สูงส่งแต่ไม่เย่อหยิ่ง
จี้เทียนซิงได้ฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับรัชทายาทเผ่าอัคคีทักษิณจากปากหยุนเหยา
ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปที่มีสายเลือดพิเศษก็เพียงพอแล้วที่จะนับได้ว่าเป็นอัจฉริยะในเชิงยุทธ์
มันเป็นพรสวรรค์ที่คนทั่วไปยากจะเข้าถึง
ส่วนคนที่มีสายเลือดพิเศษสองสายนั้นหาได้ยากยิ่งกว่า
และผู้ฝึกยุทธ์จำพวกนี้ร้อยปียังมีเพียงแค่ไม่กี่คน !
เอี๋ยนเอ๋อร์เป็นรัชทายาทเผ่าอัคคีที่บิดามารดาต่างก็เป็นยอดฝีมือทั้งคู่
แน่นอนว่าเขาย่อมได้รับการสืบทอดพรสวรรค์โดยกำเนิดจากจักรพรรดิอัคคีและราชินีอัคคี
ไม่เพียงแค่นั้น
เขายังสามารถปลุกกายาเพลิงคะนองซึ่งเป็นกายาพิเศษขึ้นได้อีกด้วย
ตามที่จี้เทียนซิงได้ฟังมา
เอี๋ยนเอ๋อร์ผู้นี้มีพลังสายเลือดสองชนิดและมีร่างกายที่พิเศษ
แน่นอนว่าสักวันหนึ่งเขาจะกลายเป็นอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่
แต่ทว่าสิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือกายเพลิงคะนองที่ตื่นขึ้นจะทำให้เอี๋ยนเอ๋อร์ต้องทุกข์ทรมาน
!
“ศิษย์พี่ใหญ่
เอี๋ยนเอ๋อร์มีพลังสายเลือดสองชนิดและยังมีกายาที่พิเศษ
มิใช่ว่าเขาเป็นอัจฉริยะระดับสูงหรอกหรือ ? ทำไมท่านถึงได้บอกว่าเขาต้องเจ็บปวดแสนสาหัส
?”
หยุนเหยาส่ายหัวเล็กน้อย
นางทอดถอนใจและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “หากศิษย์น้องเอี๋ยนเอ๋อร์เพียงครอบครองสายเลือดสองชนิดหรือมีเพียงแค่กายาเพลิงคะนองก็สามารถนับว่าเป็นอัจฉริยะอนาคตไกลแล้ว”
“แต่โชคไม่ดีที่เขาครอบครองพวกมันทั้งหมด
มันจึงกลายเป็นหายนะแทนคำว่าอัจฉริยะ”
“เพลิงหยางสีชาดมีผลเป็นบวกและเพลิงหยินคลั่งมีผลเป็นลบ
ศิษย์น้องเอี๋ยนเอ๋อร์สามารถผสานพลังสายเลือดทั้งสองชนิดที่เป็นหยินและหยางเข้าด้วยกันได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด
มันทำให้ความแข็งแกร่งของเขาพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว”
“เพียงแต่ว่ากายาเพลิงคะนองที่เพิ่งตื่นขึ้นมานั้นเป็นคุณลักษณะของธาตุไฟที่แข็งแกร่งกว่ามาก
มันสามารถกลืนกินพลังของทั้งสองสายเข้าไปจนทำให้สภาพร่างกายไม่สมดุล”
“พลังสายเลือดทั้งสองของศิษย์น้องเอี๋ยนเอ๋อร์นั้นขัดแย้งกับกายาเพลิงคะนองอย่างรุนแรง
จนนำไปสู่พลังที่ปะทุออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
มันทำให้ทักษะของเขาลดลงและเจ็บปวดทรมาน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้จี้เทียนซิงก็พยักหน้าด้วยความสงสารและรู้สึกเห็นอกเห็นใจ
“ช่างน่าสงสารนัก”
หยุนเหยากล่าวต่อไปว่า
“สามปีก่อนกายาเพลิงคะนองของศิษย์น้องเอี๋ยนเอ๋อร์ได้ตื่นขึ้นและสร้างความทรมาน
เมื่อใดที่พลังบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้น ความทรมานก็จะยิ่งมากรุนแรงมากขึ้นไปด้วย
แม้กระทั่งจักรพรรดิอัคคีและราชินีก็ยังจนปัญญา”
“จนกระทั่งเมื่อสองปีก่อน
จักรพรรดิอัคคีได้พาเอี๋ยนเอ๋อร์มาที่นิกายและขอให้ท่านอาจารย์หาทางช่วย ตั้งแต่นั้นมาศิษย์น้องเอี๋ยนเอ๋อร์ก็อยู่ที่นิกายเราเรื่อยมา
และท่านอาจารย์ก็รับเขาเป็นศิษย์สายตรง”
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา
อาการของศิษย์น้องเอี๋ยนเอ๋อร์ก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ
สุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงต้องนอนหลับอยู่ในห้องลับโดยอาศัยข่ายอาคมของท่านอาจารย์ช่วยระงับเพลิงคะนองในร่างกาย”
ในที่สุดจี้เทียนซิงก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดและพยักหน้า
“มิน่าเล่า
ข้าถึงไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงเขามาก่อน”
จากนั้นชายหนุ่มก็ถามคำถามหยุนเหยาอีกเล็กน้อย
ทั้งสองคุยกันอีกพักใหญ่จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดินก็แยกย้ายกันไป
จี้เทียนซิงกลับไปที่หอยุทธ์ฟงอวิ๋น
เมื่อมาถึงเขาก็เห็นศิษย์หลายคนกำลังรวมกลุ่มคุยกัน
แม้จะอยู่ไกลก็ยังได้ยินคำว่า
‘เปิดข่ายปราณ’ และ
‘เข้าสู่ฝ่ายใน’ เขารู้ได้ในทันทีว่าข่าวแพร่ออกไปแล้ว ศิษย์ทั้งหลายกำลังพูดถึงเขานั่นเอง
แน่นอน
เมื่อเหล่าศิษย์เห็นเขาเดินมาก็หยุดการพูดคุยทันที
หากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อนพวกมันจะมองเขาด้วยสีหน้าแตกต่างกันออกไป
บ้างก็กระซิบกระซาบ บ้างก็สบถด่าทออย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม
หลังจากจบการประลองหลงซาน สมาชิกหอยุทธ์ฟงอวิ๋นก็เริ่มเปลี่ยนท่าที หลายๆคนเริ่มเชื่อมั่นและมีเจตนาดีที่จะผูกสัมพันธ์อันดีต่อเขา
ตอนนี้เขามีส่วนร่วมและมีบทบาทฐานะอย่างมากในนิกาย เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งไปเป็นศิษย์ฝ่ายในโดยตรงจากคำสั่งของประมุขนิกาย
อีกทั้งยังถูกรับเป็นศิษย์สายตรงอีกด้วย
ความรุ่งโรจน์เจิดจรัสและอัตลักษณ์ที่สูงส่งเยี่ยงนี้ย่อมทำให้ทุกคนอิจฉาตาร้อน
ศิษย์ทั้งหลายเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรและเอ่ยปากทักทายเขาทันที
“ศิษย์พี่จี้ !”
“อ่า ศิษย์พี่จี้ไปไงมาไงขอรับ !”
“ทักทายศิษย์พี่จี้ !”
หลังจากแหกปากทักทายแล้วศิษย์ทั้งหลายก็เข้ามาห้อมล้อมจี้เทียนซิง
สีหน้าของทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจระคนอิจฉาเลื่อมใส จากนั้นก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“ศิษย์พี่จี้ พวกเราเพิ่งได้ยินข่าวว่าท่านประมุขประกาศให้ท่านเลื่อนขั้นเป็นศิษย์ฝ่ายในใช่ไหมขอรับ
?”
“ศิษย์พี่จี้
ท่านประมุขคิดจะรับท่านเป็นศิษย์สายตรงใช่ไหม ! ในอนาคตท่านจะเป็นหนึ่งในศิษย์ที่โด่งดังที่สุดของนิกาย
ท่านอย่าได้ลืมพวกเรานะ”
“แหะๆ ศิษย์พี่จี้
รอให้ท่านผ่านพิธีกราบอาจารย์และกลายเป็นศิษย์สายตรงของท่านประมุข
ทีนี้ศักดิ์ฐานะของท่านก็จะเทียบเท่ากับศิษย์พี่ใหญ่หยุนเหยาแล้ว น่าอิจฉายิ่งนัก !”
“ศิษย์พี่จี้
ท่านช่วยเล่าให้พวกเราฟังหน่อยได้ไหมว่า มหาข่ายปราณคืออะไรหรือขอรับ ?”
ศิษย์ทั้งหลายเต็มไปด้วยความสงสัยและหันไปมองอีกฝ่ายเพื่อรอคอยเขาบอกเล่ารายละเอียด
จี้เทียนซิงพยักหน้าให้ทุกคนและเผยรอยยิ้มจางๆขึ้นพลางกล่าวว่า
“อืม อีกสามวันข้างหน้าหลังจากพิธีกราบอาจารย์ ข้าจะต้องออกจากที่นี่เข้าไปอยู่ฝ่ายในแล้ว”
“ศิษย์น้องทั้งหลายต้องพยายามให้มากเพื่อผ่านการประเมินเข้าเป็นศิษย์ฝ่ายใน
ข้าจะรอพวกเจ้าทุกคนอยู่ในเขตชั้นใน”
น้ำเสียงของเขาสงบราบเรียบและวางสีหน้าไร้อารมณ์ราวกับกล่าวเรื่องไม่สลักสำคัญ
ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นว่าที่ศิษย์สายตรงของประมุขนิกายที่ทำให้ศิษย์คนอื่นๆต้องอิจฉาริษยา
แต่เขาก็ยังทำตัวสงบเยือกเย็น
ไม่แยแสและไม่เย่อหยิ่งต่อชื่อเสียงเกียรติยศครั้งนี้
ศิษย์หลายคนอิจฉาเขา
แต่ก็ชื่นชมการวางตัวและทัศนคติที่ดีที่ไม่โอ้อวดศักดิ์ฐานะ
เขาเพียงแค่พูดผลักดันให้กำลังใจทุกคนเท่านั้น
นอกจากนี้จี้เทียนซิงก็ไม่ได้เล่าอะไรเกี่ยวกับอาคมเก้ามังกรผนึกปีศาจ
เพราะมันคือความลับของนิกายที่ไม่อาจแพร่งพรายได้
เมื่อศิษย์กลุ่มนี้ได้เข้าสู่ฝ่ายในและมีสถานะกับพลังที่แข็งแกร่งพอ
ถึงเวลานั้นพวกเขาจะมีคุณสมบัติได้รับรู้ความลับของนิกายเองโดยธรรมชาติ
หลังจากที่ทุกคนพูดคุยกันซักพัก
จี้เทียนซิงก็ขอตัวกลับไปที่ห้อง
ศิษย์ทั้งหลายจ้องมองแผ่นหลังที่ค่อยๆลับตาไปของจี้เทียนซิง
พวกเขายังไม่แยกย้ายกันไปไหนเพียงครุ่นคิดด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ซับซ้อน
อี้โม่ถอนหายใจและพูดว่า
“เฮ้อ
โชคชะตาของเขาช่างวิเศษนัก”
“ในเวลาเพียงแค่สามเดือนเท่านั้น
น่าเหลือเชื่อนักที่ศิษย์พี่จี้ได้ผ่านประสบการณ์และการเปลี่ยนแปลงที่ผลิกผันกลับกลายขนาดนี้”
ซื่อจิงเชิงพยักหน้าเห็นด้วยพล่างกล่าวว่า
“ถูกต้อง
แรกเข้าหอยุทธ์ฟงอวิ๋นใหม่ๆศิษย์พี่จี้ยังแข็งแกร่งไม่เท่าพวกเราเลยด้วยซ้ำ”
“ในเวลานั้น เขาไม่เพียงแค่ติดกับการกลั่นแกล้งจนถูกส่งไปกวาดพื้นแต่เขายังเกือบจะโดนโทษสถานหนักและถูกขังอยู่ในถ้ำวายุทมิฬ
โชคชะตาที่บิดเบี้ยวคดเคี้ยวของเขานั้นยากที่จะจินตนาการได้”
“วันนี้เขาไม่เพียงแค่ก้าวถึงขอบเขตปราณจิต
แต่เขายังเป็นผู้ชนะในการประลองหลงซานอีกด้วย
เขาสร้างคุณงามความดีให้แก่นิกายมากมายจนได้เข้าไปอยู่ฝ่ายในก่อนเวลา
สุดท้ายก็กลายเป็นศิษย์สายตรงของท่านประมุข”
“ประสบการณ์ชีวิตที่ผกผันเช่นนี้
หากมิได้เห็นกับตา ข้าเองก็ไม่อยากจะเชื่อ”
ศิษย์คนอื่นๆก็มีความรู้สึกเหมือนกัน
พวกเขากล่าวว่า “เป็นดั่งที่โบราณว่าไว้
ทองแท้จะอยู่ที่ไหนก็ยังเป็นทองที่เปล่งประกายอยู่วันยังค่ำ !”
“ต่อให้ศิษย์พี่จี้จะต้องทนทุกข์ทรมานและถูกดูหมิ่นเหยียดหยามในตอนแรก
แต่เขาก็ไม่เคยท้อถอยยอมแพ้ เขายังคงก้มหน้าก้มตาบ่มเพาะฝึกฝนอยู่เสมอ
เขาถึงได้รับเกียรติยศและโอกาสในวันนี้”
“พวกเราต้องเอาเขาเป็นตัวอย่างและพยายามให้มากๆเข้า
มิฉะนั้นพวกเราคงไม่มีอนาคตที่สดใสเช่นนั้น !”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved