เมื่อทหารม้าอูหวนเผชิญกับการพุ่งจู่โจมของทหาร้มาเฟยฉี พวกเขาก็ได้แต่ตัวสั่นกลัว ธงรูปเหยี่ยวบินของทัพม้าเฟยฉีนั้นมีอำนาจมากเกินไป ความน่าพรั่นพรึงของมันเป็นสิ่งที่ทหารม้าขาวในอดีตเทียบไม่ติด
เมื่อทหารม้าเฟยฉีจำนวนหนึ่งพันเข้าสู่สนามรบ สถานการณ์ฆ่าล้างอยู่ฝ่ายเดียวก็บังเกิด
เมื่อเห็นว่าไม่อาจทำอะไรได้แล้ว งันเหลียงที่หน้าบึ้งตึงก็สั่งให้ถอยทัพ เขาไม่มีความมั่นใจที่จะเอาชนะทหารม้าเฟยฉีอยู่เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าบัดนี้ในสนามรบยังมีขุนพลพยัคฆ์อย่างลิโป้และจูล่งอยู่ด้วย เพียงเผชิญหน้ากับจูล่ง โอกาสชนะของเขาก็มีไม่มากแล้ว ยิ่งหากว่าทั้งสองจับมือกัน เขาก็จะตกอยุ่ในอันตรายทันที
เมื่อเห็นทหารม้ากิจิ๋วต่างพากันล่าถอย ลิโป้ก็ไม่ได้นำทัพม้าตามตี บัดนี้ทัพกิจิ๋วยึดครองอำเภอจี้ไว้อย่างเบ็ดเสร็จแล้ว ขณะที่ข้างกายเขามีทหารม้าเฟยฉีเพียงหนึ่งพัน อีกทั้งอ้วนเสี้ยวยังมีไพ่ตายที่ไว้ใช้จัดการกับทหารม้าอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่อาจบุ่มบ่ามบุกเข้าไป
"จูล่ง ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?" ลิโป้ลดทวนลงก่อนจะหันมาถามจูล่งด้วยความกังวล
"พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวล ข้าไม่เป็นอะไร แต่ใต้เท้าเถียนได้รับบาดเจ็บ" จูล่งกล่าว
"ใต้เท้าเถียน?" ลิโป้เลิกคิ้ว
"เป็นเถียนยู่ ใต้เท้าเถียน" จูล่งตอบ
ได้ยินคำตอบ ลิโป้ก็ตาเป็นประกาย เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของเถียนยู่มาก่อน คนผู้นี้มีชื่อเสียงไม่น้อยเลย นับเป็นผู้มีความรู้ความสามารถคนหนึ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่ตีฝ่าออกมา จูล่งจะยังพาเขาออกมาด้วย นับว่าสร้างความลิงโลดแก่ลิโป้ยิ่ง สามารถยื่นมือเข้าช่วยในห้วงวิกฤตเช่นนี้ การจะชักชวนให้เขาเข้าร่วมกับปิ้งโจวก็ยิ่งง่ายดายขึ้น
"มาทางนี้ รีบมารักษาบาดแผลให้ใต้เท้าเถียน" ลิโป้รีบออกคำสั่ง
"แล้วก็สหายทหารม้าขาวทั้งสองนี้ด้วย ดูแลพวกเขาให้ดี"
เพียงมองพาหนะปราดเดียวก็ทราบได้ทันทีว่าเป็นทหารม้าขาว หากแต่ทั่วร่างของทหารม้าขาวทั้งสองเวลานี้เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด แม้แต่ม้าขาวที่ขี่ก็แทบจะถูกย้อมให้กลายเป้นสีแดง
ได้ยินเช่นนั้น ในใจของจูล่งก็บังเกิดความอบอุ่น หลังจากตีฝ่าวงล้อมครั้งแล้วครั้งเล่า ทหารม้าขาวที่เหลือก็มีเพียงแค่พวกเขาทั้งสอง กล่าวได้ว่า ทอดตาทั่วทั้งแผ่นดินเวลานี้ ทหารม้าขาวที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่สองคน
ทหารม้าเฟยฉีสามคนกระตุ้นม้าเข้ามา พวกเขาเป็นทหารที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ขณะเดียวกันก็กล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นแพทย์สนาม สามารถจัดการบาดแผลที่ไม่สาหัสมากได้ ในยุคอาวุธเย็นเช่นนี้ ทหารส่วนใหญ่มักจะตายจากบาดแผลที่เกิดจากคมหอกคมดาบ นั่นก็เพราะพวกเขาไม่ได้รับการปฐมพยาบาลอย่างทันท่วงที ต่อให้โชคดีมีชีวิตรอดไปได้ พวกเขาก็จะกลายเป็นคนพิการ
หลังจากทหารม้าเฟยฉีถูกส่งตัวเข้าไปศึกษาที่ศูนย์การแพทย์ภายในเมืองจิ้นหยางเป็นระยะเวลาหนึ่ง เมื่อรวมกับเทคคนิคการปฐมพยาบาลที่ลิโป้สอนให้และการเตรียมยาจากหมอฮัวโต๋ โอกาสที่ทหารในกองทัพปิ้งโจวจะรอดชีวิตก็มีสูงยิ่งกว่ากองทัพใดๆ เพียงแต่การรักษาให้ทหารเช่นนี้ก็จะทำให้มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นบ่อยครั้งในสายตาของเจ้าเมืองแล้ว การปล่อยให้ทหารตายไปเป็นเรื่องธรรมดา สิ่งสำคัญก็คือการรักษาเฉพาะบุคคลระดับแม่ทัพขึ้นไป
เถียนยู่ที่หน้าตาซีดเซียวรีบประสานมือกล่าวว่า "ขอบคุณใต้เท้าลิ"
"ใต้เท้าเถียนไม่ต้องมากพิธี ทหารในกองทัพทำได้เพียงพยุงอาการเอาไว้ก่อน หลังจากไปถึงเมืองซ่างกู่แล้ว ข้าจะเชิญหมอมาตรวจรักษาใต้เท้าเถียน"
เถียนยู่มองดูลิโป้ด้วยความประหลาดใจ จากสายตาของอีกฝ่าย เขาก็สังเกตเห็นร่องรอยของความกระวนกระวายใจ ดังนั้นเถียนยู่จึงพยายามคาดเดาความคิดของลิโป้ บัดนี้ทัพปิ้งโจวเพิ่งยึดเมืองของอิวจิ๋วมาได้สองเมือง ดังนั้นจึงยังขาดแคลนขุนนางที่จะดูแลจัดการเมือง และตัวเถียนยู่เองก็ถือได้ว่ามีความคุ้นชินกับสถานการณ์ของอิวจิ๋วเป็นอย่างดี
นับตั้งแต่ที่จูล่งเรียกขานลิโป้ว่าพี่ใหญ่ สีหน้าของกองซุนซู่ก็ไม่สู้ดี ในใจลอบเกลียดตัวเองที่เหตุใดถึงไม่รู้เรื่องนี้ให้เร็วกว่านี้ จูล่งและลิโป้สาบานเป็นพี่น้องกัน ไม่แปลกใจว่าเหตุใดตอนที่เขาขอให้จูล่งอยู่ช่วยเหลือเขา จูล่งถึงบ่ายเบี่ยง ที่แท้ก็เพราะเหตุนี้เอง แม้แต่สายตาที่มองเถียนยู่ก็ยังเพิ่มความสงสัยขึ้นหลายส่วน
"จูล่ง ที่นี่ไม่เหมาะจะพูดคุย พวกเราไปจากที่นี่ก่อน" ลิโป้กล่าว
"พี่ใหญ่ ท่านนี้คือกองซุนซู่ บุตรชายของท่านกองซุนจ้าน ครั้งนี้ใต้เท้ากองซุนจ้านฝังร่างอยู่ในทะเลเพลิง มีพวกเราเพียงไม่กี่คนที่สามารถตีฝ่าวงล้อมออกมาได้" ทันใดนั้นจูล่งก็นึกได้ว่าที่นี่ยังมีกองซุนซู่อยู่ด้วย ดังนั้นจึงรีบเอ่ยแนะนำต่อลิโป้
"ที่แท้ก็ลูกชายของพี่โป๋กุยนี่เอง" ลิโป้หันไปมองกองซุนซู่ เขาสังเกตเห็นว่ามือของกองซุนซู่กำลังสั่นเทาเล็กน้อย ดังนั้นจึงยิ้มกล่าวว่า "ไม่ผิดแน่ บิดาพยัคฆ์ไม่มีบุตรสุนัข" สามารถมีชีวิตรอดอยู่ในสนามรบเช่นนี้ได้ แม้จะอยู่ภายใต้การอารักขาของจูล่ง แต่กองซุนซู่จะต้องมีฝีมือไม่ต่ำทรามแน่นอน
"คารวะใต้เท้าลิ" กองซุนซู่รีบประสานมือคำนับอย่างสุภาพ
"อืม" ลิโป้พยักหน้า จากนั้นจึงหันไปกล่าวกับเตียนอุยที่อยู่ด้านข้างเบาๆ "ส่งทหารออกไปเก็บกวาดสนามรบ จากนั้นเตรียมออกเดินทาง"
การเก็บกวาดสนามรบนั้นการเป็นความเคยชินของทัพม้าเฟยฉีไปแล้ว ถึงอย่างไรที่นี่ก็เคยมีการต่อสู้ระหว่างทหารม้ามาก่อน ดังนั้นย่อมมีม้าศึกที่ไร้เจ้าของกำลังเดินเตร่ไปทั่วสนามรบ การกวาดต้อนม้าศึกนั้นนำความยินดีมาให้พวกเขาเสมอ เมื่อมีม้าศึกไร้เจ้าของเพิ่มขึ้นมาหลายตัว พวกทหารก็สามารถนำอาวุธและชุดเกราะที่เก็บได้ให้พวกมันบรรทุก การเก็บกู้สิ่งของเหล่านี้ก็สามารถนับเป็นผลงานได้เช่นกัน
แม้กองซุนซู่จะรู้สึกได้ว่าท่าทีของลิโป้นั้นออกจะเย็นชาเล็กน้อย หากแต่เขาก็ไม่กล้ากล่าวอะไร ตอนนี้เขามาขออาศัยพึ่งพิงทัพปิ้งโจว อีกทั้งในมือของเขาก็ไม่เหลือทหารผู้ติดตามอีกแล้ว ดังนั้นจึงขาดอำนาจที่จะสามารถเอ่ยปากต่อลิโป้ได้
...............................
อ้วนเสี้ยวที่กำลังวางแผนจะไปปราบปรามความสงบในอำเภอและเมืองอื่นๆของอิวจิ๋ว เมื่อเขาได้รับข่าวว่าลิโป้นำทัพม้าปรากฏตัวขึ้นที่นอกเมือง เขาก็ตกใจมาก บัดนี้ทั่วทั้งแผ่นดินมีผู้ใดไม่ทราบบ้างว่าทหารม้าแห่งกองทัพปิ้งโจวก็คือกองทหารม้าที่เก่งกาจที่สุดในแผ่นดิน
"ส่งหน่วยสอดแนมทั้งหมดออกไปสืบหาข่าวเกี่ยวกับทหารม้าปิ้งโจว สั่งให้กองทัพเคลื่อนทัพออกจากเมือง ติดตามไล่ล่าทหารม้าเฟยฉี จับเป็นลิโป้ให้ได้!" อ้วนเสี้ยวรีบออกคำสั่ง จากนั้นจึงหันมาหางันเหลียง "แม่ทัพงันจะอธิบายสถานการณ์โดยละเอียด"
เหยียนโร่วร่างแข็งทื่อ เขาเคยได้ยินมาก่อนว่าทหารม้าเฟยฉีนั้นร้ายกาจปานใด แม้แต่ทหารม้าขาวที่ว่าห้าวหาญชาญศึกก็ยังคงด้อยกว่าทหารม้าเฟยฉีอยู่บ้าง นี่เป็นข้อสรุปที่ได้จากการวิเคราะห์ของบรรดาแม่ทัพของอิวจิ๋ว ทหารม้าอูหวนยังเทียบกับทหารม้าขาวไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงทัพม้าชั้นยอดอย่างทัพม้าเฟยฉี
"ข้าได้รับคำสั่งให้ไล่ติดตามกองซุนซู่ ขณะที่กำลังจะสังหารกองซุนซู่ได้นั้น จู่ๆทหาร้มาเฟยฉีก็ปรากฏตัวขึ้น ผู้ที่นำทัพมาคือลิโป้ เจ้าเมืองปิ้งโจว ทหารม้าของเราสู้ทหารม้าเฟยฉีไม่ได้ บาดเจ็บล้มตายอย่างหนัก ดังนั้นข้าจึงสั่งให้ล่าถอยก่อน" หลังจากงันเหลียงกล่าวจบ เขาก็มองอ้วนเสี้ยวด้วยความวิตก เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจทำภารกิจที่อ้วนเสี้ยวมอบหมายได้สำเร็จ
อ้วนเสี้ยวดูเหมือนจะบังเกิดความสนใจเรื่องที่จู่ๆทหารม้าเฟยฉีก็ปรากฏตัวขึ้น "ลิโป้นำทหารม้าเฟยฉีปรากฏตัวขึ้นห่างจากเมืองจี้เพียงสามสิบลี้เช่นนี้ เขามีเจตนาใด?"
"ท่านทราบหรือไม่ว่าหทาร้มาเฟยฉีที่เขานำมาด้วยมีจำนวนเท่าใด?" อ้วนเสี้ยวถาม
"เพราะมันมืดมาก ข้าน้อยเลยมองเห็นไม่ชัด แต่คาดว่าจะมีประมาณหนึ่งพันขอรับ" งันเหลียงกะประมาณจากความรู้สึก
"ทหารม้าเฟยฉีหนึ่งพัน?" อ้วนเสี้ยวพึมพำ
"นายท่านไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับทหารม้าเฟยฉี แม้แต่ทหารม้าขาวที่มีชื่อเสียงกึกก้องยังถูกทำลายลงด้วยทหารเซียนเติง ที่นายท่านควรให้ความสนใจเวลานี้คือการส่งทหารไปปราบปรามความสงบและทำให้อิวจิ๋วมั่นคงโดยเร็วที่สุด" เขาฮิวก้าวออกมากล่าว
"ต่อให้กองซุนซู่จะหนีไปได้ แต่นั่นก็หาได้ส่งผลกระทบใดไม่"
อ้วนเสี้ยวส่ายหัว การปรากฏตัวครั้งนี้ของลิโป้ค่อนข้างผิดปกติ พลังรบของทหารม้าเฟยฉีเป็นที่เลื่องลือทั่วแผ่นดิน เขาไม่คิดว่าลิโป้จะยกทัพมาเพียงเพราะต้องการช่วยเหลือกองซุนจ้าน เพราะหากว่าลิโป้ต้องการจะช่วยกองซุนจ้านจริงๆ เขาคงเคลื่อนทัพมาที่อำเภอจี้นานแล้ว ใยยังต้องรอคอยจนถึงตอนนี้?
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved