ช่วงที่อยู่ในทุ่งหญ้า กุยแกก็เริ่มรู้สึกผูกพันกับกองทัพปิ้งโจว ช่วงเวลานี้ทำให้เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดผู้มีความสามารถสูงส่งอย่างกาเซี่ยงจึงเต็มใจจะทำงานรับใช้แม่ทัพบู๊ผู้หนึ่ง และเหตุใดขุนนางชั้นผู้ใหญ่อย่างซัวหยงจึงรับลิโป้ไว้เป็นศิษย์
ที่จริงแล้ว ตอนที่ข่าวเรื่องซัวหยงรับลิโป้ไว้เป็นศิษย์และย้ายไปลงหลักปักฐานที่ปิ้งโจวเผยแพร่ออกไปนั้น บัณฑิตนักศึกษาหลายคนต่างก็คิดว่าลิโป้คงใช้แผนการชั่วช้าบางอย่างมาบีบให้ซัวหยงเข้าร่วมกับปิ้งโจว แม้ว่าจะไม่ได้กล่าวออกมาอย่างเปิดเผย แต่ก็มีหลายคิดที่ปักใจเชื่อเช่นนั้น
ลิโป้รู้สึกปลาบปลื้มยินดียิ่ง กุยแกเป็นใครน่ะหรือ? ขอเพียงเป็นผู้ที่เคยอ่านสามก๊กมาก่อน ย่อมไม่มีผู้ใดไม่รู้จักเขาผู้นี้ คิดไม่ถึงจริงๆว่าเขาจะได้ตัวยอดกุนซือผู้นี้มาใช้งาน
สำหรับขุนนางบัณฑิตนั้น เมื่อเลือกนายแล้วครั้งหนึ่ง ส่วนใหญ่ก็จะร่วมหัวจมท้ายไปกับผู้เป็นนาย นี่นับเป็นเรื่องสำคัญของชีวิต น้อยคนนักที่จะเปลี่ยนนายแต่กลางคัน เพราะสุดท้าย คนที่ขายนายเพื่อเกียรติยศก็มีแต่จะถูกผู้คนในใต้หล้าก่นด่าประณาม
เมื่อกุยแกตัดสินใจเข้าร่วมกับปิ้งโจว ลิโป้แน่นอนว่าย่อมยินดี กุนซือนั้นมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนผลของสงคราม อีกทั้งกลยุทธ์ของพวกเขายังสามารถทำให้กองทัพได้รับชัยชนะโดยเกิดการสูญเสียน้อยลง
หยุนจงเป็นเมืองที่มักจะถูกชาวเซียนเป่ยเข้ารุกราน กำแพงเมืองของหยุนจงนั้นไม่ได้สูง ทั้งยังมีร่องรอยความเสียหายอยู่เกลื่อนกล่น ผู้คนที่อาศัยอยู่ใต้เงามืดของชาวเซียนเป่ยจะไม่มีวันลืมความโหดร้ายของชาวเซียนเป่ย ดังนั้นเมื่อชาวเซียนเป่ยเข้าโจมตีเมือง เมื่อเจ้าเมืองตัดสินใจจะต่อสู้ยืนหยัด ชาวบ้านก็กระตือรือร้นที่จะร่วมปกป้องเมือง
ก้อนหินและท่อนซุงล้วนถูกใช้จนหมด บางคนกระทั่งยอมทุบทำลายบ้านของตัวเองเพื่อนำมาเป็นอุปกรณ์ป้องกันเมือง อากาศในฤดูใบไม้ร่วงนั้นเริ่มที่จะเย็นลงเล็กน้อยแล้ว ซีเอ๋งออกเดินตรวจตราภายในเมืองตั้งแต่เช้าตรู่ บ่อยครั้งที่เขาพบเห็นชาวบ้านต้องนอนอยู่ในบ้านที่มีสภาพไม่ต่างจากซากปรักหักพัง ภาพของผู้คนที่ต้องนอนขดตัวสร้างความสะเทือนใจให้กับซีเอ๋ง ทันใดนั้น เขาก็พลันเข้าใจว่าเขาควรจะทำอย่างไร
แม้เขาเลือกจะมาเข้าร่วมกับลิโป้ หากแต่ในใจก็ยังมีข้อกังขาอยู่บ้าง แต่การที่เขาได้รับการใช้สอย การที่ผู้คนมองดูเขาด้วยสายตาสำนึกขอบคุณ เขาก็รู้สึกว่าทุกอย่างนั้นคุ้มค่าแล้ว ดังนั้นต่อให้ต้องตาย เขาก็ต้องต้านทานการโจมตีจากพวกเซียนเป่ยเอาไว้ให้ได้
ในเมืองหยุนจง ซีเอ๋งนำนโยบายที่ลิโป้เคยใช้ในจิ้นหยางมาใช้กับที่นี่ การแจกจ่ายที่ดิน การประกาศสิทธิประโยชน์ต่างๆของการเป็นทหารแก่เหล่าชาวบ้าน และทำงานเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของพวกเขาด้วยความจริงจัง ทำให้เขาได้รับเสียงชื่นชมจากชาวเมืองอย่างท่วมท้น
ต้องบอกว่าตันเตานั้นมีพรสวรรค์ที่จะเป็นผู้นำทัพ แม้จะยังหนุ่ม แต่เขาก็ปกครองกองทัพอย่างเข้มงวด มิเช่นนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับทัพเสือทัพหมาป่าอย่างชาวเซียนเป่ย เหล่าทหารที่เขาเกณฑ์เข้ามาคงจะหลบหนีไปนานแล้ว หากแต่เมืองหยุนจงนั้นเป็นบ้านของพวกเขา ที่อยู่ด้านหลังของพวกเขาก็คือสถานที่ที่พวกเขาเติบโตขึ้นมา พวกเขาได้แต่ก้าวไปข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ กองทัพใหม่จึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากทอดมองกำแพงของเมืองหยุนจงอยู่สักพัก ลิโป้ก็หันกลับมากล่าวกับตันเตาว่า "ไพร่พลที่ซูจื้อฝึกฝนขึ้นมาสามารถต้านทานการโหมบุกทั้งกลางวันและกลางคืนของพวกเซียนเป่ยได้ นับว่าสร้างความดีความชอบครั้งใหญ่"
ได้รับการชื่นชมต่อหน้าผู้คนมากมาย แม่ทัพหนุ่มตันเตาก็หน้าแดง "ใต้เท้า นี่เป็นหน้าที่ของข้าน้อยอยู่แล้วขอรับ" ที่อยู่รอบด้านก็คือกองกำลังอันเลื่องชื่อต่างๆของปิ้งโจวอย่างหน่วยทะลวงค่าย กองพลหมาป่า และทัพม้าเฟยฉี ซึ่งสามารถทำให้ชาวเซียนเป่ยต้องสั่นกลัว ผิดกับกองทัพในหยุนจงที่เพิ่งกะเกณฑ์เข้ามาใหม่ ทั้งยังไม่ใช่กองทัพชั้นยอด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากเผชิญหน้ากันในที่ราบ เพียงทหารม้าหมาป่าจำนวนหนึ่งพันก็สามารถโจมตีทหารของเมืองหยุนจงหมื่นกว่าคนจนแตกพ่ายยับเยินได้
"จำนวนนั้นไม่สำคัญ สำคัญที่คุณภาพ หน่วยทะลวงค่ายมีทหารเพียงแปดร้อยนาย แต่พวกเขาสร้างรับมือข้าศึกจำนวนหลายพัน ทัพเฟยฉีมีทหารอยู่สามพันนาย แต่ก็มีความกล้าที่จะบุกทะลวงเข้าไปในทัพจำนวนนับหมื่นของเซียนเป่ย หากติดขัดตรงที่ใด ซูจื้อก็สามารถไปขอคำชี้แนะจากแม่ทัพโกได้" ลิโป้กล่าวด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าในตอนนี้ ตันเตาจะยังไม่เป็นที่รู้จัก แต่เขาก็มั่นใจว่าสักวัน กองทัพที่ได้รับการฝึกฝนจากตันเตาจะต้องมีชื่อเสียงไม่แพ้หน่วยทะลวงค่าย
ตันเตากุมหมัดรับคำ เขารู้สึกชื่นชมโกซุ่นมานาน ทั้งยังเลื่อมใสวิธีการฝึกทหารของโกซุ่น ในฐานะแม่ทัพคนหนึ่งแล้ว เขาต้องรู้ว่ากองทัพของตนมีจุดอ่อนจุดแข็งอยู่ที่ใด ต้องศึกษาการจัดกระบวนทัพ ไพร่พลต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับกฏและข้อห้ามต่างๆเป็นอย่างดี เหล่านี้ก็คือสิ่งที่กองทัพชั้นยอดพึงมี
ทำไมจึงไม่สร้างกองทัพทหารราบที่เหมือนกับหน่วยทะลวงค่ายขึ้นมาเพิ่มน่ะหรือ? ไม่ใช่ว่าลิโป้ไม่ต้องการ เพียงแต่เขายังมีปัจจัยไม่เพียงพอ วิธีการฝึกทหารของแม่ทัพแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ต่อให้โกซุ่นจะมอบหน่วยทะลวงค่ายให้กับแม่ทัพคนอื่น ผลที่ได้ก็จะไม่เหมือนเดิม
กำแพงของเมืองหยุนจงยังคงเต็มไปด้วยรูพรุน เมื่อที่นอกเมืองมีกองทัพปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหันก็สร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนภายในเมืองทันที ทหารป้องกันเมืองรีบหยิบฉวยคันธนู ประตูเมืองพลันปิดสนิท เหล่าผู้ที่กำลังซ่อมแซมกำแพงเมืองอยู่ต่าก็รีบวิ่งลงจากกำแพง แม้ว่ากองทัพที่อยู่นอกเมืองจะชูธงกองทัพปิ้งโจว หากแต่แม่ทัพที่เฝ้าประตูเมืองอยู่ก็ไม่กล้าประมาท
โดยไม่รอให้ทหารบนกำแพงเมืองตะโกนถาม ตันเตาก็กระตุ้นม้าขึ้นหน้าก่อนจะตะโกนว่า "พวกเราเป็นกองทัพปิ้งโจว ใต้เท้าเจ้าเมืองอยู่ภายในกองทัพ โปรดเปิดประตูเมืองโดยเร็ว"
เมื่อซีเอ๋งได้ยินว่าใต้เท้าเจ้าเมืองมาที่นี่ เขาก็รีบวิ่งขึ้นไปบนกำแพงเมือง เมื่อได้เห็นลิโป้ เขาก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เป็นลิโป้ที่ทำให้เขาได้รับความรักจากชาวเมืองและมอบโอกาสให้กับเขาอีกครั้ง สำหรับแม่ทัพที่พ่ายศึกแล้วยังได้รับการใช้สอยใหม่นั้น เกรงว่าใต้หล้านี้คงมีอยู่ไม่มาก
หลังจากยืนยันตัวตนแล้ว ซีเอ๋งก็รีบสั่งให้เปิดประตูเมืองก่อนจะนำขุนนางในเมืองออกไปต้อนรับด้วยความกระตือรือร้น การปรากฏตัวของใต้เท้าเจ้าเมืองได้สร้างขวัญกำลังใจให้กับไพร่พลและชาวเมืองอย่างมาก แม้พวกเขาจะพ่ายแพ้จนต้องถอยร่นมาตั้งรับที่เมืองแห่งนี้ แต่พวกเขาก็ยังสามารถป้องกันเมืองหยุนจงและช่วยชีวิตผู้คนจำนวนหลายแสนให้รอดพ้นจากภัยพิบัติได้สำเร็จ
"ข้าน้อยไม่ทราบว่าใต้เท้าจะมา ดังนั้นจึงออกมาต้อนรับช้าไป ขอใต้เท้าโปรดอภัยให้ด้วย" ซีเอ๋งค้อมคารวะจรดพื้น
ลิโป้สามารถรู้สึกได้ถึงความจริงใจในน้ำเสียงของซีเอ๋ง ดูเหมือนการรุกรานจากชาวเซียนเป่ยจะทำให้แม่ทัพคนสำคัญของตั๋งโต๊ะผู้นี้ยอมรับใช้เขาทั้งใจแล้ว ลิโป้รีบลงจากหลังม้าก่อนจะประคองซีเอ๋งขึ้น "เจ้าเมืองซีเฝ้ารักษาเมืองหยุนจง ทำให้ชาวเซียนเป่ยต้องกลับบ้านไปมือเปล่า ทำให้ข้ารู้สึกตะลึงนัก ครั้งนี้ท่านทำให้ปิ้งโจวมีหน้ามีตาแล้ว"
"ข้าน้อยรู้สึกละอายใจยิ่งนัก มีตำบลถึงสามตำบลของหยุนจงที่ถูกพวกเซียนเป่ยปล้นฆ่าเผาทำลายไป" ซีเอ๋งกล่าวด้วยความละอายใจ
"นั่นไม่ใช่ความผิดของเจ้าเมืองซี" ลิโป้ถอนหายใจ "พวกเซียนเป่ยลงมือกระทันหันเกินไป อีกฝ่ายมีกำลังแสนกว่าคน การปกป้องเมืองหยุนจงนับว่าไม่ง่ายเลยจริงๆ"
ซีเอ๋งตาแดงขึ้นมาเล็กน้อย ในใจรู้สึกอบอุ่น "ใต้เท้า โปรดเข้าไปในเมืองก่อนเถอะขอรับ ผู้คนต่างก็เฝ้ารอการมาถึงของใต้เท้า"
แม้คำพูดนี้จะกล่าวเกินจริงไปบ้าง หากแต่เวลานี้นั้น ไม่มีผู้ใดคลางแคลงใจในความจริงใจที่ลิโป้มีต่อชาวปิ้งโจว ไม่เพียงแต่ภายในเมืองหยุนจงเท่านั้น หากแต่เป็นทุกเมืองที่รู้สึกขอบคุณลิโป้ ลิโป้กล้าทำลายกฏเกณฑ์ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมานับร้อยปีของเหล่าตระกูลใหญ่เพื่อราษฏรทั่วไป เพียงเรื่องนี้ก็สร้างความสำนึกขอบคุณให้กับชาวบ้านไม่รู้จบแล้ว
มีผู้คนปรากฏตัวขึ้นนับหมื่น หากแต่ภายในเมืองกลับไม่ได้ดูแออัดแต่อย่างใด
บ้านเรือนภายในเมืองแทบจะเรียกได้ว่าเหลือเพียงซาก กระนั้นชาวเมืองต่างก็รู้มีขวัญกำลังใจเมื่อได้เห็นกองทัพ นี่ก็คือกองทัพปิ้งโจว และที่สำคัญที่สุดก็คือ ใต้เท้าเจ้าเมืองยังอยู่ภายในกองทัพนี้ด้วย แม้จะไม่ทราบว่าใต้เท้าเจ้าเมืองคือคนไหน แต่นั่นก็ไม่ได้ปิดกั้นไม่ให้พวกเขารู้สึกเคารพเลื่อมใสต่อใต้เท้าเจ้าเมือง
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved