ตอนที่ 281 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ซัวเอี๋ยมพยายามดึงมือเขาออก ใบหน้าของนางแดงสดใสขณะที่กล่าวว่า "น้องสาวทั้งสองยังอยู่ที่นี่"

ลิโป้ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยิ้มอย่างเขินอาย เขารีบจัดแต่งเสื้อผ้าให้เข้าที่และรีบหนีออกจากห้องไป เขาได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากภายในห้อง ในใจได้แต่ลอบทอดถอนใจ "ดูเหมือนการมีผู้หญิงมากจะไม่ใช่เรื่องดี พลาดโอกาสดีๆไปซะแล้ว"

หลังจากมาถึงจวนเจ้าเมือง กุยแกก็คารวะทักทาย เมื่ออยู่ต่อหน้าลิโป้ เขาไม่ได้รักษาท่าทีอย่างเคร่งครัดเหมือนกับกาเซี่ยง บางครั้งยามสนทนายังดูผ่อนคลายเป็นกันเองกว่า "เมื่อคืนนายท่านหลับสบายดีหรือไม่ขอรับ?"

ลิโป้ถลึงตาใส่กุยแก เมื่อวานนี้ เป็นกุยแกที่เป็นหัวโจกจนนำไปสู่การที่แม่ทัพขุนนางของปิ้งโจวพากันเข้ามาคารวะสุราให้กับเขาไม่ได้หยุด คำพูดของเหล่าขุนนางบุ๋นทำให้เขายากจะปฏิเสธบอกปัด และเผชิญกับสายตาที่คาดหวังของเหล่าแม่ทัพบู๊เขาก็ได้แต่ต้องไว้หน้า ดีที่สุราที่ดื่มไปเมื่อวานนั้นไม่ใช่สุราจิ้น มิเช่นนั้นป่านนี้เขาคงยังไม่สร่างเมาด้วยซ้ำ

กุยแกชะงักก่อนจะกล่าวขออภัย ลิโป้แต่งงาน เหล่าแม่ทัพขุนนางในปิ้งโจวล้วนตื่นเต้นยินดี เขาก็ต้องกามให้ลิโป้ดื่มเพื่อเฉลิมฉลองให้กับทั้งหมดสักหน่อย ผู้ใดจะทราบเล่าว่าทั้งหมดจะพากันไปคารวะสุราลิโป้โดยไม่หยุดพัก ทำให้สุดท้ายลิโป้เมามายในคืนวิวาห์ มีหรือที่เขาจะไม่ทราบว่าตอนนี้ลิโป้มีอารมณ์เป็นเช่นไร

"นายท่าน จิวยี่ ทูตตัวแทนจากกังตั๋ง ซี่จื่อไฉ ทูตตัวแทนจากกุนจิ๋ว เก๊งอวด ทูตตัวแทนจากเกงจิ๋ว และหม่าอวี้ ทูตตัวแทนจากเองจิ๋วมาขอเข้าพบขอรับ" กุยแกกระซิบบอก

ลิโป้ตกตะลึงเมื่อได้ยิน หม่าอวี้ซึ่งเป็นทูตตัวแทนจากเองจิ๋วนั้นไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก ทว่าอีกสามคนที่เหลือล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงในหน้าประวัติศาสตร์ จิวยี่เป็นกระดูกสันหลังของกังตั๋ง ซี่จื่อไฉเป็นกุนซือรุ่นแรกของโจโฉ ขณะที่เก๊งอวดก็มาจากตระกูลเก๊งทรงอิทธิพลในเกงจิ๋ว หากสามารถดึงตัวทั้งสามคนมาเข้าร่วมได้ คิดพิชิตกุนจิ๋ว เกงจิ๋ว และกังตั๋งก็ไม่ใช่เรื่องยากอีก แน่นอนว่าลิโป้ก็ทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น น่าเสียดายที่คิดดึงตัวพวกเขามานั้นยากเย็นยิ่ง

"เช่นนั้นให้ทูตจากกังตั๋งเข้ามาก่อน แล้วก็ส่งคนไปเชิญเหวินเหอมาด้วย จิวยี่ผู้นี้เป็นผู้ที่มีสติปัญญาสูง ไม่อาจประมาทได้" ลิโป้กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาไม่ต้องการเสียรู้ให้จิวยี่

เมื่อเห็นสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจังของลิโป้ กุยแกก็เพิ่มความตื่นตัวขึ้นอีกหลายส่วน

เมื่อได้พบกับจิวยี่ ลิโป้ก็อดมองประเมินโดยละเอียดไม่ได้ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเขาถึงมีชื่อว่า "โจวหลางแห่งกังตั๋ง" เพียงรูปร่างหน้าตาของเขาก็หล่อเหลามากแล้ว เมื่อได้แต่งกายด้วยชุดขุนนางทางการก็ยิ่งขับเน้นให้เขาดูสง่างามอยิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเขาดูเฉียบคมดั่งผู้ทรงปัญญา เป็นดวงตาที่ราวกับจะอ่านทะลุไปถึงความคิดของผู้ถูกจ้องมอง

"ทูตตัวแทนจากกังตั๋ง คารวะจิ้นโหว" จิวยี่คารวะอย่างสุภาพ

ลิโป้นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า "ใต้เท้าจิว เชิญนั่ง"

ในใจจิวยี่รู้สึกไม่ค่อยพอใจสักเท่าใด จากน้ำเสียงของลิโป้ เขาก็รู้สึกถึงความเฉยชาได้อย่างชัดเจน "เนื่องด้วยงานแต่งของจิ้นโหว นายท่านจึงให้ข้าน้อยเป็นตัวแทนมาแสดงความยินดีต่อท่าน"

"เช่นนั้นคงต้องขอบคุณน้ำใจของแม่ทัพซุนแล้ว ขอบังอาจถามใต้เท้าจิว ยามนี้กังตั๋งสงบสุขแล้วหรือไม่?" ลิโป้เอนตัวไปข้างหน้าพลางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

จิวยี่ตอบด้วยรอยยิ้มว่า "เรียนจิ้นโหว นายท่านของข้าน้อยมากความสามารถ ดังนั้นจึงสามารถทำให้กังตั๋งสงบมั่นคงได้โดยไม่มีปัญหา"

เขาพอจะเข้าใจบ้างแล้วว่าทำไมลิโป้ถึงมีท่าทีเฉยชาต่อเขา ในอดีตนั้น ซุนเกี๋ยนเคยขอซื้อม้าศึกจากกองทัพปิ้งโจวจำนวนห้าร้อยตัว หากแต่จนกระทั่งถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่ได้จ่ายเงิน ครั้งนั้นพวกเขาตกลงกันว่าหลังจากซุนเกี๋ยนกลับไปถึงกังตั๋งแล้วก็จะจัดส่งเงินทองมา มิคาด กลับไปถึงกังตั๋งได้ไม่ทันไร ซุนเกี๋ยนก้ถูกเล่าเปียวซุ่มโจมตีจนถึงแก่ความตาย แม้กระทั่งก่อนตาย ซุนเกี๋ยนก็ยังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าไม่เพียงแต่ซุนเกี๋ยนจะไม่ลืมเท่านั้น แม้แต่ช่วงวาระสุดท้ายของชีวิตก็ยังติดใจในเรื่องนี้

"แม่ทัพซุนห้าวหาญ ย่อมต้องสามารถทำให้กังตั๋งสงบมั่นคง ในอดีตนั้น พี่เหวินไถเคยขอซื้อม้าศึกจากปิ้งโจวไปห้าร้อยตัว บอกว่าหลังจากกลับไปถึงกังตั๋งแล้วจะให้คนจัดส่งเงินและเสบียงมาให้ ผู้ใดจะทราบเล่าว่าพี่เหวินไถจะโชคร้าย ต้องจบชีวิตลงไปเสียก่อน ทำให้เงินจำนวนนั้นไม่เคยถูกส่งมายังปิ้งโจว ไม่ใช่ว่าปิ้งโจวนั้นสนใจในเงินและเสบียงเหล่านี้ แต่นี่ก็เป็นการคิดเผื่อกังตั๋ง ดั่งคำกล่าวที่ว่า ผู้ที่ตระบัดสัตย์จะไม่มีที่ยืน หากผู้คนทราบว่าชาวกังตั๋งไม่รักษาสัญญา ในอนาคต ผู้ใดยังจะกล้าติดต่อค้าขายกับกังตั๋งอีก?" ลิโป้กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

จิวยี่ขมวดคิ้วเบาๆ จากนั้นจึงกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มว่า "ที่จิ้นโหวกล่าวมาก็ถูกต้องแล้ว นายท่านเองก็มักจะเอ่ยถึงเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ ก่อนที่นายท่านใหญ่จะจากไป ท่านก็คิดแต่จะชดใช้เงินที่ติดค้างให้กับปิ้งโจวโดยเร็ว"

"ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ขอบังอาจถามใต้เท้าจิว เงินและเสบียงนั้นจะมาถึงปิ้งโจวเมื่อใด?" กาเซี่ยงที่นิ่งเงียบมาตลอดพลันเอ่ยถามขึ้น

ใบหน้าของจิวยี่ชะงักค้างเล็กน้อย "กังตั๋งถึงจิ้นหยางมีระยะทางยาวไกล อีกทั้งในระหว่างทางยังมีโจรป่าโจรเขาชุกชุม ดังนั้นจึงกลัวว่าจะสูญเสียเงินและเสบียงไปในระหว่างทาง"

กาเซี่ยงแค่นเสียงเย็น "เหลวไหล กองทัพกังตั๋งเข้มแข็งเกรียงไกร มีหรือจะหวั่นเกรงโจรเล็กโจรน้อย เมื่อมีกองทหารคุ้มกันขบวน โจรภูเขามีหรือจะกล้าลงมือ?" กาเซี่ยงที่มักรักษาท่าทีมาตลอดยังอดกล่าวออกมาไม่ได้ เขารู้สึกว่าจิวยี่นี้กำลังตีรอบๆพุ่มไม้[1] เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาแล้ว มีหรือจะมองอุบายเล็กน้อยนี้ไม่ออก

[1 พูดอ้อมค้อม พูดไม่ตรงประเด็น]

"เหวินเหอ ฟังใต้เท้าจิวอธิบายก่อนเถอะ" ลิโป้มองจิวยี่อย่างขบขัน จิวยี่เป็นทูตตัวแทนจากกังตั๋ง หากเขายังรั้งอยู่ในปิ้งโจวโดยไม่ได้กลับไปในทันที แสดงว่ามีความคิดอ่านอยู่ มิเช่นนั้นพวกเขาคงรีบเผ่นหนีไปนานแล้ว

จิวยี่ครุ่นคิด จากนั้นจึงค่อยๆกล่าวขึ้นว่า "ไม่ใช่ว่านายท่านของข้าน้อยไม่ต้องการจะชดใช้เงิน เพียงแต่ต้องการจะเจรจาอีกธุรกิจหนึ่งกับปิ้งโจว"

"ม้าศึกของปิ้งโจวนั้นยอดเยี่ยมยิ่ง นายท่านของข้าน้อยต้องการจะซื้อม้าศึกอีกหนึ่งพันตัว เมื่อม้าศึกถูกส่งไปถึงกังตั๋งแล้ว เงินที่ติดค้างเอาไว้จต้องจ่ายคืนอย่างแน่นอน"

ลิโป้แค่นเสียงกล่าวว่า "หากว่าปิ้งโจวไม่ยอมขายม้าศึกให้กังตั๋งอีก ก็แสดงว่าจะไม่ได้หนี้เก่าที่เคยติดค้างแล้ว?"

จิวยี่กุมมือกล่าวว่า "จิ้นโหว กังตั๋งเราไม่ทำเช่นนั้นแน่นอน ต่อให้ปิ้งโจวไม่ได้ขายม้าศึกอีกชุดให้กังตั๋ง กังตั๋งก็จะชดใช้เงินที่เคยติดค้างอย่างแน่นอน"

หลังจากกล่าวเช่นนี้แล้ว ไม่เพียงแต่ลิโป้ แม้แต่ตัวจิวยี่เองก็ยังไม่เชื่อถือ ในตอนแรกนั้น ซุนเซ็กคิดจะชดใช้หนี้ที่เคยติดค้างเอาไว้จริงๆ แต่ก็เป็นเขาที่ทัดทานเอาไว้ ครั้งนี้ หากได้รับม้าศึกอีกหนึ่งพันตัว สิ่งที่เขาจะทำก็คือส่งเงินที่เคยติดค้างค่าม้าศึกห้าร้อยตัวแรกให้กับปิ้งโจว สำหรับม้าศึกชุดหลังจำนวนหนึ่งพันตัวนั้น เขาย่อมต้องขอผลัดผ่อนไปก่อน ซึ่งมีเหตุผลให้หยิบยกมาใช้ได้มากมาย อาทิเช่น ต้องขอตรวจสอบม้าศึกก่อน เปป็นต้น ไม่ว่าข้ออ้างใดก็สามารถล้วนนำออกมาใช้ สามารถรับม้าศึกหนึ่งพันห้าร้อยตัวด้วยการจ่ายราคาของม้าศึกเพียงห้าร้อยตัว ไฉนจึงจะไม่ทำ? ส่วนความจริงที่ว่าเรื่องนี้จะเป็นการดึงดูดความแค้นจากกองทัพปิ้งโจวอันเข้มแข็งเกรียงไกรหรือไม่นั้น กองทัพกังตั๋งเองก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน นอกจากนี้ ปิ้งโจวและกังตั๋งยังอยู่ห่างกันไกล แม้แต่ลิโป้ก็ต้องรู้สึกจนปัญญา

"หากกังตั๋งสามารถจ่ายคืนหนี้ค่าม้าศึกห้าร้อยตัวก่อนได้ตอนนี้ ปิ้งโจวก็จะขายม้าศึกให้กังตั๋งต่อไปแน่นอน มิเช่นนั้นต่อให้ซุนเหวินไถมาด้วยตนเอง เขาก็จะไม่มีวันได้ม้าศึกจากปิ้งโจวอีก"

หลังจากที่ฟังกาเซี่ยงกระซิบอธิบายแล้ว ลิโป้ก็เดือดดาลมาก จิวยี่ผู้นี้เจ้าเล่ห์กลับกลอกเกินไปแล้ว ดีที่ไปเชิญกาเซี่ยงมาด้วยเสียก่อน มิเช่นนั้นคงหลงกลจิวยี่ไปแล้ว

จิวยี่ตระหนักได้ว่าที่ปรึกษาข้างกายของลิโป้สามารถมองความตั่งใจของเขาออก แต่เขาไม่ได้สนใจ เขาเดินทางมายังปิ้งโจวครั้งนี้ในฐานะทูตตัวแทนของกังตั๋ง ถึงอย่างไรยามที่เหล่าเจ้าเมืองรวมกำลังกันปราบตั๋งโต๊ะ ทุกคนก็ทราบดีว่าลิโป้เคยช่วยชีวิตซุนเกี๋ยนเอาไว้

"ในเมื่อจิ้นโหวไม่เต็มใจจะขาย ข้าน้อยคงต้องขอตัวอำลากลับไปยังกังตั๋งก่อน" จิวยี่กุมมือกล่าว

ดวงตาของลิโป้ฉายแววสงสัย จากคำพูดของจิวยี่ เขาก็รู้สึกถึงความจริงใจของกังตั๋ง เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาตั้งใจจะจ่ายเงินหลังจากได้ม้าศึกจริงๆ เป็นกาเซี่ยงที่เข้าใจผิดไป?