ตอนที่ 55 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ลิโป้ทราบว่าแผ่นดินกำลังจะวุ่นวาย ดังนั้นจึงต้องพยายามพัฒนาปิ้งโจวให้แข็งแกร่งมากที่สุด ในฐานะผู้ย้อนเวลากลับมาแล้ว เขาก็ย่อมต้องพึ่งพาข้อได้เปรียบของการล่วงรู้ประวัติศาสตร์เพื่อให้สามารถซื้อใจกุนซือและยอดขุนพลให้ได้มากที่สุด

ตอนนี้กุนซือที่ปรึกษาและแม่ทัพขุนพลเหล่านั้นยังไม่เป็นที่รู้จัก ขณะที่ปิ้งโจวก็นับว่ามีอิทธิพลอยู่ในระดับหนึ่ง เขาสามารถหว่านแหออกไป ขอเพียงรับสมัครยอดคนมาได้เพียงส่วนหนึ่งก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังเป็นการฝึกทหารหน่วยรบพิเศษไปด้วยในตัว เรื่องที่ได้ทั้งขึ้นทั้งล่องแบบนี้ มีหรือที่เขาจะไม่กระทำ

หลังจากปลอมตัวเสร็จแล้ว ลิโป้ก็พาเตียนอุยออกจากจิ้นหยาง ผ่านด่านหูกวน มาถึงซือลี่(มณฑลนครหลวง)อย่างเงียบๆ

ภายใต้การแก้ปัญหาอย่างรุนแรงของลิโป้ ที่ปิ้งโจวก็ไม่มีผู้ใดกล้าก่อปัญหาขึ้นอีก อ้วนเสี้ยวเพิ่งยึดครองกิจิ๋ว ยังต้องจดจ่ออยู่กับการทำให้กิจิ๋วเกิดความมั่นคง ขณะที่กองซุนจ้านก็มีความสัมพันธ์อันดีกับเขา และอิงจากการพัฒนาในปัจจุบันของปิ้งโจวแล้ว ต่อให้เขาไม่อยู่สามเดือนก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด มิหนำซ้ำเมืองจิ้นหยางเวลานี้ยังมีไพร่พลเฝ้ารักษาการณ์อยู่เกือบสี่หมื่นนาย แม้ว่าสามหมื่นนายจะเพิ่งฝึกฝนได้ไม่นาน แต่ก็มีความสามารถเพียงพอจะป้องกันเมืองแล้ว

"นายท่า....คุณชาย พวกเราลอบออกมาเช่นนี้ หากตระกูลใหญ่พวกนั้นรู้เข้าจะไม่แย่เอาหรือขอรับ?" เตียนอุยถามเสียงเบา

"เพ้ย คิดว่าข้าคิดไม่ได้อย่างนั้นรึ?" ลิโป้ในชุดขาวยิ้มกล่าว

"นาย...คุณชายโปรดอย่าหัวเราะเยาะข้า ที่ข้ากล่าวก็เป็นเรื่องจริงนี่นา ตระกูลใหญ่พวกนั้นเคยเกือบจะบุกเมืองพวกเราแล้วนะขอรับ" เตียนอุยประท้วง

"ช่างเถอะ เจ้าก็อย่าคิดฟุ้งซ่านไป มีลิซกและโกซุ่นคอยดูแล ย่อมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว จำไว้ว่าอย่าได้เอ่ยถึงทางด้านนั้นอีก คุณชายผู้นี้มีศัตรูในฉางอันอยู่ไม่น้อย" ลิโป้เอ่ยเตือน

เพราะเชื่อมั่นในตัวลิโป้ เตียนอุยจึงได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ช่วงนี้เขาค่อนข้างเคร่งเครียด เจ้านายของเขาเป็นถึงผู้ครองเมือง แต่กลับปลอมตัวลอบเข้าไปในอาณาเขตของศัตรู ครั้งแรกที่ทราบเรื่องนี้ ขุนพลพยัคฆ์อย่างเตียนตุยยังถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก

ซือลี่เคยเป็นพื้นที่อันเจริญรุ่งเรืองของต้าฮั่น แต่ปัจจุบันสามารถพบเห็นผู้คนผิวเหลืองและตัวผอมบางได้ทุกหนทุกแห่ง หากเหล่าชาวเมืองที่ติดตามลิโป้ไปยังปิ้งโจวได้เห็นฉากนี้เข้า พวกเขาคงรู้สึกโชคดีที่ตัวเองตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด แม้ว่าตั๋งโต๊ะจะออกจากลั่วหยาง แต่เขาก็ได้ทำลายเมืองหลวงที่มีประวัติศาสตร์อย่างยาวนานของราชวงศ์ฮั่นไปด้วย ผู้คนต้องบ้านแตกสาแหรกขาด บ้างต้องร่อนเร่ บ้างก็ไปเป็นโจรเพื่อเลี้ยงชีพ บ้างก็หลบหนีไปไกลแสนไกล กอปรกับก่อนหน้านี้พวกโจรโพกผ้าเหลืองออกอาละวาดสร้างความเสียหายไว้ไม่น้อย ชาวบ้านต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความยากลำบาก หลายคนไม่ทราบด้วยซ้ำว่าตนจะได้อยู่เห็นตะวันในพรุ่งหรือไม่

"สุดท้ายประชาชนก็คือผู้รับผลกรรม" ลิโป้ทอดถอนใจ

"คุณชาย ผู้คนที่จิ้นหยางมีความเป็นอยู่ดีกว่าพวกเขามาก สองสามปีก่อนข้าเคยมาที่นี่ แต่ก็ยังไม่ย่ำแย่ถึงเพียงนี้" หลังจากได้คลุกคลีกับลิโป้อยู่พักหนึ่ง เขาก็รู้ว่าลิโป้เป็นคนที่คุยด้วยง่ายมาก ไม่ได้วางท่าเคร่งขรึมดังเช่นแม่ทัพขุนนางคนอื่นๆ

"เมื่อแผ่นดินวุ่นวาย ชีวิตมนุษย์ก็ไร้ค่าที่สุด ย้อนกลับไปช่วงกบฏโจรโพกผ้าเหลือง ถ้าไม่ใช่เพราะราษฏรสิ้นไร้ไม้ตอก หากพวกเขามีอาหารให้กิน มีเสื้อผ้าให้สวมใส่ แผ่นดินยังจะวุ่นวายได้อย่างไร"

"แม้ข้าน้อยจะเป็นคนหยาบกระด้าง แต่ก็ทราบว่าโจรเฒ่าตั๋งโต๊ะสมควรถูกก่นด่าจากผู้คนทั้งแผ่นดินแล้ว" เตียนอุยเตะก้อนหินเล่นราวกับเด็กพลางกล่าวด้วยความโกรธ

ลิโป้ถอนหายใจ "ไม่เพียงแต่ตั๋งโต๊ะ ในอนาคตเจ้าจะเข้าใจว่าผู้คนทั้งแผ่นดินมีแต่จะต้องทุกข์ทนมากขึ้น"

เตียนอุยฉีกยิ้ม วาจาของลิโป้นั้นมีน้ำหนักต่อเขายิ่ง ในใจก็อดที่จะรู้สึกกังวลแทนชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างเสียมิได้

บนเส้นทางจากลั่วหยางไปยังฉางอันสามารถพบเห็นผู้คนซึ่งไร้ที่อยู่ได้บ่อยครั้ง ทั้งยังสามารถพบเห็นโครงกระดูกของเหล่าชาวบ้านได้ไม่น้อยไปกว่ากัน

สิบลี้ไร้ซึ่งผู้คน ทั้งที่ความจริงแล้วที่นี่เคยเป็นพื้นที่ที่เคยเจริญรุ่งเรืองมาก่อน ดังนั้นย่อมสามารถจิตนาการได้ว่าพวกชาวบ้านต้องเผชิญหายนะแบบใดจึงทำให้กลายสภาพเป็นเช่นนี้ไปได้

ระหว่างทาง เตียนอุยก็ถอนหายใจอยู่หลายครั้ง

"พวกเจ้าสองคนหยุดเท้าและจ่ายค่าผ่านทางมาซะ" จู่ๆชายที่สวมใส่ผ้าพันคอสีเหลืองราวห้าหกคนก็ถืออาวุธพุ่งออกมาจากป่าข้างทาง

"กากเดนของโจรโพกผ้าเหลือง?" ลิโป้กล่าวขึ้นอย่างแปลกใจ

"เพ้ย! พวกเราเป็นนักรบที่ใต้ร่มธงของท่านขุนพลสวรรค์ต่างหาก พวกเจ้ารีบส่งของมีค่าออกมาจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นก็อย่าตำหนิว่าพวกข้าโหดเหี้ยมก็แล้วกัน" เมื่อโผล่ออกมา ผู้เป็นหัวหน้าก็พบว่าเตียนอุยและลิโป้ดูแข็งแกร่งกำยำ โดยเฉพาะเตียนอุยที่ดูดุร้าย ผู้เป็นหัวหน้าจึงเปลี่ยนเป็นตะคอกอย่างเย็นชาแทนการใช้กำลัง

มุมปากของลิโป้ปรากฏรอยยิ้มขบขัน แม้ทั้งห้าคนนี้จะแต่งตัวเป็นโจร แต่เกรงว่าด้วยผิวที่ซีดและกล้ามเนื้อที่แทบจะไม่มีนั่นแล้ว เพียงลมพัดผ่านวูบหนึ่งก็คงล้มคว่ำกันหมด เป็นโจรที่ดูแล้วน่าสงสารมากกว่าน่ากลัว

"คงใช้ชีวิตลำบากกันน่าดูสินะ?" ลิโป้แค่นเสียง

"ก...เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย?" เห็นแววตายิ้มเยาะของอีกฝ่าย ใบหน้าของหัวหน้าโจรก็เปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์

"อาเหวย ให้พวกเขาสิบตำลึง" ลิโป้พยักหน้าให้เตียนอุย

"นาย...คุณชาย พวกเขาเป็นโจรนะขอรับ" เตียนอุยยากจะทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้จริงๆ ก่อนที่เขาจะเข้าร่วมกับลิโป้ สองสิ่งที่เขาเกลียดชังมากที่สุดก็คือโจรโพกผ้าเหลืองกับตั๋งโต๊ะ

"เอาเงินมา" ลิโป้จ้องเตียนอุย

เตียนอุยดูขัดใจอยู่บ้างขณะที่หยิบเงินสิบตำลึงยื่นให้หัวหน้าโจร

"เพ้ย ส่งเงินมาทั้งหมดซะ!" เมื่อเห็นอีกฝ่ายดูมั่งคั่ง แววตาของหัวหน้าโจรก็ทอแววละโมบ

"อย่าได้คืบจะเอาศอกหน่อยเลย เงินจำนวนนี้เป็นความตั้งใจของผู้แซ่ลิ อย่าได้โลภเกินไป มิเช่นนั้นคงได้เห็นเลือด" กล่าวจบ ลิโป้ก็เดินจากไปโดยไม่สนใจโจรกลุ่มนี้อีก

"ฆ่ามัน!" ความปรารถนาของคนนั้นไร้ที่สิ้นสุด ภายใต้กลิ่นหอมหวลของเงินตรา แม้แต่ชาวบ้านที่ซื่อสัตย์ก็สามารถเปลี่ยนไปเป็นโจรได้

เตียนอุยแสยะยิ้มก่อนจะพุ่งตัวออกไปดุจพยัคฆ์ลงจากเขา หมัดของต่อยซ้ายต่อยขวา พริบตาเดียวโจรทั้งห้าก็ลงไปนอนหมดสภาพบนพื้นพลางครวญครางไม่หยุด

"คุณชาย เอาอย่างไรกับคนพวกนี้ดีขอรับ? ปล่อยไว้คงจะไปก่อเภทภัยที่อื่นอีก" แม้จะกล่าวด้วยท่าทางสบายๆ หากแต่ในแววตาปรากฏแววกระหายเลือดขึ้นมาจางๆ

"ท่านผู้กล้าทั้งสองโปรดไว้ชีวิตด้วย พวกเราเป็นชาวบ้านที่อยู่ละแวกนี้ แต่เพราะบ้านช่องถูกทำลาย พวกเราที่สิ้นไร้ไม้ตอกจึงต้องกระทำเรื่องเช่นนี้ พวกเราไม่กล้าทำอีกแล้วขอรับ" ได้ยินคำพูดของเตียนอุย ทั้งห้าก็ไม่สนใจความเจ็บปวดบนร่าง รีบหมอบกราบร้องขอชีวิต

"ชาวบ้านละแวกนี้? ที่นี่อยู่ห่างจากฉางอันเท่าใด?" ลิโป้ถาม

"คุณชายของข้าถาม พวกเจ้าก็รีบตอบ" เตียนอุยเตะหัวหน้าโจร

"เรียนท่านผู้กล้า ที่นี่อยู่ห่างจากฉางอันเป็นเวลาสามวันขอรับ แต่ที่ภูเขาด้านหน้าห่างออกไปราวสิบลี้มีกลุ่มผู้เข้มแข็งอาศัยอยู่ พวกท่านต้องระวังตัว"

"ผู้เข้มแข็ง? คนจำพวกเดียวกับพวกเจ้าน่ะรึ?" เตียนอุยตาเป็นประกาย โจรทั้งห้าอ่อนแอเกินไป เขายังไม่ทันได้ลงมืออย่างหนำใจเลย

"เรียนท่านผู้กล้า พวกเราเพียงแค่ขู่ขวัญผู้คนที่ผ่านทางมา แต่เจ้าพวกนั้นมีกันอยู่นับร้อย เที่ยวออกปล้นตามท้องถนน ทำเรื่องชั่วช้านานับประการ ในอดีตเคยมีขบวนพ่อค้าผ่านทางมา พวกมันก็ฆ่าบุรุษทั้งหมด ส่วนสตรีถูกจับไปบำเรอให้พวกมัน"

"อ้อ? เช่นนั้นแล้วทำไมพวกเจ้าไม่ไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้น?" ลิโป้ถาม

"พะ....พวกเราอ่อนแอเกินไป ก็เลย....." ยิ่งกล่าวก็ยิ่งเสียงเบาลง

ลิโป้รู้สึกขบขัน แค่มองดูก็รู้แล้วว่าที่อีกฝ่ายไม่รับเข้าพวกก็เพราะร่างกายของพวกเจ้าผอมแห้งเป็นไม้เสียบผีเสียขนาดนี้นี่นะ

"เอาล่ะ ต่อไปอย่าได้ทำเรื่องแบบนี้อีก เอาเงินแล้วไปซะ" ลิโป้โบกมือไล่

"ขอบคุณท่านผู้กล้า ขอบคุณท่านผู้กล้าทั้งสอง" โจรทั้งห้าคิดไม่ถึงว่าไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังได้รับเงินกลับไปด้วย พวกเขารีบหยิบเงินก่อนจะรีบหนีหายเข้าไปในป่า