เยือกเย็นและเฉลียวฉลาด

ธรรมชาติของชาวยุทธ์ทุกคนในยุทธภพล้วนแต่เย็นชาไร้น้ำใจ

มีแต่ความเห็นแก่ตัวและปฏิบัติต่อชีวิตของผู้อื่นเหมือนผักปลา

แต่จี้เทียนซิงนั้นกลับสามารถรักษาหัวใจหัวใจดั้งเดิมเอาไว้ได้

มันเต็มไปด้วยความซื่อสัตย์ ความรักและความชอบธรรม

นี่เป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งนัก !

อารมณ์ของฉู่เทียนเซิงกลายเป็นหนักหน่วง ยิ่งคิดมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งรู้สึกละอายใจต่อจี้เทียนซิงมากขึ้นเท่านั้น

บุญคุณความแค้น ความเกลียดชังของนิกายกระบี่ฟ้าที่มีต่อนิกายพันธมิตรสวรรค์

ตลอดจนสถานการณ์โดยรวมของดินแดนดาราบรรพกาลและอาณาจักรเทียนเฉิน

สิ่งเหล่านี้ควรเป็นเรื่องที่มันและเหล่าอาวุโสของนิกายต้องแบกรับและแก้ไข

แต่ในท้ายที่สุดมันที่เป็นถึงประมุขผู้ยิ่งใหญ่ก็ทำได้เพียงมองดูชายหนุ่มผู้หนึ่งก้าวเท้าออกหน้า

เสียสละตัวเองเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้ง

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ฉู่เทียนเซิงพลันตัดสินใจเด็ดขาดอย่างลับๆในใจ

หากจี้เทียนซิงสามารถรอดพ้นจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้

มันจะฝึกฝนบ่มเพาะอีกฝ่ายอย่างจริงใจ

เพื่อให้มันขึ้นเป็นประมุขคนต่อไปของนิกายพันธมิตรสวรรค์ !

แต่ถ้าหากจี้เทียนซิงต้องตายด้วยเงื้อมมือของเกาอวี่

มันจะฝังศพชายหนุ่มผู้นี้ไว้ในลานเกียรติยศสูงสุดของนิกายและดูแลวงศ์ตระกูลของมันเป็นอย่างดีไปชั่วชีวิต

เพราะนี่คือสิ่งที่นิกายพันธมิตรสวรรค์เป็นหนี้มัน

!

และแน่นอน

มันจะทำให้นิกายกระบี่ฟ้าสาปสูญไปจากดินแดนดาราบรรพกาล !

ในขณะเดียวกันผู้เฒ่าชุดม่วงก็เดินเข้ามาท่ามกลางฝูงชนสองฝ่ายที่จตุรัส

หอบร่างเอี๋ยนเอ๋อร์ที่ยังไม่ทะลุติดมือมาด้วย

มันเห็นฉู่เทียนเซิง

จี้เทียนซิงและคนอื่นๆมากันพร้อมหน้าและได้รับรู้ว่าศิษย์พี่ของมันทำข้อตกลงเพื่อยุติความขัดแย้งกับเทียนเจี้ยนจง

มันเขาพยายามสุดชีวิตที่จะพุ่งไปหาจี้เทียนซิงพลางตะโกนด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า

ใบหน้าซีดเซียวว่า “พี่เทียนซิง อย่า !”

"ข้าเป็นรัชทายาทแห่งเผ่าอัคคีแดนใต้

ต่อให้เป็นสิบเทียนเจี้ยนจงก็ไม่กล้าทำอะไรข้าแน่  ปล่อยข้าไว้เถอะ !”

ดวงตาของฉู่เทียนเซิง

จี้เทียนซิงและทุกคนฝ่ายนิกายพันธมิตรสวรรค์ตกไปอยู่ที่ตัวเอี๋ยนเอ๋อร์ในทันที

เมื่อได้เห็นคราบเลือดแห้งกรังบนเสื้อคลุมและสีหน้าซีดเซียวของมัน

ทุกคนก็รู้สึกทุกข์ร้อนและโกรธแค้น

จี้เทียนซิงกัดฟันพลางกล่าวกับศิษย์น้องอย่างหนักแน่นว่า

“เอี๋ยนเอ๋อร์

เจ้าไม่ต้องกังวล ศิษย์พี่ไม่เป็นไรแน่ ข้าจะช่วยเจ้ากลับมาให้ได้ !”

"ไม่ !  พี่เทียนซิง ท่านไม่ต้องสนใจข้า ! ยกเลิกข้อตกลงนี้แล้วไปซะ !”

ในเวลานี้เอง ภายใต้การสนับสนุนจากประมุขสองนิกายและเหล่าผู้เฒ่า

ในที่สุดเทียนเจี้ยนจงก็ตัดสินใจได้แล้ว

เมื่อได้ยินคำพูดโน้มน้าวของเอี๋ยนเอ๋อร์ที่มีต่อจี้เทียนซิง

มันก็ขยิบตาส่งสัญญาณให้ผู้เฒ่าชุดม่วง

ผู้เฒ่าชุดม่วงผงกศีรษะ

และยกมือขึ้นสกัดจุดเอี๋ยนเอ๋อร์ในทันที

เมื่อเอี๋ยนเอ๋อร์พูดไม่ได้และสงบลง

เทียนเจี้ยนจงก็หันหน้าไปมองจี้เทียนซิงพลางกล่าวว่า “จี้เทียนซิง  ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย

ข้าประมุขก็จะสงเคราะห์ให้ !”

"วันนี้ข้าจะให้เจ้าชดใช้ให้เหวินหยู"

เทียนเจี้ยนจงตัดสินใจแล้ว

ตอนนี้มันต้องฆ่าชายหนุ่มตรงหน้าให้ได้เสียก่อน ส่วนเรื่องข้ออ้างในการประกาศสงครามกับนิกายพันธมิตรสวรรค์

มันจะหาวิธีการทีหลังเอง

วันนี้มันจะต้องฆ่าเจ้าเด็กอวดดีจี้เทียนซิง

ล้างแค้นให้ซื่อเหวินหยูให้จงได้ เพื่อเป็นการกำจัดเสี้ยนหนามตำตาและหนึ่งในอัจฉริยะชั้นนำของพันธมิตรสวรรค์ให้สิ้น

!

จากนั้นมันก็ก้าวออกมาจากฝูงชน มาที่กลางจัตุรัส

จี้เทียนซิงก็ก้าวเท้าเดินตรงไปที่กลางจัตุรัสเช่นกัน

สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์และยืนห่างจากเทียนเจี้ยนจงเพียงยี่สิบก้าวเท่านั้น

"ประมุขเกา ในเมื่อตกลงเห็นด้วยกันทั้งสองฝ่ายแล้ว

โปรดจดจำสัญญาเอาไว้ให้ดี ทุกท่านในที่นี้จงเป็นพยาน"

ใบหน้าของเทียนเจี้ยนจงเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

คนแสยะยิ้มพลางคำรามออกมาว่า “เลิกพล่ามได้แล้ว ยังไงก็เจ้าก็ต้องตาย !”

สิ้นเสียง คนโคจรพลังชั่วชีวิตปะทุพลังปราณแท้สีเงินอันวิจิตรงดงามออกมา

พวกมันควบรวมกันที่ฝ่ามือขวา

แต่ในขณะนี้เอง

หนึ่งในผู้เฒ่าของนิกายกระบี่ฟ้าพลันเดินไปหาเทียนเจี้ยนจงอย่างรวดเร็วและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า

“ท่านประมุขช้าก่อน  ให้ข้าน้อยได้ตรวจสอบร่างกายของจี้เทียนซิงเสียก่อนขอรับ"

"ในเมื่อมันกล้าเสนอข้อตกลงที่สุ่มเสี่ยงต่อชีวิตเยี่ยงนี้

เป็นไปได้สูงว่ามันอาจจะซุกซ่อนชุดเกราะล้ำค่าหรือไม่ก็ยันต์คุ้มกายอื่นๆไว้ภายในร่าง....”

คำพูดของผู้เฒ่าท่านนี้เป็นสิ่งที่หลายคนคิด

ไม่ว่าจะเป็นคนของฝ่ายกระบี่ฟ้าหรือพันธมิตรสวรรค์ต่างก็เชื่อว่าจี้เทียนซิงจะต้องอาศัยพลังภายนอกบางชนิด

เพื่อต้านรับหนึ่งฝ่ามือของจอมยุทธ์ระดับปราณฟ้า

มิฉะนั้นแล้วมันคงไม่กล้าเสนอตัวออกมาเป็นแน่

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วและไม่พูดอะไร

เขายืนนิ่งๆเพื่อรอให้ผู้เฒ่านิกายกระบี่ฟ้าได้ตรวจสอบ

อย่างไรก็ตาม

เทียนเจี้ยนจงกลับแสดงสีหน้าดูถูกเย้ยหยัน

คนโบกมือขวางผู้เฒ่าท่านนั้นเอาไว้พลางกล่าวว่า

"ไม่จำเป็น"

"เจ้าเด็กจี้เทียนซิงเป็นแค่มดปลวกที่ระดับพลังยังไม่ทันจะพ้นปราณจิต

ต่อให้มันสวมเกราะระดับปราณฟ้าก็มิพ้นตกตายด้วยฝ่ามือสุดกำลังของข้าประมุข !”

"มันจะต้องตาย แม้แต่ซากก็ไม่เหลือ !"

ผู้เฒ่าเงียบไปครู่หนึ่งและพยักหน้า

จากนั้นล่าถอยกลับไปยืนด้านหลังอย่างรวดเร็ว

ในเวลาต่อมาเทียนเจี้ยนจง ได้รวบรวมทักษะชั่วชีวิตของมันไว้บนฝ่ามือขวา

เปล่งสีสันสดใสและไอสังหารอันน่าสะพรึงกลัวขึ้น

ในฝ่ามือขวาของมัน

ปราณแท้พลันเปล่งแสงสว่างพร่างพราวเจิดจ้า

ควบรวมกันเป็นหัตถ์ปราณสรรพสีสันขนาดใหญ่

บรึ้ม !

พลังงานที่รุนแรงเกรี้ยวกราดระเบิดออก

ก่อให้เกิดลมกรรโชกแรงพัดเอาฝุ่นหินดินทรายฟุ้งกระจายไปทั่วอากาศ  ชายอาภรณ์ของทุกคนพัดสะบัดอย่างแรงไปตามแรงลม

ผืนแผ่นดินสั่นสะเทือน แม้แต่ทั่วทั้งยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์ก็ยังสั่นเล็กน้อย

แลดูเหมือนจะพังครืนลง !

แม้แต่ท้องฟ้าที่เคยสว่างสดใส ก็ยังระเบิดเป็นกระแสลมแรง

ชั้นเมฆสีดำโผล่ขึ้นออกมาจากอากาศที่เบาบาง

ทว่า เทียนเจี้ยนจงก็ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้

คนยังคงเกร็งพลังสะสมพลังลมปราณไว้ที่หัตถ์หลากสีอย่างต่อเนื่อง พลังปราณไหลล้นทะลักไม่หยุดหย่อน

เกิดเป็นลำแสงไอปราณโชยออกมาอย่างท่วมท้น

ยังไม่ทันจะปล่อยฝ่ามือ

มันก็สามารถสร้างแรงกดดันมหาศาลราวกับฟ้าถล่มดินทลาย  ผู้คนกลืนน้ำลายขม หัวใจหนักอึ้งอึดอัดในทันที

ฉู่เทียนเซิงหน้าถอดสีและถึงผงะด้วยความผวา มันคร่ำครวญอย่างไม่พอใจว่า

“สารเลว

!  ตัวบัดซบเกาอวี่ไม่เพียงแค่ใช้วิถีลับปราณฉีห้าธาตุ

แต่มันถึงกับใช้หัตถ์ฟ้าทลายอีก !”

วิถีลับปราณฉีห้าธาตุเป็นวิถีลับสุดยอดที่สามารถเสริมพลังการต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มีเพียงยอดฝีมือในขอบเขตปราณฟ้าขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถควบคุมปราณฉีห้าธาตุได้

และสามารถใช้วิถีลับนี้เพิ่มพลังทำลายของกระบวนท่าได้สองถึงสามเท่าในระยะเวลาสั้นๆ

นอกจากนี้หัตถ์ฟ้าทลายก็ยังเป็นวิชาในระดับปราณฟ้าเช่นกัน

หนึ่งหัตถาฉีกนภา, ถล่มภูผาและวารี

มันเป็นวิชาฝ่ามือที่ทรงพลังอย่างยิ่ง !

ด้วยความแข็งแกร่งของประมุขนิกายกระบี่ฟ้า

ต่อให้มันซัดฝ่ามือสะเปะสะปะก็ยังสามารถสังหารยอดฝีมือกลุ่มใหญ่เป็นผุยผงได้ในไม่กี่วินาที

แต่ตอนนี้มันกลับโคจรพลังเนิ่นนานเพื่อจู่โจมจี้เทียนซิงอย่างสมบูรณ์แบบ

ใช้วิถีลับปราณฉีห้าธาตุเพื่อออกกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของมัน

มันไม่คิดหลงเหลือโอกาสให้จี้เทียนซิงได้มีชีวิตรอด

!

ทุกคนในจัตุรัสต่างก็มั่นใจ

ยามที่เทียนเจี้ยนจงซัดฝ่ามือออกไปจี้เทียนซิงย่อมตกตายจนไม่รู้จะตายอย่างไร !

แม้แต่ซากสังขารก็คงไม่เหลือ

!